เอมิเลียนั่งตัวตรงพร้อมรวบช้อนส้อมเข้าหากันวางกลางจานข้าวซึ่งยังเหลืออยู่เต็มจาน หลังถูกลูแคน บอดี้การ์ดฝั่งซ้ายครูซัสกึ่งบังคับพามากิน ชายหนุ่มหรี่ตาขึ้นมองถือช้อนค้าง เขาเองก็ถูกต่อรองจากเธอ ถึงได้มาร่วมโต๊ะกันอย่างนี้
"หนูอิ่ม..."
"คุณหนูยังไม่อิ่มครับ"
หญิงสาวเหลือบตามองบน ยกแขนกอดอกแน่น เริ่มหน่าย กับพฤติกรรมรู้ทันไปเสียทุกเรื่องของเขา ดวงตาสีน้ำตาลจ้องมองเข้าไปในตาสีฟ้า หวังจะสะกดจิต ทว่า...
"ทานต่อเถอะครับ คุณหนูเพิ่งทานไปสองคำเอง"
"หนูอิ่มแล้วค่ะ"
เอมิเลียย้ำ เลิกคิ้วขึ้นบ่งบอกให้รู้มันคือความจริง แต่คนผ่านร้อนผ่านหนาวอย่างลูแคนหรือจะเชื่อ เขาวางช้อนลง ตั้งใจพูดแกมขอร้องเน้นคำ
"กว่าคุณหนูจะได้ทานมื้อเย็นอีกรู้ไหมครับมันนาน ทานให้อิ่มเสียตอนนี้เถอะครับ ผมขอร้องล่ะ " แต่เหมือนคนขอร้องอย่างเขาจะถูกอ้อนกลับมา เอมิเลียทำหน้าสลด ก้มหน้างุน
"ทำไมไม่เชื่อหนูบ้าง ก็ได้ค่ะ... ถ้ากินหมด คุณลูแคนให้รางวัลหนูหน่อยได้ไหมล่ะคะ"
"หืม... "
"หนูมีที่ที่นึงที่อยากจะไปค่ะ"
เธอบอกเสียงร่าเริงในประโยคทิ้งท้าย ก้มหน้าก้มตาตั้งใจกินโดยไม่รู้คำตอบจากเขา ปล่อยเขานั่งมึน เสมือนถูกชกหน้า
ในที่สุดบอดี้การ์ดหนุ่มต้องยอมจำนน แม้สถานที่ที่เธออยากมาจะฝืนใจเขาสักหน่อย นั่นเพราะมันคือสถานที่ต้องห้าม หากเจ้านายเขารู้ มีหวังเขาต้องถูกเล่นงานแน่ๆ อีกทั้งก่อนหน้า เธอจงใจมัดมือชก โดยการไม่รอคำตอบ แต่เลือกที่จะถามเองตอบเอง แล้วอย่างนี้เขาจะเลือกอะไรได้อีก
"ทำหน้าแบบนี้ แสดงว่าคุณท่านห้ามสินะคะ"
เสียงเธอถามทำเขาสะดุ้ง ขณะรถเคลื่อนมาจอดสนิท และคนขับมีสีหน้าที่ซังกะตายเสียจนดูออก
"คุณหนูรู้แต่เลือกที่จะทำ"
"หนูไม่บอกเขาหรอกค่ะ ไม่ต้องห่วง แค่อยากมาไว้อาลัยคุณป้าเรกาโด แกรนด์ เท่านั้น"
"......"
มือบางเลื่อนไปเปิดประตูเอง โดยไม่รอเขา และไม่วายจะหันมาเน้นย้ำ ทำชายหนุ่มยิ้มกริ่มที่มุมปาก
"สัญญาค่ะ จะไม่ทำให้เดือดร้อน"
เอมิเลียเดินทอดน่องฝ่าแสงแดดเข้ามาในสุสาน ไม่ห่วงเรื่องผิวจะเสีย เกิดข้อเปรียบเทียบแก่คนเดินตามไม่น้อย ก่อนหน้าซึ่งมากับเคลที่ ไม่ใช่แบบนี้ รายนั้นโวยวาย หากร่มลอยมาคลุมศีรษะหล่อนไม่ทัน
แต่เด็กชุบเลี้ยงคนนี้กลับทรุดลงนั่งบนเข่า ในขณะลูกแท้ๆไม่เคยทำ ต่างกันกลับยืนค้ำหัวคนตายไม่รู้ตาสีตาสา มิหนำซ้ำยังบ่นว่าร้อนตลอดเวลาอีก ไม่วายถูกพี่ชายตนปรามทางสายตาจนคนเห็นชินชาไปด้วย ส่วนเธอคนนี้ นอกจากจะพกช่อดอกไม้ติดตัว เลือกแต่ละดอกด้วยหัวใจวางไว้บนฐานปูนข้างรูปแล้ว เธอยังระลึกถึงพึมพำวาจาประโยคเหล่านี้ด้วย
"เอมี่มาเยี่ยมค่ะคุณป้า ขอโทษที่รู้ช้าไป สัญญาค่ะว่าจะเป็นเด็กดี ตั้งใจเรียนให้สบกับความเมตตาที่คุณป้ามีให้"
พร้อมฝ่ามือที่ลูบไล้บนรูปถ่ายไปมา คำพูดนุ่มนวลน่าฟังกับการกระทำที่อ่อนโยน มันทำให้คนยืนมองอย่างลูแคนใจอ่อนไหว
ใช่ เอมิเลียช่างน่าหลงใหลเหลือเกิน
ใช้เวลาอยู่นอกบ้านมากกว่าห้าชั่วโมง กว่าเอมิเลียจะได้กลับบ้าน หลังครูซัสส่งสาสน์บอกลูกน้องทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ทุกคนปลอดภัย แต่กว่าจะประเหลาะ ชักแม่น้ำทั้งห้าฉุดยื้อให้เอมิเลียไปไหนมาไหนต่อ ทำตามอย่างว่าง่ายได้โดยไร้ความสงสัยนั้น ลูแคนเหงื่อแตกพลั่กกันเลยทีเดียว ต่างกับคนนี้โดยสิ้นเชิง นอกจากจะทำให้ลูกน้องมือขวาเกือบเป็นโรคประสาทแล้ว อารมณ์ขี้วีนของหล่อนสร้างความเหนื่อยล้า จุกความอึดอัดถึงขั้นใกล้สำลอก
"พี่ชายฉันคงสอนพวกแกให้เป็นหุ่นยนต์ด้วยสินะ ถึงไม่มีอารมณ์สุนทรีแบบนี้ ถามอะไรก็ไม่ตอบสักอย่าง"
และเสียงนั่นก็แผดล้นออกมานอกประตู เอมิเลียสะดุ้งโหยง อยากจะหมุนเท้า เดินหนีทว่า คงไม่ทัน ในขณะร่างเธอหลุดเข้ามาแล้ว จึงทำได้แค่ชะงักและยืนนิ่งเท่านั้น
เคลที่ชำเลือบหันมามองค้อน ก่อนเหยียดปากแปรทิศทางมาเป็นเธอ
"อ้อ! ยัยนี่ก็คงจะไม่ต่างกับฉัน ว่าแต่มีสิทธิ์อะไรน่ะ ถึงได้เอาเงินพี่ฉันไปผลาญเล่น"
หล่อนเหน็บแนบ จาบจ้วงจนเอมิเลียก้มหน้างุน ใจคอเริ่มไม่ดี หายใจไม่ทั่วท้อง สำหรับเธอ คนตรงข้ามคือคนแปลกหน้าที่น่ากลัวที่สุด หากให้เดา หล่อนคงเป็นน้องสาวนายท่านของซีอาร์และคนอื่นๆสินะ
"เอ่อ.. สวัสดีค่ะ "
และเมื่อรู้ เธอไม่ควรจะยืนเมินเฉยอย่างนี้ ด้วยมารยาท จึงเงยหน้าขึ้นมาทักทายเจ้าของบ้าน ยิ้มกว้างเป็นมิตร ทว่ากลับถูกหล่อนขึงตาใส่ เลี่ยงเอมิเลียก้มหน้างุนอีกครั้งไม่ได้ คราวนี้ถึงกับสลดกว่าเดิม
"สิทธิจากนายท่านครับคุณหนู"
"ฉันไม่ได้ถามแก!"
