เวลานานเท่าไหร่ไม่รู้เธอไม่ได้นับ หลังชายหนุ่มเดินออกไปจากห้อง เธอก็เอาแต่นั่งเหม่อลอย มองเพดานสลับกับฝาผนัง ทำอย่างกับมันคือภาพที่พึ่งยึดเหนี่ยวจิตใจสุดท้าย ชีวิตหลังจากนี้จะเป็นอย่างไรต่อ คงมีแต่เรกาโดเท่านั้นที่รู้ !
เอมิเลียตาบวมเป่ง ค่อยถดร่างบางออกจากเตียงเดินไปล้างหน้า ทำตัวให้ปกติ เมื่อความตกใจนั้นเริ่มทุเลาลง เธอรู้เธอไม่มีทางเปลี่ยนแปลงอะไรได้ และเหมือนจะไม่มีวันนั้นเลยด้วย
เที่ยงคืนตรง
ตึก ตึก ตึก
เสียงฝีเท้าทำเธอสะดุ้งตื่น ผุดตัวลุกขึ้นมานั่ง หลังหลับไปสักพัก เธอเดินไปที่หน้าต่าง ค่อยๆแง้มมันออก พลางใช้สายตาก้มลงไปดู ชายชุดดำนับสิบ วิ่งกันจ้าละหวั่นเต็มไปหมด หนึ่งในนั้นมีลูแคนด้วย ก่อนจะหลุดร่างเรกาโดผุดออกมาจากตึก เสมือนเช็คความเรียบร้อย เธอรีบหลบ ในจังหวะเขาเงยขึ้นมามอง หญิงสาวขมวดคิ้วครุ่นคิด ก่อนหน้าเธอเหมือนเห็นอะไรบางอย่าง ซึ่งเป็นลังถูกลำเลียงพาขึ้นรถไป
แต่ ทำไมต้องทำกันลับๆล่อๆตอนเที่ยงคืน
บรื้นนนน
ดวงตาหวานโผล่ออกไปแอบมองอีกครั้ง หลังได้ยินเสียงรถออกไปพร้อมเสียงความวุ่นวาย แต่เธอพลาดที่มองไกลเกินไป ตอนสายตาชำเลืองตามดวงไฟท้ายรถนั้น เลยไม่ทันสังเกตุเห็นมีคนบางคนดูเธออยู่ เขาเงยหน้าขึ้นมา ยืนในที่เดิม ใช้สายตาคมกลิบจ้องมองไม่วางตา กว่าเอมิเลียจะทันเห็นและหนีก็สายเกินไปเสียแล้ว
ตึก ตึก ตึก
และนั่นเหมือนทำหัวใจเธอกลับมาเต้นแรงใหม่อีกครั้ง หลังเห็นเรกาโดเดินเข้ามาในตึก
ใช่ เขามุ่งมาจะเอาเรื่องเธอ ในจังหวะหญิงสาวยืนตัวแข็งทื่อ กำลังครุ่นคิด จะทำไงดี??
ว่าจะมีสติขึ้นมาก็หลังจากค้นพบว่า ณ เวลานั้นมือเผลอไปล็อคประตู และลากโต๊ะไปค้ำเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
กึกๆๆๆ
ก่อนจะร่อนเท้ากระโจนขึ้นเตียง นั่งมองการสั่นสะเทือนของลูกบิดประตู
"เอมิเลีย เปิด"
ภาวนาในใจอย่าให้เขาพังมันเข้ามาเลย ลมหายใจเข้าออกอย่างรุนแรง บ่งบอกถึงความกลัวหนัก
เอมิเลียกระวนกระวายเบิกตาโพลงทุกครั้งที่มีเสียงเรียก ก่อนจะเงียบไปร่ายหลังหลายสิบนาที เธอพ่นลมหายใจโล่งอก ล้มตัวลงนอนต่อ เตรียมใจที่ถูกทำโทษในวันพรุ่งนี้!
ในขณะหญิงสาวไม่มีทางรู้เลยว่า เสียงที่เงียบลงไปนั้นไม่ได้หมายความว่าเขานั้นจะเดินกลับไป ละความพยายาม ไม่กวนใจเธออีก...
เขายังคงยืนอยู่หลังบานประตู เพียงแค่หยุดการกระทำตัวเองก็เท่านั้น เรกาโดยิ้มกริ่มที่มุมปาก รู้สึกสะใจสุดๆที่สามารถแกล้งเธอให้กลัวได้ ก่อนจะเดินกลับไปจริงๆ ก็ตอนเห็นว่าหญิงสาวเงียบไป และเขาเองเสียเวลายืนอยู่ตรงนั้นมากพอแล้ว
วันถัดมา เอมิเลียถูกปลุกตั้งแต่เช้าตรู่ ในขณะที่ไม่ใช่เวลาตื่นของเธอ สำหรับคนเพิ่งนอนหลับสนิท หกโมงตรงมันเช้าเกินไป ทว่าเธอขัดใจไม่ได้ หากนี่เป็นคำบัญชาของเจ้าของบ้าน เธอสลัดผ้าห่มไปเปิด ไม่แสดงอาการงัวเงียให้ซีอาร์เห็นสักนิด แม้ตอนนี้ผลของการนอนน้อยแทบจะทำเธอล้มทั้งยืนก็ตาม
เธอเลือกที่จะทำตามอย่างเงียบๆ บอกซีอาร์ว่า ขอเวลาเธอแต่งตัวแค่สิบนาที และรู้ดี กับสาเหตุที่ถูกเรียกพบกะทันหัน
สิบนาทีผ่านไป หญิงสาวอาบน้ำแต่งตัวเสร็จตามที่บอก เดินห่อไหล่มาตั้งแต่ทางเดิน หลังสาวใช้ประจำตัวเดินนำ คนขอพบรออยู่ในห้องทำงานปีกซ้าย
แน่นอน นับว่านี่คือคนแปลกหน้าคนแรกที่เธอเกรงกลัวที่สุด กลัวรูปร่างถึกใหญ่ กลัวเสียงทุ้มยามตะเพิด กลัวการถูกซักไซ้ถามเสียจนมุม และที่สำคัญกลัวแววตาสีทมิฬลึกลับนั่น
ก็อกๆๆ
"เข้ามา"
บานประตูค่อยๆถูกแง้ม ก่อนใบหน้าจิ้มลิ้มจะโผล่เขาไป เรกาโดวางปากกาลงบนแฟ้ม จงใจมองเธอ จนกระทั่งหลุดเข้ามาทั้งตัว เอมิเลียเม้มปากสนิท พลางหันไปปิดประตูกลับตามมารยาท
"เมื่อคืนทำไมไม่เปิดประตูให้ฉัน"
ชายหนุ่มถามเสียงเรียบ ไม่รอให้เธอหันมาก่อน หญิงสาวสะดุ้ง ยิ้มเจื่อน ก่อนก้มหน้างุน
"มันดึกแล้วนี่คะ"
ตอบเสียงเรียบกลับไปเช่นเดียวกัน ทำเรกาโดที่มองอยู่เลิกคิ้วขึ้น ขำท่าทางเธอในใจ
"ดึกแล้ว? แล้วยังไง? "
และหลังจากนั้นคือความเงียบ เอมิเลียไม่มีคำตอบ เพราะเธอไม่กล้าพอที่จะพูดความคิดในใจออกมาเป็นความจริง จึงเลือกที่จะเงียบ ก้มหน้าสลดเหมือนเดิม ซึ่งแน่นอน นี่เป็นการกระทำที่เขาไม่ชอบเอาเสียเลย เขาถือว่าเธอกำลังเล่นสงครามประสาทกับเขา
"สรุป เลือกที่จะเงียบ? "
"......"
