ด้านพริมาหลังจากเข้ามาภายในบ้านแล้วก็ทักทายมารดาของชายคนรักทันที แต่ยังไม่ทันได้คุยกันมาก รพีพัฒน์ก็เดินตามเข้ามาพร้อมทั้งมองค้อนทั้งแฟนสาวและมารดาตนทันที
“มองแม่แบบนี้หมายความว่ายังไงกันตาพี นี่แกหวงน้องกับแม่เหรอ ฉันเป็นแม่แกนะ!”
“แต่คนที่แม่กอดอยู่เป็นแฟนผมนะครับ!” ชายหนุ่มประท้วงเล็กน้อย รู้ว่าเป็นแม่แต่มันก็อดหวงไม่ได้ ก็ใครใช้ให้แฟนเขาน่ารักน่าเอ็นดูขนาดนี้กันเล่า มันก็เป็นธรรมดาที่เขาจะหวงเอาไว้กอดไว้หอมคนเดียว...
คุณรพีกลอกตามองบนเล็กน้อยให้กับความขี้หวงของบุตรชาย นิสัยแบบนี้คงเอามาจากใครไม่ได้นอกจากคุณพิพัฒน์บิดาของชายหนุ่มเอง “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเถอะ เหมือนพ่อแกไม่มีผิด”
“อ้าวคุณ! เกี่ยวอะไรกับผมล่ะ ผมอยู่ของผมดี ๆ นะ” คุณพิพัฒน์ถามอย่างไม่เข้าใจ ซึ่งคุณรพีก็ตอบกลับไปทันทีว่า “ไม่รู้แหละ คุณเป็นพ่อลูกกันก็ต้องเหมือนกันนั่นแหละ ถูกแล้ว”
“แต่ผมก็ลูกแม่เหมือนกันนะครับ”
“หยุด! ฉันบอกว่าแกเหมือนพ่อของแกก็ต้องเหมือนสิ ฮึ่ม! หงุดหงิดจริง ๆ ไม่น่ารักว่าง่ายเหมือนหนูพริมของฉันเลย” คุณรพีพูดเสียงเขียวใส่บุตรชายก่อนหันมาทำเสียงเล็กเสียงน้อยกับว่าที่ลูกสะใภ้อย่างพริมา
“ว่าแต่ว่าหนูพริมลูก ช่วงนี้หนูไม่ค่อยมาหาแม่เลยนะ มีปัญหาอะไรหรือเปล่าลูก ถ้ามีอะไรบอกแม่ได้นะ แม่ช่วยได้เต็มที่”
“พริมไม่มีปัญหาอะไรค่ะคุณแม่ พอดีช่วงนี้พริมยุ่ง ๆ เรื่องโปรเจกต์ใหม่ของบริษัทน่ะค่ะ นี่ก็เพิ่งมีเวลาว่าง คาดว่าถ้าทุกอย่างไม่ผิดพลาดพริมก็จะได้พักแล้วละค่ะ ช่วงนี้พี่พีก็งอแงเหลือเกินค่ะคุณแม่ บอกว่าพริมไม่สนใจ ไม่มีเวลาให้อยู่บ่อย ๆ” พริมาอธิบายพร้อมฟ้องเล็กน้อยที่ถูกคนตัวโตงอแงใส่
“ก็มันจริงนี่นา ช่วงนี้พริมไม่มีเวลาให้พี่จริง ๆ เดือนนี้เราเจอกันไม่กี่ครั้งเองนะครับ”
“ตอนนี้พริมก็ว่างให้พี่พีแล้วนี่คะ”
“แค่ไม่กี่วันเท่านั้น อาทิตย์ที่แล้วพริมไปทำงานที่ต่างจังหวัดทั้งอาทิตย์เราไม่เจอกันเลยนะครับ ได้แค่โทรคุยกันแป๊บ ๆ ก็วางสายแล้ว ยังไม่ทันได้หายคิดถึงเลย พอตอนนี้พริมว่างก็ได้อยู่กับพี่แค่สามวัน วันนี้คุณแม่ก็มาแย่งพริมไปจากพี่อีก พี่ยังอยู่กับพริมไม่หนำใจเลยนะ ไม่สงสารพี่เหรอครับ” รพีพัฒน์พูดด้วยความน้อยใจ ถึงจะเข้าใจหน้าที่การงานของหญิงสาว แต่ว่ามันก็ห้ามความรู้สึกไม่ได้อยู่ดี นอกเหนือจากความน้อยใจคือเขาเป็นห่วงสุขภาพของหญิงสาว เพราะช่วงระยะเวลาสองสามเดือนให้หลังมานี้ เจ้าตัวทำงานหนักมากจริง ๆ เขาจึงอยากให้เธอมีเวลาบ้างจะได้พักผ่อนให้เต็มที่
