“เราออกไปสนุกด้วยกันดีกว่า”
เสียงลาน่าเอ่ยชวนรสรินทร์เพราะไม่อยากยืนอยู่ตรงนี้นาน หญิงสาวจึงหันไปบอกคนรักเชิงเป็นการขออนุญาต แต่อันที่จริงแล้วเธอเพียงบอกเขาเฉย ๆ เท่านั้นเพื่อจะได้แสดงความรักให้สาว ๆ แถวนี้ได้เห็นก็เพียงเท่านั้น
“"ดินคะ เดียวโรสมานะคะ”
ชายหนุ่มพยักหน้าพร้อมยิ้มหวานให้คนรัก คนรักของเขาเป็นคนรักสนุกชอบปาร์ตี้เป็นที่สุดผิดกับเขา แต่เพราะรักเขาถึงยอมฝืนใจตัวเองมานั่งเป็นเพื่อนเธอทุกครั้ง แต่ก็เพราะหวงและห่วงความปลอดภัยของหญิงสาวที่ชอบแต่งกายโป๊เปลือยแบบนี้ออกมาปาร์ตี้ทุกครั้งเขาจึงไม่ปล่อยให้เธอมาเพียงลำพัง
“ไม่ไปสนุกกับคนอื่นเหรอครับ” จอนถามเมื่อเห็นชายหนุ่มนั่งอยู่ที่โต๊ะคนเดียว
“ไม่ละครับผมเต้นไม่เป็นนะ”
“แปลกจังนะครับโรสชอบเต้นแต่กลับมีแฟนที่เต้นไม่เป็นซะอย่างนั้น”
“ไม่แปลกหรอกครับผมแค่เห็นโรสมีความสุขผมก็มีความสุขแล้ว”
“คุณดินนี่ช่างเป็นคนรักที่แสนดีจริง ๆ นะครับ”
จอนบอกอย่างประชดประชัน นคินทร์สังเกตได้จากน้ำเสียงที่พูดคุยกันชายหนุ่มตรงหน้าดูเหมือนผู้ชายคนนี้จะไม่ค่อยชอบขี้หน้าเขาเอาเสียเลยทั้งที่เขาก็ไม่ได้ไปทำอะไรให้
“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ ผมแค่ไม่ค่อยชอบมาในสถานที่ที่เสียงดังและคนเยอะๆ แบบนี้” นคินทร์ตอบไปอย่างงั้น
“เรียนจบแล้วโรสบอกว่าจะอยู่ที่นี่ต่อ คุณดินก็คงเหมือนกันใช่มั้ยครับ” จอนถามต่อหวังจะชวนชายหนุ่มคุยต่อ
“ครับกะว่าจะอยู่ต่ออีกสักหนึ่งปีแล้วค่อยกลับไทยไปแต่งงานกับเธอ”
คำตอบนั้นทำให้ชายหนุ่มตรงหน้าถึงกับหน้าเสีย จากที่เคยเป็นต่อบัดนี้เปลี่ยนไป คิ้วหนาขมวดผูกกันเป็นโบพร้อมกับแสดงท่าทางออกมาว่าไม่พอใจเขาอย่างเห็นได้ชัด เพราะรสรินทร์ไม่เคยบอกเรื่องนี้กับเขาและไม่ทันที่เขาจะได้ถามต่อเสียงโทรศัพท์ของนคินทร์ก็ดังขึ้นเสียก่อน
ตื้ด ตื๊ด ตื๊ด
“ผมขอตัวไปรับโทรศัพท์ด้านนอกก่อนนะครับ”
“เชิญครับ”
ว่าแล้วนคินทร์ก็เดินออกมาด้านนอกเพื่อรับโทรศัพท์ เบอร์ที่โทรเข้ามาเป็นเบอร์ของน้องสาวสุดที่รักของเขาแต่น่าแปลกที่น้องสาวของเขาโทรหาเขาในเวลาเช่นนี้
“ว่าไงยัยดาวโทรมาหาพี่ซะดึกเลย”
“พี่ดินคะคุณพ่อป่วยตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาลค่ะ”
นิศราน้องสาวเขาบอกเสียงด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ หากเขาเดาไม่ผิดเสียงเช่นนี้ของน้องสาวคือเธอพึ่งผ่านการร้องไห้อย่างหนักมา
