หลี่หลงหลินออกจากวัง กลับไปที่จวนตระกูลซูโดยไม่หยุดพักซูเฟิ่งหลิงกำลังฝึกหอกอยู่ในลาน แทงหุ่นจำลองที่ใส่หน้ากากหน้าหลี่หลงหลินอย่างแรง ไร้ความปรานีเวลานี้ หลี่หลงหลินก็บุกเข้ามาเมื่อนึกถึงเรื่องไร้สาระเมื่อคืนนี้ ซูเฟิ่งหลิงก็หน้าแดงแจ๋ ทิ้งหอกในมือแล้วหันหลังเดินหนีหลี่หลงหลินคว้ามือเรียวยาวของนางไว้แล้วขมวดคิ้ว “ข้าเป็นผีหรืออย่างไร? เข้าเห็นถ้าแล้วถึงได้วิ่งหนีเช่นนี้?”ซูเฟิ่งหลิงรีบสะบัดมือของหลี่หลงหลินออกอย่างรีบร้อน ท่าทางเขินอาย “ปล่อยนะ! คนอื่นมาเห็นเข้าจะทำอย่างไร?”หลี่หลงหลินยิ้ม “สองเราเป็นสามีภรรยากัน จูบกันก็ทำมาแล้ว แค่จับมือไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสักหน่อย!”ซูเฟิ่งหลิงจับหอกเงินแน่นขึ้น จ้องเขม็งไปที่หลี่หลงหลิน “ถ้าเจ้าอยากตายจริงๆ! ข้าก็จะช่วยเจ้าเอง...”เมื่อเห็นว่าซูเฟิ่งหลิงกำลังจะโกรธอีกครั้ง หลี่หลงหลินก็รีบพูดว่า “วันนี้ข้าไม่มีเวลาเล่นกับเจ้าหรอกนะ! เสด็จพ่อยกเขาประจิมให้ข้าแล้ว...”ซูเฟิ่งหลิงตกตะลึง ดวงตาจ้องมองตรงไปที่หลี่หลงหลินเจ้าคนนี้ทำน้ำแกงเสน่ห์อะไรไปให้ฮ่องเต้กินกัน?เขาประจิมมีรัศมีแปดร้อยลี้ พื้นที่ใหญ่เช่นนี้ ฮ่องเต้บอกจะยกให้ก็ยกให
“ขอเพียงข้าเขียนชื่อของพวกเจ้าลงไป ไม่ว่าพวกเจ้าจะเคยทำอะไรมาก่อน หรือมีภูมิหลังครอบครัวอย่างไร ก็จะไม่ใช่ทหารปลายแถวไร้ประโยชน์อีกต่อไป แต่เป็นผู้บัญชาการทหาร!”“แต่การจะเป็นขั้นเก้าหรือขั้นหกนั้น ทุกอย่างขึ้นอยู่กับผลงานของพวกเจ้าเอง!”ทันทีที่คำพูดเหล่านี้จบลง ทหารที่เหลือก็ระเบิดทันทีผู้บัญชาการทหาร!พวกเขาแม้แต่ฝันยังไม่กล้าฝันแม้ว่าแต่ละคนจะอยู่ในกองทัพมาหลายปีแล้ว ปีนออกมาจากภูเขาซากศพ ทำภารกิจทหารมานับไม่ถ้วนแต่ตำแหน่งทหารที่ว่าง ล้วนถูกขุนนางฉกฉวยเอาไปไม่ว่าพวกเขาจะทำดีมามากเพียงใด เสียเลือดมากแค่ไหน ล้วนแต่เป็นลูกล้อที่ต่ำต้อยการเป็นผู้บัญชาการทหาร ก็เหมือนควันที่ลอยขึ้นมาจากหลุมศพของบรรพบุรุษ[footnoteRef:1] [1: สิ่งที่เป็นไปไม่ได้] ส่วนตำแหน่งที่สูงกว่ารองผู้บัญชาการ อย่าเพิ่งพูดถึงชีวิตนี้ แม้แต่ชีวิตหน้าก็ยังไม่กล้าฝันถึงหากได้เป็นผู้บัญชาการทหารจริงๆ ก็จะสามารถกินอาหารรสเลิศของในวังได้ ในชีวิตนี้ไม่ต้องกังวลเรื่องที่อยู่อาศัยอีก!ชั่วครู่หนึ่ง ทหารที่เหลืออยู่ต่างปลาบปลื้ม ดวงตาของพวกเขาเป็นประกายสดใสทว่า พวกเขากลับไม่มีใครลุกขึ้นมาหลี่หลงหลินคิดว่