คงมีแต่คนกล้าปกป้องอย่างลูแคนล่ะมั้ง ที่ทนยืนดูต่อไปไม่ไหว เขาจึงสอดแทรกขึ้น แต่ไม่วายถูกหล่อนตะเพิดกลับมา ทว่าลูแคนหาสะท้กสะท้านไม่ แต่กลับยืนเฉย แอบหันมายักคิ้วให้เอมิเลีย ที่ตอนนี้ห่อไหล่ เหลือบตามามองเขา
"ทำไมต้องเอามันมาอยู่ที่นี่ให้สิ้นเปลืองด้วยนะ ส่งเสียมันเรียนเหมือนที่ผ่านมาก็ได้นี่"
ก่อนสะดุ้ง ชาวาบไปทั้งตัวเพราะคำถามนี้ ที่เคลที่ตะเบ็งเสียงใส่
ท่ามกลางความเห็นอกเห็นใจจากคนใช้ที่อยู่ในเหตุการณ์ ทว่าช่วยอะไรเธอไม่ได้ เว้นแต่บอดี้การ์ดคนเดิม
"คุณหนูถามใครหรือครับ อ้อ คงไม่ใช่ผม"
และเหมือนเดิม เขาถูกขึงตาใส่อีกเช่นเคย จงใจขัดใจเคลที่ ทว่าโล่งใจเอมิเลีย เมื่อเธอถูกหล่อนโบกมือไล่
"จะไปไหนก็ไป ไป"
แน่นอน ร่างบางรีบปลีกตัวโดยไม่คิดชีวิต แต่ไม่วายหันไปยิ้มอ่อน แทนคำขอบคุณให้กับลูแคน บอดี้การ์ดจำเป็นของเธอ
เรกาโดเดินอาดๆเข้ามาในคฤหาสน์ หลังเคลียร์ปัญหาคาราคาซังนั้นจบ เขาวางมือจากปืนลงบนโต๊ะ ทุ่มตัวใส่เบาะนุ่มหวังผ่อนคลาย ทว่า ไม่ทันได้หายใจเต็มปอด สมาร์ทโฟนในกระเป๋ากางเกงกลับดังขึ้น
ร่างใหญ่ถอนหายใจพรืด ความล้าทำได้แค่ยกเอวสอบ งัดเครื่องบางขึ้นมากดรับเท่านั้น มากไปกว่านั้น เมื่อเห็นชื่อคนโทรมา กลับทำเขายิ่งหนักใจ
"ว่าไง"
(คนเป็นแฟนกันเขาทักทายกันอย่างนี้หรือคะ)
"ผมเหนื่อย"
(ฉันก็เหนื่อยค่ะ เหนื่อยใจ)
"มิเชล ผมไม่มีอารมณ์มาต่อปากต่อคำกับคุณ"
(แล้วต้องรอไปอีกนานเท่าไหร่คะ คุณถึงจะมีอารมณ์ขึ้นมา ถ้าฉันไม่เป็นฝ่ายติดต่อ คุณก็ไม่เคยโทรมาก่อน)
"ฟู่ว.."
ชายหนุ่มกลั้วปากพลางลอบถอนหายใจ แต่กลับถูกหล่อนแผดเสียง
(อย่ามาถอนหายใจใส่ฉันนะคะเรกาโด)
"คุณคิดว่าคุณเป็นใครกันมิเชล! "
ก่อนถูกครูซัสตะเพิดสวนกลับไปเช่นเดียวกัน เขาเปลี่ยนท่าเอนเป็นนั่งตัวตรง ข่มอารมณ์ เริ่มหัวเสีย ส่วนมิเชลสะอึก เสมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ หล่อนนั้นพลาดไปแล้ว จึงเปลี่ยนเป็นเสียงอ่อน
(ฟะ แฟนคุณไงคะ)
ทว่า เหมือนจะไม่ทัน เรกาโดอารมณ์ขุ่นมัวหนักไปแล้ว
"ก็แค่แฟน"
(......)
"ฟังนะมิเชล ตราบใดที่เรายังไม่แต่งงานกัน คุณยังไม่ใช่มาดามเรกาโด คุณไม่มีสิทธิ์ขึ้นเสียงกับผม! "
ติ้ด
พลางตัดสายทิ้ง ปล่อยคนปลายสายกำโทรศัพท์แน่น ในใจจุกเสียด แทบจะกรีดร้อง ต่างกับเรกาโด นอกจากเขาไม่สนใจ ยังสไลด์โทรศัพท์เครื่องบางเฉียบไปไกลห่างอีก
ก่อนเอนตัวพิงผนักโซฟาอย่างเดิม แต่แล้ว มารผจญการรีแล็กซ์ของเขาเหมือนยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เมื่อมีเสียงเคาะประตูมาขัดจังหวะอีกครา
ก็อกๆๆ
"นายครับ เกิดเรื่องใหญ่แล้วครับนาย! "
"อะไรวะ! "
สร้างความหงุดหงิดให้เขาอีกเท่าทวีคูณ
ฝั่งเกิดเหตุ เอมิเลียนั่งตัวสั่นเป็นเจ้าเข้า หลังเสื้อผ้าซึ่งซื้อมาหมาดๆเมื่อตอนกลางวันของเธอถูกตัดฉีกเป็นชิ้นๆ หลังเคลที่พบว่าแบรนด์และเฉดสีของชุดเหล่านั้น มีบางตัวเหมือนกันกับหล่อน และเพราะต้องการสั่งสอนให้เอมิเลียรู้ซึ้ง เธอกับหล่อนมันคนละชั้น การฉีกเสื้อทึ้งชุดจนแหลก มันเป็นวิธีที่ทำให้หล่อนสะใจที่สุด ทว่า คนถูกกระทำอย่างเอมิเลียปวดใจ หลังกลับมาถึงห้อง เธอลองชุด ไม่คิดว่าคนใช้คนนึงซึ่งนำของว่างมาให้เธอ จะนำเรื่องที่เห็นไปบอกเคลที่ หวังจะเอาหน้า
เอมิเลียนั่งมองการกระทำเจ้าของบ้าน ขณะหล่อนทำลายชุดใหม่ของเธอจนขาดวิ่นคามือ ฉีกแหลกออกมาเป็นชิ้นๆไม่มีเหลือเคล้าโคลงเดิม เธอไม่ได้เสียดายมัน และไม่ได้เสียใจด้วย เพียงแต่งงงวยกับการกระทำของคนตรงหน้าก็เท่านั้น อะไรกันทำให้หล่อนโมโหได้ขนาดนี้ มือบางกุมเข้าหาบีบกันแน่น ยิ่งก้มหน้าลงต่ำก็ตอนเรกาโดเดินเข้ามาห้ามทัพ
มือใหญ่จับต้นแขนน้องสาวตนเอง กระชากแรงหันไปประจันหน้า กึ่งบังคับให้หล่อนหยุดตกมัน เขาดูโมโห และที่สำคัญพาลมาถึงเธอด้วย
"เคลที่ ทำบ้าอะไร!"
