อาทิตย์กลับเข้ามาในบ้านในเวลาเกือบสองทุ่ม กลางโถงกว้างเมื่อตอนกลางวันมีคนงานอยู่พลุกพล่าน หากเวลานี้กลับเงียบสงัดไร้ใครสักคนที่ยังคงอยู่
แสงไฟส่องสว่างจากโคมไฟประดับหรูตรงเพดานสูงนั้นทำให้เขามองเห็นรอบตัวได้ชัดเจน สายตาทอดไปยังทิศทางด้านในใกล้กับห้องครัว แล้วจับตามองนิ่ง ‘คนพวกนั้นทำอะไรกัน แล้วนั่นคนงานบ้านแกทุกคนเลยหรือ’ แม่ถามขึ้นทันทีเมื่อเขาทำหน้าที่สารถีพาออกจากบ้านในช่วงบ่าย ‘ใช่มั้งครับ’ ‘ใช่มั้ง? หมายความว่ายังไง แกจำคนงานในบ้านไม่ได้หรือไง แล้วอย่างนี้ปล่อยให้ใครต่อใครเข้ามาในบ้านได้ง่ายๆ งั้นหรือ’ ‘ไม่ขนาดนั้นหรอกแม่ ถึงจำชื่อไม่ได้แต่ก็พอคุ้นหน้า ใครแปลกหน้าเข้ามาผมก็รู้’ ‘ถ้าอย่างนั้นพวกที่จับกลุ่มนั่งเจียนใบตองอยู่ในบ้าน แกก็คุ้นหน้าทุกคนสินะ’ เขารู้ว่าแม่พยายามเลียบเคียงถามถึงบางคนที่นั่งรวมอยู่ในกลุ่มนั้น เขาเองก็เพิ่งสังเกตเห็นเธอตอนที่แม่พุ่งไปหานั่นละ ดวงตาคมปรายมองไปทางด้านใน ก่อนจะสาวเท้ายาวๆ ตรงไปหาอย่างเห็นเป้าหมายเสียงเคาะประตูดังขึ้นหนักๆ สามครั้ง จิณณาผุดลุกขึ้นนั่งหลังจากนอนเกร็งตัวอยู่นานนับสิบนาทีตั้งแต่ได้ยินเสียงรถแล่นมาจอดแล้ว
โรงรถอยู่ใกล้กับห้องพักของคนงาน โดยเฉพาะห้องที่เธอมาอาศัยอยู่กว่าสัปดาห์ก็อยู่ด้านนอกและใกล้ที่สุด จึงย่อมได้ยินชัดเจนกว่าห้องอื่นๆ “ออกมาคุยกันหน่อย” เสียงห้าวคุ้นหูแทรกเข้ามาให้ได้ยิน จิณณาเกิดอาการละล้าละลัง เธอก้มมองเสื้อผ้าที่สวมนอนแล้วปรายตามองบานประตู หัวใจสาวเต้นไม่เป็นส่ำเมื่อนึกว่าอีกฝั่งของบานประตูกั้นนั้น เจ้าของบ้านที่เธอพยายามหลบหน้ามาหลายวันกำลังยืนอยู่ “จิณณา ตื่นอยู่ไหม” “ค่ะ” หญิงสาวรีบขานรับเมื่อได้ยินเสียงเรียกดังขึ้นกว่าเดิม เพราะเกรงว่าห้องข้างๆ จะได้ยินเสียงของเขาด้วย เรือนร่างกลมกลึงในชุดนอนเสื้อยืดพอดีตัวกับกางเกงขายาวเนื้อผ้านุ่มรีบพุ่งไปยังประตู บังคับตัวเองอย่างหนักเพื่อจะเปล่งเสียงบอกเขา “ห้านาที ฉัน...