เขาประจิมผู้คุ้มกันพบร่องรอยของหลี่หลงหลินและพรรคพวกของเขาแล้วเดิมทีพวกเขาไม่คิดเอาเรื่องนี้มาใส่ใจการรักษาความปลอดภัยของเรือนพักเขาประจิมนั้น เข้มงวดกว่าในเขตพระราชวังเสียอีกใครจะกล้าบุกเข้ามากัน?ไม่อยากตายดีหรือ?แต่เมื่อพวกเขาเห็นคนกลุ่มนี้รีบวิ่งด้วยความเดือดดาล ก็พากันตื่นตระหนกทันที!“หยุด!”“พวกเจ้าเป็นใคร?!”“ผู้ใดกล้าบุกเข้ามาในเรือนพักเขาประจิม?!”“รีบออกไปจากที่นี่เสีย!”ผู้คุ้มกันก้าวไปข้างหน้า หยุดกลุ่มหลี่หลงหลิน ในมือขวาถือดาบใหญ่ ดูหยิ่งผยองอย่างยิ่งหลี่หลงหลินคร้านเกินกว่าจะพูดจาไร้สาระกับเหล่าสมุนพวกนี้ จึงตะโกนเสียงดังลั่น “ตี!”ทหารที่เหลือระงับอารมณ์เกรี้ยวกราด แล้วเริ่มทุบตีผู้คุ้มกันอย่างรุนแรงผู้คุ้มกันพวกนี้ จริงๆ แล้วเป็นกลุ่มคนอันธพาลไร้ประโยชน์ มีฝีมือเล็กน้อย ชอบกลั่นแกล้งผู้อื่น แต่ก็เทียบไม่ได้กับเหล่าทหารของตระกูลซูที่เคยผ่านการสู้รบมาหลายครั้งพวกเขาไม่ได้ดึงดาบออกมาด้วยซ้ำ ก็ถูกตีจนจมูกฟกช้ำ ใบหน้าบวมเป่ง ทั้งหมดคุกเข่าลงกับพื้น ร้องขอความเมตตาหลี่หลงหลินสั่ง “ทิ้งคนไว้ร้อยคน อยู่คุ้มกันที่นี่! ไม่ว่าจะเป็นใคร อนุญาตเพียงออก ไม่
พ่อบ้านเฒ่าตื่นตระหนกขึ้นมาแล้ว ร้องตะโกนเสียงดัง “เร็ว! เร็ว! เร็ว! รีบแจ้งฮูหยินทุกท่าน เก็บเงินทองของมีค่า...เร็วหน่อย มิเช่นนั้นจะไม่ทันการณ์!”ตลอดทั้งเรือนตากอากาศภูเขาประจิม บัดนี้เกิดความโกลาหล วุ่นวายดุจไก่บินสุนัขกระโดดตู้เหวินยวนเลี้ยงดูอนุไว้ที่นี่ไม่น้อยเลยทีเดียว ทุกนางล้วนคือหญิงสาวงดงามดั่งบุปผาเพียงพวกนางเห็นหลี่หลงหลินคนชั่วร้ายดุดันคนนี้ ยังคิดว่าเป็นโจรมาแล้วเสียอีก รีบเก็บเงินทองเครื่องประดับไว้ในอ้อมอก วิ่งผลุบหายออกไปภายนอกแล้วเพราะพวกนางลนลานจนเกินไป ปิ่นทองปิ่นมุกหล่นออกจากอกผลปรากฏว่ายังไม่ทันหันหน้ากลับไปเก็บ ก็ถูกหลี่หลงหลินพาคนมาปิดผนึก ริบไปทั้งอย่างนี้เลยพ่อบ้านเฒ่ากลับเรียกบ่าวรับใช้ร่างกำยำหลายคนเข้ามา เปิดห้องลับ ย้ายทองเหลืองอร่ามในหีบที่อยู่ภายในออกไปก็เพราะทองเหลืองอร่ามเหล่านี้หนักเกินไปแล้ว พวกเขาเหนื่อยจนเหงื่อเม็ดใหญ่ผุดเต็มศีรษะ เพียงขนย้ายออกมาถึงลานเรือน ธูปก็ดับมอดลงแล้ว!เดิมทีหลี่หลงหลินนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้จันทน์ตัวหนึ่ง จิบชาอย่างเนิบนาบอ้อยอิ่ง เห็นว่าธูปดับแล้ว ก็ลุกขึ้นยืนประกาศออกไป “หยุด! หมดเวลาแล้ว! ทุกคนจงวางของในมือ
ผิดกับซูเฟิ่งหลิงที่กำลังกังวลเพียงทหารพ่ายศึกได้ยินถ้อยคำนี้ของหลี่หลงหลิน ทุกคนล้วนอ้าปากกว้าง ตกตะลึงอึ้งงันพูดไม่ออก!องค์ชายเก้า ถึงขั้นให้ตนเองอยู่อาศัยในสถานที่หรูหรางดงามเพียงนี้?ต่อให้พวกเขาหลับฝันก็ไม่กล้าคิด!ต้องรู้ว่าในช่วงเวลานี้ของต้าเซี่ย ทหารมีฐานะต่ำมากนักบุรุษดีไม่เป็นทหาร เหล็กดีไม่ตอกตะปูประโยคนี้มิใช่เพียงพูดผ่านๆ เท่านั้นก่อนนี้ ค่ายของทหารเป็นเพียงกระโจมชนิดที่ว่ากระโจมก็ไม่มี ก่อกองไฟหนึ่งกอง นอนหลับบนพื้น แมลงสัตว์กัดต่อย ลำบากยากเข็ญ ตกระกำลำบากอย่างแสนสาหัสเรือนตากอากาศภูเขาประจิมนี้ กลับหรูหราเสียยิ่งกว่าพระราชวัง คล้ายแดนสวรรค์ก็มิปานเหล่าทหารมึนงง สมองขาวโพลนเว้นเสียแต่ตกตะลึงแล้ว ก็ยังมีเพียงความตกตะลึง!ซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้ว พูดอย่างไม่เห็นด้วย “ทำเช่นนี้ไม่ดีกระมัง? ให้ทหารอยู่ในสถานที่หรูหราแห่งนี้ น่ากลัวว่าจะกัดกร่อนร่างกายและจิตใจ นานวันเข้า น่ากลัวว่าจะสูญเสียความสามารถในการรบ กลายเป็นคุณชายนายทหาร!”หลี่หลงหลินส่ายหน้า “ข้าไม่เห็นด้วย! เหล่าทหารอุทิศตนเพื่อบ้านเมือง รักษาบ้านเมืองเอาไว้ ก็คือวีรบุรุษที่แท้จริง สมควรได้รับสิ่
ตู้เหวินยวนตกตะลึง ผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้ภายในเรือนตากอากาศภูเขาประจิมของเขา ไม่เพียงเลี้ยงดูอนุเอาไว้ ยังซ่อนภาพวาดอักษรของคนมีชื่อเสียง ของโบราณ เงินทองสมบัติล้ำค่าไว้มากมายราคานับล้านตำลึง!หากถูกโจรปล้นไปจริง เช่นนั้นตนเองก็ขาดทุนหนักแล้ว!ทำให้ตู้เหวินยวนสงสัยมากกว่านั้นคือแม้ภูเขาประจิมอยู่นอกเมืองหลวง แต่ดีร้ายอย่างไรก็อยู่ใกล้เมืองหลวง ใต้ฝ่าพระบาทโอรสสวรรค์!โจรชั่วมาจากที่ใดกัน อาจหาญมากเพียงนี้ ขวัญกล้าปล้นเรือนตากอากาศภูเขาประจิมไปจนเกลี้ยง?ความสงบของเมืองหลวง เน่าเฟะถึงขั้นนี้เชียวหรือ?บัดนี้เป็นเพียงชนวนอย่างหนึ่ง น่ากลัวว่าภายภาคหน้าจะต้องเกิดความโกลาหลวุ่นวายเป็นแน่!เมืองหลวงแห่งนี้ใกล้จะอยู่ต่อไปไม่ได้แล้ว!มิสู้เกลี้ยกล่อมฝ่าบาท อาศัยโอกาสนี้เร่งลี้ภัยลงแดนใต้โดยเร็ว...พ่อบ้านเฒ่าร้องไห้เสียใจ “นายท่าน มิใช่โจรปล้นทรัพย์ แต่เป็นองค์ชายเก้า...เขาพาคนกลุ่มหนึ่งมา ยึดครองเรือนตากอากาศภูเขาประจิม ริบทรัพย์จนเกลี้ยง...”ตู้เหวินยวนคล้ายถูกอัสนีบาตร ตกตะลึงตัวแข็งทื่อ!หลี่หลงหลินอีกแล้ว!เดิมทีคิดว่าหลี่หลงหลินทูลขอพระราชทานภูเขาประจิมจากฝ่าบาท ก็เพียงแค
อัครมหาเสนาบดี!เหล่าทหารพ่ายศึกหันหน้ามองกันเสนาบดีอะไร ผู้ตรวจการอะไร ผู้ช่วยเสนาบดีอะไร ขุนนางใหญ่มีอำนาจในราชสำนักเหล่านี้ เหล่าทหารล้วนไม่รู้จักแต่อัครมหาเสนาบดีตู้เหวินยวนมีชื่อเสียงเลื่องลือ ต่างรู้จักกันทั่วบ้านทั่วเมืองราชสำนักในเวลานี้ เว้นเสียแต่ราชวงศ์ชนชั้นสูงเหล่านั้นแล้ว มีสองคนที่ล่วงเกินไม่ได้!คนหนึ่งคือพระเก้าพันปีเว่ยซวินอีกคนหนึ่งก็คือหัวหน้าร้อยขุนนาง อัครมหาเสนาบดีตู้เหวินยวน!เหล่าทหารคิดไม่ถึง ผู้ชราสวมชุดผ้าไหมใบหน้าซูบผอมตรงหน้า ก็คือผู้ยิ่งใหญ่ชื่อเสียงเลื่องลือท่านนั้นทันใดนั้นเหล่าทหารเกิดความกลัวขึ้นภายในใจ ไม่รู้สมควรทำเยี่ยงไร“เกิดเหตุอันใดขึ้น? ใครกำลังโวยวายที่ภูเขาประจิม?”เสียงสตรีไพเราะพลันดังขึ้นเหล่าทหารหันไป มองเห็นซูเฟิ่งหลิงสวมเกราะเงิน เส้นผมยาวถูกมัดเป็นหางม้า มือถือทวนเงิน ท่วงท่าองอาจห้าวหาญ ควบม้าเข้ามาแล้วซูเฟิ่งหลิงกำลังพาทหารลาดตระเวน ได้ยินเสียงโวยวายทางฝั่งนี้ ก็รีบมาที่นี่แล้วเหล่าทหารเห็นซูเฟิ่งหลิงมาแล้ว ถลันขึ้นไปในทันใด “คุณหนูใหญ่! พวกเขาจะบุกขึ้นภูเขาประจิม ถูกพวกเราขวางไว้แล้ว! ผู้เป็นหัวหน้า เรียกขานต