แน่นอนเสียงเดือดดาลนั่น หยุดคนทั้งห้อง เอมิเลียสะดุ้งโหยงก้มหน้านิ่ง ส่วนคนถูกตะเพิดจ้องหน้าเขาอย่างถือดี
"มันบังอาจมาใส่ชุดเหมือนกับฉัน"
หล่อนชี้มาที่เธอ เรกาโดชำเลืองมองตาม พลางส่ายหน้าถอนหายใจ
"เรื่องเล็กนิดเดียว"
"เล็กหรือ ฉันรู้นะว่าพี่ซื้อชุดพวกนี้ เพราะต้องการให้มันไปร่วมงานของพี่มิเชล ใช่มั้ย.. มหาลัยรับมันแล้วนี่"
"เข้าใจผิดไปใหญ่แล้ว พี่แทบจะลืมเรื่องนี้ไปแล้วด้วยซ้ำ เธอไม่มีชุดดีๆใส่ พี่ก็แค่ให้คนพาเธอไปซื้อ"
"ต่างกันตรงไหนล่ะ จับมันแต่งตัวหรูๆแบบนี้ ฉันรู้ ต่อไปพี่ก็ต้องพามันออกงาน ฮึ ถ้าเป็นแบบนั้นจริง บอกเลย ฉันจะไม่ยอม ไม่มีทางยอมหรอก "
หล่อนเริ่มตะเบ็งเสียง เชิ่ดหน้าเถียงเขาคอเป็นเอ็น ทำเรกาโดเริ่มฟึดฟัด จ้องหน้าหล่อนไม่วางตา ก่อนจะเบือนไปหาคนกลาง ที่ตอนนี้เอาแต่นั่งนิ่ง ดูไม่ออกว่าเธอยังหายใจอยู่รึเปล่า หรือกลายเป็นอิฐปูนไม่มีหัวใจไปแล้ว ชายหนุ่มชี้ไปที่เธอ โพล่งคำประกาศิตคำนึง ที่ทำเธอสะดุ้งโหยง
"พี่ไม่มีวันเอาแม่นั่นมาเทียบกับน้องโอเค้? "
"....."
"ฉะนั้นหยุดโวยวายได้แล้ว "
ซึ่งแน่นอนเริ่มทำเคลที่สงบลงได้ หล่อนค่อยๆเย็นลง จนกระทั่งยิ้มออกมาในที่สุด ถลาเข้าไปเกาะแขนพี่ชาย
"จริงๆนะคะ พี่ไม่ได้โกหกนะคะ"
เรกาโดชำเลืองมองหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงปลายเตียง พลางลอบถอนหายใจเฮือก เขารู้คำพูดเมื่อกี้ คงกระทบใจเธอไม่น้อย แต่มันช่วยไม่ได้ เขาไม่มีทางเลือก
"... อืม"
แล้วจึงหันมาตอบน้องสาวเสียงเรียบ ใช้ฝ่ามือดุนหลังหล่อน หวังให้หล่อนนั้นสงบศึก
"ไปนอนเถอะเคลที่ ทางนี้พี่จะจัดการเอง"
"แล้วเรื่องนั้นล่ะคะ งานพี่มิเชลที่มหาลัย พี่จะไม่พามันไปด้วยใช่ไหม"
ก่อนจะผ่อนลมหายใจอีกครั้ง พร้อมคิ้วขมวดบ่งบอกความหงุดหงิด
"เคลที่ นอกจากงานในองค์กร พี่ไม่เคยเอาเรื่องจุกจิกของผู้หญิงเข้ามาในหัว น้องก็รู้..."
บอกเสียงขรึม สร้างความขุ่นมัวใจให้หล่อนไม่น้อย เคลที่เลิกคิ้ว ยกมือขึ้น เป็นการยอมแพ้และยุติเหตุการณ์ทั้งหมด
"ก็ได้.... ไม่พูดเรื่องนี้ก็ได้ แต่อย่าให้ฉันโมโหก็ล่ะกัน"
ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง โดยไม่วายเหลือบมองเอมิเลียในประโยคหลัง
"ฝากไว้ก่อนเถอะ "
ปล่อยเขากับเธอให้อยู่ด้วยกันสองคน ในขณะหญิงสาวยังคงก้มหน้านิ่ง เรกาโดเห็นอย่างนั้นจึงก้มลงเก็บเศษเสื้อผ้าที่หล่นเกลื่อนพื้นให้ เข้าใจว่าเธอนั้นคงจะเสียใจมาก
"พรุ่งนี้ฉันจะพาไปซื้อใหม่"
ทำท่าจะหันหลังเดินออก ทว่า...
"เปลี่ยนจากพาไปซื้อเสื้อผ้า ไปส่งหนูกลับบ้านกำพร้าได้ไหมคะ..."
เรกาโดชะงัก หมุนตัวกลับมามองหน้าหญิงสาว ในขณะเธอช้อนหน้าขึ้น หยดน้ำเต็มเบ้าตา พลางขมวดคิ้ว
"พูดใหม่อีกทีซิ"
คำถามตอกย้ำความกลัว หญิงสาวปากสั่นระริก ไร้ซึ่งศักยภาพความกล้าเมื่อครู่ ถามตัวเองในใจ ทำไมใจไม่สู้นานกว่านี้อีกสักสิบวินาที ดวงตาหวานเบือนต่ำ ปากบางเฉียบเม้มเขาหากันแน่น นั้นยิ่งทำให้คนถามหงุดหงิด เขาเหนื่อยงานมาทีนึงแล้วต้องมาเจออะไรแบบนี้อีก
"ฟังนะสาวน้อย"
เรกาโดย่อตัวนั่งยองตรงหน้า ระดับปลายจมูกห่างกันเพียงสองเซนต์ เรียกขานนามเธอเสียงต่ำ ในขณะลมหายใจเริ่มแรงขึ้น
"อันที่จริงฉันไม่ได้อยากจะหาภาระมาใส่หัวเพิ่มหรอก เธอมาที่นี่ในฐานะเด็กของแม่ฉัน ก่อนตายหล่อนได้ขอฉันไว้ ตอนนั้นฉันรับคำเพราะต้องการให้แม่ไปสบาย ฉะนั้นอย่าสำคัญตัวผิด"
"ฮึก..."
สร้างความจุกในทรวงให้เอมิเลียไม่น้อย ร่างกายเธอชาวาบ ดวงตาสั่นระริก ระยะห่างเธอกับเขามันกดดันกันเกินไป เธอไม่กล้าแม้จะหายใจแรง
"แต่ชีวิต... "
"ชีวิตเธอไม่ได้เป็นของเธอแล้วเอมิเลีย "
"......"
"แต่มันคือ.. ของของฉัน ทางที่ดีอย่าทำให้ฉันต้องผิดคำพูดกับแม่จะดีกว่า เพราะฉันคงไม่เธอไปง่ายๆ ในฐานะผู้รู้ความลับ... "
ถ้าหากประโยคนี้ไม่ทำให้เธอขุ่นมัวใจขึ้นมา ข้างในเธอกำลังร้อน เสมือนมีใครจุดไฟเผา ทำได้แค่ตอบโต้เล็กๆน้อยๆเท่านั้น ทว่ากลับพลาด ในจังหวะหันหน้าหวังจะค้อนเขา
"อุ๊บ O.O"
ริมฝีปากบางเฉียบ แตะเข้ากับริมฝีปากหนา โดยที่เขาไม่คิดแม้จะหลบหนี เอมิเลียตกใจหนัก เผลอผลักเขาเต็มแรง ทว่าคนเซล้มพับกลับไม่ใช่เขา เรกาโดถึกเกินกว่าจะสะท้กสะท้านได้ หรือหงายหลังด้วยข้อมือบางเล็กเพียงคู่เดียวของเธอ
"ฮึ.."
