LOGINศศิกาญจน์ หนีลูกชายของแม่เลี้ยงที่จ้องจะงาบเธอด้วยความกระหืดกระหอบจนเกือบถูกรถชน ไม่สิ! เธอหลอกชายหนุ่มเคราะห์ร้ายเจ้าของรถว่าเธอถูกเขาชนจะได้พ้นภัย นี่คงเป็นพรหมลิขิตหรือเพราะพลังแห่งจักรวาลที่ดึงคนที่เป็น ‘เนื้อคู่’ มาเจอกันละมั้ง...เพราะนอกจาก จะได้เขาช่วยไว้จากเหตุอันตราย พ่อเลี้ยงจอมทัพ ยังเป็นเจ้าของไร่ทับตะวันที่เธอกำลังจะไปสมัครงานอีกด้วย ผู้จัดการไร่ คือตำแหน่งที่เธอเล็งไว้แต่แรก แต่ไหง...พ่อเลี้ยงเจ้าเล่ห์ ขี้เก๊กมาดกวน ถึงได้เอาคืนเธอด้วยการมอบตำแหน่งงานที่ไม่ได้สมัคร ถูกเขาสั่งการพร้อมเสนอเงินเดือนให้ในฐานะ ‘เมียกำมะลอ’ และงานแรกของเมียกำมะลอก็คือ การเป็นคู่ซ้อม...ซ้อมการเป็นเมียจริงๆ ที่น่าจะได้เลื่อนขั้นในอีกไม่กี่วันนี้!
View Moreสวนผักนางซิน
ผู้คนที่สัญจรไปมา หากไม่ใช่คนในพื้นที่มักจะเหลียวหลังเพื่อหันกลับมาอ่านป้ายไม้สี่เหลี่ยมหน้าสวนผักขนาดยี่สิบไร่ อย่างนึกเดาไม่ถูก ว่าเหตุใดเจ้าของไร่ถึงตั้งชื่อว่า
‘สวนผักนางซิน’
ทว่า ‘ซอ หรือ ศศิกาญจน์’ หญิงสาววัยยี่สิบสองปี ที่เพิ่งผ่านรั้วมหาวิทยาลัยรัฐบาลชื่อดังในจังหวัดมาเมื่อไม่กี่สัปดาห์นั้นรู้ที่มาที่ไปเรื่องนี้ดี เพราะ ‘ศรีนวล’ มารดาที่เสียชีวิตไปแล้วเมื่อหลายปีก่อน เล่าให้ฟังว่าตอนที่ท่านกำลังตั้งครรภ์อ่อนๆ ได้ฝันว่า ขณะกำลังเก็บกวางตุ้งและผักคะน้าบนพื้นที่กว่าห้าไร่ เพื่อรอส่งขายให้กับพ่อค้าคนกลางที่เข้ามารับซื้อถึงในไร่ แต่กลับมีรองเท้าแก้วข้างหนึ่งตกลงมากลางสวนผัก ปรากฏแสงระยิบระยับราวกับรองเท้าแก้วของนางซิน นิทานที่ศรีนวลมักจะเล่าให้ลูกน้อยในครรภ์ฟังก่อนนอน นางจึงเก็บรองเท้าแก้วนั้นขึ้นมา
เมื่อตื่นจากความฝัน ศรีนวลนำไปเล่าให้เพื่อนบ้านฟัง ได้รับการตีความว่า นางจะได้บุตรสาวที่นำโชคมาให้ ศรีนวลที่ไม่คุ้นเคยกับการพนัน มีนิสัยประหยัด มัธยัสถ์ จึงยอมเจียดเงินส่วนหนึ่งไปซื้อหวยรัฐบาลหนึ่งใบ แล้วก็แทบช็อกเมื่อพบว่าตนเองถูกรางวัลที่หนึ่ง
ทำให้พื้นที่ปลูกผักเลี้ยงชีพจำนวนห้าไร่เศษที่ได้รับมาเป็นมรดกถูกพัฒนากลายเป็นพื้นที่ปลูกผักกว่ายี่สิบไร่จากเงินก้อนนั้น ส่วนที่เหลือ ศรีนวลและสามีได้ฝากเข้าธนาคารเอาไว้เป็นทุนการศึกษาให้แก่บุตรในครรภ์ที่มั่นใจว่าจะต้องเป็นลูกสาว และก็เป็นจริงอย่างที่คาดไว้