จะออกไปพบคุณค่ะ” หล่อนทำได้ไม่ดีนัก น้ำเสียงตะกุกตะกักที่เปล่งออกไปนั้นเจือความประหม่าอย่างปิดไม่มิด เสียงฝีเท้าจากด้านนอกเคลื่อนห่างออกไปแล้ว หญิงสาววัยยี่สิบสี่ปีก้มมองความเรียบร้อยของตัวเอง เสื้อผ้าที่สวมใสก็ทะมัดทะแมงดีอยู่หรอก แต่การจะให้ออกไปพบเขา...ผู้ชายที่ดูน่ากลัวคนนั้น โดยไม่มีป้าแววแม่ครัวที่เธอสนิทสนมมากที่สุดในบ้านหลังนี้ จิณณาก็ไม่สบายใจเอาเสียเลย แถมตอนนี้ก็เป็นเวลากลางคืนอีกด้วย แต่ก็นั่นแหละ ตราบใดที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ หล่อนก็ต้องเผชิญหน้ากับเจ้าของบ้านเข้าสักวัน ลูกบิดประตูค่อยๆ หมุนคลายออก แล้วบานประตูห้องพักคนงานก็แง้มเปิด จิณณาจึงเร้นกายออกมา ไม่รู้ตัวเลยว่าเผลอกลั้นลมหายใจเพราะพยายามทำตัวเองให้เล็กจิ๋วที่สุด หญิงสาวทำท่าจะก้าวไปตรงโซฟายาวที่ตั้งอยู่ เพราะคิดว่าเขาจะรอคุยอยู่ตรงนั้น หากต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงเข้มดังอยู่ใกล้ๆ “ตามฉันมา” อาทิตย์มองแม่สาวผิวขาวผ่องหุ่นอวบอิ่มที่ทำท่าตกใจกลัวเมื่อเห็นว่าเขายืนอยู่ไม่ห่าง เขาบอกตัวเองไม่ได้ว่าความหงุดหงิดที่วิ่งเข้ามาหานั้น เกิดเพราะสาเหตุอะไรกันแน่ “คะ...คุณอยู่ตรงนี้หรือคะ” คำถามตะกุกตะกักนั้น ทำให้คนถูกถามตวัดสายตามองอย่างหมั่นไส้โดยไม่ปิดอารมณ์สักนิด ก่อนเขาจะก้าวนำออกมา โดยไม่ทันเห็นว่าคนข้างหลังถึงกับทำคอย่น ขยับปากบ่นอุบโดยไม่มีเสียงเล็ดลอด อาทิตย์เดินตรงไปยังโซฟาที่จิณณาหมายตาว่าเขารออยู่ตั้งแต่แรก เมื่อเขาหย่อนกายนั่งลง เจ้าหล่อนก็ขยับเท้าไปยืนอยู่เบื้องหน้าแล้วประสานมือพลางก้มหน้าอย่างรอรับฟัง “นั่งสิ” จนเสียงสั่งดังขึ้นนั่นแหละ จิณณาถึงเงยหน้าขึ้นมามองเขา หากต้องหลบตาสายพลัน แล้วเดินตัวลืบไปนั่งบนเก้าอี้ที่หล่อนคิดดีแล้วว่ามีระยะห่างเหมาะสมพอ “เธอคิดจะอยู่ที่นี่นานแค่ไหน” “จิณ เอ่อ...หนูกำลังรองาน คิดว่าไม่เกินเดือนนี้ค่ะ” “งานสำหรับเธอหาง่ายขนาดนั้นเลยหรือ” “คะ?”