“คุณพ่อเป็นอะไร”
“คุณพ่อเป็นโรคหัวใจ บวกกับตอนนี้ท่านเครียดเรื่องที่บริษัทเลยทำให้ช็อกหมดสติไป โชคดีที่พี่ติมาเจอเข้าเสียก่อนเลยพาส่งโรงพยาบาลได้ทันเวลาค่ะ พี่ดินดาวกลัว”
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นที่บริษัทถึงทำให้คุณพ่อเครียดจนถึงกับต้องช็อกหมดสติไป”
“คือ..” หญิงสาวอึกอักเพราะบิดาบอกเธอสั่งไว้ว่าอย่าได้กวนใจพี่ชายของเธอเพราะเขาได้ตัดสินใจจะสร้างธุรกิจของตัวเองแล้ว
“บอกพี่มาให้หมดนะดาวว่าที่บ้านเกิดเรื่องอะไรขึ้น”
นคินทร์ถามด้วยน้ำเสียงที่จริงจังขึ้น ชายหนุ่มมั่นใจว่าต้องเกิดเรื่องขึ้นกับครอบครัวของเขาอย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นบิดาของเขาคงไม่โทรตามให้เขากลับบ้านบ่อยขนาดนี้ แต่ที่เขาไม่รู้ว่าเรื่องอะไรก็เพราะบิดาไม่เคยเล่าให้ฟัง นิศราที่ทนการคาดคั้นของพี่ชายไม่ไหวจึงเล่าเรื่องราวที่เกินขึ้นทั้งหมดให้คนเป็นพี่ฟังโดยไม่ปิดบังอีก
เมื่อทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับบริษัทจนทำให้อาการป่วยของบิดาเขากำเริบจนเกือบเสียชีวิตหากว่าเลขาคนสนิทของบิดานำตัวส่งโรงพยาบาลไม่ทัน ชายหนุ่มก็ต้องตกใจเพราะเขาพึ่งคุยกับบิดาไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมานี่เองโชคดีที่ครั้งนี้บิดาเขาไม่เป็นอะไร เรื่องที่ทำให้ตกใจยิ่งกว่าคือ
บริษัทที่บิดาเขาสร้างขึ้นมาด้วยน้ำพักน้ำแรง กำลังประสบปัญหาใหญ่เรื่องหนี้สิน คงเป็นเพราะเรื่องนี้สินะบิดาของเขาถึงได้อยากให้เขากลับไปให้เร็วที่สุดแต่เขากลับยืนยันหนักแน่นว่าจะอยู่ต่อจนบิดาของเขาตัดสินใจจะไม่บอกเรื่องนี้กับเขาเพราะไม่อยากให้เขาต้องเป็นกังวล นี่เขาเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้โรคหัวใจของบิดาเขาทรุดลงด้วยหรือเปล่า ชายหนุ่มคุ้นคิดกับตัวเอง
หากน้องสาวของเขาไม่โทรมาในวันนี้ เขาก็คงยังไม่รู้เรื่องอาการป่วยของบิดาของเขาเป็นแน่ เพราะการคุยโทรศัพท์กับบิดาท่านไม่เคยบอกอะไรเลย ท่านคงไม่อยากให้เขากลับไปโดยที่ยังไม่อยากกลับ แถมตอนที่เขาบอกว่าจะอยู่ต่ออีกหลังเรียนจบบิดาของเขาก็ไม่ได้ห้ามหรือขัดขวางอะไรแถมยังอวยพรเขาอีก มันยิ่งทำให้เขารู้สึกผิดเข้าไปอีกทำไมเขาถึงไม่ถามว่าทางนั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้น