อีกทั้งเจ็บใจหนักก็ตอนเขาใช้ลิ้นกวาดเลียริมฝีปากหนา บ่งบอกให้รู้ว่าเธอนั้นทำตัวเธอเอง ในขณะร่างบางรีบยันตัวเองลุกขึ้น จ้องเขาผ่านม่านน้ำตาไม่กระพริบ
"ฮึก... คนเห็นแก่ตัว"
สบถคำด่าลอดไรฟัน ส่วนเขาเหยียดยิ้มแค่มุมปาก
"ฉันจะเก็บคำด่าของเธอไปหาความหมายนะ และถ้ามีเวลาว่างมากไปกว่านั้น ฉันจะไปหาวิธีเลี้ยงดูเธอใหม่"
"......"
"เอาแบบไหนดีล่ะ ในฐานะน้องสาว หรือ... นางบำเรอ"
ประโยคทิ้งท้ายเขากระซิบ ทำหน้ายียวนกวนประสาท พลางลุกออกไปโดยไม่บอกลาเธอสักคำ
เวลานานเท่าไหร่ไม่รู้เธอไม่ได้นับ หลังชายหนุ่มเดินออกไปจากห้อง เธอก็เอาแต่นั่งเหม่อลอย มองเพดานสลับกับฝาผนัง ทำอย่างกับมันคือภาพที่พึ่งยึดเหนี่ยวจิตใจสุดท้าย ชีวิตหลังจากนี้จะเป็นอย่างไรต่อ คงมีแต่เรกาโดเท่านั้นที่รู้ !เอมิเลียตาบวมเป่ง ค่อยถดร่างบางออกจากเตียงเดินไปล้างหน้า ทำตัวให้ปกติ เมื่อความตกใจนั้นเริ่มทุเลาลง เธอรู้เธอไม่มีทางเปลี่ยนแปลงอะไรได้ และเหมือนจะไม่มีวันนั้นเลยด้วยเที่ยงคืนตรงตึก ตึก ตึกเสียงฝีเท้าทำเธอสะดุ้งตื่น ผุดตัวลุกขึ้นมานั่ง หลังหลับไปสักพัก เธอเดินไปที่หน้าต่าง ค่อยๆแง้มมันออก พลางใช้สายตาก้มลงไปดู ชายชุดดำนับสิบ วิ่งกันจ้าละหวั่นเต็มไปหมด หนึ่งในนั้นมีลูแคนด้วย ก่อนจะหลุดร่างเรกาโดผุดออกมาจากตึก เสมือนเช็คความเรียบร้อย เธอรีบหลบ ในจังหวะเขาเงยขึ้นมามอง หญิงสาวขมวดคิ้วครุ่นคิด ก่อนหน้าเธอเหมือนเห็นอะไรบางอย่าง ซึ่งเป็นลังถูกลำเลียงพาขึ้นรถไปแต่ ทำไมต้องทำกันลับๆล่อๆตอนเที่ยงคืนบรื้นนนนดวงตาหวานโผล่ออกไปแอบมองอีกครั้ง หลังได้ยินเสียงรถออกไปพร้อมเสียงความวุ่นวาย แต่เธอพลาดที่มองไกลเกินไป ตอนสายตาชำเลืองตามดวงไฟท้ายรถนั้น เลยไม่ทันสังเกตุเห็นมีคนบางคนด
ร่างสูงสง่ายืนคุยโทรศัพท์อยู่นานสองนานด้วยเรื่องสำคัญ หลังเวเดโน่ได้รับข่าวจากสายลับถึงแก็งค์คู่แข่งเรื่องการส่งออกสินค้าเข้าสู่ตลาดมืด แต่เป็นการเหยียบจมูกพวกเขา"ใครบอกมึง"(ไอ้เวย์) "ฮึ ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้"(ถือว่าสำเร็จไปขั้นนึง แล้วไอ้พวกทรยศนี้ล่ะวะ มึงจะเอาไง) เวเดโน่ขอความเห็นในขณะเรกาโดกำลังครุ่นคิด พร้อมกับพ่นควันบุหรี่ไปด้วย ก่อนจะขยี้และทิ้งลงถัง"เดี๋ยวกูเข้าไปเองดีกว่า "(ได้ งั้นกูจะนัดคนที่เหลือมารอมึง อีกนานไหมวะ ได้ข่าวว่าช่วงนี้กระเตงเด็ก)"ฮึ ตลก..."ชายหนุ่มแค่นหัวเราะ"รอไม่นาน เดี๋ยวกูเข้าไปเลย"แล้วตัดสายทิ้ง ยืนผ่อนคลายความเครียดอยู่อึดใจนึง จึงจะเดินขึ้นรถไป(ครับนาย) "ลูแคน ช่วยมาตามโลเคชั่นนี้ที"ทิ้งน้องสาวกำมะลอไว้ในร้าน โดยให้ลูกน้องมาสานต่อทางด้านของเอมิเลีย และ ไดอาน่า หลังวัดตัวเสร็จ ดีไซเนอร์อย่างหล่อนก็ทำการร่างโครงคร่าวๆทันที หล่อนแพลนจะตัดให้เธอหลายๆชุด มีทั้งชุดลำลองและชุดออกงาน ก่อนจะพากันเดินออกมาเพื่อตกลงราคากับเรกาโด ทว่า ไม่มีเขายืนอยู่ตรงนั้นเสียแล้ว"หืม ไปไหนแล้วล่ะ"ในขณะเอมิเลียแอบชะเง้อคอมองหา สลับกับมองไดอาน่าที่ก
องค์กรดาร์ก สมาคมสำหรับผู้บ้าอำนาจ ถูกแต่งตั้งด้วยรุ่นเก๋าอย่างพ่อของเรกาโด แม้จะถอนทัพไปนานแล้ว ทว่าเบื้องหลังทั้งหมดยังมีเขาอยู่ เรกาโดตื่นเช้าเพื่อเข้าประชุมตามคำบัญชาที่ส่งมาทางสมาร์ทโฟนไร้สาย หน้าขรึมบัดนี้ขรึมยิ่งกว่า เพราะต่อให้หงุดหงิดแค่ไหนกับความยุ่งเหยิงก็ต้องเก็บกักมันไว้ ก่อนศีรษะโค้งคำนับลงหลังถึง" นั่งสิ "ร่างบึกบึนที่ไม่ยอมแก่แม้หนวดเคราจะแฝงสีขาวผายมือเชื้อเชิญ แน่นอนลูกชายถอดแบบจากเขาไม่มีผิด เขาไม่นั่ง" ผมมา เพื่อจะฟังเรื่องสำคัญของท่านเท่านั้น คิดว่าคงไม่นาน "ใครเล่าจะนั่งสนทนากับคนที่ขึ้นชื่อทำให้แม่เขาตายลง เรกาโด วิส เม้มปากแน่น คำรามฮึมฮัมในลำคอ เดินฟึดฟัดไปหยุดข้างหน้าต่าง เขาหันหลังให้ ส่วนลูกชายยืนยืดอกนิ่ง สูทที่สวมใส่ของทั้งคู่ คงความเป็นผู้ดีบ่งบอกถึงการไว้หน้า ไม่ทำตัวกร่างต่อหน้าลูกน้องได้ดีเลยทีเดียว" แกพาเด็กคนนั้นเข้ามาอยู่ในบ้าน ได้สืบหัวนอนปลายเท้าหล่อนรึยัง "แน่นอนครูซัสพ่นลมหายใจพรืด เดาไม่เคยผิดว่าต้องเป็นเรื่องนี้" เธอเป็นเด็กกำพร้าตั้งแต่เกิด โตมาจากที่นั่น จะต้องสืบอะไรอีก "" ก็ไม่ได้หมายความว่าพ่อแม่หล่อนตายแล้วนี่ "" แค่ผู้หญิงคนเด