พริมาได้ยินน้ำเสียงและสีหน้าของชายหนุ่มแล้วถึงกับใจอ่อนยวบ ทั้งเห็นใจแล้วก็เอ็นดูในเวลาเดียวกัน พี่พีของเธอก็เป็นแบบนี้ ขี้อ้อน ขี้น้อยใจ แต่ก็ไม่งี่เง่า ทั้งยังเข้าใจและห่วงใยเธอที่สุด
“ทนอีกหน่อยนะคะ อย่างที่พริมบอกถ้าโปรเจกต์ที่ว่าไม่มีอะไรผิดพลาด พริมสัญญาว่าพริมจะมีเวลาอยู่กับพี่พีเป็นเดือนเลยค่ะ” พริมาพูดความจริง เนื่องจากว่าเธอทำเรื่องขอลาพักร้อนไว้แล้วหนึ่งเดือน ทั้งนี้ทั้งนั้นเธอจะหยุดพักร้อนได้ก็ต่อเมื่อโพรเจกต์ดังกล่าวไม่มีปัญหา
“พริมพูดจริงนะครับ”
“จริงสิคะ พริมเคยโกหกพี่พีเหรอ”
“พริมน่ารักที่สุด สัญญาแล้วนะครับ” ได้ยินคำยืนยันจากปากของหญิงสาวอาการคล้ายแมวถูกทิ้งก็ดี๊ด๊าเหมือนปลากระดี่ได้น้ำ[1] ขึ้นมาทันใด โดยมีบิดามารดากลอกตาเบะปากด้วยความหมั่นไส้กับการแสดงออกของบุตรชาย
“พอได้แล้วตาพี เหม็นกลิ่นความรัก ไปหนูพริม ไปกับแม่ดีกว่า วันนี้แม่ได้นิยายเล่มใหม่มา หนูพริมไปอ่านกับแม่นะลูก ปล่อยตาพีไว้กับพ่อเขานี่แหละ” คุณรพีไม่รอช้า คว้าข้อมือพริมาเดินออกจากห้องรับแขกไปยังสวนหลังบ้าน ที่ตนได้สั่งให้แม่บ้านจัดเตรียมทั้งของกินเล่น และเล่มนิยายที่ซื้อมาใหม่ไว้รอเรียบร้อยแล้ว
“เฮ้อ คุณแม่ขโมยแฟนผมไปอีกแล้วครับคุณพ่อ” ชายหนุ่มพูดพลางส่ายหน้า คุณพิพัฒน์พยักหน้ารับก่อนตัดบทว่า “ปล่อยแม่แกไปเถอะ อารมณ์จะได้ดี ๆ ฉันจะได้ไม่ต้องมานั่งปวดหัว เรามาคุยกันเรื่องงานดีกว่า”
“ครับ” จากนั้นชายหนุ่มต่างวัยสองพ่อลูกก็จมไปในเนื้อหาของธุรกิจที่ต่างฝ่ายต่างช่วยกันระดมแลกเปลี่ยนความคิดจนเวลาล่วงเลยถึงตอนเย็น
ทั้งสี่คนนั่งทานอาหารเย็นด้วยกันอย่างอบอุ่น แม่บ้านอิ่มมองภาพครอบครัวของเจ้านายด้วยรอยยิ้มเปี่ยมสุข นึกอยากให้
พริมาแต่งงานเข้ามาเป็นสมาชิกในครอบครัวเลิศเกียรติคุณเร็ว ๆ จะได้มีเจ้านายตัวน้อยสักหลายคนมาคอยวิ่งเล่นให้ชุ่มชื่นหัวใจ หากวันนั้นมาถึงคาดว่าภายในรั้วคฤหาสน์เลิศเกียรติคุณคงมีแต่เสียงหัวเราะและความครึกครื้นเต็มไปด้วยความสดใสมากกว่านี้แน่ ๆ[1] ปลากระดี่ได้น้ำ หมายถึง แสดงท่าทางดีใจจนเกินงาม