ทั้งที่ช่วงหลังบิดาโทรมาหาเขาบ่อยมาก ๆ มันน่าจะทำให้เขาเอะใจคิดได้บ้างแต่เขากับรำคาญทุกครั้งที่บิดาโทรหาเพราะเขามัวแต่คิดถึงแต่เรื่องของตัวเองจนลืมคนข้างหลังไป การที่เขาจากมาไกลขนาดนี้ทำให้เขามองไม่เห็นความสำคัญของครอบครัวที่รอเขากลับไปได้อย่างไร
เสียงเพลงในไนต์คลับที่ดังสนั่นโดนใจคนชอบเที่ยวที่พากันเต้นตามจังหวะดนตรีอย่างสนุกสนาน รสรินทร์ก็สนุกจนลืมชายหนุ่มที่มาด้วยไปเลย ระหว่างที่เธอกำลังเต้นอย่างเพลิดเพลินกับกลุ่มสาว ๆ จอนที่คุ้นคิดกับคำพูดของนคินทร์เกี่ยวกับเรื่องของรสรินทร์ผู้หญิงที่เขาชอบจนทนไม่ไหว จึงเดินตรงเข้าไปหาเธอทำท่าเหมือนจะเต้นด้วย แต่เปล่าเลยเขาเดินมาถึงก็โน้มหน้าลงไปกระซิบข้างหูของรสรินทร์ที่กำลังเต้นอย่างสนุก
“ออกมาคุยกับผมหน่อยทางเดินไปห้องน้ำเดี๋ยวนี้”
เขาบอกน้ำเสียงเข้มสีหน้าจริงจังแล้วจึงเดินนำเธอออกไปก่อนเพื่อไม่ให้เป็นที่ผิดสังเกตในหมู่เพื่อน ๆ แล้วหญิงสาวจึงเดินตามเขาออกไปเพื่อไม่ให้คนอื่นสงสัย
“มีอะไรคะจอน ทำหน้าจริงจังเชียว”
“โรสคุณจะแต่งงานกับไอ้ดินนั่นเหรอทำไมถึงไม่บอกผม” เขาถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ
“บ้าน่าจอน โรสยังรักสนุกอยู่ไม่คิดที่จะแต่งงานกับใครหรอก คุณก็น่าจะรู้ดีกว่าใคร"
หญิงสาวบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนลงแถมส่งสายตายั่วให้คนตรงหน้าอีกต่างหาก ทำอย่างกับคำถามที่เขาถามมาเป็นเรื่องไม่เป็นเรื่องเสียงอย่างนั้น แต่คนถามดูเหมือนจะไม่เชื่อคำพูดของเธอสักเท่าไหร่
“แต่มันบอกผมแบบนั้น”
“แล้วคุณก็เชื่อ…จอน! คุณคิดว่าคนอย่างฉันจะแต่งงานแล้วทิ้งชีวิตที่แสนสนุกแบบนี้ไปหรือคะไม่มีทาง”
ไม่พูดเปล่าหญิงสาวใช้สองแขนโอบรอบคอของเขาก่อนดึงโน้มเข้ามาจูบอย่างดูดดื่มเร่าร้อนราวกับกระหาย เขาปล่อยให้เธอเป็นคนเสนอจูบร้อนแรงนั้นก่อน แล้วจึงดันร่างอันแสนยั่วยวนของเธอให้แนบชิดกับผนังทางเดินและจูบตอบกลับอย่างดูดดื่มร้อนแรงไม่แพ้กัน ทั้งสองยืนจูบกันอยู่อย่างนั้นเนิ่นนานจนอารมณ์ของชายหนุ่มเริ่มเตลิดมือหนาเริ่มเลื้อยไล่ไปตามร่างบางจนมาหยุดที่ทรวงอกอวบนิ่มของเธอก่อนจะบีบเคล้นอย่างมันมือ นานจนพอใจแล้วค่อยๆ เลื่อนไล้ปลายนิ้วลงต่ำไปตามหน้าท้องแบนราบของหญิงสาวและหมายจะล้วงเข้าไปสำรวจด้านในกระโปรงสั้น แต่กลับถูกมือบางจับที่ข้อมือเขาห้ามเอาไว้เสียก่อน
“ตรงนี้ไม่ได้ค่ะจอน”