“รีบหลบไปเสีย อย่าให้ข้าโมโหไม่ไว้หน้า!”พูดไป ตู้เหวินยวนโอหังมาก คิดบุกเข้าไปแล้วสีหน้าซูเฟิ่งหลิงเปลี่ยนไป ยกทวนเงินขึ้น ขวางหน้าตู้เหวินยวน เม้มปาก “ใต้เท้าตู้ ข้ามีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ มิอาจทำตามคำสั่งได้! หากท่านจะบุกเข้าไป ต่อให้ข้ารับปาก ทวนในมือข้าก็ไม่รับปาก!”“เจ้า...”สีหน้าตู้เหวินยวนเปลี่ยนไปเดิมทีคิดว่า ซูเฟิ่งหลิงเป็นหญิงคนหนึ่ง อ่อนแอบอบบาง รังแกง่ายคิดไม่ถึง ก็เหมือนกับปู่ของนาง ซูเฟิ่งหลิงเองก็มีอุปนิสัยดื้อรั้น!ตู้เหวินยวนมีตำแหน่งไม่ธรรมดา ย่อมไม่สามารถวู่วามกับดรุณีน้อยคนหนึ่งอย่างซูเฟิ่งหลิงได้ทว่า ยามอยู่ต่อหน้าขุนนางทั้งหมด หากตู้เหวินยวนยอมถอย ชื่อเสียงน่าครั่นคร้ามก็จะหมดไป!ตู้เหวินยวนไม่รีบร้อนไม่ลนลาน ขยิบตาให้พ่อบ้านเฒ่าทางด้านข้างทีหนึ่งพ่อบ้านเฒ่ารับคำสั่งแล้ว สบถด่าพลางเดินเข้ามา “สกุลซูนับเป็นตัวอะไร! ยังไม่ต้องพูดว่าผู้ชายในบ้านพวกเจ้าล้วนตายทั้งหมดแล้ว ต่อให้ยังมีชีวิตอยู่ ยามอยู่ต่อหน้านายท่านของข้า ก็ต้องยอมทิ้งศักดิ์ศรี!”หว่างคิ้วของซูเฟิ่งหลิงสะท้อนไอโทสะตู้เหวินยวนหยามเกียรติตน นางสามารถทนได้!แต่บ่าวรับใช้คนหนึ่งของตู้เหวิ
เหล่าขุนนางในราชสำนักต่างส่งเสียงฮือฮาผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนหาใช่จำนวนน้อยๆ ไม่!ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าเย็นชาเจ้ากรมกลาโหมเอ่ยเสียงเนิบนาบ “ฝ่าบาท ตามที่กระหม่อมเห็น ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนนี้คือภัยร้ายที่ซ่อนอยู่ในเมืองหลวง หากจัดการไม่เหมาะสม ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนก่อการจลาจลขึ้น เกรงว่า...”เจ้ากรมกลาโหมไม่กล้ากล่าวอะไรต่อหากเขากล่าวอะไรต่อไปอีก จะต้องทรงพระพิโรธเป็นแน่ แต่ก็จำเป็นต้องทูลเตือนฝ่าบาท ไม่ว่าก่อนหน้านี้หลี่หลงหลินจะเคยทูลรับรองสิ่งใดต่อหน้าฝ่าบาทก็ตาม ก็จำเป็นต้องทำให้ฝ่าบาททรงตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนส่วนใหญ่เป็นพวกที่ควบคุมได้ยาก คนเหล่านี้รวมตัวกันอยู่นอกเมืองหลวงได้สร้างผลกระทบเลวร้ายไม่น้อยแล้ว หากถูกผู้ไม่ประสงค์ดีปลุกปั่น ย่อมเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่เป็นแน่!แม้ว่าตอนนี้จางไป่เจิงจะนำทัพกลับราชสำนักแล้ว กำลังทหารในเมืองหลวงจะเข้มแข็ง ก็ยังคงเป็นปัญหาที่จัดการได้ยากอยู่ดีเหล่าขุนนางต่างเห็นพ้องต้องกัน“ฝ่าบาท เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชะตาของแคว้นต้าเซี่ย โปรดอย่าได้ทรงประมาทเป็นอันขาดพ่ะย่ะค่ะ!”“ใช่พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ขณะนี้