"เธอคิดว่าความเงียบมันช่วยเธอได้งั้นเรอะ"
"...... "
คราวนี้ถึงขั้นทำเรกาโดผุดลุก ในขณะเอมิเลียขมวดคิ้ว เตรียมจะร้องไห้อีกระลอก สร้างความรำคาญใจให้เขาไม่หยุดหย่อน
"ทำไมถึงไม่เปิดประตูให้ฉัน.."
เขาย้ำ พยายามข่มอารมณ์
"....."
ส่วนเธอยังคงนิ่งเฉย ก่อนจะสะดุ้งโหยงให้กับเสียงกระทบที่ดังขึ้นกะทันหัน
ปัง!
"ฉันถาม เธอต้องตอบ"
เขาตบโต๊ะ ส่วนเธอ....
"หนูไม่ไว้ใจคุณค่ะ! "พลาด เพราะแค่ตกใจ" อะ เอ่อ..."
พลางก้มหน้าลงอีกครั้งหลังนึกขึ้นได้ ในขณะเรกาโดแอบลอบยิ้ม ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้ากลับไปขรึมเหมือนเดิม แสร้งทำเป็นโกรธ เมื่อเธอช้อนตาขึ้นมามอง
"ขะ ขอโทษค่ะ"
"....."
"คือหนู..."
"ไป ไปกับฉัน"
ถลาเข้ามากระชากแขนเธอ ฉุดลากออกไปนอกห้อง ไม่เปิดโอกาสให้เธอได้พูด
"ไป ไปไหนคะ O.O"
เอมิเลียถูกลากมาที่รถ ก่อนเขาจะพาเธอออกไปโดยไม่ใช้บอดี้การ์ด ความเร็วหลั่งมาด้วยเท้าไม่ต้องเอ่ยถึง พุ่งทะยานชนิดที่เธอต้องจิกมือเข้าหากัน วินาทีนี้ได้แต่นั่งภาวนาอย่าได้เสียหลักไปประสานงาเข้ากับใคร ในขณะเดาอารมณ์ผู้ชายคนข้างๆไม่ถูก แค่เธอพูดประโยคนั้นน่ะหรือ ถึงโมโหกันขนาดนี้เชียว
ซึ่งอันที่จริงเปล่าเลย เขาแค่นึกสนุกอยากขับรถเร็วประลองฝีเท้าต่างหาก
"จะพาไปไหนคะ"
เอมิเลียเผลอถาม หลังทนไม่ไหวต่อความกลัว เธอหลับตาปี๋ ไม่กล้ามองถนนข้างหน้า ซึ่งเปรียบเสมือนทางไปนรกที่สุดในตอนนี้ เรกาโดเบือนสายตามามองตามเสียงเพียงแว้บเดียว ก่อนเหยียดริมฝีปาก ตอบคำถามเธอแข่งกับลม
"ถึงก็รู้เองล่ะน่า"
ที่ไม่ได้ช่วยให้รู้สึกดีขึ้นมาเลยสักนิด
เอมิเลียจึงเลือกที่จะเงียบ และคงต้องฝากชีวิตไว้กับเขา ในขณะใจท่องบทสวดมนต์ขอพรจากพระเจ้า นึกถึงสิ่งดีๆที่เธอเคยสร้างมา จนกระทั่งถึง
เอี๊ยดดดด
"ลงสิ"
แน่นอน พอลืมตาขึ้นมาคราวนี้ เธอคงต้องจูลนานหน่อย
"เฮ้อ... "
แถมผ่อนความโล่งอกออกมาเสียงดัง จนเขานึกขำ
"ถ้าเมา ไปอ้วกไกลๆรถฉัน "
เรกาโดชี้ไปทางฟุตบาทติดกับสนามหญ้าเขียวขจีซึ่งไถเตียนโล่งมองสบายตา หญิงสาวมองตามพลางคว่ำปาก
"หนูแค่กลัว "
ในขณะเขาแสร้งตำหนิ ทำท่ารำคาญ ทั้งที่ในใจนั้นขำขัน
"ลงมา! "
"เดี๋ยวสิคะ... "
ส่วนเธอเร่งหาทางออก เบ้หน้าจะร้องไห้ บอกใครใครจะเชื่อ เกิดมาจนถึงป่านนี้ เธอเพิ่งจะนั่งรถยนต์ โดยที่ผ่านมามีคนเปิดประตูให้ตลอด การที่จะหาผนึกเปิดประตูเอง คงต้องใช้เวลาสักหน่อย
เมื่อลงมาแล้ว อาการแรกที่เกิดขึ้นกับเธอคือภาพตรงหน้าพร่ามัวไปหมด เธอยืนนิ่งรอให้ความมึนนั้นหายไป พลางสลัดศีรษะแรงๆหวังทำลายความตื้อในหู ท่ามกลางความงงของเรกาโด เขาขมวดคิ้ว
"หนู... เดี๋ยวค่ะ ที่นี่ที่ไหนคะ"
"ร้านตัดชุดไง เป็นอะไรของเธอ"
เกิดความสงสัย เขาถาม ทว่าเธอกลับไม่ตอบ เท้าก้าวเดินหน้าสอง ถอยหลังสอง ก่อนจะล้มลงทั้งยืน โชคดีที่ร่างยังไม่ทันถึงพื้น เพราะท่อนแขนเรกาโดมารับไว้เสียก่อน
"บ้าจริง ไหนบอกว่าไม่เมา"
"แฮ่ก.. แฮ่ก... หนู เป็นหอบค่ะ"