ช่วงวัยเด็ก ศศิกาญจน์มีความสุขมากที่ได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาสามคนพ่อแม่ลูกในบ้านสวนสไตล์วิลเทจที่แวดล้อมไปด้วยผักกว่ายี่สิบชนิด จนกระทั่งสามปีก่อน ความสุขของเธอก็เริ่มจางหายกลายเป็นความอึดอัดใจเข้ามาแทนที่ เมื่อแม่ของเธอเสียชีวิตกะทันหันจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ และบิดาของเธอก็ได้พบรักใหม่กับ ‘นวลปราง’ แม่หม้ายสาวสวยที่มีลูกติดหล่อเหลา
และเวลานี้ ‘นายณรงค์’ ผู้เป็นบิดาพาสองคนแม่ลูกเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ในครอบครัวเดียวกันกับเธอได้ราวหกเดือนเศษแล้ว เป็นหกเดือนที่ศศิกาญจน์รู้สึกอึดอัดใจ
เช้านี้ก็เช่นกัน บัวแดงบานชูช่อรอรับแสงแดดยามเช้าตรู่ พื้นที่หน้าบ้านราวสองงานเศษมีแปลงผักคะน้า ผักกวางตุ้ง และพืชผักสวนครัวพื้นบ้านอีกหลากหลายชนิด ซึ่งมีผลผลิตเพียงพอที่จะหล่อเลี้ยงทุกชีวิตและกำลังจะกลายเป็นรายได้หลักของครอบครัว ทดแทนเงินเดือนเกษตรอำเภอของผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวที่จะเกษียณในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
เสียงร้องกะต๊ากๆ จากกรงไก่พันธุ์ไข่ที่กำลังออกไข่และรอคอยอาหารดังมาจากหลังบ้าน เป็นสัญญาณว่าบุตรสาวคนเดียวของครอบครัวได้เข้ามาเก็บไข่และให้อาหารพวกมันเหมือนทุกๆ วันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
หญิงสาววางตะกร้าไม้ไผ่สานใบใหญ่ที่เต็มไปด้วยไข่ไก่ขนาดมาตรฐานลง ข้างๆ กันมีบรรดาพืชผักสวนครัวอีกหลายตะกร้าที่เธอเก็บมาไว้ก่อนหน้านี้ เพื่อจัดเตรียมไว้รอพ่อค้าคนกลางเข้ามารับซื้อถึงหน้าสวน ผักที่สวนนางซินนั้นนอกจากปลอดสารพิษแล้วยังสวย เพราะได้รับการดูแลอย่างดี พ่อค้านำไปส่งที่ตลาดไทและสี่มุมเมืองเท่าไหร่ก็ไม่พอขาย
ไม่นานนัก บิดาของเธอก็เดินออกมาพร้อมกับภรรยาใหม่ที่ควงแขนเดินขนาบข้างเขาไม่ห่าง
“เหนื่อยไหมซอ พ่อบอกแล้วไง งานพวกนี้เป็นหน้าที่ของคนงาน ซอไม่จำเป็นต้องทำก็ได้นะลูก” ผู้เป็นพ่อเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเช่นเคย ถึงจะมีภรรยาใหม่ แต่ความรักที่มีต่อลูกสาวคนเดียวอันเกิดจากภรรยาคนแรกก็ไม่ได้ลดน้อยถอยลงเลย
“ค่ะพ่อ วันนี้ ผักงามมาก และคนงานก็ยุ่งจนไม่ได้พักเลย เพราะพ่อค้าที่มารับผักเพิ่มออเดอร์ผักคะน้ากับผักกวางตุ้ง มากกว่าเดิมถึงสามเท่า คงเป็นเพราะใกล้ตรุษจีนค่ะ” เครื่องหน้างดงามสวยหวานที่เลือกจะรับสิ่งดีๆ จากบิดาและมารดาไปรวมไว้ที่ตนจนหมดหันมายิ้มอ่อนกับบิดา ขณะที่กำลังนั่งจัดแจงพืชผักใส่ถุงอย่างเป็นระเบียบอย่างชำนาญ
