Mag-log inบทที่ 3
นักศึกษาสาวก้าวเข้ามาภายในคอนโดขนาดใหญ่มากถึงมากที่สุด เรียกว่าเพนต์เฮาส์คงจะถูกกว่าเพราะมีสองชั้น บิวต์อินอย่างลงตัว เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ หรูหราเกินกว่าที่คนอย่างเธอจะได้ครอบครองในชาตินี้ ชีวิตความเป็นอยู่ของคนเราช่างแตกต่างกันเสียเหลือเกิน ชีวิตเขาเหมือนอยู่บนสวรรค์ ส่วนเธอเป็นเพียงต้นหญ้าเทียมดิน
“นั่งสิ”
วันวิวาห์ทรุดกายลงนั่งบนโซฟาหลุยส์นุ่มนิ่มแสนสบาย เธอปลดกระเป๋าผ้าสีขาวแสนธรรมดาลงจากบ่า เธอเลือกที่จะเป็นคนอินดี้สะพายกระเป๋าผ้าเพื่อตัดปัญหาเรื่องแบรนด์เนม สวมรองเท้าผ้าใบ แตกต่างจากเพื่อนๆ ที่มักจะสวมรองเท้าส้นสูงแบรนด์เนมราคาหลักพัน ทุกคนต่างรู้ดีว่าเธอยากจนแค่ไหน และดวงตาคู่คมก็คงกำลังมองเธอเช่นนั้น
“หนูไวน์เรียนที่...เหรอ”
คนถูกถามพยักหน้าลง เขาคงสังเกตจากเข็มสัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัย ดวงตาบวมช้ำเหลือบมองเขาอีกครั้ง เธอรับรู้ถึงแววตาเคลือบแคลงสงสัย ไม่แปลกหรอก ก็เธอมาหาเขาในสภาพทรุดโทรม ใบหน้าหมองเศร้าซีดเซียว เครื่องสำอางที่ตกแต่งเบาๆ เมื่อเช้าได้มลายหายไปหมดแล้ว มีเพียงความมันวาวให้เขาได้ยลเท่านั้น ส่วนดวงตาก็ไม่ต้องพูดถึง ใต้ตาทั้งดำคล้ำและบวม เชื่อว่าเขารู้ว่าเธอร้องไห้มา
“เข้าเรื่องเลยแล้วกันนะ ที่อยากเจอเพราะอะไร” ดรัณถามหลังเงียบไปหลายอึดใจ วันวิวาห์โทรมาหาบอกว่าอยากพบ เขาเดาได้ทันทีว่าเรื่องอะไรจึงตกลงนัดเธอมาที่เพนต์เฮาส์ส่วนตัว แทนที่จะเป็นโรงแรมอย่างนักศึกษาไซด์ไลน์คนอื่นๆ
“หนู...ต้องการความช่วยเหลือ” วันวิวาห์เอ่ยเสียงสั่น ยังไม่ทันบอกความต้องการ ผู้ชายเจนจัดอย่างดรัณก็เดาได้ทันที
“เท่าไร”
“ห้าแสนค่ะ” วันวิวาห์รีบฉกฉวยโอกาสนั้นอย่างไม่รอช้า
“แลกกับอะไร”
“ทุกอย่างตามที่คุณต้องการ ทุกอย่างจริงๆ ไม่เว้นแม้แต่ตัวหนู”
ดรัณยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าแล้วกดโอนเงินห้าแสนบาทให้เธออย่างไม่รีรอ
เสียงแจ้งเตือนข้อความดังขึ้น เมื่อวันวิวาห์เห็นข้อความแจ้งเงินเข้าจำนวนตามที่ต้องการก็เบิกตากว้าง มองเขาด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย และหนึ่งในนั้นคือการกระทำของเขายืนยันอย่างชัดเจนว่า ดรัณเป็นผู้ชายอันตราย เขาสามารถจ่ายเงินมากมายเพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ต้องการได้
“ขอบคุณนะคะ” มือขาวเรียวสวยพนมไหว้เขาอย่างนอบน้อม เธอสูดลมหายใจเข้าปอดเพื่อเรียกความมั่นใจให้กับตัวเอง ทั้งๆ ที่กายสั่นไปหมด