“อะไรนะ!”ฮ่องเต้หวู่ทรงพระพิโรธอย่างยิ่ง!เขาไม่เคยคาดคิดว่าหลี่หลงหลินจะกล่าววาจาเหลวไหลถึงเพียงนี้ นี่มันยิ่งกว่าการเห็นชีวิตคนเป็นผักปลาเสียอีก! ยามนี้ราษฎรยากจนถึงขั้นไม่มีปัญญาซื้อหาธัญญาหาร แล้วจะมีเนื้อที่ไหนให้กินกัน?เจ้ากรมคลังลดเสียงลง กล่าวว่า “ฝ่าบาท วาจาเหลวไหลเช่นนี้ออกมาจากโอษฐ์ขององค์รัชทายาทจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ ทีแรกกระหม่อมคิดว่าเป็นเพราะตนเองตาฝ้าฟางไป แต่ฎีกาหลายฉบับล้วนรายงานตรงกัน เกรงว่าวาจานี้คงเป็นสิ่งที่องค์รัชทายาทตรัสจริงๆ...”เหล่าขุนนางต่างส่งเสียงฮือฮาคาดไม่ถึงว่าหลี่หลงหลินจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้!ไม่เพียงแต่สร้างความเยือกเย็นในใจของราษฎร ยังสร้างความเยือกเย็นในใจของขุนนางในราชสำนักอีกด้วย นี่คือการกระทำชั่วร้ายที่ยากจะสาธยายให้หมดสิ้น อาลักษณ์จะต้องบันทึกเรื่องนี้ลงในพงศาวดารเป็นแน่ ทำให้ชื่อเสียงของหลี่หลงหลินฉาวโฉ่ไปชั่วกาลนาน!ฮ่องเต้หวู่ส่ายพระพักตร์ ทรงครุ่นคิดในพระทัยไม่ใช่ เจ้าเก้าไม่น่าจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้ อย่างน้อยในเมืองหลวง ราษฎรส่วนใหญ่ก็เคยได้รับความเมตตาจากเขา หรือว่าก่อนหน้านี้เป็นเพียงการแสดง?ฮ่องเต้หวู่ตรัสเสียงเย็น “
ณ ท้องพระโรงบรรดาขุนนางทั้งหลายต่างสงบเสงี่ยม ก้มหน้าคารวะถวายบังคมฮ่องเต้หวู่ทอดพระเนตรกวาดสายตาไปยังหมู่ขุนนาง พลางตรัสเรียบเรื่อย “เหล่าขุนนางทุกท่าน หากมีเรื่องก็กราบทูล หากไม่มีเรื่องก็เลิกประชุมเถิด”นับตั้งแต่หลี่หลงหลินเดินทางไปยังตงไห่ ราชสำนักก็ดูสงบขึ้นไม่น้อย ฮ่องเต้หวู่ซึ่งแต่เดิมก็เอนเอียงไปทางเก็บตัวเงียบๆ ก็เริ่มชินกับจังหวะสงัดเช่นนี้ ยิ่งตอนนี้จางไป่เจิงนำทัพกลับสู่เมืองหลวง ปัญหากำลังพลไม่พอในเมืองหลวงก็คลี่คลายลง บรรดาขุนนางที่เคยซ่องสุมคิดร้ายในเงามืด ก็พากันลดราวาศอกแต่แล้ว เจ้ากรมคลังก็ก้าวออกมา สีหน้าเคร่งเครียด “ฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องจะกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่เห็นเป็นกรมคลัง จึงขมวดคิ้วเบาๆ กล่าวว่า “ว่ามา”แม้ปัญหาเรื่องทหารจะคลี่คลาย แต่เงินในท้องพระคลังก็ยังร่อยหรอ หากกรมคลังเสนอฎีกาเมื่อใด มักไม่พ้นเรื่องเงินไม่พอใช้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขากลัดกลุ้มมาเนิ่นนาน เจ้ากรมคลังกล่าวด้วยเสียงหนักแน่น “ฝ่าบาท ขณะนี้เขตตงไห่ประสบภาวะขาดแคลนเสบียงจนเกิดทุพภิกขภัย ราษฎรอดอยากปากแห้ง ร้องทุกข์ระงม แต่ละเขตในตงไห่ต่างก็ส่งฎีกาขอความช่วยเหลือจากราชสำนัก...”ฮ
