Masuk“เหตุใดเจ้าจึงคิดเรื่องนี้” ซ่งอวี้หานเอ่ยถาม ดวงตาคมกริบจ้องมองไม่ปรานี น้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงความคาดคั้น ผู้อื่นได้ยินก็คงถึงกับเข่าอ่อนลงไปกองกับพื้นแล้ว ทว่าหญิงสาวตรงหน้ากลับไม่หลบสายตาและยังมองเขากลับด้วยท่าทีสงบนิ่ง “แม้ผู้น้อยจะจดจำเรื่องราวทั้งหมดไม่ได้ แต่คลับคล้ายคลับคลาว่ามีหญิงสาวผู้หนึ่งช่วยชีวิตผู้น้อยไว้ ทำให้ได้กลับมาท่านพ่อพ่อท่านแม่พี่และพี่ชายทั้งสามอีกครั้ง” ชิงหว่านไม่หลบตาเพราะไม่คิดว่าตนเองโกหก สำหรับนางแล้ว ‘เจียงชิงหว่าน’ คือผู้มีพระคุณของนางที่ทำให้นางได้ใช้ชีวิตใหม่ที่ดีในชาตินี้ และจากที่นางลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมทั้งอาการหวาดกลัวขั้นรุนแรงทุกครั้งที่พบเจอรัชทายาทเฟยเยี่ยนหลง นางเชื่อสุดใจว่าการที่เจียงชิงหว่านถูกลักพาตัวไปในครั้งนั้นย่อมต้องเกี่ยวข้องกับเฟยเยี่ยนหลงอย่างแน่นอน ชายหนุ่มยกมือขึ้นกอดอกแล้วพยักหน้าเข้าใจ นั่นคือสิ่งที่เขาคิดไว้เหมือนกัน เขาไม่คิดว่าหญิงสาวจะวิเคราะห์เรื่องเหล่านี้ได้ “ข้าเคยพูดแล้วว่า ข้าไม่สามารถพูดเรื่องคดีนี้กับเจ้าได้หรือแ
หลินอีฉู่เห็นสายตาขององค์รัชทายาททอดมองเพียงเจียงชิงหว่านก็ทำให้หัวใจน้อยๆ ของนางร้อนรุ่มขึ้นมาทันที แม้นางถูกวางตัวให้เป็นว่าที่พระชายา แม้รู้ดีว่าตำแหน่งนี้ต้องแลกกับสิ่งใด และในอนาคตนางต้องปกครองวังหลังต้องสู้รบกับสตรีอีกนับไม่ถ้วน ทว่าตอนนี้แค่เห็นเฟยเยี่ยนหลงสนใจสตรีอื่น นางก็อยากฉีกคนสตรีนางนั้นแล้ว โดยเฉพาะสตรีที่ชาติกำเนิดต่ำต้อยเช่นเจียงชิงหว่าน นางรึตั้งใจฉีกหน้าทำให้สตรีชั้นต่ำนั้นรู้ว่ามาอยู่ผิดที่ แม้เพลงที่นางบรรเลงไม่ได้โดดเด่นแต่ก็ทำให้ผู้อื่นรู้ว่าก็มิได้อ่อนด้อยให้เยาะเย้ย“ฮ่องเต้ทรงพระราชทานชาเข็มเงิน อย่างไรก็ร่วมชิมชากันสักหน่อยเถิด” ลี่กุ้ยเฟยเชื้อเชิญทุกคน แม้นางประหลาดใจที่เห็นผู้บัญชาการซ่งในที่นี่ด้วย เพราะเคยส่งเทียบเชิญให้คนผู้นั้นนับครั้งไม่ถ้วนแต่ไม่เคยมาร่วมงานเลยสักครั้ง“เกรงว่ากระหม่อมจะอยู่ร่วมมิได้แล้ว มีภารกิจต้องไปทำพ่ะย่ะค่ะ” ซ่งอวี้หานเอ่ยเพื่อขอตัวออกมา อย่างไรเขาก็ไม่คุ้นชินกับงานเหล่านี้ และไม่ได้มีแผนจะมาร่วมงานตั้งแต่แรก“ใจ้เท้าซ่งจะกลับแล้วรึเจ้าคะ” ชิงหว่านถามขึ้นมาทันที เรียกสายตาของผู้อื่นในให้จ้องมองมาทางนางซ่งอว