ในวันหยุดที่อากาศร้อนอบอ้าว อุณหภูมิทะลุไปถึงสี่สิบองศาเซลเซียส จิณณาซึ่งเป็นคุณแม่ลูกสี่ยังคอยดูแลลูกๆ ให้นั่งวาดภาพอยู่ในห้องโถงซึ่งอากาศเย็นกำลังดีด้วยเครื่องปรับอากาศหล่อนยังไม่ปล่อยให้ลูกทุกคนออกไปเล่นนอกบ้าน เพราะสองวันก่อนด้วยสภาพอากาศที่ร้อนจัด ทำให้ลูกสาวคนสุดท้องวัยสองขวบต้องล้มป่วยลง และวันนี้หนูน้อยก็เพิ่งทุเลาจากอาการไข้ เจ้าตัวยังไม่แข็งแรงพอที่จะออกไปวิ่งเล่นข้างนอก จิณณาจึงต้องต้อนพี่ๆ ทั้งสามคนให้อยู่ภายในบ้านคอยเป็นเพื่อนหนูน้อย“คุณแม่ครับ เมื่อไรเราจะไปที่สวนป่ากันอีก พี่ขุนอยากเล่นน้ำในลำธาร”ลูกชายคนโตวัยหกขวบถามขึ้น เขาคงเบื่อที่ต้องมานั่งวาดภาพและร่วมทำกิจกรรมกับน้องๆ แล้วลูกสาวคนรองก็สนับสนุนตาม“ใช่ค่ะ เราพาน้องพลับพลึงไปว่ายน้ำ น้องจะได้หายไข้ไวๆ”ทฤษฎีรักษาไข้ของแม่หนูมะลิทำให้คุณพ่อที่ยังหล่อเหลาเดินมาแล้วได้ยินเข้าพอดีถึงกับหัวเราะขำ“ไม่ใช่ว่าเราอยากเล่นน้ำเองหรือมะลิ”เมื่อคุณพ่อดักคออย่างรู้ทัน มะลิน้อยก็ปิดปากหัวเราะคิก แต่ยังตอบกลับอย่างไร้เดียงสา“
หลังแต่งงาน จิณณาใช้ชีวิตอยู่ในบ้านหลังใหญ่กลางไร่กว้างของอาทิตย์อย่างมีความสุข หลายสิ่งรอบตัวไม่ได้เปลี่ยนไป และหล่อนก็พอใจที่จะให้เป็นอย่างนั้นจิณณาเริ่มช่วยงานของแม่สามีอย่างจริงจังด้วยค่าจ้างเดือนละห้าหมื่นบาท ทุกเดือนหล่อนจะโอนให้แม่ลัดดาสามหมื่น ส่วนที่เหลืออีกสองหมื่นก็ติดกระเป๋าไว้หญิงสาวเรียนรู้งานอย่างค่อยเป็นค่อยไป จนได้พบว่าหล่อนสนุกกับงานวางกลยุทธ์ในธุรกิจห้างสรรพสินค้าและค้าปลีกเสียแล้ว“เป็นเมียเศรษฐีก็ยังต้องทำงานอีกหรือพี่จิณ”ส้มโอนั่งเท้าคางมองสาวรุ่นพี่ที่วันนี้กลายเป็นเจ้านายสาวอีกตำแหน่งแล้ว“ต้องทำสิ แล้วงานของพี่ก็สนุกนะ”“คนที่ห้างฯ เขาพูดกันว่าคุณนายรักพี่จิณเหมือนลูกสาว ไม่ใช่ลูกสะใภ้ หนูว่าคุณอั๋นใกล้จะตกกระป๋องแล้วแหละ แถมพี่จิณได้เจอคุณนายบ่อยกว่าคุณอั๋นอีกด้วย”“พูดอะไรส้มโอ”เสียงที่แทรกเข้ามานั้นทำให้คนช่างพูดสะดุ้งสุดตัว ทุกวันนี้ส้มโอขยับมาเป็นคนสนิทของจิณณาแล้ว เพราะอาทิตย์ได้มอบหมายหน้าที่ใหม่ โดยให้คอยตามดูแลและอยู่เป็นเพื่อนจิณณา ไม่ว่าภร