ปากหนาเป็นกระจับ แดงระเรื่อเผยอขึ้นพ่นควันบุหรี่ ในขณะสายตาคมกริบกำลังมองภาพเคลื่อนไหวผ่านชิปสอดแนม ซึ่งแอบติดไปกับเสื้อลูแคน หลังแสร้งทำเป็นตบบ่าฝากฝังให้ไปส่งน้องสาวกำมะลอ จริงๆแล้ว เจตนาของเขานั้นแค่เป็นห่วง อยากรู้ว่าเธอนั้นเป็นอย่างไร ไม่นึกว่าจะมาเห็นภาพอะไรแบบนี้ และถ้าชิปเก่านั้นไม่ขัดข้องเพราะไม่ค่อยได้ใช้งานนานเสียก่อน คงจะได้ยินเสียงด้วย ภาพตรงหน้าจึงถูกฉายให้เห็นเพียงเอมิเลียโผเข้าโอบหลังบอดี้การ์ดของเขาตุบ!ครูซัสเตะถังขยะไปไกลห่าง หลังทิ้งก้นบุหรี่ลง จนมันล้มเทระเนระนาด ก่อนจะลุกเต็มความสูงเดินไปใส่เสื้อ เก็บกักอารมณ์หงุดหงิดนั้นไว้ เพื่อไปประชุมให้ทันใช่ เพราะไอ้เวย์คนเดียว ทำให้เขาชวดจากการไปส่งเธอ!ในห้องประชุมของดาร์ก บรรยากาศแสงสลัว แอร์เย็นฉ่ำ มีเพียงไฟจากสปอร์ตไลท์เท่านั้นที่ชี้ไปทางกระดานขาว เรกาโดนั่งเงียบในขณะเพื่อนๆกำลังเฮฮาสนั่นห้อง ก่อนหนังสือเล่มหนึ่งจะลอยมาโดนศีรษะ แน่นอนเมื่อรู้ทิศทางของคนปามา เขาจึงปากลับ สร้างเสียงหัวเราะให้เพื่อนที่เหลือไม่น้อย“ เฮ้ พวกไม่เอาน่า แค่ลูกหย่านมแค่นี้ ถึงกับเศร้าเลยหรือวะ"“ ฮ่าๆๆ "พวกเขารู้ เอมิเลียออกจากบ้านของครูซัส
เอมิเลียเดินมาหยุดกลางห้อง ซึ่งเป็นห้องเดิมเมื่อสี่ปีก่อน ตลอดทางเดินที่มาเธอเก็บความมึนงงในนาทีแรกที่เจอลูแคนไว้ จนถึงจุดหมาย หญิงสาวปล่อยมือออกจากที่จับกระเป๋า ย้ายไปนั่งปลายเตียงแทน ทบทวนเหตุการณ์ พยายามนึกถึงสาเหตุที่ทำลูแคนเย็นชาแบบนั้นได้ ทว่านึกยังไงก็นึกไม่ออก การกระทำของเขาเหล่านั้นสวนทางกับจิตใจ จนทำให้เธอมองออกแต่แล้ว.... ในขณะเธอนั่งครุ่นคิด ไม่นานภวังค์ของเธอก็หลุด ถูกทำลายโดยสาวใช้อายุรุนราวคราวเดียวกับเธอ เอมิเลียขมวดคิ้วในจังหวะหล่อนเดินมาถึงและคำนับให้" สวัสดีค่ะคุณหนู ดิฉันซากี มีหน้าที่ดูแลคุณหนูนับแต่นี้ค่ะ "" เอ๋ ?? ..แล้วพี่ซีอาร์ล่ะคะ ไปไหน? "เธอเอียงคอถาม ในขณะซากีก้มหน้างุน สคริปของหล่อนไม่มีคำพูดนอกเหนือจากนี้ หล่อนถูกสั่งให้มารายงานตัวและจัดเก็บกระเป๋าให้คุณหนูเพียงอย่างเดียว" เอ่อ..."" ออกไปให้พ้นซะซากี ""ค่ะ "ระหว่างอ้ำอึ้ง สาวใช้กลับต้องกระวีกระวาดรีบคำนับรนรานเพราะเสียงดังของใครคนนึงครูซัสถือวิสาสะเดินเข้ามาโดยไม่ขออนุญาต จงใจจะห้ามไม่ให้หล่อนนั้นปากโพล่ง แต่นั่นยิ่งทำเอมิเลียสงสัยเข้าไปใหญ่ เธอเหยียดเท้าลงจากเตียงเหยียบพื้น ยืนเต็มความสูง แต่ไ
ร่างสูงปราดเปรียว คอไร้เครื่องประดับ ทว่าระหงสวยจนใครต้องเหลียวหลังมอง สีชุดของเธอฉูดฉาดขับผิวให้เด่น แต่กระนั้นมันไม่ใช่ที่ที่เธอจะต้องมาเดิน ตาหวานกวาดหาสัญลักษณ์ห้องน้ำ เธอหวังจะไปสงบสติอารมณ์เท่านั้น แต่แล้ว ข้อมือเรียวกลับถูกใครบางคนฉุดไว้ ดึงหันตัวไปมอง ในจังหวะร่างบางถึงมุมอับ คนยืนประชันหน้าคือ ..มิเชล" เย้ว! "" อ๊ะ.."หล่อนยืนมองเธอตั้งแต่หน้าผับแล้ว มองตามหลังกรายๆ เห็นแค่เสี้ยวหน้าก็พอจะรู้ว่าเธอสวย และคนสวยมักจะถูกเรกาโดเลือกจนกระทั่งเข้ามาในงาน ยืนมองโต๊ะวีไอพีที่เด่นที่สุดในมุมมืด รอจังหวะเอมิเลียผละออกมา และก็สมหวัง ตาสีฟ้ามองเข้ามาในตาลึก หลังทักทายเสียงแหบห้าว และด้วยส่วนสูงที่เท่ากัน ทำหล่อนจิกได้ง่าย ในขณะเอมิเลียงง เธอชะงักชะงัน" เอาล่ะแม่สาวน้อย บอกฉันมา เธอชื่ออะไร "ขบฟันถาม เส้นเลือดขึ้นลำคอ" คุณเป็นใคร "" เรากำลังจะได้รู้จักกันอยู่นี่ไง "" ฉัน เอมิเลีย "" อืม เอมิเลีย ฉัน ..มิเชล "จริงๆ แล้ว คนที่รู้จักมิเชลฝ่ายเดียวคือเอมิเลีย เธอเคยเห็นหล่อนเมื่อสี่ปีก่อน ตรงหน้ารั้วคฤหาสน์ ซึ่งกำลังทะเลาะกับเรกาโดอย่างบ้าคลั่ง และท้ายที่สุดก็จบลงตรงการนอนด้วยกัน"
เอมิเลียยืนค้าง เธอหมดคำจะเอื้อนเอ่ย แผ่นหลังเนียนพิงฝาผนังบ่งบอกถึงความหมดแรง มีอะไรอีกหลายอย่างที่เธอไม่รู้ และอ่อนหัด เขาทำแผลเสร็จก็เก็บของเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น มีช่วงนึงหลังวางสายจากซันดรูและปล่อยเธอทิ้ง ไม่พูดไม่จาทำเหมือนห้องนี้ไม่มีคนอยู่ จนกระทั่งหลุดเข้าไปล้างมือในห้องน้ำแล้วเดินกลับ จึงจะค่อยสนใจใหม่ เธอไม่รู้ ในสมองเขามีเรื่องให้ต้องคิดหลายเรื่อง"มานั่งนี่สิ มาใกล้ๆ ฉัน" เขาตบเบาะข้างกายหลังขึ้นไปนั่งบนฟูกหนัง หญิงสาวยังคงลังเลจนเขาต้องดึงสติซ้ำ" เอมิเลีย ได้ยินที่ฉันพูดไหม ฉันมีบางเรื่องจะตกลงกับเธอ"นั่นจึงผลักให้เธอยอมเดิน ทั้งที่ใจประหม่าแทบแย่ เธอค่อยๆ ก้าว ขึ้นไปนั่งข้างเขาเชื่องช้า และด้วยความสูงที่ต่างกัน เท้าเธอจึงลอย เรกาโดถอนหายใจเฮือก เอี่ยวตัวจากการเก็บของ หันกลับมามองเธอ" ยังเสียใจอยู่หรือเปล่า "" คะ? ""......." เขาเงียบ ปล่อยให้เธอนึกเอง" อ้อ นิดหน่อยค่ะ "เอมิเลียพยักหน้า สีหน้าประหม่าและกดดันเต็มที ภาวนาให้เรื่องที่เขาถามคือเรื่องเดียวกับที่เธอตอบ ทว่า ไม่ ไม่ใช่มันคนละเรื่อง เขาหมายถึงการตายของซีอาร์ ส่วนเธอเข้าใจว่า เรื่องที่เกิดคือเหตุการณ์ชุลม