“เข้าใจแล้วค่ะ ที่แท้คุณอยากได้เมียกำมะลอมาป้องกันไม่ให้ผู้หญิงคนนั้นตามคุณเป็นเงา จนไม่มีเวลาออกไปหาสาวๆ” ถ้าเป็นแบบนี้ คนไม่มีที่ไปอย่างเธอก็ค่อนข้างคิดหนักเป็นเวลาเดียวกับที่โทรศัพท์เครื่องบางในกระเป๋าดังขึ้น มือขาวสะอาดล้วงไปหยิบขึ้นมา แล้วเห็นว่าเป็นเบอร์ของบิดาจึงตัดสินใจกดรับ ทว่ายังไม่ทันจะเอ่ยอะไร ปลายสายก็เอ่ยขึ้นมาก่อน“ซอ นี่พ่อเองนะ”“ค่ะพ่อ”“พี่กรเขาบอกพ่อว่าซอโกหกเรื่องไปสัมภาษณ์งานที่ไร่อะไรนั่น อีกอย่าง แป๋วก็ไม่ได้ไปด้วย พ่อโทร.เช็กกับกำนันชาญแล้ว ซอทำแบบนั้นทำไมลูก ตอนนี้ ซออยู่ที่ไหน พ่อจะให้พี่กรเขาไปรับซอกลับบ้าน”จนป่านนี้ บิดาก็ยังมองไม่ออกว่าลูกเลี้ยงที่เขาไว้ใจ มันจ้องจะเคลมลูกสาวของท่านอยู่ตลอดเวลา“พ่อไม่ต้องส่งใครมารับซอนะคะ ซอได้งานที่ไร่ทับตะวันแล้วค่ะ แล้วต้องพักอยู่ที่ไร่ พ่อไม่ต้องห่วงนะคะ ซอจะกลับไปหาพ่อทุกเดือนค่ะ”“ทำไมล่ะซอ สวนผักของเราก็มีงานให้ทำ ซอยังไม่หายโกรธใช่ไหมที่พ่อให้น้าปรางกับพี่กรเข้ามาอยู่ในบ้านเรา แต่พวกเขาเป็นคนดี
ขณะที่ยังไม่ทันตั้งรับกับความรู้สึกผิดหวัง น้ำเสียงอันน่าเกรงขามก็กล่าวต่อ“และผมก็เป็นคนสั่งให้เขายกเลิกการสัมภาษณ์คุณ และให้ส่งคุณขึ้นมาพบผมที่ห้องนี้”จริงตามที่คิดไว้ไม่มีผิด ชายหนุ่มคงโกรธเรื่องที่เธอไปหลอกเขา“ถ้าอย่างนั้น ฉันรู้แล้วค่ะ ว่าเพราะอะไรถึงไม่ได้สัมภาษณ์” ดวงตากลมโตลุกวาวมองหน้าเขา “ฉันต้องขอโทษอีกครั้งที่การพบกันของเราทำให้คุณรู้สึกแย่”ที่แท้ชายหนุ่มให้คนส่งเธอขึ้นมาพบ ก็เพื่อแสดงตัวตนให้รู้ว่าเขาเป็นใคร และมีอำนาจมากแค่ไหนที่นี่“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอตัวนะคะ”ความหวังจะได้ทำงานในไร่ทับตะวันเป็นอันติดลบ ศศิกาญจน์ยืนขึ้นแล้วขยับเก้าอี้ไว้อย่างเรียบร้อย ตั้งใจจะเดินกลับออกไป แต่อาการลุกพรวดเต็มความสูงและเดินอ้อมโต๊ะทำงานมาขวางไว้ของจอมทัพ ทำให้หญิงสาวตกใจจนรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง“จะรีบไปไหน ผมเรียกคุณมาสัมภาษณ์ แต่ยังไม่ทันได้สัมภาษณ์ คุณก็จะกลับออกไปแล้ว ตกลงคุณยังอยากได้งานทำอยู่หรือเปล่า”“อยากสิคะ ฉันอยากทำงาน”คนหนีร้อนมาพึ่งเ