กงซูหว่านมองดูแบบร่าง โครงสร้างเรียบง่ายมาก แต่นางไม่รู้ว่าควรจะเรียกมันว่าอะไรหลี่หลงหลินเอ่ยเสียงเรียบ “นี่คือกระป๋อง”“กระป๋อง? มันสามารถถนอมอาหารได้หรือเพคะ?”หลี่หลงหลินยิ้มเล็กน้อย “แน่นอน หากสภาพแวดล้อมเหมาะสม แม้เวลาจะล่วงเลยไปแปดปี สิบปีก็ยังไม่เสีย”“นานขนาดนั้นเชียวหรือเพคะ?”กงซูหว่านเบิกตากว้าง อ้าปากค้าง ราวกับไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยินในความเข้าใจของกงซูหว่าน การเก็บรักษาอาหารได้นานสักไม่กี่เดือนก็ถือว่าน่าทึ่งแล้วหลี่หลงหลินยิ้มบางๆ “ยิ่งไปกว่านั้น ขนาดของกระป๋องยังเล็กกระทัดรัด เหมาะแก่การพกพาในยามออกศึกยิ่งนัก”“หากพี่สะใภ้รองสามารถทำมันขึ้นมาได้ ข้าก็ตั้งใจจะเปิดโรงงานกระป๋องที่ตงไห่ แปรรูปปลาหวงฮื้อใหญ่จำนวนมหาศาลที่จับขึ้นมาโดยเฉพาะ”หลี่หลงหลินยิ้มบาง หากผลิตกระป๋องได้สำเร็จ ก็ไม่ต้องหวั่นไหวต่อภัยแล้งและความอดอยากอีกต่อไปกงซูหว่านยังคงตกตะลึง “โรงงานกระป๋องหรือเพคะ? ถึงข้าจะทำตามแบบได้เป๊ะๆ แล้วจะไปหาคนงานจากที่ใด?”ยามนี้ชาวเมืองตงไห่ต่างก็แย่งกันออกทะเลหาปลา กำลังคนขาดแคลนเป็นอย่างยิ่งหลี่หลงหลินตอบด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องห่วง ให้ชาวตงไห่เขาหาปลากันต่อไ
วันต่อมา ห้องหนังสือจวนอ๋องหลี่หลงหลินยกมือนวดหว่างคิ้ว มือวาดบางอย่างบนกระดาษกงซูหว่านขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง “องค์ชาย หม่อมฉันอิงตามวิธีของท่านแล้ว วันนี้ตั้งใจไปตั้งร้านแผงลอยในบริเวณคนพลุกพล่านเป็นพิเศษ เผยแพร่วิธีทำน้ำแข็งออกไป เหล่าราษฎร์สามารถใช้งานได้ ทุกคนต่างโห่ร้องด้วยความยินดี เพียงแต่บัดนี้เกลือหมางเซียวในร้านขายยาทุกแห่งของตงไห่ไม่เพียงพอ”หลี่หลงหลินพยักหน้า “เผยแพร่ออกไปก็ดีแล้ว เช่นนี้เนื้อปลาของเหล่าราษฎร์ก็สามารถเก็บรักษาได้นานขึ้น ไม่ต้องสิ้นเปลือง”“พี่สะใภ้รองเหนื่อยแล้ว หากนี่คือเมืองหลวง เพียงตีพิมพ์เรียงความในหนังสือพิมพ์ก็เพียงพอแล้ว แต่อยู่ที่ตงไห่ยังต้องให้พี่สะใภ้ออกแรงเหน็ดเหนื่อยด้วยตนเอง”ภายในคำพูดหลี่หลงหลินเปี่ยมความห่วงใย อย่างไรเสียกงซูหว่านก็เป็นสตรีมีพรสวรรค์ไม่ออกนอกบ้าน อยู่แต่ในห้องหอ จู่ๆ ขอให้นางไปสอนวิธีทำน้ำแข็งแก่ราษฎร์ ช่างทำให้อึดอัดคับข้องใจโดยแท้แต่หลี่หลงหลินคิดไปคิดมา ในบรรดาพี่สะใภ้มีเพียงพี่สะใภ้รองเข้าใจวิธีใช้เกลือหมางเซียวทำน้ำแข็ง ทำได้เพียงมอบหน้าที่สำคัญนี้ให้กงซูหว่านหัวเราะเบาๆ “ไม่ลำบากเพคะ จะ