“อยากเล่าไหมว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงร้องไห้หืม...หนูไวน์” น้ำเสียงถามอ่อนโยนมากที่สุดเท่าที่ดรัณเคยใช้กับผู้หญิงคนไหน
“มะ...ไม่เป็นไรค่ะ ให้หนูได้ทำตามที่คุณ เอ่อ...เสี่ยต้องการดีกว่า” เธอเสนอเสียเดี๋ยวนั้น เขาจ่ายเงินแล้วเท่ากับเธอเป็นสิทธิ์ขาดของเขา ทั้งยังเปลี่ยนคำเรียกขาน นับจากวินาทีนี้เธอจึงเป็น ‘เด็กเสี่ย’ อย่างเต็มรูปแบบ
“โอเค ไม่เล่าก็เข้าเรื่องเลย” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงไม่ยี่หระ เอนกายพิงโซฟาอย่างสบายๆ
ดวงตากลมเศร้ามองผู้ชายตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย หัวใจปวดหน่วงกับกิริยาอาการนั้น ต้องโทษตัวเองที่เผลอไผลเข้าใจว่าเขามีน้ำใจไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบ ที่ไหนได้...เขาถามพอเป็นพิธีเท่านั้นเอง
“หนูพร้อมแล้วค่ะเสี่ย”
“คุณคลื่น”
“คะ...” เรียวคิ้วสวยเป็นธรรมชาติเลิกขึ้น
“ฉันอยากให้หนูไวน์เรียกชื่อเล่นมากกว่า ฉันชื่อคลื่น” ดรัณเอ่ยพลางจับจ้องวงหน้าหวานอย่างไม่วางตา เรียกว่าไม่สามารถละสายตาไปจากเธอได้น่าจะถูกกว่า
“ได้ค่ะคุณคลื่น” วันวิวาห์พยักหน้ารับอย่างเด็กว่าง่าย เธอยิ้มบางๆ ส่งให้เขาแล้วพาตัวเองย้ายไปนั่งที่โซฟาตัวยาวแนบชิดเขาอีกด้วย กลับกลายเป็นอีกฝ่ายที่ขยับหนีจนเธอร้อง ‘อ้าว’ เบาๆ
“จะรีบไปไหนล่ะ วันนี้หนูไวน์ยังไม่พร้อมหรอก ฉันรู้” ดรัณว่า ไล้ข้อนิ้วเกลี่ยซับคราบน้ำตาบนแก้มนุ่มให้
หัวใจดวงน้อยเต้นแรงขึ้นทันทีเมื่อสัมผัสสากระคายเรียกเลือดในกายให้วิ่งพล่านปั่นป่วนไปหมด ตั้งสติหน่อยไหมวันวิวาห์ เขาแค่เกลี่ยแก้มไม่ใช่จุดสงวนในร่มผ้า!
“หรือว่าวันนี้หนูไม่สวยพอ ขอโทษนะคะหนูจะกลับไปแต่งตัวใหม่แล้วกลับมาตอนค่ำก็ได้ค่ะ”
ดรัณยิ้มอ่อนใจ ส่ายหน้าช้าๆ ดวงตาที่อ่อนโยนเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวขึ้น
“เรามีเรื่องต้องตกลงกันก่อนต่างหาก”
นั่นสินะ...เงินตั้งมากมาย เธอจะมอบกายให้เขาเพียงคืนเดียวได้อย่างไร วันวิวาห์เจ็บร้าวในอกที่เผลอไผลเข้าใจว่าเขาสังเกตเห็นความชอกช้ำของเธอจึงไม่อยากทำอะไรในวันนี้ เปล่าเลย ดรัณต้องการความชัดเจนต่างหาก
“แล้วแต่คุณคลื่นค่ะ บอกหนูมาได้เลย”
“ข้อแรก แทนตัวเองว่าไวน์ บอกแล้วไงว่าฉันชอบดื่มไวน์”
“ได้ค่ะ” เธอรีบรับคำ ใบหน้าแดงซ่านราวกับตัวเองดื่มไวน์เข้าไปหลายแก้ว
“ข้อสอง...” ดรัณเงียบไปอึดใจ ก่อนจะบอกพร้อมมองเธอแกมบังคับด้วยสายตา “ย้ายของมาอยู่ที่นี่”