เธอยังคงตอบโต้ได้ แต่นั้นก็คงจะฝืนเต็มที ในขณะชายหนุ่มหัวเสียทำอะไรไม่ถูก
"แล้วต้องทำไง "
"หนูมียาดม แต่ให้พี่ซีอาร์ไปแล้ว"
ซึ่งคำตอบนั้น ยิ่งทำให้เขาหัวเสียเข้าไปใหญ่
เรกาโดตัดสินใจอุ้มเธอเข้าร้าน ในนั้นมีแอร์ อย่างน้อยอาจช่วยเธอได้บ้าง ท่ามกลางความสนใจของคนสัญจร ก่อนวางร่างบางลงบนโซฟา ในขณะไดอาน่าเร่งฝีเท้าเข้ามาหา
"คุณเรกาโด ใครเป็นอะไรคะ"
"ไดอาน่า คุณมาพอดีเลย มียาดมไหม"
สายตาคมสีน้ำตาลเข้มชำเลืองมองข้ามแผ่นหลังเขา เมื่อเห็นว่าเป็นสาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้ม ทว่าแปลกหน้า จึงขมวดคิ้วเป็นปม
"ใครกัน? "
ใช่ หล่อนรู้จักหมด ทั้งเคลที่และมิเชล ยกเว้นคนนี้
"อย่าเพิ่งถามน่า เธอเป็นหอบ "
"....."
ก่อนไดอาน่าจะหลบตามามองเด็กในร้าน พลางพยักหน้าให้ ไม่นานพวกหล่อนกลับมาพร้อมกับยาดม และผ้าเย็น เรกาโดถอยหลังออกมายืนดู หลีกให้พนักงานได้จัดการแทน เพราะงานปฐมพยาบาลแบบนี้เขาไม่ถนัด ถ้าเป็นงานแหวกกระสุนผ่าตัดสดๆอันนี้พอได้อยู่
เอมิเลียลืมตาขึ้นเล็กน้อย ก่อนปิดลงไปใหม่ หลังถูกผ้าขนหนูเย็นยะเยือกมีเกล็ดน้ำแข็งเกาะทาบลงไปบริเวณโหนกแก้มและลำคอ เธอเริ่มหายใจสะดวกขึ้น ก็ตอนกลิ่นยาดมโชยเข้าไปในโพลงจมูก ไม่นานจึงถอนหายใจเฮือก ยันตัวเองให้นั่งพิงพนักเองได้ ก่อนเปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้ง เพ่งเล็งภาพตรงหน้าจนกระทั่งชัดเจนขึ้น ภาพแรกที่เห็น คือเรกาโด กำลังกอดอกมองเธออยู่ ด้วยดวงตาสีทมิฬนิ่งไม่วางตา ส่วนอีกคนข้างๆ คือคนแปลกหน้า เธอจึงไม่กล้ามอง เลือกที่จะหลุบตาลง
"หนูดีขึ้นแล้วค่ะ ขอบคุณ..."
เอ่ยเสียงเบา ไดอาน่าละสายตาจากหญิงสาวมองเขาเพื่อเอาคำตอบ เรกาโดยักไหล่ เหยียดริมฝีปาก ไม่เต็มใจตอบนัก
"น้องสาวผมมั้ง"
"หืม..."
"ฝากคุณจัดการด้วยล่ะกัน ยัยนี่มีแต่ชุดผ้าขี้ริ้ว"
ก่อนจะผลักประตูไปยืนหน้าร้านแถวๆจุดให้บริการดูดบุหรี่ เผลอทำให้เอมิเลียหันมอง เธอเม้มปากแน่น เริ่มรู้สึกกดดัน พลางสะดุ้งโหยงเพราะถูกมือเย็นมาแตะท่อนแขน
"โอ.. ฉันขอโทษ ฉันแค่สะกิด"
"มะ ไม่เป็นไรค่ะ"
เอมิเลียหันไปยิ้มเจื่อน ก่อนจะชะงัก เมื่อเห็นหน้าเต็มสองตา และพบว่าหล่อน... สวยมาก
"ฉัน.. ไดอาน่า เธอชื่ออะไร?"
"เอมิเลียค่ะ"
"โอเค เอมิเลีย มาเถอะจ้ะ วัดตัวกัน"
แขนเรียวสวยเป็นกล้ามเนื้อบ่งบอกถึงการออกกำลังกายสม่ำเสมอ ถูกเจ้าของยกมาตรงหน้าเธอ เอมิเลียยังคงมองนิ่ง ไม่หืออือ
"..... "
ไดอาน่าจึงยิ้มกว้างอย่างเป็นมิตร บุ้ยปากไปทางเรกาโดซึ่งยืนหันหลังคุยโทรศัพท์ในขณะริมฝีปากนั้นกำลังพ่นควันบุหรี่
"เชื่อฉันสิ อย่าทำให้เขาหงุดหงิด"
พร้อมขยิบตาให้ แน่นอน แลดูเธอมีแรงลุกขึ้นเดินตามตั้งแต่ตอนนั้น
เวลานานเท่าไหร่ไม่รู้เธอไม่ได้นับ หลังชายหนุ่มเดินออกไปจากห้อง เธอก็เอาแต่นั่งเหม่อลอย มองเพดานสลับกับฝาผนัง ทำอย่างกับมันคือภาพที่พึ่งยึดเหนี่ยวจิตใจสุดท้าย ชีวิตหลังจากนี้จะเป็นอย่างไรต่อ คงมีแต่เรกาโดเท่านั้นที่รู้ !