ทุกคนสูดลมหายใจเย็นเฮือกหนึ่งโจรสลัดแคว้นโวกั๋วและชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเป็นปัญหาแถบชายแดนต้าเซี่ยมานานนับร้อยปี ไม่ใช่ปัญหาที่สามารถจัดการได้อย่างง่ายดายมองออกว่าครั้งนี้เจตจำนงของหลี่หลงหลินยิ่งใหญ่อย่างมาก!หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “หากต้องการกำจัดปัญหาภายนอกจะต้องกำจัดปัญหาภายในก่อน หากต้องการเดินทางบนมหาสมุทร จะต้องจัดการปัญหาตรงหน้าให้เรียบร้อย หาไม่แล้วแผนการเดินเรือจะต้องได้รับผลกระทบแน่”“เป้าหมายสำคัญในการมาตงไห่ครั้งนี้คือพัฒนาศาสตร์ต่อเรือของต้าเซี่ย บัดนี้เรือเหล่านี้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการการเดินทางไกลได้ ความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอของเรือต้าเซี่ยก็เป็นเหตุผลที่โจรสลัดแคว้นโวกั๋วตงไห่สร้างความวุ่นวาย ได้รับผลประโยชน์มากมายในสงครามทางทะเล ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่สามารถกวาดล้างโจรสลัดแคว้นโวกั๋วที่บุกมาในคราวเดียวได้”“หากยังปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป โจรสลัดแคว้นโวกั๋วก็จะยิ่งกำเริบเสิบสาน อาละวาดอย่างไร้ขอบเขตในทะเลตงไห่ ราษฎร์ตงไห่ก็จะได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก!”“ดังนั้นตราบใดที่สามารถเพิ่มระดับการต่อเรือของต้าเซี่ยได้ โจรสลัดแคว้นโวกั๋วย่อมหายไป ชนิดที่ว่าปราบตงอิ๋
ปากแดงของเหล่าสะใภ้ขยับเบาๆ ดวงตาสะท้อนความแปลกใจ “เป้าหมายคือมหาสมุทรอันกว้างใหญ่?”แม้เหล่าสะใภ้ไม่รู้ว่ามหาสมุทรอันกว้างใหญ่คือที่ใด แต่ได้ยินหลี่หลงหลินอธิบาย จะต้องเป็นสถานที่อันงดงามแน่!ซูเฟิ่งหลิงเอ่ยถาม “องค์ชาย มหาสมุทรกว้างใหญ่มากถึงเพียงนี้ เป้าหมายของพวกเราคือที่ใด?”กงซูหว่านพยักหน้า “ใช่แล้วองค์ชาย ยิ่งไปกว่านั้นระดับการเดินเรือในตอนนี้มากที่สุดก็ไปได้ถึงตงอิ๋ง หากยังไปทางทิศตะวันออก กลับยังไม่มีตัวอย่างมาก่อน”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เป้าหมายของพวกเราก็คือทวีปใหม่! ต้าเซี่ยและทวีปใหม่ห่างกันเพียงมหาสมุทรกั้น ลักษณะทางภูมิศาสตร์ได้เปรียบโดยธรรมชาติ สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้คือคิดหาทางพัฒนาเรือของต้าเซี่ย ขนวัวม้าสัตว์ใช้แรงงานจำนวนมากเพียงพอไปยังทวีปใหม่”“ขอเพียงมีวัวม้าสัตว์ใช้แรงงาน ต้องการผืนดินมากน้อยเพียงใดก็ย่อมได้ มีผืนดินนับพันลี้ให้ราษฎร์ได้ใช้!”เหล่าสะใภ้ได้ยินภาพที่หลี่หลงหลินอธิบาย ใบหน้าเผยรอยยิ้มเปี่ยมความหวังออกมาสถานที่ที่ไม่มีสงครามและไม่มีความหิวโหยอยู่ห่างเพียงมหาสมุทรกั้น กำลังโบกมือต้อนรับตนเองหลี่หลงหลินเปล่งเสียงเคร่งขรึม “ขอเพียง