20:00 น. รพีพัฒน์กลับจากทำงานก็เข้ามาเห็นภรรยาสาวนั่งหน้าบูดอยู่ในห้องนอนเด็ก ซึ่งเป็นห้องว่างข้าง ๆ ห้องนอนพวกเขา ที่เอามารีโนเวทให้เป็นห้องนอนของลูก“เป็นอะไรครับ ทำไมนั่งหน้าบูดแบบนี้” ชายหนุ่มถามคนนั่งหน้าบึ้งอย่างสงสัยไม่รู้มีใครทำอะไรให้เธอไม่สบายใจหรือไม่พอใจ วันนี้คนสวยของเขาถึงได้อารมณ์ไม่ดีแบบนี้“ก็คุณพ่อคุณแม่สิคะ ซื้อของเล่นกับชุดเด็กมาอีกแล้ว พริมบอกว่าให้พอก่อน ๆ ดูสิคะเนี่ย เต็มห้องไปหมด ไม่รู้จะจัดการยังไงแล้ว” เจ้าตัวชี้ไปยังกองของเล่นที่เพิ่งมาใหม่สด ๆ ร้อน ๆ ที่วางอยู่มุมหนึ่งของห้อง รพีพัฒน์เลิกคิ้วแล้วมองตามมือขาวผ่องที่ตอนนี้เริ่มมีน้ำมีนวลมากกว่าแต่ก่อนก็เห็นจริงดังว่า เขาพรูลมหายใจออกจากปาก ห้ามพ่อแม่เขา? คงยาก! ยิ่งหลานคนแรกด้วยแล้ว หึหึ“ไม่ต้องมายิ้มเลยนะคะพี่พี พริมเครียดจะตายอยู่แล้วเนี่ย! ฮึก”เขาว่าอารมณ์คนท้องมักแปรปรวน รพีพัฒน์แจ่มแจ้งแก่ใจแล้ว ภายในหนึ่งวันเขาต้องปรับตัวรับกับอารมณ์แม่ของลูกอยู่ตลอด เดี๋ยวเศร้า เดี๋ยวยิ้ม เดี๋ยวร้องไห้ เดี๋ยวหัวเราะ ผสมปนเปกันไปหมด เช่นเดียวกับตอนนี้ “โอ๋ อย่าร้องสิครับ ไหนเครียดอะไร ไม่เห็นมีอะไรให้น่าเครียดเลย
“มีความสุขไหมคะ” พริมาเอ่ยถามคนที่ตระกองกอดเธออยู่ข้างหลัง มือบางกอบกุมมือใหญ่ที่โอบกอดเธอไว้ ขณะที่สายตาทอดมองไปยังทิวทัศน์เบื้องหน้า ชมความงามของธรรมชาติที่รังสรรค์ขึ้น ประเทศที่มีสีเขียวที่เธอชื่นชอบ ประเทศที่มีเทือกเขาเยอะที่สุดในโลก มองไปทางไหนก็งดงาม ประเทศสวิตเซอร์แลนด์“มีความสุขครับ” เสียงทุ้มตอบกลับก่อนกระชับกอดให้แน่นขึ้น พร้อมทั้งโน้มใบหน้าหอมแก้มนุ่มเข้าปอดฟอดใหญ่“ชอบไหมครับ ได้มาฮันนีมูนและพักผ่อนยังประเทศที่พริมชอบ”“ชอบสิคะ ชอบที่สุดเลย ขอบคุณนะคะ” หญิงสาวกล่าวตอบเสียงใสพาใจคนฟังชุ่มชื้น“หนึ่งปีที่ผ่านมามีอะไรเกิดขึ้นมากมายเหมือนกันนะครับ”“ใช่ค่ะ ทั้งงานทั้งคนวุ่นไปหมดเลย”“นั่นสิครับ ดีจังที่เราได้มาฮันนีมูนและพักผ่อนกันแบบนี้”“ใช่ค่ะดีมากเลย ที่นี่สงบมากเลยค่ะ วิวก็สวย พริมอยากอยู่ไปนาน ๆ เลย”“ได้เลยครับ หยุดตามวันที่เราแพลนไว้เลยเนอะ ความจริงเราควรมาฮันนีมูนกันตั้งนานแล้ว นี่อะไร แต่งงานกันมาสามเดือนแล้วเพิ่งจะได้มาฮันนีมูน”“อย่าบ่นสิคะ ช่วงนั้นเราสองคนงานยุ่งนี่นา คุณพ่อเพิ่งวางมือให้พี่อิงรับตำแหน่งประธานบริษัทแบบเต็มตัว แม้พริมจะไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับตำแหน่งบริ