เอมิเลียตาบวมเป่ง ค่อยถดร่างบางออกจากเตียงเดินไปล้างหน้า ทำตัวให้ปกติ เมื่อความตกใจนั้นเริ่มทุเลาลง เธอรู้เธอไม่มีทางเปลี่ยนแปลงอะไรได้ และเหมือนจะไม่มีวันนั้นเลยด้วย
เที่ยงคืนตรง
ตึก ตึก ตึก
เสียงฝีเท้าทำเธอสะดุ้งตื่น ผุดตัวลุกขึ้นมานั่ง หลังหลับไปสักพัก เธอเดินไปที่หน้าต่าง ค่อยๆแง้มมันออก พลางใช้สายตาก้มลงไปดู ชายชุดดำนับสิบ วิ่งกันจ้าละหวั่นเต็มไปหมด หนึ่งในนั้นมีลูแคนด้วย ก่อนจะหลุดร่างเรกาโดผุดออกมาจากตึก เสมือนเช็คความเรียบร้อย เธอรีบหลบ ในจังหวะเขาเงยขึ้นมามอง หญิงสาวขมวดคิ้วครุ่นคิด ก่อนหน้าเธอเหมือนเห็นอะไรบางอย่าง ซึ่งเป็นลังถูกลำเลียงพาขึ้นรถไป
แต่ ทำไมต้องทำกันลับๆล่อๆตอนเที่ยงคืน
บรื้นนนน
ดวงตาหวานโผล่ออกไปแอบมองอีกครั้ง หลังได้ยินเสียงรถออกไปพร้อมเสียงความวุ่นวาย แต่เธอพลาดที่มองไกลเกินไป ตอนสายตาชำเลืองตามดวงไฟท้ายรถนั้น เลยไม่ทันสังเกตุเห็นมีคนบางคนดูเธออยู่ เขาเงยหน้าขึ้นมา ยืนในที่เดิม ใช้สายตาคมกลิบจ้องมองไม่วางตา กว่าเอมิเลียจะทันเห็นและหนีก็สายเกินไปเสียแล้ว
ตึก ตึก ตึก
และนั่นเหมือนทำหัวใจเธอกลับมาเต้นแรงใหม่อีกครั้ง หลังเห็นเรกาโดเดินเข้ามาในตึก
ใช่ เขามุ่งมาจะเอาเรื่องเธอ ในจังหวะหญิงสาวยืนตัวแข็งทื่อ กำลังครุ่นคิด จะทำไงดี??
ว่าจะมีสติขึ้นมาก็หลังจากค้นพบว่า ณ เวลานั้นมือเผลอไปล็อคประตู และลากโต๊ะไปค้ำเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
กึกๆๆๆ
ก่อนจะร่อนเท้ากระโจนขึ้นเตียง นั่งมองการสั่นสะเทือนของลูกบิดประตู
"เอมิเลีย เปิด"
ภาวนาในใจอย่าให้เขาพังมันเข้ามาเลย ลมหายใจเข้าออกอย่างรุนแรง บ่งบอกถึงความกลัวหนัก
เอมิเลียกระวนกระวายเบิกตาโพลงทุกครั้งที่มีเสียงเรียก ก่อนจะเงียบไปร่ายหลังหลายสิบนาที เธอพ่นลมหายใจโล่งอก ล้มตัวลงนอนต่อ เตรียมใจที่ถูกทำโทษในวันพรุ่งนี้!
ในขณะหญิงสาวไม่มีทางรู้เลยว่า เสียงที่เงียบลงไปนั้นไม่ได้หมายความว่าเขานั้นจะเดินกลับไป ละความพยายาม ไม่กวนใจเธออีก...
เขายังคงยืนอยู่หลังบานประตู เพียงแค่หยุดการกระทำตัวเองก็เท่านั้น เรกาโดยิ้มกริ่มที่มุมปาก รู้สึกสะใจสุดๆที่สามารถแกล้งเธอให้กลัวได้ ก่อนจะเดินกลับไปจริงๆ ก็ตอนเห็นว่าหญิงสาวเงียบไป และเขาเองเสียเวลายืนอยู่ตรงนั้นมากพอแล้ว
วันถัดมา เอมิเลียถูกปลุกตั้งแต่เช้าตรู่ ในขณะที่ไม่ใช่เวลาตื่นของเธอ สำหรับคนเพิ่งนอนหลับสนิท หกโมงตรงมันเช้าเกินไป ทว่าเธอขัดใจไม่ได้ หากนี่เป็นคำบัญชาของเจ้าของบ้าน เธอสลัดผ้าห่มไปเปิด ไม่แสดงอาการงัวเงียให้ซีอาร์เห็นสักนิด แม้ตอนนี้ผลของการนอนน้อยแทบจะทำเธอล้มทั้งยืนก็ตาม
เธอเลือกที่จะทำตามอย่างเงียบๆ บอกซีอาร์ว่า ขอเวลาเธอแต่งตัวแค่สิบนาที และรู้ดี กับสาเหตุที่ถูกเรียกพบกะทันหัน
สิบนาทีผ่านไป หญิงสาวอาบน้ำแต่งตัวเสร็จตามที่บอก เดินห่อไหล่มาตั้งแต่ทางเดิน หลังสาวใช้ประจำตัวเดินนำ คนขอพบรออยู่ในห้องทำงานปีกซ้าย
แน่นอน นับว่านี่คือคนแปลกหน้าคนแรกที่เธอเกรงกลัวที่สุด กลัวรูปร่างถึกใหญ่ กลัวเสียงทุ้มยามตะเพิด กลัวการถูกซักไซ้ถามเสียจนมุม และที่สำคัญกลัวแววตาสีทมิฬลึกลับนั่น
ก็อกๆๆ
"เข้ามา"
บานประตูค่อยๆถูกแง้ม ก่อนใบหน้าจิ้มลิ้มจะโผล่เขาไป เรกาโดวางปากกาลงบนแฟ้ม จงใจมองเธอ จนกระทั่งหลุดเข้ามาทั้งตัว เอมิเลียเม้มปากสนิท พลางหันไปปิดประตูกลับตามมารยาท
"เมื่อคืนทำไมไม่เปิดประตูให้ฉัน"
ชายหนุ่มถามเสียงเรียบ ไม่รอให้เธอหันมาก่อน หญิงสาวสะดุ้ง ยิ้มเจื่อน ก่อนก้มหน้างุน
"มันดึกแล้วนี่คะ"
ตอบเสียงเรียบกลับไปเช่นเดียวกัน ทำเรกาโดที่มองอยู่เลิกคิ้วขึ้น ขำท่าทางเธอในใจ
"ดึกแล้ว? แล้วยังไง? "
และหลังจากนั้นคือความเงียบ เอมิเลียไม่มีคำตอบ เพราะเธอไม่กล้าพอที่จะพูดความคิดในใจออกมาเป็นความจริง จึงเลือกที่จะเงียบ ก้มหน้าสลดเหมือนเดิม ซึ่งแน่นอน นี่เป็นการกระทำที่เขาไม่ชอบเอาเสียเลย เขาถือว่าเธอกำลังเล่นสงครามประสาทกับเขา
"สรุป เลือกที่จะเงียบ? "
"......"