เธอห้ามพร้อมส่งสายตากับมองไปทางประตูห้องน้ำ ชายหนุ่มรู้ในทันทีว่าเธอหมายถึงอะไร
หลังประชุมเสร็จต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันไปทำงาน นคินทร์เองก็กลับมาทำงานต่อที่ห้อง ก่อนจะคิดขึ้นได้ว่า ต้องรีบหาโรงงานไม้เพื่อขึ้นแบบ“คุณแพร วันนี้ผมมีนัดอีกมั้ย”“ไม่มีแล้วค่ะ”“งั้นดีเลย คุณไปเอาแผนที่โรงงานไม้ ที่ผมให้คุณหาไว้มา”“ทั้งหมดเลยเหรอคะ”“ครับ ทั้งหมด ตอนนี้เลย แล้วมาเลือกวันนี้เราจะไปกัน”“เรา..” เธอย้ำพร้อมกับชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง“ครับเรา”“แล้วคุณจะไปวันไหนคะ”“วันนี้”“ วันนี้..” เธอทวนคำเสียงดังอย่างตกใจ“ครับ คุณติดปัญหาอะไรหรือเปล่า”“ เปล่าค่ะ รอสักครู่นะคะ”แพรไหมรับคำเสียงอ่อนแรงอย่างปฏิเสธไม่ได้ ผู้ชายคนนี้จะใช้งานเธอโหดเกินไปแล้ว ทำงานเก่งก็จริงแต่เธอไม่ใช่เครื่องจักรนะ ต้องกินข้าวนี่บ่ายสองแล้วยังไม่ได้กินมื้อเที่ยงเลย หิวจนตาลายไปหมดแล้วแต่ด้วยหน้าที่ ต้องทำตามที่เจ้านายสั่ง ไม่เอ่ยปากบ่นสักคำ เธอเป็นอย่างนี้เสมอ อดทนได้กับทุกเรื่องจะไม่ร้องขอความเห็นใจจากใคร แม้ว่าตัวเองจะไม่ไหวก็จะฝืนทำจนถึงที่สุด40 นาทีต่อมา.....“นี่คุณพาผมมาถูกทางรึเปล่า”“ถูกแล้วนะคะ เนี่ยก็จีพีเอสบอกให้เดินตรงมาทางนี้ห้าสิบเมตรแล้วจะมีซอยให้เลี้ยวขวา”พูดไปพลาง ตาก็มองแผนที่ในมือถือสลั
ตั้งแต่ทำงานด้วยกันมา แพรไหมมักจะสังเกตใส่ใจกับรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ พวกนี้เสมอ หญิงสาวไม่ได้ทำบ่อยจนน่าโมโห เธอรู้กาลเทศะว่าเวลาไหนควรทำหรือไม่ควรทำ มักเลือกเวลาที่เหมาะสมในการแสดงความห่วงใยส่วนใหญ่จะเป็นเวลาที่เขาไม่ได้ขยับร่างกายจากกองเอกสารนาน ๆ แล้วต้องพบแขกทั้งภายในและภายนอก เธอจะทำเช่นนี้เพื่อให้เขาได้ใช้เวลาสามถึงห้านาทีในการปรับอารมณ์ ให้สดชื่นขึ้น ไม่เช่นนั้นเขาจะเครียดใส่คนอื่นมากเกินไป“ขอบคุณครับ ปกติดูแลทุกคนแบบนี้ตลอดเลยหรือเปล่า”“เปล่าค่ะ ทำแค่ตอนที่คุณพ่อมีเรื่องเครียด ๆ จากงานมาท่านบอกว่าแบบนี้จะพอช่วยได้”“เหงามั้ย”“ไม่ค่ะ ฉันเริ่มชิ้นแล้ว พร้อมมั้ยคะใกล้ได้เวลาประชุมแล้ว”“ครับ”เขาพยักหน้าพร้อมกับลุกจากเก้าอี้ เดินตรงไปยังห้องประชุม ก็เห็นทุกคนมารอกันอยู่พร้อมหน้าก่อนแล้ว“ที่ผมเรียกทุกคนมาประชุมในวันนี้ ก็เรื่องปัญหาที่พวกคุณสรุปมาให้ ผมได้ทำแผนงานคร่าว ๆ มาให้ เอกสารอยู่ด้านหน้าของทุกคนแล้ว ผมอยากให้ทุกคนช่วยดูแล้ววิเคราะห์แผนงานที่ผมทำ หากใครมีข้อเสนอหรืออยากแนะนำเปลี่ยนแปลงตรงไหนแจ้งมาได้เลยครับ"เวลาผ่านไปชั่วครู่หลังที่ทุกคนได้อ่านเอกสารที่นคินทร์เตรียม