หนึ่งปีผ่านไป... “ทุกอย่างเรียบร้อยดีไหม”“เรียบร้อยดีครับ”“ดี อย่าให้มีอะไรผิดพลาดละ”“ครับ”เสียงพูดคุยระหว่างออแกไนซ์และทีมงานดังขึ้นเป็นระยะให้ได้ยินอยู่เรื่อย ๆ เรียกได้ว่าแทบทุก 3 นาที 5 นาที ที่เป็นเเบบนี้เพราะว่างานนี้เป็นงานใหญ่ จึงไม่อยากให้มีอะไรผิดพลาด ทุกอย่างต้องออกมาสมบูรณ์แบบที่สุดซุ้มประตูดอกไม้ขนาดใหญ่สีขาวแซมสีชมพูที่อยู่หน้าประตู ถูกเซตเข้ากันอย่างลงตัว ตั้งแต่ทางเดินเข้าไปจนถึงเวทีปูด้วยพรมสีแดง ภายในห้องบอลรูมสุดหรูถูกตกแต่งไปด้วยไม้ดอกหลากสีนานาพรรณ โต๊ะแชมเปญทาวเวอร์จัดเรียงแก้วลดหลั่นกันมาดูงดงามหรูหราเข้ากับบรรยากาศของงานอย่างมาก โต๊ะเก้าอี้ต่างถูกจัดเรียงไว้อย่างลงตัว ข้างเวทีมีเครื่องดนตรีถูกติดตั้งไว้อย่างเพียบพร้อม และหากทอดสายตามองขึ้นไปบนเวทีจะเห็นชื่อของคนสองคนประดับไว้โดยมีรูปหัวใจอยู่ตรงกลาง‘รพีพัฒน์ พริมา’ ใช่แล้ว!วันนี้คือวันแต่งงานของรพีพัฒน์และพริมา วันคืนที่ชายหนุ่มเฝ้ารอมาเนิ่นนาน ในที่สุดก็มาถึงสักที! “โอ๊ย ๆ หุบยิ้มหน่อยเถอะพ่อคุณ ยิ้มจนปากจะฉีกแล้วนั่น” ภายในห้องวีไอพีของโรงแรมห้องหนึ่ง เสียงเย้าแหย่เอ่ยแซวของเพื่อนชายดังขึ้นหลายค
หนึ่งเดือนต่อมาจากคำขอร้องกึ่งบังคับของคนในครอบครัว ทำให้คุณเดชาใช้ชีวิตไม่ต่างไปจากคนปลดเกษียณ เขาหยุดงานเพื่อพักฟื้นร่างกายอยู่ที่บ้านนับตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาล เวลาว่างส่วนใหญ่ถ้าไม่ปลูกผักทำสวนก็จะทำกิจกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ช่วยให้จิตใจผ่อนคลายปลอดโปร่ง เพราะได้กำลังใจดี กำลังกายจึงดีตามไปด้วย สุขภาพของเขาจึงกลับมาแข็งแรงอย่างรวดเร็วกระนั้นคุณเดชาก็ยังไม่กลับไปทำงานที่บริษัทแต่อย่างใด เพราะหลังจากได้หยุดยาว มีเวลาให้ตัวเองมากขึ้น จึงคิดอะไรได้หลายอย่าง เริ่มคิดถึงบั้นปลายชีวิตที่เรียบง่ายแต่มีความสุข ชายวัยกลางคนจึงคิดอยากวางมือจากบริษัท แล้วหันมาใช้ชีวิตเรียบง่ายปลูกผักทำสวนอยู่ที่บ้านมากกว่างานบริษัทตอนนี้เขาจึงมอบหมายให้ลูก ๆ และผู้บริหารคนอื่น ๆ ดูแลรับผิดชอบ เพื่อว่าหากเขาวางมือจริง ๆ ขึ้นมาจะได้ไม่มีปัญหา ส่วนเรื่องงานที่สำคัญจริง ๆ คุณเดชาจะประชุมอยู่บ้าน เอกสารสำคัญตัวไหนที่เขาต้องเซ็น เลขาส่วนตัวก็จะนำมามอบให้ที่บ้านเช่นกัน กล่าวถึงเรื่องความสัมพันธ์ครอบครัว ระหว่างคุณเดชาและบุตรสาวทั้งสองนับว่าดีขึ้นเรื่อย ๆ ต่างฝ่ายต่างปรับตัวเขาหากัน แม้แรก ๆ พริมาจะมีอาการเกร็งและฝื