"เธอคิดว่าความเงียบมันช่วยเธอได้งั้นเรอะ"
"...... "
คราวนี้ถึงขั้นทำเรกาโดผุดลุก ในขณะเอมิเลียขมวดคิ้ว เตรียมจะร้องไห้อีกระลอก สร้างความรำคาญใจให้เขาไม่หยุดหย่อน
"ทำไมถึงไม่เปิดประตูให้ฉัน.."
เขาย้ำ พยายามข่มอารมณ์
"....."
ส่วนเธอยังคงนิ่งเฉย ก่อนจะสะดุ้งโหยงให้กับเสียงกระทบที่ดังขึ้นกะทันหัน
ปัง!
"ฉันถาม เธอต้องตอบ"
เขาตบโต๊ะ ส่วนเธอ....
"หนูไม่ไว้ใจคุณค่ะ! "พลาด เพราะแค่ตกใจ" อะ เอ่อ..."
พลางก้มหน้าลงอีกครั้งหลังนึกขึ้นได้ ในขณะเรกาโดแอบลอบยิ้ม ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้ากลับไปขรึมเหมือนเดิม แสร้งทำเป็นโกรธ เมื่อเธอช้อนตาขึ้นมามอง
"ขะ ขอโทษค่ะ"
"....."
"คือหนู..."
"ไป ไปกับฉัน"
ถลาเข้ามากระชากแขนเธอ ฉุดลากออกไปนอกห้อง ไม่เปิดโอกาสให้เธอได้พูด
"ไป ไปไหนคะ O.O"
เอมิเลียถูกลากมาที่รถ ก่อนเขาจะพาเธอออกไปโดยไม่ใช้บอดี้การ์ด ความเร็วหลั่งมาด้วยเท้าไม่ต้องเอ่ยถึง พุ่งทะยานชนิดที่เธอต้องจิกมือเข้าหากัน วินาทีนี้ได้แต่นั่งภาวนาอย่าได้เสียหลักไปประสานงาเข้ากับใคร ในขณะเดาอารมณ์ผู้ชายคนข้างๆไม่ถูก แค่เธอพูดประโยคนั้นน่ะหรือ ถึงโมโหกันขนาดนี้เชียว
ซึ่งอันที่จริงเปล่าเลย เขาแค่นึกสนุกอยากขับรถเร็วประลองฝีเท้าต่างหาก
"จะพาไปไหนคะ"
เอมิเลียเผลอถาม หลังทนไม่ไหวต่อความกลัว เธอหลับตาปี๋ ไม่กล้ามองถนนข้างหน้า ซึ่งเปรียบเสมือนทางไปนรกที่สุดในตอนนี้ เรกาโดเบือนสายตามามองตามเสียงเพียงแว้บเดียว ก่อนเหยียดริมฝีปาก ตอบคำถามเธอแข่งกับลม
"ถึงก็รู้เองล่ะน่า"
ที่ไม่ได้ช่วยให้รู้สึกดีขึ้นมาเลยสักนิด
เอมิเลียจึงเลือกที่จะเงียบ และคงต้องฝากชีวิตไว้กับเขา ในขณะใจท่องบทสวดมนต์ขอพรจากพระเจ้า นึกถึงสิ่งดีๆที่เธอเคยสร้างมา จนกระทั่งถึง
เอี๊ยดดดด
"ลงสิ"
แน่นอน พอลืมตาขึ้นมาคราวนี้ เธอคงต้องจูลนานหน่อย
"เฮ้อ... "
แถมผ่อนความโล่งอกออกมาเสียงดัง จนเขานึกขำ
"ถ้าเมา ไปอ้วกไกลๆรถฉัน "
เรกาโดชี้ไปทางฟุตบาทติดกับสนามหญ้าเขียวขจีซึ่งไถเตียนโล่งมองสบายตา หญิงสาวมองตามพลางคว่ำปาก
"หนูแค่กลัว "
ในขณะเขาแสร้งตำหนิ ทำท่ารำคาญ ทั้งที่ในใจนั้นขำขัน
"ลงมา! "
"เดี๋ยวสิคะ... "
ส่วนเธอเร่งหาทางออก เบ้หน้าจะร้องไห้ บอกใครใครจะเชื่อ เกิดมาจนถึงป่านนี้ เธอเพิ่งจะนั่งรถยนต์ โดยที่ผ่านมามีคนเปิดประตูให้ตลอด การที่จะหาผนึกเปิดประตูเอง คงต้องใช้เวลาสักหน่อย
เมื่อลงมาแล้ว อาการแรกที่เกิดขึ้นกับเธอคือภาพตรงหน้าพร่ามัวไปหมด เธอยืนนิ่งรอให้ความมึนนั้นหายไป พลางสลัดศีรษะแรงๆหวังทำลายความตื้อในหู ท่ามกลางความงงของเรกาโด เขาขมวดคิ้ว
"หนู... เดี๋ยวค่ะ ที่นี่ที่ไหนคะ"
"ร้านตัดชุดไง เป็นอะไรของเธอ"
เกิดความสงสัย เขาถาม ทว่าเธอกลับไม่ตอบ เท้าก้าวเดินหน้าสอง ถอยหลังสอง ก่อนจะล้มลงทั้งยืน โชคดีที่ร่างยังไม่ทันถึงพื้น เพราะท่อนแขนเรกาโดมารับไว้เสียก่อน
"บ้าจริง ไหนบอกว่าไม่เมา"
"แฮ่ก.. แฮ่ก... หนู เป็นหอบค่ะ"
เธอยังคงตอบโต้ได้ แต่นั้นก็คงจะฝืนเต็มที ในขณะชายหนุ่มหัวเสียทำอะไรไม่ถูก
"แล้วต้องทำไง "
"หนูมียาดม แต่ให้พี่ซีอาร์ไปแล้ว"
ซึ่งคำตอบนั้น ยิ่งทำให้เขาหัวเสียเข้าไปใหญ่
เรกาโดตัดสินใจอุ้มเธอเข้าร้าน ในนั้นมีแอร์ อย่างน้อยอาจช่วยเธอได้บ้าง ท่ามกลางความสนใจของคนสัญจร ก่อนวางร่างบางลงบนโซฟา ในขณะไดอาน่าเร่งฝีเท้าเข้ามาหา
"คุณเรกาโด ใครเป็นอะไรคะ"
"ไดอาน่า คุณมาพอดีเลย มียาดมไหม"
สายตาคมสีน้ำตาลเข้มชำเลืองมองข้ามแผ่นหลังเขา เมื่อเห็นว่าเป็นสาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้ม ทว่าแปลกหน้า จึงขมวดคิ้วเป็นปม
"ใครกัน? "
ใช่ หล่อนรู้จักหมด ทั้งเคลที่และมิเชล ยกเว้นคนนี้
"อย่าเพิ่งถามน่า เธอเป็นหอบ "
"....."