ตึกสูงระฟ้า ข้างในเป็นองค์กรทั้งเผยและลับ ดำมืดในการตลาดค้าอาวุธสงคราม ทั้งถูกกฏหมายและไม่ถูกกฏหมาย บางชนิดขึ้นทะเบียน บางชนิดสั่งทำพิเศษมีหนึ่งเดียวในโลก แต่นั่นคงเป็นเรื่องโกหก โฆษณาชวนเชื่อเท่านั้น หากทุกชิ้นที่ผลิต เจ้าของธุรกิจต้องมีไว้ครอบครองด้วยเรกาโด ครูซัสลงมายืนตระหง่านจากรถดำคันแกร่ง กันกระสุนเข้าอย่างทรงประสิทธิภาพ ใช้มือหนาทึ้งชายเสื้อจัดแจงสูทให้เข้าที่พร้อมพ่นลมหายใจ วันนี้แหละคือวันที่เขาจะทำให้เรื่องนี้รู้ดำรู้แดง และจบให้สวยที่สุด" ไง ท่านบิ๊กครูซ"เสียงแหบแห้งดังจากมุมห้อง ก่อนรถเข็นซึ่งมีชายสูงวัยอายุราวๆ หกสิบนั่งอยู่ตรงหน้าเขา และค่อยๆหันกลับมา เรกาโดหยุดชะงักฝีเท้าโค้งคำนับ" อรุณสวัสดิ์ครับ"เขาคือราชาขององค์กรอีกคนหนึ่ง ที่มีอำนาจมากพอจะหนุนหลังแก็งอัลฟาได้ แม้ขาแข้งจะพิการ เพราะถูกกระสุนเจาะกระดูกข้อเข่าสมัยทำสงครามตอนยังเป็นหนุ่ม ทว่า สังขารนี้หาได้เป็นอุปสรรคต่อเขาไม่ 'โดโรธี ทอน' บุคคลที่น่ากลัวพอๆ กันกับศัตรู ยากจะหยั่งรู้ความคิด นั่งมือผสาน ช้อนตามองคนหนุ่มกว่า คราวรุ่นลูกและรักเสมือนลูก" เรียกผมมาวันนี้ มีเรื่องสำคัญงั้นหรือ"" ก็ไม่สำคัญเท่าไหร่นั
ข้างกระโจมเรียงรายหลายหลัง บริเวณกว้างรอบล้อมไปด้วยทะเลทราย นับว่าเป็นครั้งแรกที่แก็งค์อัลฟามาเหยียบที่นี่ และเป็นครั้งเลอค่าไม่เสียแรงที่ยอมเหนื่อยเพื่อได้ไต่เต้า พวกเขาทำสำเร็จ เพียงเพราะการต่อลองของเรกาโด แลกกับการอารักขาหัวโขนผู้ยิ่งใหญ่ใช่ เขาช่างเป็นผู้ที่เสียสละแน่นอนภายหลังของภารกิจพรรคพวกเขาต้องร่วมและมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย นั่นหมายถึงบ่อเกิดของการต้องประนีประนอม บ่อยครั้งที่ต้องเย็นกว่า เพื่อสยบร้อนให้มากที่สุด ยามเรกาโดกระฟัดกระเฟียด ดุจนิสัยหญิงมีประจำเดือนเป็นระลอกแบบไม่ดูเวล่ำเวลา หรือจะเรียกว่าสามวันดี สี่วันไข้ก็ยังได้ แลนิสัยเหล่านี้ มักจะทำงานใหญ่พังประจำ มีอยู่ครั้งหนึ่ง พรรคพวกนอกชายแดนแบบไม่สนิทเท่าไหร่นัก ทว่ายอมร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่มาด้วยกันจนงานสำเร็จ แม้ว่าเจตนาที่เข้ามาช่วยนั้นจะเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ทางธุรกิจทั้งหมด กระนั้นเรื่องแบบนี้ ขึ้นชื่อว่าวงการตลาดมืด หามีใครมาถือสากันไม่แต่แล้ว...กลับถูกยิงตายด้วยเงื้อมมือของเรกาโด เพียงแค่ถกเถียง และออกความเห็นไม่ตรงกัน ด้วยเรื่องไร้สาระแค่นั้นเปรียบเป็นอุทาหรณ์สอนใจทุกคนในทีมได้ดีเลยทีเดียว เหล่าเพื่อนสนิ
แผ่นหลังบางถูกสัมผัสเข้ากับพรมหนา พร้อมร่างใหญ่โน้มลงมาคร่อม นิ้วเรียวแตะจึ้กทาบริมฝีปาก ก่อนเบือนหน้าหนีไปทางอื่น ในจังหวะเขาลดหน้าเตรียมจะจูบ" หืม ..."" อย่าทำแบบนี้ "" อะไร ก็แค่จูบ "เรกาโดเลิกคิ้วหนา" ขอพักได้ไหมคะ เหนื่อยจะแย่"ส่วนเธอร้องขอเสียงกระท่อนกระแท่นเอากับเขาสิ ทีแรกบอกจะนอนเอาแรง คนกะล่อนอย่างเขา หากเธอรู้ไม่ทันก็แย่เต็มทีแล้ว" เอมิเลีย ฉันแค่จะจูบ.."" ฉันอยากคุยกับคุณมากกว่านะคะ"" ........."หัวไหล่แกร่งยักขึ้น หลังก้มมองพวงแก้มเธอนิ่ง ลากสายตามายังลำคอระหง ที่กำลังลอบกลืนน้ำลายจนลูกกระเดือกเคลื่อน แล้วยันตัวลุก" มีสิทธิ์สั่งฉันตั้งแต่เมื่อไหร่ "ทิ้งตัวลงไปนอนข้างๆ เธออย่างว่าง่าย เพราะเขาเองก็เหนื่อยเหมือนกัน พลางหันมาหาในท่าเท้าคางนอนตะแคง พร้อมถอนหายใจ" จะคุยเรื่องอะไร ก็ว่ามา .."" เรื่อง.."เธอก้มหน้างุด ประโยคทิ้งท้ายเอ่ยเสียงแผ่ว" ซิสเตอร์และเด็กๆ "" ฟู่ววว "ว่าแล้ว เดาไม่เคยผิด ชายหนุ่มถอนหายใจ พลางยันตัวลุก เขาไม่พร้อมจะเจรจาเรื่องเครียดตอนนี้ แต่เธอคงไม่ยอม" ถามว่า? "" คุณพาศพพวกเขาไปไว้ที่ไหน "" ฝากบาทหลวงทำพิธี ฝังในพื้นที่ของฉัน"ชายหนุ่