“พริม พ่อรู้ว่าความสัมพันธ์ของเราไม่ค่อยดี และพ่อก็ได้ทำร้ายจิตใจลูกมามาก แต่พ่อก็อยากบอกให้ลูกรู้ว่า พ่อรักลูกนะ รักไม่น้อยไปกว่าพี่สาวของลูกเลย แล้วพ่อก็อยากขอโทษ ขอโทษที่เข้มงวดกับลูกเกินไป ขอโทษที่ทำหน้าที่พ่อได้ไม่ดีพอ ขอโทษที่ให้ครอบครัวที่สมบูรณ์กับลูกไม่ได้ ขอโทษนะลูก พ่อขอโทษ” คุณเดชามองแผ่นหลังของบุตรสาวด้วยแววตาวูบไหว หน้าอกรู้สึกปวดแปลบเพราะหัวใจบีบรัดจนต้องยกมือขึ้นมากุมไว้ แต่ก็ยังฝืนพูดต่อว่า“มันอาจฟังดูเห็นแก่ตัว แต่พ่อขอโอกาสอีกสักครั้งได้ไหม ขอให้พ่อได้ทำหน้าที่พ่อที่ดี เป็นที่พึ่งพาแก่ลูกบ้าง สักครั้งก่อนตายก็ยังดี ลูกจะให้โอกาสพ่อได้ไหมพริมา” ไหล่บางสั่นน้อย ๆ ก่อนที่หยดน้ำตาจะกลิ้งหล่นลงบนใบหน้างาม ใจดวงน้อยสั่นระรัว เมื่อได้ยินคำว่ารักและคำขอโทษ ที่เธอเฝ้ารอออกจากปากเขา หญิงสาวรู้สึกดีกับสิ่งที่ได้ยิน แต่มันยังไม่พอจะปลดล็อกความรู็สึกทั้งหมดได้ กำแพงที่เธอมีต่อเขามันสูงเกินไป หากอิงอรมีปมเรื่องการถูกละเลยความรู็สึก เธอก็มีปมที่คิดว่าตัวเองและแม่ไม่สำคัญสำหรับเขาเช่นกันร่างบางสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ มือบางยกขึ้นปาดน้ำตาออกจากใบหน้า ก่อนหันกลับมาเผชิญหน้ากับคนเป็
08:30 น. เช้าวันที่แปดคุณเดชาตื่นขึ้นมาในห้องพักผู้ป่วยของโรงพยาบาลด้วยใบหน้าผ่องใสเบิกบานกว่าเดิม มองขวดน้ำเกลือที่พยาบาลเพิ่งเปลี่ยนให้ใหม่ด้วยแววตาเบื่อหน่ายเขาแข็งแรงดีแล้วคุณหมอก็ยังไม่ยอมให้กลับบ้านเสียที เฮ้อ!ดวงตาคมดุกวาดมองไปรอบตัวพลันรู้สึกว่าห้องพักผู้ป่วยดูคับแคบขึ้นทันตาเพราะทุกคนอยู่ที่นี่กันหมด ไม่ว่าจะเป็นอรวรรณ อิงอร พริมา รพีพัฒน์ ฉัตร“ทนหน่อยนะคะคุณ หายดีกว่านี้เดี๋ยวหมอก็อนุญาตให้กลับเองแหละค่ะ” คุณอรวรรณรีบพูดเมื่อเห็นสายตาเบื่อหน่ายของสามีคุณเดชาไม่ตอบ สายตาของเขาจ้องเขม็งไปยังบุตรสาวทั้งสอง ที่คนหนึ่งเกิดจากหน้าที่ อีกคนเกิดจากความรัก แต่ถึงจะเกิดจากคนละแม่ เขาก็รักลูกทั้งสองคนมากอยู่ดี ไม่เคยรักใครน้อยกว่าใครเลย แล้วทำไมมันถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้ พี่น้องไม่รักกันก็ว่าแย่แล้ว คิดร้ายต่อกันไม่พอ ถึงขนาดไล่ให้อีกคนไปตาย คนเป็นพ่ออย่างเขาจะรับได้หรือ? ลูกสองคนเป็นแบบนี้แล้วเขาจะมีความสุขได้อย่างไร?คุณเดชาหลับตากล้ำกลืนความขมขื่นเอาไว้ให้ลึกที่สุด ภายในห้องพักผู้ป่วยเกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะ คิดว่าหากมีใครสักคนทำเข็มตกต้องได้ยินชัดเจนแน่ สถานการณ์ดูเหมือนจะน่า