“มองตาผมสิ ถ้าผมไม่ใช่คนแรกของคุณ ผมก็คงไม่ต้องคิดมากแบบนี้ ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้วผมพร้อมจะรับผิดชอบทุกอย่าง”“คุณจะมารับผิดชอบฉันทำไม ปล่อยให้มันผ่านไปเถอะค่ะฉันลืมมันไปหมดแล้ว”“ลืมไปหมดแล้วงั้นเหรอ คุณสามารถลืมครั้งแรกของตัวเองได้ง่ายดายขนาดนี้เลยเชียว”นั่นสิ เธอจะลืมครั้งแรกของตัวเองได้ยังไง เป็นคำตอบที่โง่มากที่ตอบออกไปแบบนั้น แต่จะให้ทำอย่างไรเล่า จะให้คนที่ไม่ได้รักมารับผิดชอบได้อย่างไร และเธอก็อยากเริ่มต้นชีวิตใหม่อยากลืมอดีตที่ไม่ดี ความทรงจำที่เจ็บปวดไปให้หมด“ค่ะ ลืมหมดแล้ว”“โกหก ไม่มีผู้หญิงคนไหนลืมครั้งแรกของตัวเองได้หรอก”“แล้วคุณต้องการอะไรคะ ในเมื่อเรื่องมันผ่านไปแล้ว จะมารื้อฟื้นทำไม”“ผมเป็นผู้ชาย ที่สำคัญเป็นพี่ชายของเพื่อนรักคุณด้วย ผมคงปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปไม่ได้”“แล้วยังไงต่อคะ คุณจะรับผิดชอบผู้หญิงที่คุณเจอเพียงไม่กี่ครั้ง ไม่ได้รักด้วยซ้ำ แต่ดันเมาแล้วเผลอไปมีอะไรด้วย อย่างฉันหรือไง”“ใช่ ..”“…..”“ตั้งแต่คืนนั้น ผมก็บอกตัวเองว่าผมต้องรับผิดชอบคุณ”“เพราะอะไรคะ ในเมื่อคุณก็ไม่ได้ชอบฉันหรือว่ารับผิดชอบเพียงเพราะหน้าที่ ฉันบอกเลยว่าถ้าเป็นอย่างนั้นไม่ต้องค่ะ ฉ
ตลอดการเดินทาง ภายในรถมีแต่ความเงียบสนิท ได้ยินเพียงลมหายใจของกันและกันเท่านั้น ต่างฝ่ายต่างเงียบ นคินทร์จึงเป็นฝ่ายเปิดบทสนทนาขึ้นมาก่อน“ดูเหมือนว่าคุณจะสนิทกับครอบครัว ของผมมากเลยนะครับ”“ก็ระดับหนึ่งค่ะ” แพรไหมบอกสีหน้าเรียบตึง แสดงออกชัดว่าไม่อยากคุยกับเขา-ระดับหนึ่งอย่างนั้นหรือ- นคินทร์คิดในใจในเมื่ออีกฝ่ายไม่อยากพูด จึงปล่อยให้ความเงียบปกคลุมภายในรถอีกครั้ง ไม่นานรถเก๋งคันหรูก็ขับมาถึงที่หมาย“ส่งฉันแค่ตรงนี้ก็พอค่ะ ขอบคุณนะคะที่มาส่ง”“แต่ผมหิวน้ำ”“ในรถคุณก็มีน้ำค่ะ”ไม่พูดเปล่ายังเอื้อมมือไปหยิบขวดน้ำก่อนยื่นส่งให้พร้อม นคินทร์ยิ้มขันกับท่าทีของคนรู้ทัน ถึงอย่างนั้นก็ไม่ยอมแพ้“แต่ผมอยากดื่มน้ำเย็น”“นี่! คุณดิน ตอนนี้มันดึกมากแล้วนะคะ ถ้าใครมาเห็นว่าฉันอยู่กับผู้ชายสองต่อสองเข้า มันจะดูไม่ดี”“แต่ว่าเราเคย..”“เราไม่เคยมีอะไรกันทั้งนั้นค่ะ เชิญคุณกลับไปได้แล้ว ขอบคุณอีก