รสสุคนธ์ถอนหายใจอย่างอึดอัด หากไม่มีคำสั่งตรงจากเจ้าของอาณาจักรแห่งนี้ ทั้งๆ ที่ปกติแล้วพ่อเลี้ยงจอมทัพให้เกียรติในบริหารและการทำงานของทุกฝ่าย ไม่เคยเข้ามาแทรกแซงการทำงานเลยสักครั้ง ป่านนี้ เธอคงดำเนินการสัมภาษณ์เจ้าหล่อนไปแล้ว“พี่ต้องขอโทษคุณจริงๆ นะคะ ที่ไม่สามารถสัมภาษณ์งานในตำแหน่งที่คุณยื่นใบสมัครไว้ได้”แวบหนึ่ง คนกำลังหาหนทางรอดรู้สึกท้อ ไม่คิดว่าไร่ใหญ่โตมีมาตรฐานขนาดนี้ซึ่งควรจะมีการบริหารจัดการที่ดี จะปฏิเสธการมาสัมภาษณ์ของเธอเอาดื้อๆ“ถ้าอย่างนั้นดิฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ” ศศิกาญจน์ยกมือไหว้และกล่าวลาอย่างคนมีมารยาทเรือนร่างเพรียวบางสมส่วนหมุนตัวกำลังจะเดินออกจากห้องแผนกฝ่ายบุคคล แต่เพียงขยับเท้าได้ไม่ถึงสองก้าวก็มีเสียงเรียกชื่อขึ้น“เดี๋ยวค่ะคุณศศิกาญจน์ อย่าเพิ่งไปค่ะ พี่ยังแจ้งให้คุณทราบไม่หมด” รสสุคนธ์ลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้หนังสีน้ำตาล“มีอะไรเหรอคะ” ศศิกาญจน์หันกลับมามองสาวใหญ่อย่างแปลกใจ“แม้ว่าทางเราจะขอระงับการสัมภาษณ์งานของคุณในตำแหน่งผู้จัดการไร่ แต่พ่อเลี้ยงจอม
เสียงทุ้มเข้มขึ้น “ใช่ ที่นี่ไร่ทับตะวัน เธอฟังไม่ผิดหรอก”จอมทัพกวาดตามองสำรวจเครื่องหน้าสวยหวาน พลางคิดถึงตำแหน่งงานที่ทางไร่เปิดรับสมัคร ไม่เห็นจะมีตำแหน่งใดเหมาะกับเธอ หรือเธอคิดจะแต่งเรื่องอะไรหลอกเขาอีก“คิดจะหลอกอะไรอีก หน้าอย่างเธอจะมาสัมภาษณ์งานประเภทไหนที่ไร่นี้ ดูทรงไม่ออกจริงๆ”คนตัวโตที่มีอำนาจสูงสุดในอาณาจักรที่โอบล้อมด้วยขุนเขาแห่งนี้ไล่สายตาจากเครื่องหน้าสวยลงมาที่ลำคอระหง จนมาหยุดกึกบริเวณหน้าอกที่ดันเสื้อเชิ้ตสีขาวออกมาอย่างหาคำตอบให้กับความสงสัยของตนเอง ดูจากการแต่งกาย เสื้อเชิ้ตสีขาวกับกระโปรงเข้ารูปสีดำ ไม่น่าจะใช่ประเภทไก่หลง ไก่เล้าที่ไหน แต่ก็ไว้ใจไม่ได้หรอกผู้หญิงสมัยนี้“หรือว่าเธอจะมาสัมภาษณ์งาน ตำแหน่งเมียน้อยคนที่ร้อยสี่สิบสองของเจ้าของไร่ทับตะวัน หือ?” พ่อเลี้ยงหนุ่มยิ้มหยันคำพูดของเขาทำให้เลือดบนใบหน้าของศศิกาญจน์สูบฉีดแรงจนเห่อแดงเป็นสีลูกพีชสุกฉ่ำ“คนบ้า!” ถ้าเธอเลือกทางเดินเพื่อหนีปัญหาแบบนั้น คงไม่ต้องมาถึงที่นี่ “ฉันมาสมัครงานที่นี่ในตำแหน่งผู้จัดการไร่ ไม่ใช่ตำแหน่งเมียน้อยเจ้าของไร่”คนโดนดูถูกพ่นลมหายใจแรงๆ ปากผู้ชายตรงหน้าช่างย้อนแย้งกับใบหน้าห