เฮลิคอปเตอร์ส่วนตัวล่อนลงแตะพื้น ก่อนออฟโรดมากกว่าสิบคันจะมารอรับ เอมิเลียเริ่มหายใจไม่ออก ท้องไส้ปั่นป่วน เมื่อเห็นความใหญ่อลังการของแก็งค์เขา มันคงยากมากหากจะเชื่อ ทว่า ก็ต้องเชื่อ หลังเธอมายืนอยู่จุดนี้ กับรอยยิ้มที่เจื่อนสนิท เมื่อเทียบชุดที่เขาสวมใส่กับชุดนอนบางเบาของเธอ ทำไมเรกาโดถึงไม่ให้เวลาเธอได้เตรียมตัวบ้าง" ทำหน้าให้มันดีๆหน่อย "เข้าภวังค์ได้ไม่นาน เสียงทุ้มร่างสูงข้างกายก็โพล่งขึ้น เขาติเตือนเธอในขณะใบหน้าและดวงตายังจ้องมองไปยังบอดี้การ์ด ที่พากันลำเลียงของลงจาก ฮ. สู่หลังรถ" คุณพาฉันมาด้วยทำไม ไหนว่ามาพักผ่อน นี่มันผจญภัยชัดๆ ..."" แฮ่มมม" เขาชะงักก่อนยกกำปั้นกระแอมยามเธอหันมาฉอดๆใส่เขา" คุณนี่มัน..."" เฮ้บิ๊กครูซ "แต่แล้ว...กลับต้องปิดปากเงียบหันไปหาเสียงผู้มาใหม่แทน ในขณะสีหน้ายังคงกระเง้ากระงอดอยู่แมททริกยื่นกระเป๋าเดินทางฝากการ์ดที่เดินผ่าน ก่อนวิ่งเร็วมาหาคนทั้งคู่ เขายิ้มทักทาย ในขณะเธอทำได้แค่หลุบหน้าต่ำ เพราะปรับอารมณ์ไม่ทัน" ไง "" โทษทีว่ะ ที่มาช้ากว่าคนอื่น พอดีติดภารกิจที่บ่อน "" ช้าที่ไหน มึงก็มาแล้วนี่ ""เออ ว่าแต่นี่..."" เอมิเลียไง"และนั่
ดวงตาอิดโรยหลุบหลบต่ำ ไซร่าเลือกที่จะไม่ตอบ สมองเริ่มบีบเพราะต้องหวนกลับไปนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา แขนเรียวเปอะเปื้อนไปด้วยฝุ่นผสมเลือด กวาดกอดตัวเองอีกระลอก ตัวสั่นสะท้าน สติเลอะเลือน เรกาโดอมลมในปาก เริ่มวิตกกังวล ก่อนผละร่างออกห่างยืดอกยืนเต็มความสูง หันไปหาลูกน้อง" เอาน้ำมาสาดเธอ "ซ่า!สิ้นสุดคำสั่ง น้ำถังใหญ่ถูกสาดราดลงกลางหัว ผ่านตัวไปนองพื้น หญิงสาวไม่สะท้กสะท้าน ยิ่งทวีคูณความกลัวด้วยการกอดตัวเองแน่น และแรงกว่าเดิม" ฮึกๆๆ"ก่อนจะล้มลงหมดสติไป' รุ่นเดียวกัน ชะตาเหมือนกัน รักกันให้มากๆนะรู้ไหม 'เสียงเรียบแสนจะอบอุ่นของหญิงวัยกลางคนเอ่ยขึ้น มือคู่บางจับมือเด็กน้อยทั้งสามคนไว้ พร้อมใบหน้ายิ้มแย้มเปี่ยมไปด้วยความใจดี' ค่ะซิสเตอร์ '' เอมี่ ในสถานะที่ลูกอยู่ที่นี่มานาน ดูแลเพื่อนๆด้วยนะ ว่าแต่แม่จะตั้งชื่อลูกสองคนว่ายังไงดี .. '' สเปชี่กับไซร่าไหมคะซิสเตอร์ เอมี่ชอบ 'เด็กน้อยวัยสิบขวบยิ้มตาหยี หันมองหน้าคนข้างๆสลับกับซิสเตอร์ของเธอ' เอางั้นเรอะ ก็ได้ๆ '' ว่าแต่ ทำไมสเปชี่ไม่คุยเลยล่ะ 'เด็กหญิงถามสีหน้าฉงน พร้อมดวงตากลมโตจะเผลอถ่างขึ้นทุกคราที่เธอสงสัย ซิสเตอร์เม้มปากแน่น
ตาหวานเคลือบความใสดุจน้ำมันเบิกออก ร่างถึกอมยิ้ม เกลี่ยพวงแก้มสาวด้วยความหลงใหล ค่อยๆ โน้มหน้าปลายจมูกจ่อใกล้ เธอประหม่า เตรียมหลบ ทว่า มือใหญ่คว้าไว้กลางคัน" อยู่ที่นี่ คงเบื่อแย่ "ชวนสนทนาน้ำเสียงอ่อนโยน ขณะมืออีกข้างไถถูไปรอบเอวคอดกิ่ว หน้าขาแกร่งเบียดหน้าขาเล็ก ท่อนเอ็นถูเสียดเข้ากับเนื้อนูน เอมิเลียตัวเกร็ง เมื่อรับรู้ถึงความผิดปกติ ที่กำลังขยายตัว" อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า "" อยากออกห่างจากตัวคุณค่ะ "" หืม.."ชายหนุ่มเลิกคิ้ว ขำขันต่อคำพูดตรงไปตรงมา ไร้ความแอบแฝงใดๆ นั่น เธอคงกลัว ทว่า กลับท้าทายต่อเขา" เพราะอะไร "" มันอึดอัด "" ไหน ตรงไหน บอกสิ ฉันจะแก้ให้ "เขาล้อเลียน นิ้วใหญ่เลื่อนไปนาบตรงกลางกาย หญิงสาวสะดุ้งโหยง รนรานหลบหลีก ทว่า เรี่ยวแรงกลับไม่เท่าเขา" อย่าค่ะ "ปลายนิ้วเกลี่ยถูไปทั่ว ก่อนจะค่อยล้วงเข้าไปใต้กระโปรงบานผ้าลื่นของเธอ" อย่าอะไร "ขนหน้าขาเรียวขนลุกชู ยามนิ้วเย็นลากยาวทาบทับ พร้อมเสียงกระซิบ ริมฝีปากเหน็บเม้มติ่งหู" คุณครูซ..."" อยู่เฉยๆ สิ อย่าขัดความสุขของฉัน "มาถึงตอนนี้ต่อให้ฝ่ามือเล็กตะปบ ยื้อยึดมือเขา เรกาโดผู้เปี่ยมไปด้วยความเผด็จการ คงไม่
เรกาโดหันขวับ เปลี่ยนติดทางไปยังคนพูดทันที พลางยกกระบอกปืนชี้ ไซร่าเห็นยิ่งตัวสั่น ก้มหน้างุนกว่าเดิม" เธอว่าอะไรนะ" เขาถามย้ำนาทีนี้คงไม่มีใครสนใจคนเจ็บที่นั่งเลือดอาบแขนอยู่บนพื้น" ฉันไม่ทราบค่ะ เธอเอาข้อเสนอมาให้พวกเรา"หล่อนตอบตะกุกตะกัก ไม่ค่อยจะเต็มเสียงนัก สายตาเบือนต่ำไปหาเพื่อนสาว ก่อนเบือนหน้าหนี" ข้อเสนออะไร"" ขะ ข้อเสนอ.... "" บอกมาเถอะน่า ถ้าเธอบอก ฉันจะไว้ชีวิตเธอ"เขาเก็บปืนเหน็บเอวสอบ ก่อนเลื่อนเก้าอี้มานั่งตรงหน้า อย่างใจเย็น ไซร่ากลืนน้ำลายก้อนใหญ่ คอแห้งเผือด กลัวเสียจนกระหายน้ำ" เธอบอกว่า จะดูแลพวกเราอย่างดี เพราะเป็นนายหญิงของที่นี่"" แลกกับอะไร? "" อย่าบอกนะไซร่า... ""หุบปาก! "นิ้วเรียวชี้หน้าคนที่นั่งกับพื้น สายตาดุดัน ในจังหวะเขาถามแล้วหล่อนแทรกขึ้นมา สเปชี่เห็นอย่างนั้น จึงรีบหลบตา .... สำหรับเรกาโดตอนนี้ หล่อนคือคนกลัวไม่เกรง และร้ายที่สุด" หรือฉันจะฆ่าเพื่อนเธอก่อนดีไซร่า " เขากระซิบ " แล้วเรามาคุยกันสองคน... เอาแบบว่า เนื้อแนบเนื้อเลยดีไหม..."เขาหยั่งเชิง เลิกคิ้วเข้ม โน้มหน้าเข้าไปใกล้ เพราะดูออก เด็กพวกนี้หวังสูงเอาการ คงเห็นแบบอย่างเป็นเอ