“อะไรนะคะ!” ดวงตาคู่หม่นเบิกกว้าง
“อยู่หอพักเล็กๆ นั่นทำไมให้เปลืองเงิน คับแคบ มาอยู่ที่นี่สบายๆ ไม่ดีกว่าเหรอ” ชายหนุ่มรีบบอกข้อดีของเพนต์เฮาส์หลายข้อ หว่านล้อมหญิงสาวโดยไม่รู้ตัว
คุณพ่อมือใหม่เลี้ยงลูกเป็นคนแรก ความเห่ออย่างมากถึงมากที่สุดทำให้เขาไม่รบกวนภรรยาเวลานอนเลย ชายหนุ่มอาสาลุกมาดูลูกเองยามมีเสียงแอะๆ เกิดขึ้น ค่ำคืนนี้ก็เป็นอีกคืนที่ดรัณผุดลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ร่างสูงพุ่งไปเกาะที่เปลสีเขียวอ่อน ดวงตาคมทอดมองลูกน้อยที่ตื่นนอนมามองตาแป๋ว ส่งเสียงร้องไห้จนปากเบะ“โอ๋ๆ ลูกจ๋าเป็นอะไรครับ”มือหนาค่อยๆ ช้อนร่างเล็กจิ๋วเข้ามาไว้ในอ้อมแขนอย่างระมัดระวัง แต่มีความเป็นมืออาชีพสูง เพราะชายหนุ่มได้รับการฝึกฝนจากพยาบาลมาแล้วหลายครั้ง เขาเรียนรู้เรื่องการเลี้ยงลูกอย่างคล่องแคล่ว เมื่อมีคอร์สที่น่าสนใจระหว่างตั้งครรภ์ ชายหนุ่มก็ติดสอยห้อยตามภรรยาไปด้วยทุกครั้ง เป็นที่น่าอิจฉาจนสื่อต่างๆ นำไปลงข่าวในฐานะ ‘สามีแห่งชาติ’ อยู่บ่อยๆ“โอ๋ๆ น้องเบียร์ของปะป๊าเงียบนะครับ เดี๋ยวคุณแม่ตื่น ชู่...” คุณพ่อปลุกปลอบลูกน้อยเสียงเบา แต่หารู้ไม่ว่าคนบนเตียงกลับนอนยิ้มมีความสุข ตาพราวระยับดรัณเป็นผู้ชายที่อบอุ่นอย่างไม่น่าเชื่อ เขารู้ว่าเธอเหนื่อยเลี้ยงลูกช่วงกลางวัน ตอนกลางคืนจึงอาสาช่วยดูลูกแทนแล้วให้เธอนอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มที่ ครั้นวันหวานจะอาสามาช่วย ชายหนุ่มก็ไม่ยินยอม เขาบอ
บทส่งท้ายวันวิวาห์ก้าวลงจากรถยนต์พร้อมโอบอุ้มทารกน้อยหน้าตาจิ้มลิ้ม ดวงตาแป๋วแหววมองผู้เป็นแม่เฉยๆ ไม่ร้องไห้โยเยเลย อย่างมากก็แค่ทำเสียงแอะๆ ตามการเคลื่อนไหว ดรัณก้าวเข้ามายืนเคียงข้างภรรยาสาวที่เพิ่งให้กำเนิดลูกชายสมใจอยาก เขาประคองร่างที่เพรียวบางทันทีที่คลอดลูกเสร็จเดินเข้าไปในบ้าน ที่นั่นมีฉากอลังการรออยู่ดวงตากลมโตกะพริบปริบๆ อย่างไม่อยากเชื่อสายตา คฤหาสน์หลังงามพรั่งพร้อมไปด้วยลูกโป่งสีสันสดใสพร้อมป้ายต้อนรับเบบี้เบียร์ ลูกชายที่แค่ชื่อก็คงบอกได้เป็นอย่างดีว่าลูกใคร ริมฝีปากอิ่มงามค่อยๆ คลี่ยิ้มออกมาอย่างปลื้มปีติ ทุกคนยืนรอรับเธออยู่เบื้องหน้า“ลูกจ๋า...หนูเป็นที่รักของทุกคนเลยนะ มีคนมาหาหนูเพียบเลย” คุณแม่คนสวยกระซิบบอกลูกน้อยในอ้อมอก กลั้นน้ำตาแห่งความยินดีเอาไว้ไม่ไหว“เป็นอะไรไป” ดรัณหันไปเห็นเมียสาวร้องไห้ก็ตกใจ รีบเอื้อมมาไล้เช็ดน้ำตาให้แผ่วเบาพร้อมจูบหน้าผากปลอบขวัญ “เป็นอะไรครับคนดีของพี่”“ไวน์แค่ดีใจน่ะค่ะที่มีคนที่ไวน์รักมาต้อนรับลูกของไวน์ แล้วก็นึกถึงตอนคลอดน้องโซดา ตอนนั้นไม่มีใครเลย...”“แม้แต่พ่อคนนี้” กลายเป็นดรัณที่เสียงเศร้าลง“อย่าคิดมากนะคะ ตอนนี้พี่คลื่