ห้องแถวชั้นเดียวในชุมชนริมคลองของตัวอำเภอยังตั้งอยู่เช่นเดิม หากความรู้สึกของจิณณาในวันนี้ต่างกับวันก่อนที่มาหาแม่ลิบลับ“เข้ามาในบ้านก่อนสิคุณ หนูจิณพาพี่เขาเข้ามา ข้างนอกอากาศมันร้อน”ลัดดามีสีหน้ายิ้มแย้มขณะเชิญชวนลูกเขยให้เข้าบ้าน โดยไม่ลืมกำชับลูกสาวไว้ด้วย ส่วนตัวเองก็ปราดเดินนำเข้าไปก่อนจิณณายิ้มตาม หัวใจเหมือนจะโบยบินเสียให้ได้ หล่อนรักที่จะเห็นความยินดีและรอยยิ้มบนใบหน้าของแม่เหลือเกิน“ผมมาฝากเนื้อฝากตัวกับคุณอาไว้ก่อนครับ ส่วนแม่จะมาในสัปดาห์หน้าพร้อมกับผู้ใหญ่เพื่อสู่ขอหนูจิณกับคุณอา”อาทิตย์พูดขึ้นหลังจากทั้งสามคนเข้ามานั่งบนโซฟาในบ้านเรียบร้อยแล้วจิณณามองรอบตัวปราดเดียวก็รู้ว่าแม่ตั้งใจจัดเก็บบ้านอย่างดีที่สุด จนเห็นความเป็นระเบียบแปลกตาไปจากทุกวัน ข้าวของที่มักมีเก็บไว้มากมายตามประสาคนค้าขาย ในวันนี้ข้าวของพวกนั้นได้หายไปหมดแล้ว พื้นที่รับแขกกลายเป็นพื้นที่โล่ง มีเพียงเฟอร์นิเจอร์ที่จำเป็นสำหรับใช้งานจริงๆลัดดาวางตัวได้เหมาะสม แม้สีหน้าจะยิ้มแย้มเบิกบานโดยที่ใครเห็นก็เข้าใจได้ทันทีว่าเธอดี
จิณณาเดินเข้าไปด้านในห้องนอนตามทิศทางของแสงไฟที่เห็นส่องสว่าง และเมื่อไปถึง ร่างกายของหญิงสาวก็หยุดอยู่กับที่ มองภาพเบื้องหน้านิ่งงันอยู่อย่างนั้น“ห่างแค่วันเดียวจำผัวไม่ได้แล้วหรือหนูจิณ”“พี่อั๋น!”“ครับ พี่เอง ดีใจจังที่เมียยังจำได้”ชายหนุ่มเย้า สีหน้าของเขาเกลื่อนด้วยรอยยิ้ม ดวงตาคมหลุบมองส่วนกลางของร่างกายหญิงสาว แล้วตรงเข้ามาโอบกอดแม้เจ้าหล่อนยังยืนตัวแข็งเช่นเดิม แต่เขาก็ไม่สนใจ ความยินดีเกิดขึ้นเต็มหัวใจจนไม่อยากเก็บมันไว้อีกแล้วดวงหน้าคมโน้มลงพรมจูบตรงเรือนผมนุ่มสลวย แล้วเลื่อนมากดจูบบริเวณหน้าผาก ไล่มาถึงพวงแก้มนวล แล้วกดจูบที่ริมฝีปากอิ่มหนักๆ“ใจร้ายกับพี่ทุกคนเลย หนูจิณก็เป็นไปกับเขาด้วย”“แล้วพี่อั๋นมาได้ยังไงคะ”“ขับรถมาสิ แล้วนี่บ้านของพี่นะ ห้องนี้ก็เป็นห้องของพี่ พี่อยู่มาตั้งแต่เด็กๆ”“เอ่อ...จิณขอโทษค่ะ ไม่น่าถามอย่างนี้เลย”“ไม่ได้กอดแค่คืนเดียว รู้ไหมคิดถึงมาก เมื่อคืนนอนไม่หลับ ห่วงไปสารพัด ทั้งที่รู้ว่าอยู่