เพียงได้ยินบทเพลงที่หลินอีฉู่บรรเลงก็ทำให้สีหน้าของชิงหว่านเปลี่ยนไป วาจาเรียกพี่สาวน้องสาวแต่บรรเลงบทเพลงที่ต้องใช้ความชำนาญมากเป็นพิเศษนั้น เท่ากับตั้งใจสังหารในดาบเดียว หญิงสาวจ้องมองไปยังหลินอีฉู่ที่นั่งฝั่งตรงข้าม แม้ใบหน้าแย้มยิ้มแต่แววตาเยาะเย้ย ชิวหว่านเข้าใจจุดประสงค์ของหลินอีฉู่ นางลอบมองไปยังลี่กุ้ยเฟยที่แสดงสีหน้าพอใจเต็มเปี่ยม ตำแหน่งว่าที่พระชายาคงเป็นสกุลหลินที่หมายตาเช่นเดียวกับตระกูลอื่น งานชมบุปผาครั้งนี้เหล่าหญิงงามจึงงัดทุกความสามารถออกมาประชันกัน ชิงหว่านไม่ได้ต้องการตำแหน่งนี้ ทว่าจะแสร้งทำเป็นเล่นไม่เป็นก็เกรงว่าจะเสียหน้าไปถึงตระกูลเจียงของตน อย่างน้อยก็อย่าให้ผู้อื่นดูแคลนว่าเป็นเพียงบุตรสาววาณิชไร้ความสามารถ อย่างน้อยผู้อื่นก็รู้ว่าคุณชายสามสกุลเจียงเลื่องชื่อศาสตร์ศิลป์ หญิงสาวตั้งสติแล้วหลุบตาลงมองพิณเจ็ดสายตรงหน้า พลันภาพเก่าๆ หวนคืน บุรุษผู้หนึ่งวาดลงแขนคล้ายอ้อมกอด คล้ายกักขังแล้วร่วมบรรเลงพิณเดียวกับนาง กลิ่นไม้กฤษณาอันเป็นเอกลักษณ์ ผสานกับกลิ่นกายบุรุษเพศ ทำให้จิตใจปั่นปวนยากจะสงบใจได้ ‘เหตุใดวันนี้ลูกศิษย์ข้าจึงไ
น้ำเสียงหวานใสเอ่ยพร้อมรอยยิ้มกระจ่างราวกับไม่เคยผ่านเรื่องทุกข์ใจแสนสาหัส หลิ่วอิงเองก็เคยได้ยินเรื่องที่พี่สาวน้องสาวพูดถึง เพราะช่วงนั้นทุกบ้านถึงกับปิดประตูลงกลอนแต่หัววันเพราะเกรงคนชั่วจะมาจับบุตรสาวในบ้านของตนไป นางเองก็ถูกจำกัดบริเวณทั้งที่ไม่ได้ทำสิ่งใดผิด แต่นั้นก็เพราะความหวังดีของบิดามารดา “เหอะ! สมกับเป็นบุตรสาวพ่อค้า เรื่องน่าอับอายเช่นนี้ยังกล้าพูดออกมาได้” “เหตุใดข้าต้องอับอายด้วยเล่า” ชิงหว่านเอียงคอเล็กน้อยแสร้งทำหน้าไร้เดียงสาก่อนจะค่อยๆ คืนสีหน้าสงบนิ่ง“คนที่ทำความผิดควรเป็นผู้ละลายต่อการกระทำของตน ข้าไม่ได้ทำสิ่งใดผิดไยต้องเป็นฝ่ายอับอาย ไม่ว่าจะเป็นหญิงชาวบ้านหรือผู้สูงศักดิ์ก็ล้วนมีศักดิ์ศรีในตนเองทั้งสิ้น ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมิใช่ความผิดของข้า หากข้าเก็บตัวอยู่แต่ในบ้านทำตัวอ่อนแอก็ยิ่งเท่ากับว่าทำให้คนชั่วช้าได้ใจ พวกนั้นยิ่งเหิมเกริมย่ามใจลงมือกับสตรีที่ไร้ทางสู้ แม้สองมือของข้าไร้เรี่ยวแรงแต่ข้าก็จะสู้ด้วยหัวใจที่แข็งแกร่งไม่ให้ผู้ใดมาย่ำยีได้เด็ดขาด” ถ้อยคำของนางทำให้คนที่ได้ฟังต่างนิ่งงันไป นางเป็นเพียง