“ไวน์ขอบคุณพี่คลื่นมากนะคะที่ดีกับครอบครัวของไวน์ขนาดนี้”“แล้วเรื่องแม่ล่ะ อยากให้พี่ช่วยอะไรไหม”วันวิวาห์ส่ายหน้าช้าๆ แต่กระบอกตากลับร้อนผ่าว เธอไม่อยากขึ้นชื่อว่าเป็นลูกอกตัญญู แต่สิ่งที่แม่ทำกับเธอนั้น ท่านคงไม่เห็นเธอเป็นลูกด้วยซ้ำ แล้วเธอจะต้องเห็นท่านเป็นแม่อยู่หรือเปล่า“เอาไว้ถ้าท่านเดือดร้อนหนักๆ ไวน์ค่อยช่วยดีกว่าค่ะ” เธอหาทางออกที่ดีที่สุดดรัณพาทุกคนดูห้องนอนส่วนตัวเรียบร้อยแล้วก็พากันเดินลงไปด้านล่าง ที่นั่นชายสูงวัยนั่งอยู่บนโซฟา ท่านคงความมีสง่าราศีเอาไว้ได้เช่นเมื่อก่อน สภาพจิตใจดีขึ้นตามลำดับ นับจากวันที่ภรรยาเดินออกไปจากชีวิตพร้อมกับเงินจากการแบ่งสมบัติจำนวนหนึ่ง และเมื่อดรัณบอกว่าจะพาหลานกับเมียเข้ามาอยู่ที่นี่ด้วยกัน ท่านก็กลับมากระปรี้กระเปร่ามากขึ้น“สวัสดีค่ะคุณพ่อ”“ซาหวัดดีค่าจุณปู่” น้องโซดากระพุ่มมือไหว้ ก่อนจะปีนโซฟาขึ้นไปนั่งคลอเคลียราวกับสนิทสนมกันมาเนิ่นนาน วันวิวาห์มองสายสัมพันธ์ที่เชื่อมสนิทนั้นด้วยรอยยิ้มกระจ่าง“พ่อดีใจนะที่หนูไวน์ตัดสินใจเลือกกลับมาเป็นครอบครัวเดียวกัน” ดนุพลทอดสายตามองลูกสะใภ้อย่างเอ็นดู“หนูคิดไม่ผิดจริงๆ ค่ะ ถ้าหนูยังจมอยู่กับอ
บทที่ 21วันวิวาห์ก้าวออกมาจากห้องนอน เมื่อเดินมาถึงห้องรับแขกก็ต้องชะงักงันเมื่อพบว่าที่บ้านมีแขกมาหาแต่เช้า ไม่สิ...สายแล้วต่างหาก ใบหน้าเรียวสวยแดงระเรื่อ ก้มหน้างุดลงซ่อนใบหน้าแสนอาย คนข้างกายดูเหมือนจะคาดเดาความคิดเธอได้เป็นอย่างดี เขาเอื้อมมากุมมือแล้วพาเดินไปนั่งที่โซฟาด้วยกัน“ตื่นสายเลยนะคะพี่ไวน์” ผู้เป็นน้องสาวเอ่ยแซวยิ้มๆ“แม่จ๋า มะคืนน้องโซดานอนกะพี่เปรี้ยว แม่จ๋านอนกะปะป๊าทำไมไม่ชวนน้องบ้างเยย” ลูกสาวตัวน้อยวิ่งเข้ามานั่งตักแล้วเอ่ยเสียงงอนๆ แต่ลูกรู้ไหมว่าทำให้แม่หน้าร้อนเหมือนถูกอังไฟ“ไว้คืนนี้นะคะน้องโซดา”“ได้ค่า” หนูน้อยว่าง่าย ก่อนจะเปลี่ยนไปนั่งตักผู้เป็นพ่อบ้าง“เอ่อ...พี่ภามกับพรีมมาหาไวน์หรือคะ” วันวิวาห์เอ่ยถามอย่างยากเย็น ด้วยรู้สึกอายต่อสายตาของเพื่อนสนิทและพี่ชายอย่างมาก โดยเฉพาะภามที่เขามีสีหน้าสลดไปทันทีที่เห็นว่าเธอกับดรัณเดินออกมาจากห้องเดียวกัน“พี่กับพรีมเป็นห่วงไวน์ อยากมาถามให้แน่ใจว่า...ทุกอย่างโอเค” ภามว่า ก่อนจะหันไปมองหน้าดรัณ “แต่ก็คงโอเคแล้วแหละเนอะ พี่ดีใจด้วยนะไวน์”“ขอบคุณนะคะพี่ภามที่เป็นห่วง”“ฉันก็ดีใจกับแกนะไวน์ อีกอย่าง...อีนิวเยียร์ก