ก่อนไดอาน่าจะหลบตามามองเด็กในร้าน พลางพยักหน้าให้ ไม่นานพวกหล่อนกลับมาพร้อมกับยาดม และผ้าเย็น เรกาโดถอยหลังออกมายืนดู หลีกให้พนักงานได้จัดการแทน เพราะงานปฐมพยาบาลแบบนี้เขาไม่ถนัด ถ้าเป็นงานแหวกกระสุนผ่าตัดสดๆอันนี้พอได้อยู่
เอมิเลียลืมตาขึ้นเล็กน้อย ก่อนปิดลงไปใหม่ หลังถูกผ้าขนหนูเย็นยะเยือกมีเกล็ดน้ำแข็งเกาะทาบลงไปบริเวณโหนกแก้มและลำคอ เธอเริ่มหายใจสะดวกขึ้น ก็ตอนกลิ่นยาดมโชยเข้าไปในโพลงจมูก ไม่นานจึงถอนหายใจเฮือก ยันตัวเองให้นั่งพิงพนักเองได้ ก่อนเปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้ง เพ่งเล็งภาพตรงหน้าจนกระทั่งชัดเจนขึ้น ภาพแรกที่เห็น คือเรกาโด กำลังกอดอกมองเธออยู่ ด้วยดวงตาสีทมิฬนิ่งไม่วางตา ส่วนอีกคนข้างๆ คือคนแปลกหน้า เธอจึงไม่กล้ามอง เลือกที่จะหลุบตาลง
"หนูดีขึ้นแล้วค่ะ ขอบคุณ..."
เอ่ยเสียงเบา ไดอาน่าละสายตาจากหญิงสาวมองเขาเพื่อเอาคำตอบ เรกาโดยักไหล่ เหยียดริมฝีปาก ไม่เต็มใจตอบนัก
"น้องสาวผมมั้ง"
"หืม..."
"ฝากคุณจัดการด้วยล่ะกัน ยัยนี่มีแต่ชุดผ้าขี้ริ้ว"
ก่อนจะผลักประตูไปยืนหน้าร้านแถวๆจุดให้บริการดูดบุหรี่ เผลอทำให้เอมิเลียหันมอง เธอเม้มปากแน่น เริ่มรู้สึกกดดัน พลางสะดุ้งโหยงเพราะถูกมือเย็นมาแตะท่อนแขน
"โอ.. ฉันขอโทษ ฉันแค่สะกิด"
"มะ ไม่เป็นไรค่ะ"
เอมิเลียหันไปยิ้มเจื่อน ก่อนจะชะงัก เมื่อเห็นหน้าเต็มสองตา และพบว่าหล่อน... สวยมาก
"ฉัน.. ไดอาน่า เธอชื่ออะไร?"
"เอมิเลียค่ะ"
"โอเค เอมิเลีย มาเถอะจ้ะ วัดตัวกัน"
แขนเรียวสวยเป็นกล้ามเนื้อบ่งบอกถึงการออกกำลังกายสม่ำเสมอ ถูกเจ้าของยกมาตรงหน้าเธอ เอมิเลียยังคงมองนิ่ง ไม่หืออือ
"..... "
ไดอาน่าจึงยิ้มกว้างอย่างเป็นมิตร บุ้ยปากไปทางเรกาโดซึ่งยืนหันหลังคุยโทรศัพท์ในขณะริมฝีปากนั้นกำลังพ่นควันบุหรี่
"เชื่อฉันสิ อย่าทำให้เขาหงุดหงิด"
พร้อมขยิบตาให้ แน่นอน แลดูเธอมีแรงลุกขึ้นเดินตามตั้งแต่ตอนนั้น
เขตนอกชานเมือง กึ่งป่าดงดิบกึ่งป่าทึบ หากแหงนหน้าขึ้นไปข้างบน ตรงจุดนี้จะเป็นเนินเขาคล้ายเหวลึก เสียงสัตว์ป่าสงวนผสานเสียงกันจ้าละหวั่น หากใครสักคนต้องติดอยู่บริเวณนี้จนมืดค่ำ คงจะอ้างว้างน่าดู เวเดโน่ยืนน่าซีดเผือดหลังมาถึง และฟังคำบอกเล่าของคนแปลกหน้าที่ติดต่อมาด้วยความนิ่งสงบ ต่างกับใจที่ละเหี่ยเต็มที แม้จะบั่นทอนจิตใจ แต่ด้วยความจำเป็นที่จะต้องรู้ เขาจึงต้องฟัง จากพลเมืองดีตรงหน้า ที่คิดว่าชาตินี้จะไม่ได้เจออีกแล้ว ดวงตาสีดำสนิททั้งสี่คู่มองไปยังจุดนั้นเป็นจุดเดียว ในขณะหูนั้นฟังพร้อมนึกภาพตาม กับสีหน้าที่สลดสูงสุด เรกาโดต้องทรมานแค่ไหนจึงจะผ่านมาเหวนี้มาได้ เพราะความห่างระหว่างตึกองค์กรกับหน้าผามันไม่ใช่หนทางที่ง่ายเลย" ตอนนี้เขาอยู่ไหน "“ ยังไม่ได้สติครับ ““ พาพวกเราไปหน่อย “เวเดโน่ละสายตาเป็นคนแรก ก่อนแจ้งเจตจำนง แม้ท่าทางที่แสดงออกมาต่อหน้าคนอื่นจะดูเรียบเฉย ราวกับเรื่องตรงหน้า ไม่สำคัญให้ต้องตื่นเต้น เพราะเหตุการณ์แบบนี้ช่ำชองกับเขามานักต่อนัก การสูญเสียใครสักคนไปจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับมาเฟียอย่างพวกเขา เว้นแต่กรณีของเรกาโด ต่อให้กลบเกลื่อนความรู้สึกด้วยความขรึมยังไ