พิจิกาเร่งสาวเท้าเข้ามาในโรงพยาบาล หลังจากได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนอาจารย์ที่มาฝากครรภ์แล้วบอกว่าได้เจอกับคนรู้จักของเธอที่แผนกเดียวกันเข้าเพียงแค่นั้น อาจารย์สาวที่ว่างจากชั่วโมงสอนก็ปรี่มายังโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยในทันทีเมื่อถามจนรู้พิกัดของ ‘คนรู้จัก’ เธอก็รีบจอดรถแล้วขึ้นลิฟต์ขึ้นไปยังชั้นเป้าหมาย พลันก็เจอกับผู้หญิงสองคนที่เธอคาดไว้จริงๆพิจิกาเดินหลบไปยังมุมหนึ่ง แล้วโทร.ติดต่อหาเพื่อนสนิทโดยไว“นายอั๋น ทำอะไรอยู่ที่ไหนเนี่ย”“อยู่ที่ไร่ พริกมีอะไรหรือเปล่า”“แล้วเจอเมียนายหรือยัง”พิจิกายิงคำถามไปตรงๆ เพราะไม่ต้องการให้เรื่องยืดเยื้ออีก“เมียของนายหายไปไม่ใช่หรือ แล้วทำไมนายไม่ตามหา หรือว่านายแค่เล่นๆ กับยายขนุน”“หนูจิณออกจากบ้านของฉัน แต่ฉันรู้ว่าเธออยู่กับแม่ของฉันแล้ว”“อ้าว! นายก็รู้ด้วยนี่ ฉันเห็นที่บ้านของนายพร้อมใจกันปิดข่าวนายไม่ใช่หรือ”“ฉันรู้จากสัญญาณมือถือของหนูจิณ แล้วถามจากคนขับรถตู้
หลังจากพิจิกากลับไปแล้ว ขวัญจึงเอาเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัว ไม่เว้นแม้แต่เครื่องสำอางแบรนด์ดังมาให้จิณณา หญิงสาวพลิกมองอย่างพิจารณา คิดในใจว่ามันดีเกินไป ไม่จำเป็นเลยที่คุณนายอรอรจะนำของพวกนี้มาให้หล่อนใช้ หากก็ไม่ทันได้พูด ขวัญก็รายงานต่อด้วยเสียงดังแจ้วๆ ขึ้นมาเสียก่อน“คุณนายบอกว่าให้คุณจิณรับไว้แล้วใช้ของพวกนี้ด้วยค่ะ”จิณณาเหลือบมองแล้วยิ้ม แน่นอนว่าหล่อนไม่มีทางปฏิเสธได้ ถ้าคุณนายฝากถ้อยคำมาแบบนี้แล้ว“คุณนายใจดีค่ะ ถึงท่าทางจะดุไปสักนิดก็ตาม หนูชอบอยู่บ้านนี้ที่สุดแล้ว”จิณณาปล่อยให้เด็กรับใช้พูดต่อไป แม้หล่อนจะเห็นด้วย แต่ก็ไม่ได้ผสมโรง เพราะยังติดความรู้สึกที่ว่าตนยังไม่ใช่คนในบ้านนี้ หล่อนจึงเพียงรับฟังไปเงียบๆ“คุณหายปวดหัวหรือยังคะ ตอนนี้ก็บ่ายแล้ว”“อะไรนะ นี่บ่ายแล้วหรือ”“บ่ายสองแล้วค่ะ คุณหลับไปหลายรอบเลย หนูก็ไม่อยากปลุก”“นั่นสิ วันนี้ง่วงนอนทั้งวัน เมื่อก่อนไม่เป็นอย่างนี้นะ ฉันยังไปทำงานในไร่ด้วยเลย”จิณณาเผลอพูดออกไป แต่เมื่อรู้ตัวก็ปิดปากฉับทันที