ภาพความสนิทสนมของทั้งสามคนอยู่ในสายตาของ ลูกชายเจ้าของบ้านอีกคนตลอดเวลา นานเท่าไหร่แล้วที่เขาไม่ได้เห็นรอยยิ้มของบิดาและน้องสาวของเขา แสดงสีหน้ามีความสุขอย่างเต็มอิ่ม ผ่านรอยยิ้มแบบนี้ มันเป็นภาพที่เห็นแล้วก็ทำให้เขามีความสุขตามไปด้วยทั้งที่ความสุขอยู่แค่ตรงหน้า แต่เขากลับไปไขว่คว้าหาอะไรอยู่ก็ไม่รู้ ต่อจากนี้นคินทร์ตั้งใจจะทำทุกวิถีทางเพื่อรักษาความสุขที่มี ให้อยู่กับตนเองได้นานที่สุด“แจ๋วทำไมถึงจัดโต๊ะสี่ที่ล่ะ”ประภาสถามด้วยความสงสัยเพราะแขกมาเพิ่มแค่คนเดียวและเจ้าลูกชายคนโตก็น่าจะกลับมาในอีกสองวันข้างหน้า“อะไรกันครับคุณพ่อ จะไม่ให้ผมทานข้าวด้วยหรือไงกัน หรือว่าได้ลูกสาวคนใหม่แล้ว จะทิ้งลูกชายคนนี้”“พูดอะไรอย่างนั้นค่ะพี่ดิน ดาวเป็นคนชวนแพรมาเอง ละไหนบอกว่าอีกสองวันถึงจะกลับ แล้วทำไมมาปรากฏตัวที่นี่ได้ พวกเราก็ตกใจกันน่ะสิ”“นั่นสิดิน เดี๋ยวน้องก็น้อยใจหรอกพูดแบบนี้ พ่อเห็นไปหลายวัน ใครจะไปรู้ว่าวันนี้จะกลับมาแล้ว”ชายสูงวัยกล่าวก่อนจะหันไปปลอบหญิงสา
“น้องแพร อีกสองวันแผนกเราจะมีผู้จัดการแผนกคนใหม่เข้ามาทำงานที่นี่ พี่ธันกับพี่ปรึกษากันแล้วว่าจะให้น้องแพรเป็นผู้ช่วยเขาชั่วคราวสักสองอาทิตย์ จนกว่าเราจะหาผู้ช่วยคนใหม่ได้ หรือไม่ก็ต้องทำให้คนในแผนกเราเคลียร์งานออกจากมือให้ได้เสียก่อน น้องแพรคิดว่าพอจะทำได้มั้ยคะ”“แล้วผู้ช่วยผู้จัดการแผนกที่ว่า มีหน้าที่ทำอะไรบ้างคะ”“ก็คอยอัปเดตงานในทีม ให้ผู้จัดการแผนกทราบ แล้วก็คอยช่วยเรื่องเอกสาร รวมถึงการติดต่องานก็ต้องมีช่วยบ้าง เหมือนเป็นเลขานั่นแหละ”“เลขาเลยเหรอคะ แพรกลัวจะทำไม่ได้ เพราะไม่เคยทำค่ะ”“ไม่ต้องกังวลไป ทุกคนในทีมจะคอยช่วยแพรอีกที อีกอย่างผู้จัดการแผนกคนนี้ จะมาช่วยแก้ไขปัญหาในบริษัทตอนนี้บอกตามตรงบริษัทของเรากำลังเจอวิกฤตใหญ่อยู่ น้องแพรเป็นเพื่อนคุณดาวน่าจะพอรู้เรื่องมาบ้าง ฟังแบบนี้แล้วพอไหวมั้ยคะ”“ค่ะ สบายมากค่ะพี่นัด แพรจะช่วยเต็มที่เลย”นี่เป็นโอกาสดีที่หญิงสาวจะได้ช่วยเหลือผู้มีพระคุณอย่างประภาส มีหรือที่เธอจะปฏิเสธ ถึงจะช่วยได้เพียงเล็กน้อยแต่ก็เต็มใจช่วย“ดีค่ะ ถ้าอย่างนั้นพี่ฝากด้วยนะ ส่วนวันนี้ให้น้องแพรดูขั้นตอนการทำงานกับรายละเอียดงานในส่วนที่แผนกเรารับผิดชอบจากแฟ้ม