ร่างบางทิ้งเข่ายวบพื้นไปตามแรงโน้มถ่วงของโลก หมดพลังและปัญญาจะอ้าปากพูด แม้แต่มือยังปล่อยปะละเลยไว้บนตัก เธอทำได้แค่สะอื้นในใจเท่านั้น นั่นไม่ใช่เพราะเสียใจน้อย แต่มันช็อคจนไม่รู้จะร้องไห้ยังไง มันทั้งเจ็บทั้งปวด ทรมานเกินจะบรรยาย" คะ คุณครูซ..."ต่อจากนั้นคงมีแต่ศีรษะที่เอาแต่ส่ายหน้า ซ้ำไปซ้ำมา ราวกับสลัดความมึนงง เธอต้องฝันไปแน่ๆ...ใช่ มันคือความฝัน ทว่า ทำไมน้ำตานับแสนเม็ด กับหัวใจของเธอที่แตกสลาย ไม่มีชิ้นดีนี้ แทนคำตอบของเธอได้ดีทีเดียว สัญชาตญาณกำลังบอกเธอ..มันคือเรื่องจริง!" ไม่จริ๊ง!!! "" เอมิเลีย! "ก่อนร่างทั้งร่างจะล้มตึงฟุบพื้นไม่เป็นท่า หากไม่ได้แขนพ่อของเธอเข้าช่วย มีหวังหน้าผากที่มนสวยคงแตกเกิดรอยตำหนิหนึ่งชั่วโมงผ่านไปโลกทั้งใบเป็นสีทึบ ทะเลทรายที่เคยขาวสะอาด มีแสงระยิบระยับราวกับกากเพชรยามถูกแดดส่องแปรเปลี่ยน ทุกอย่างดูอึมครึมไปทันที นับตั้งแต่เปลือกตาหวานละมุนปิดสนิท ออร์แกนพบข่าวด่วน ด่วนชนิดที่ทำเขารับมันไม่ทัน จะว่าเป็นข่าวดีก็มีส่วน หากแต่มาในช่วงเวลานี้ คงจะยินดีไม่ไหว" ท้องงั้นหรือ..."เสียงครางไม่อยากจะเชื่อเอ่ยขึ้น หลังหมอประจำตระกูลถูกเรียกตัวมาตรวจ
คนพิการทางร่างกายหากแต่ใช่สมองนิ่วหน้า คงเจ็บระบมน่าดู เพราะฝ่าเท้าที่เหยียบอยู่ของมาเฟียรุ่นลูกนั้น น้ำหนักไม่ใช่น้อยๆ ความเจ็บปวดทางใจบอกผ่านนัยย์ตา เรกาโดจ้องมองเขาด้วยดวงตาที่แดงก่ำ จะร้องก็ไม่ร้องจะแสร้งเมินเฉยก็คงเกินความสามารถ วินาทีนี้หัวใจเขามันเหน็บชาไปหมด“บอกกูมา ว่าอยากจะตายอยู่ที่นี่หรือว่าจะรอดไปด้วยกัน”คนข้างล่างต่อลอง เขาแค่นหัวเราะก่อนจะยกยิ้มมองเปลือกตาไม่กระพริบ พลางทรุดตัวลงนั่ง“รู้อะไรไหมครับ ในชีวิตของผมเจอคนพิการแบบท่านมาก็เยอะ บางคนสงสารจับใจจนต้องยื่นมือเข้าช่วย จะทำเป็นไม่เห็นคงไม่ได้ แต่กับท่านเนี่ย....” โน้มหน้าไปกระซิบใกล้ๆ “ยิ่งตายอย่างทรมาน ผมโคตรยิ่งสะใจ”พลั่ก!จับหัวโขกพื้นไปทีนึง แล้วลุกขึ้นยืน ปล่อยให้โคโรธีนอนงอเข่า จุกเสียดอยู่ตรงนั้น ส่วนเขายืนเต็มความสูงอย่างหมดแรง แต่ก็ยังใช้เรี่ยวแรงที่เหลือนั้นค้นหาสมาร์ทโฟน หาเบอร์โทรเกือบจะล่าสุดกดโทรออก ไม่นานปลายสายก็รับ(ครับนาย นายเป็นอย่างไรบ้าง)“เอาโทรศัพท์ไปให้ เอมิเลีย”(อะไรนะครับ?)“ใช่หน้าที่ มึงต้องมาสงสัยหรือ เร็วๆ”(ครับๆ ได้ครับ)เขายืนรอสายอย่างใจเย็น ที่ช้าสำหรับเขาอยู่ตอนนี้ คาดว่าลูแค
ใช้เวลานานพอสมควร กับการสาดกระสุนใส่กันระหว่างสองพวก เรียกได้ว่านี้เป็นมหากาพย์ที่ดีที่สุดหากเปรียบเทียบเป็นภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ก็ว่าได้ทว่า..ไม่ใช่ สำหรับผู้ประสบพบเจออย่างทีมอัลฟ่า และคนชั่วอย่าง โคโรธี ทอน มันเป็นเรื่องที่บัดซบที่สุด นับตั้งแต่เกิดมาได้ครึ่งคน นี่คือผลงานชิ้นใหญ่ที่ทำเจ้าของถิ่นหัวเสียได้มากสุด อัลฟ่ามาเพื่อทำลายและล้างผลาญทรัพย์สมบัติเขาจริงๆ อย่างที่คิดไว้ ความเสียหายประดุจคำบอกเล่า ในเมื่อต้องการครอบครอง แบบไม่ผันก้มลงมองตัวเอง รังแต่ใช้อำนาจตัดสินอนาคตคนอื่น พรากออกจากโลกด้วยความตาย...