"คุณจะพาฉันไปไหน ฉันจะกลับบ้าน"
พนิตาพยายามขืนกายเอาไว้สุดกำลังที่คนร่างเล็กอย่างเธอจะมีและ
คอยประคองสติของตนที่มีเพียงเล็กน้อย ภายในกายของเธอตอนนี้ร้อนรุ่มไปเสียทุกส่วนอันที่จริงเธอนั้นรู้สึกร้อนและกระสับกระส่ายตั้งแต่เขาพาเธอออกจากคลับหรูจวบจนถึงที่นี่ ที่ที่เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคือที่ไหนกันแน่
"ออกไปตอนนี้มีหวังโดนลากไปรุมโทรมข้างถนนแน่"
ชลธรบอกคนที่เขาหมายตาในอ้อมกอดของเขาสลับกับแผงวงจรตัวเลขดิจิตอลแสดงเลขชั้น ชายหนุ่มภาวนาให้ถึงชั้นบนสุดของเขาโดยเร็ว เพราะเขา
ดูจากอาการของหญิงสาวคาดว่าน่าจะโดนยาปลุกเซ็กส์มาแน่นอน"ร้อน! ช่วยด้วย ฉันร้อน " ไม่พูดเปล่าพยายามปลดเสื้อผ้าน้อยชิ้นของตนออกจากกายเพื่อที่จะบรรเทาความร้อนระอุภายในกายลงได้บ้าง ชลธรรีบรวบมือคนตัวเล็กเอาไว้ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับประตูลิฟต์เปิดกว้างพอดี ชายหนุ่ม
จึงตวัดวงแขนอุ้มคนตัวเล็กขึ้นแนบอกตรงไปยังห้องของตนทันทีปัง!
เสียงปิดประตูด้วยเท้าแกร่งดังสนั่นทำเอาหญิงสาวสะดุ้งน้อย ๆ ชายหนุ่มวางคนที่กระสับกระส่ายลงบนโซฟาสีเทาแล้วผละออก<
แสงสว่างที่บ่งบอกว่าวันนี้เข้าเช้าวันใหม่ทำให้คนตัวเล็กเปลือยเปล่าที่หลับใหลอยู่บนเตียงกว้าง ขยับกายด้วยความอ่อนล้าเหลือทน สายตาหวานคมสอดส่ายไปรอบห้องที่ดูไม่คุ้นตา ห้องโทนสีเข้มถูกตกแต่งอย่างดี กระจกบานสูงถูกบดบังด้วยผ้าม่านสีขาวเทา มีเพียงแสงสว่างที่ลอดเข้ามากระทบใบหน้าเท่านั้นพนิตาประคองกายลุกขึ้นนั่งด้วยความลำบาก จนทำให้เธอถึงกับเบ้หน้าด้วยเจ็บแปลบกลางกายสาวไม่น้อย ไม่นานก็พยุงกายพิงกับหัวเตียงกว้างก่อนกะพริบตามองในห้องให้ชัดเจนมากขึ้นว่าที่นี่มันคือที่ไหนกันแน่"โอ๊ยปวดหัว ปวดไปทั้งตัวเลย" คนตัวเล็กบ่นเสียงแผ่วเบามือน้อยคลึงขมับทั้งสองข้างให้คลายอาการปวดศีรษะลงบ้าง"ตื่นแล้วเหรอคนสวย" จากที่ก้มหน้าก้มตาอยู่เมื่อครู่ก็ต้องเงยขึ้นอย่างรวดเร็วกับเสียงเข้มที่ดังขึ้นมาแทรก"คุณ" ดวงตากลมโตเบิกโพลงด้วยความตกใจเมื่อพบชายหนุ่มร่างสูงที่เธอเคยเห็นหน้าที่บริษัทโมเดลลิงคราวก่อน ทำไมเขามาอยู่ที่นี่ แล้วเหตุใดเธอถึงอยู่ในสภาพนี้"คุณทำอะไรฉัน คุณข่มขืนฉัน" คนตัวเล็กสำรวจรร่างกายตัวเองแล้วเอ่ยเสียงดังชลธรที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จหมาด ๆ มีผ้