วันวิวาห์ตอบไม่ถูก ได้แต่กดใบหน้าลงยอมรับความสุขที่รออยู่เบื้องหน้า เพียงเธอเอื้อมมือไปแตะ ทุกๆ อย่างที่มืดมนอนธการก็พลันสว่างไสวดุจท้องฟ้าแต้มสายรุ้งหลังสายฝนหนักหน่วงได้ผ่านพ้นไป“น้องไวน์!”ดรัณโผเข้ากอดร่างงาม วาดแขนแกร่งโอบล้อมเรือนร่างเล็กอีกครั้งอย่างแสนโหยหา กี่ชั่วโมงกี่นาทีกันที่ต้องแยกจาก นับจากวันนี้จะตัวติดกันทุกวัน จะไม่ปล่อยให้เมียห่างหายไปไหนเด็ดขาด ไปไหนก็จะตามไปเฝ้า เขาสัญญากับตัวเองอย่างนั้น ยิ่งกอดยิ่งแสนหวงแหนวันวิวาห์อุ่นวาบในหัวใจ มองเรือนผมดำสนิทที่เขาแนบใบหน้ากับเหนืออกของเธออย่างแสนรัก ดรัณคุกเข่ากอดเธอ ไม่อยากเชื่อจริงๆ บอกตัวเองกี่ครั้งว่าเขาทำแบบนี้จริงๆ แต่ก็อดมองซ้ำอีกครั้งไม่ได้ว่าเธอไม่ได้ฝันไป เขายอมลงให้เธอ ยอมขอโทษ พร้อมคำสัญญาที่แสนอบอุ่น“ขอบคุณนะคะ คุณสามี”“น้องไวน์ ภรรยาที่รักของพี่คลื่น” ดรัณเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มกว้าง ก่อนจะอดใจไม่ไหวแนบเรียวปากลงกับริมฝีปากอิ่มสวยวันวิวาห์เลื่อนตัวลงจากเก้าอี้หมายจะไปนั่งบนพื้นระดับเดียวกับเขา ทว่าคนตัวโตกลับตวัดเอวบางมานั่งบนตัก แล้วแนบริมฝีปากลงไปอีกครั้ง คลอเคลียสัมผัสความนุ่มนิ่ม ขบเม้มกลีบปากล่างเบาๆ ก่
บทที่ 20“แม่จ๋า”“หืม...ไม่ง่วงหรือคะ ฟังนิทานจบแล้วนะ” วันวิวาห์ถามลูกน้ำเสียงอ่อนโยน เอื้อมมือไปลูบศีรษะเล็กเบาๆ ทอดสายตามองเจ้าตัวเล็กอย่างแสนเอ็นดู หวงแหนความรู้สึกนี้ ไม่อยากให้โตเลย อยากให้ตัวเท่านี้ ให้แม่ได้กอด ได้กล่อมเข้านอนแบบนี้ทุกคืน“เมื่อไรปะป๊าจะมานอนบ้านเยา มานอนกับน้องโซดา” เด็กหญิงถามเสียงเศร้าวันวิวาห์ฟังคำพูดของลูกแล้วก็ลอบถอนหายใจเบาๆ ได้แค่ส่งยิ้มอ่อนโยนไปให้“น้องโซดารักปะป๊ามากเลยหรือคะ”“ม้ากมากค่า ยักแม่จ๋าเท่าท้องฟ้า ยักปะป๊าเท่าทะเย” หนูน้อยว่าพลางวาดแขนกางกว้าง ผู้เป็นแม่หอมแก้มนุ่มเบาๆ“แม่จ๋าก็รักน้องโซดาเท่าโลกใบนี้เลยนะ”“แล้วปะป๊าไม่ยักน้องโซดาเหยอคะถึงไม่มานอนเล่านิทานให้ฟังเยย” หนูน้อยบ่นเสียงน้อยใจพลางทำหน้ามุ่ย“รักสิคะ ปะป๊าก็รักน้องโซดาเท่าทะเลเหมือนกัน”“ถ้ายัก ปะป๊าต้องมานอนกับเยาที่นี่ นอนกับน้องกับแม่จ๋าด้วย เมื่อไรดีคะ”คำถามของลูกน้อยสร้างความอึดอัดในหัวอกคนเป็นแม่ นี่เธอเป็นแม่หรือเป็นมารขัดขวางความสุข ความสมบูรณ์แบบในครอบครัวของลูกกันแน่ เธอกำลังทำอะไรอยู่“น้องโซดาคะ แม่จ๋าสัญญาว่าจะพาปะป๊ามานอนด้วยกันให้ได้เลย”“เย่! งั้นน้องโซดาหลั