“เป็นไปไม่ได้! ดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ ไฉนเลยจะไม่มีคน?”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เหตุที่มีคนน้อยมีเพียงข้อเดียว ตอนนี้พวกเขายังกินไม่อิ่ม”ถ้อยคำนี้ของหลี่หลงหลินดุจฟ้าผ่ากลางวันแสกๆเหล่าพี่สะใภ้ได้ฟังแล้ว คิดว่านี่คล้ายเรื่องเพ้อฝันยามราตรี ดินแดนอุดมสมบูรณ์ถึงเพียงนี้ ถึงขั้นยังมีคนกินข้าวไม่อิ่มท้องอีกหรือ?กงซูหว่านมองหลี่หลงหลินด้วยความตกตะลึง เอ่ยถามว่า “องค์ชาย ท่านไม่ได้กำลังล้อพวกเราเล่นหรอกกระมัง? อิงตามคำพูดของท่าน ทวีปใหม่จะต้องอุดมสมบูรณ์อย่างมากแน่ เหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์คนกินข้าวไม่อิ่มท้องได้เล่า?”“ใช่แล้วองค์ชาย หม่อมฉันไม่เชื่อ”“หรือว่าดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ พวกเขาไม่สามารถเพาะปลูกได้กันเล่า?”เหล่าพี่สะใภ้ฟังจนอารมณ์ดำดิ่งลงไป ต่างขอให้หลี่หลงหลินพูดออกมาให้ชัดเจน หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “ไม่ใช่พวกเขาไม่เพาะปลูก ทวีปใหม่ดีมากเยี่ยงไร มีเพียงข้อเดียวที่ไม่ดี ก็คือไม่มีวัวไม่มีม้า ไม่มีสัตว์ใช้แรงงาน”ดวงตาของเหล่าสะใภ้ทอประกายระยับ ประคองใบหน้างดงามรับฟังเงียบๆ“ดังนั้นตอนนี้พวกเขายังหยุดอยู่ที่ใช้มีดถางป่าเผาไร่เพาะปลูก ใช้วิธีการพื้นฐานที่สุดในการ
“ตงอิ๋ง? ก็แค่แคว้นเล็กๆ เท่านั้น ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง!”สายตาหลี่หลงหลินเผยแววหมิ่นแคลน“ตงอิ๋งเล็กๆ เป็นเพียงเกาะแห่งหนึ่งเท่านั้น เดิมทีก็ไม่คู่ควรต่อคำว่าทวีปใหม่สองคำนี้”ทุกคนตกตะลึงภายในความรู้ของเหล่าสะใภ้ ตงอิ๋งก็คือจุดสิ้นสุดของมหาสมุทรอันเวิ้งว้าง เหนือตงอิ๋งก็ไม่มีอันใดอีกคำพูดของหลี่หลงหลินทำให้ความรู้ที่พวกนางมีอยู่เปลี่ยนไปทั้งหมด!กงซูหว่านพูดเสียงสั่นๆ “องค์ชาย ความนัยของท่านคือนอกจากตงอิ๋งแล้วยังมีทวีปใหญ่อีกหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้าและพูดว่า “ไม่เพียงมีทวีปใหญ่ แต่ยังเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์อย่างมากอีกด้วย!”พูดไป สายตาหลี่หลงหลินก็ทอดมองไปยังทิศทางหนึ่งกงซูหว่านพูดด้วยความแปลกใจ “อุดมสมบูรณ์อย่างมาก? อุดมสมบูรณ์มากเพียงใด เทียบกับต้าเซี่ยแล้วเป็นเช่นไร?”สายตาทุกคนล้วนเปี่ยมความแปลกใจ วางตะเกียบและชามข้าวในมือลงรับฟังหลี่หลงหลินเล่าเรื่องทวีปใหม่เงียบๆหลี่หลงหลินส่ายหน้าและพูดว่า “แผ่นดินต้าเซี่ยกว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ มีผลผลิตและทรัพยากรมากมาย เป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง แต่ทวีปใหม่มีที่ราบมาก แผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ทอดยาวนับพันลี้ ทุกหนแห่งล้วนค