ทางเดินสีดำมืดมนที่เคยพานพบ สำหรับเรกาโดก่อนหน้านี้ เขาคิดมาโดยตลอดว่าเขาเอาอยู่ ในคติของใจสุดลึก อะไรก็ตามเข้ามาอยู่ในอุ้งมือ ปล่อยเสรีให้เขาดูแลอย่างเต็มที่ ไม่มีทางที่เขาจะทำพลาด ถึงแม้เรื่องนั้นจะยากเกินตัว เว้นแต่...วันที่เธอคนนี้เดินเข้ามา" เอมิเลีย... ฟู่ววว"เขาถึงกับกุมขมับไปไม่ถูก เอนหลังแกร่งพิงพนักเก้าอี้ยาวประจำตำแหน่ง ใช้ความคิดหาทางออกต่อเหตุการณ์ครานี้ แต่เหมือนมันตื้อไปหมดนิ้วเรียวยาวเคาะโต๊ะเป็นจังหวะของเส้นสมองประกอบความคิด ก่อนเรกาโดจะหลับตาแน่น คลายความกดดันนั้นลง ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง พาร่างล่ำสมาร์ทไปยืนตรงระเบียง เพื่อจุดบุหรี่สูบภาพศพเรียงรายดำไหม้แทบกลายเป็นขี้เถ้า ติดอยู่นัยย์ตาเขา พาลทำหลอนประสาท หากเรื่องนี้ไม่ใช้เงินมหาศาลในการปิดข่าว เพื่อกันเจ้าหน้าที่รัฐเข้ามายุ่งเกี่ยว เขาคงจะเครียดหนักกว่านี้ เผลอๆถึงขั้นกระอักเลือดสถานที่กำพร้า แม้จะเป็นพื้นที่ของเขา ตระกูลเขาใช้อิทธิพลกวาดซื้อ เพื่อสานต่อภายในอนาคต หวังบังหน้าธุระกิจผิดกฏหมาย แม้ในความคิดของบิดาจะแสร้งทำ ทว่ากลับมีค่าต่อจิตใจมารดาของเขาทั้งสิ้น ความผิดหวังและเสียใจต้องเกิดขึ้นกับบุตรชายอย่างเ
เอี๊ยด!ล้อรถหยุดเคลื่อนตัวหน้าคฤหาสน์หรู หน้าที่ของคนขับหลังเปิดประตูรถให้ตัวเอง ต้องรนรานลงมาเปิดประตูรถให้เจ้านายด้วย เนื่องจากนายหญิงสลบเหมือดไม่ได้สติตั้งแต่ชั่วโมงที่แล้วเรกาโดแบกร่างบางสาวไว้เต็มสองแขน กรอบหน้ามนสวยปรักจมแผงอกอุ่น เขาเดินเร็วรุดหน้าไปยังโรงพยาบาลขนาดย่อม หาได้สนใจไม่" ตามหมอมา"" ครับนาย"บาดแผลนอกกายไม่ได้หนักหนาสาหัส เท่ากับภายในใจ ณ ตอนนี้ ชายหนุ่มคิดไม่ตก คงจะหมดความมั่นใจ หากเธอฟื้นขึ้นมาแล้วไม่เหมือนเดิม" หมอมาแล้วครับ"เรกาโดค่อยๆ วางร่างเธอลงบนเบาะ ในจังหวะหมอประจำตระกูลเข้ามาก้มคำนับให้ ใบหน้าหวานเปอะเปื้อนไปด้วยเขม่าควันดำครึก นั่น ทำเขาไม่อยากจะละสายตา เธอหลับตาพริ้ม ท่ามกลางคราบน้ำตาเต็มเปลือก" ฝากด้วยนะหมอ เธอฟื้นเมื่อไหร่บอกฉันด้วย"" ครับ"ก่อนจะหันหลังเดินจากไป เพื่อไปสะสางคดีความสามชั่วโมงผ่านไปเปลือกตาหนักอึ้ง ค่อยๆ ลืมขึ้น ภาพแรกที่เห็น คือเพดานสีขาวสะอาดตา กลิ่นยาคุ้นเคยตลบอบอวลไปทั่ว หญิงสาวลุกพรวดด้วยความตกใจ ก่อนจะเบ้ปากด้วยความเจ็บปวด เมื่อแขนข้างหนึ่งดึงสายน้ำเกลือขึ้นจนตึง" ซี๊ดดดด"เธอปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อ ลามไปทั้งตัว" นายหญ
มืดสลัว นาฬิกาภายในห้องบอกเวลาสามทุ่ม เอมิเลียสลึมสลือตื่นเพราะเสียงโหวกเหวกโวยวาย เสมือนฝีเท้าเคาะพื้นเป็นจังหวะรัวเร็วของผู้คนมากกว่าสิบหญิงสาวถูกปลุกขึ้นมาจากความฝัน เธอฝันถึงซิสเตอร์และเด็กๆ จัดงานวันเกิดให้แก่เธอในห้องนอนเก่า ทุกคนแต่งชุดสวย สีสันสดใสสว่างไสวไปด้วยแสงเทียน เสียงปรบมือกระทบกันเป็นจังหวะ หลายคู่ผสานพร้อมกันกับเสียงเพลงในจังหวะน้องเล็กสุดยื่นเค้กมาให้เธอพร้อมยิ้มหวาน จังหวะนั้นที่เธอกำลังจะเป่า แต่แล้ว....ตึก ตึก ตึก ตึกกลับมีเสียงดังกล่าวมารบกวนการนอนของเธอ เอมิเลียลุกขึ้นเดินโซซัดโซเซไปแง้มหน้าต่าง ภาพที่เห็นคือความยุ่งเหยิง ชวนให้เวียนหัว" อะไรกัน.."ก่อนรถทุกคันซึ่งถูกจอดเรียงไว้ จะค่อยๆเคลื่อนตัวออกไป คันสุดท้ายคาดว่าจะเป็นของนายใหญ่เปิดประตูค้าง เรกาเดินเร็วออกมาจากตัวบ้าน เขาหยุดคุยกับบอดี้การ์ดสลับกับช้อนตาขึ้นมามองหน้าต่างห้องของเธอ โชคดีไฟไม่ได้เปิดเขาจึงมองไม่เห็นมีเธอยืนอยู่และไม่นานเสียงเคาะประตูห้องเธอก็ดังขึ้น ด้วยความอยากรู้ หญิงสาวจึงเดินเร็วไปกระชากมากกว่าเปิด แต่แล้วประโยคแรกที่ได้ยินกลับต้องยืนช็อค" นายหญิง.. "" มะ มีอะไร......."" บ