ฉะนั้นคนกระทำก็สมควรตายตามไปด้วยเช่นกัน ถึงเวลาแล้ว และคนอย่างพวกเขาต้องทำให้สำเร็จ แม้นยามนี้จะกระทบใจใครอยู่ก็ตามที!“เลิกบ้าได้แล้ว ไอ้ครูซ”เสียงคำรามข่มต่ำทุ้มดังมาจากข้างหลัง เรกาโดชะงักสิ่งที่กำลังจะทำกลางคัน เขาจำเสียงนี้ได้แม่น แค่ไม่หันกลับไป นอกเสียจากแค่นหัวเราะในลำคอแทน“หึ...”“อย่าดันทุรัง”“พ่อต่างหาก ที่ดันทุรังอยู่ ปกป้องมันทำไม เพื่ออะไร...”ประโยคทิ้งท้ายแหบแห้ง มาเฟียแก่ผมขาว คงไม่รู้ หรือรู้แต่ไม่แสดงออกว่ายามนี้สิ่งที่ลูกชายเขามีมันคือความเจ็บปวดที่บีบหัวใจเข
รถกันกระสุนคันเดิมจอดห่างไกลตัวตึก เพื่อให้ชายหนุ่มนั่งข้างคนขับกระโดดลงไปอย่าทันให้ใครเห็น เวเดโน่ถอยรถกลับอย่างรวดเร็ว เกือบชนต้นไม้ในโพรงป่าทึบข้างกำแพงหลังพุ่งกันชนท้ายเข้าไป ก่อนจะตามเรกาโดไปติดๆ คราวนี้ทั้งคู่คงต้องรับบทเป็นนินจาเสียแล้ว' ประตูดีๆ ไม่มีให้พวกมึงเข้าไปหรือไงวะ 'เสียงซันดรูแทรกออกมา ท่ามกลางความเงียบรอบบริเวณที่พวกเขาอยู่" มึงคิดว่ามันยังต้อนรับพวกเราดีอยู่ว่างั้นเถ้อะ! "เวเดโน่ประชด ส่วนเรกาโดแค่นหัวเราะพร้อมหาช่องแคบทางลับจากจุดนี้ไปโผล่อีกทีหลังกำแพงอย่างช่ำชอง จุดนี้เป็นจุดสุดท้ายที่ไม่มีใครรู้ว่าเขานั้นรู้ เพราะตอนเป็นเด็กเขาเคยมาแล้วครั้งนึง เหตุผลทำไมไม่ไปในจุดที่รู้น่ะหรือ... เพราะคิดว่า โคโรธี ทอน เจ้าของคฤหาสน์หลังนี้ คงสั่งลูกน้องดักรอเชือดคอเขาเรียบร้อยแล้ว!" เฮ้ย ไอ้ครูซ เดี๋ยวรอกูด้วย... บ้าเอ๊ยยย ไม่ฟังกูเลย "เวเดโน่ชะงักกึกเปลี่ยนจากการกระซิบกับซันดรูเป็นกระซิบไล่หลังแทน พร้อมกิ่งไม้แห้งใกล้มือเขวี้ยงใส่ไปด้วย' อะไรกันวะ ' ส่วนฝั่งตรงข้ามถามกลับมา ทว่า..." หน้าที่ของมึงตอนนี้ หาเส้นทางรอดให้พวกกูก็พอ ไอ้ครูซมันเข้าไปแล้ว "กลับถูกเวเดโน่เอ
ชายหนุ่มสะดุ้งตกใจ หลังได้ยินเสียงข้อความผ่านสามาร์ทโฟนปลุกให้ตื่นจากฝันร้าย ร่างหนาถึกพยุงตัวเองขึ้นนั่ง พลางหันไปมองด้านขวา กลับไร้คนข้างๆมีเพียงพื้นที่ว่างเปล่า คิ้วหนาขมวดเข้ากันเป็นปม...เช้าขนาดนี้หล่อนไปไหน ก่อนจะบึ่งลงจากเตียงเดินอาดๆ ไปยังห้องน้ำในครัว นานทีจะมีนายหญิงลงมาทำอาหารเช้าเอง ความครึ้กครื้นปนวุ่นวายย่อมบังเกิด สาวใช้นับสิบยืนเรียงหน้ากระดานพากันมองร่างบางเท้าสะเอวคนน้ำพาสต้าแล้วยกขึ้นมาชิม สลับกับการเติมเครื่องปรุงไปด้วย เธอขะมักขะเม้นในการทำเป็นอย่างมาก ยกอะไรใส่ก็ล้วนแต่มั่นใจไปเสียหมด ไม่รวมถึงการหั่นเนื้อ หั่นผักที่ดูคล่องแคล่วถนัดนัก เล่นเอาสาวใช้ที่ยืนมองตั้งแต่เริ่ม ละอายตามกันเลยทีเดียว วันนี้เป็นวันพิเศษอะไรหนอ นายหญิงตัวน้อยของพวกหล่อนถึงเข้าครัวได้" โอเค เสร็จแล้ว ยกเสิร์ฟได้เลยจ้ะ"เอมิเลียบอกเสียงใส ตบมือเข้าหากันสองสามที ก่อนจะกอดอก ราวกับภาคภูมิในฝีมือตัวเองเต็มประดา แล้วหันมาพยักหน้าให้พวกหล่อน" เดี๋ยวยกไปให้หน่อยนะคะ ส่วนในหม้อที่เหลือนี้ พวกพี่ทานได้ ฉันทำเผื่อด้วย "และครั้งนี้ดูเหมือนว่าสาวใช้จะพากันเทใจให้กับหล่อนไปเต็มๆ หลังรับรู้ถึงความมี