ซ่งอวี้หานไม่สนใจสายตาผู้อื่น ใบหน้าของเขาสงบนิ่งเป็นทุนเดิม มีเพียงสายตาที่ทอดมองไปยังกลุ่มสตรีเหล่านั้น กวาดสายตามองหาครู่หนึ่งก็พบหญิงสาวรูปร่างอรชร นางแต่งกายเรียบง่ายแต่เป็นผ้าไหมเนื้อดีสีสันไม่โดดเด่นเน้นที่การตัดเย็บประณีตปักลายดอกท้องดงาม เจียงชิงหว่านยืนรวมกลุ่มกับสตรีผู้อื่น นางได้รับคำเชิญจากคุณหนูหลิ่วอิง หลายวันก่อนเสนอพี่ใหญ่มอบตัวอย่างผ้าและเครื่องประทินโฉมแก่คุณหนูบ้านต่างๆ พร้อมแนบเทียบเชิญเปิดร้าน “อวี้เหยียน ฟาง” ที่จะจัดขึ้นในอีกสิบวันข้างหน้า แม้เป็นส่งเทียบเชิญที่ลงทุนไม่น้อยแต่เจียงเจิ้งเหรินเห็นดีด้วย เป็นการแนะนำร้านและสินค้าพร้อมกันทีเดียว แม้กลุ่มเป้าหมายมิใช่คุณหรูสูงศักดิ์ เป็นสินค้าที่คนทั่วไปสามารถจับจ่ายซื้อหาได้ แต่บนชั้นสองของร้านอวี้เยียนฟางก็จัดไว้สำหรับบรรดาคุณหนูตระกูลสูง ได้เลือกเครื่องประทินโฉมที่ถูกใจและยังสามารถนั่งจิบชาสนทนาตามประสาสตรีได้ด้วย สิ่งที่ชิงหว่านเสนอเจียงเจิ้งเหรินนั้น เป็นแนวการทำการค้าของบรรดาพ่อค้าที่เร่ขายสินค้าให้หญิงนางโลม ขายชิ้นหนึ่งแถมอีกชิ้น หรือซื้อสองชิ้นในราคาพิเศษทั้งที่เพิ่มราคาไปแล้ว
มุมปากเขายกยิ้มไม่รู้ตัว เพียงแค่หวนคิดถึงเรื่องราวในอดีต ก็นึงถึงสตรีผู้นั้น เขาเพียงแค่สงสารคณิกาไป๋ลู่ เป็นความสงสารที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนัก หากพูดถึงคำว่า ‘สงสาร’ เขาคงนึกสงสารฮ่องเต้มากที่สุด บุรุษที่อยู่เหนือผู้อื่น คนใต้หล้าล้วนก้มศีรษะหมอบแทบเท้า มีโอรสและธิดาที่เกิดจากฮองเฮาและนางสนม ทว่าแต่ละคนกลับเติบโตท่ามกลางเสียงกระซิบสั่งสอนให้แย่งชิงอำนาจ เขาไม่อาจก้าวล่วงการตัดสินใจของฮ่องเต้ได้ เดิมทีฮ่องเต้ทรงจะประทานสมรสให้เขาหลายครั้งแล้ว แต่เมื่อเขายืนกรานขอเลือกคู่ครองด้วยตนเองโดยแลกกับการทำงานถวายชีวิตให้นั้น พระองค์จึงยอมลามือเลิกพูดเรื่องนี้ ทว่าวันนี้กลับพูดขึ้นมาทำให้หางตาเขากระตุกตั้งหลายครั้ง บิดามารดาของเขายังถอดใจ แล้วนี่พระองค์เป็นใครถึงมาก้าวก่ายเรื่องว่าที่ภรรยาของเขาเล่า ด้วยฐานะของเขามักไม่แสดงออกว่าชื่นชอบหรือรังเกียจสิ่งใด เป็นการตัดปัญหาคนที่จะเข้ามาใกล้และใช้สิ่งนี้มาทำลายเขา ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าหรืออาหารการกิน รวมถึงสตรี... เขาใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังตัวเองทุกฝีก้าวราวกับเดินบนแผ่นน้ำแข็งในฤดูหนาว ก้าวเดินอย่างระวังมิให้ตกไปใ