ร่างเล็กบอบบางของพนิตากำลังตรวจดูความเรียบร้อยของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการแต่งหน้า การทำผม รวมทั้งชุดเดรสรัดรูปสีแดงที่สวมใส่อวดส่วนเว้าส่วนโค้งอยู่หน้ากระจกเรียกความมั่นใจให้ตัวเองในการไปทำงานที่คลับคืนนี้ หลังจากที่ตนไม่ได้ไปทำมาสองสามวันแล้ว"จะไปไหน?" เสียงเข้มของชลธรถามขึ้นทันทีที่เปิดประตูเข้ามาในห้องแต่งตัวภายในห้องนอนของตน ซึ่งในตอนนี้เขายกให้พนิตาไปแล้ว"ไปทำงานที่คลับค่ะ คุณมีอะไรรึเปล่าคะ" พนิตากำลังสวมต่างหูห่วงกลมถามขึ้นเมื่อมองภาพสะท้อนของชลธรผ่านกระจกแต่งหน้าบานใหญ่“ทำงาน”“ใช่ ฉันจะไปทำงาน” หันมาบอกชายหนุ่มที่ยืนพิงประตูหน้าห้องแต่งตัวมองการกระทำของคนตัวเล็กที่กำลังดูความเรียบร้อยของเครื่องสำอางที่อยู่บนใบหน้า วันนี้พนิตาแต่งหน้าอ่อน ๆ เพื่อเติมสีสันให้ใบหน้าสวยไม่ซีดเซียวจนเกินไป“เราตกลงกันแล้วไง ตอนที่คุณเป็นผู้หญิงของผม จะให้เงินเดือนคุณเดือนละห้าแสนเอาไว้ใช้ แล้วจะไปทำงานทำไม”หนุ่มหล่อร่างสูงโปร่งมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ ในเมื่อเธอ ตกลงเป็นผู้หญิงของเขาแล้ว ทำไมจะต้องไปทำงานให้มันลำบากทำไมกัน
“คุณว่าที่นี่เป็นยังไง"ชลธรถามพนิตาที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กวาดสายตามองรอบหาดทรายสีขาว เกลียวคลื่นลมทะเลซัดสาดกระทบฝั่งอย่างสบายใจกว่าที่เคยเป็น"นิตาว่าสวยดีค่ะ บรรยากาศดี ยิ่งตอนเย็น ๆ แบบนี้มันโรแมนติกมากเลยนะคะ แต่จะว่าไปมันไม่ใช่หน้าที่ของคุณชลเลยนะคะที่จะต้องมาดูสถานที่เองแบบนี้ มันต้องเป็นทางทีมงานของแม็กกาซีนไม่ใช่เหรอคะที่ต้องจัดหาสถานที่" พนิตาว่าออกมาอย่างสงสัย มันไม่ใช่หน้าที่ของเขาเลย หรือว่าชายหนุ่มจะตกลงกับเพื่อนเพื่อมาดูสถานที่แทน"มันก็ใช่ที่ไม่ใช่หน้าที่ของผม จริง ๆ แล้วผมมาที่นี่ไม่ได้มาทำงานหรอก แค่เอางานมาเป็นข้ออ้างเฉย ๆ แค่นี้เอง"บอกตามตรงโดยไม่ปิดบังทำเอาร่างเล็กสูงเพรียวที่กำลังชื่นชมบรรยากาศแสนสบายที่หาไม่ได้ในกรุงเทพฯ ถึงกับหันขวับทันควันนี่เขาหลอกเธอโดยอ้างว่ามาทำงานหรอกเหรอ“นี่คุณชลหลอกนิตาเหรอคะ ทำไมเป็นคนแบบนี้ล่ะ” หันขวับถามชายหนุ่มเสียงแข็งแววตาขุ่นเคือง และเงียบไปชั่วอึดใจหนึ่งแล้วถามชลธรอีกครั้ง“แล้วที่บอกว่าที่นี่เป็นรีสอร์ตของเพื่อนคุณชลนี่เรื่องจริงหรือโกหกกันแน่คะ” เธอชักจะเริ่ม
เช้าที่สดใสผสมผสานกับบรรยากาศริมทะเลที่เย็นสบาย ทำให้พนิตาตัดสินใจลุกขึ้นมาเดินทอดน่องยืดเส้นยืดสายให้คลายความเมื่อยขบตามร่างกายที่แทบจะไม่ได้พักตลอดการมาที่ภูเก็ตกับชลธร กลางวันออกไปเที่ยวชมเมืองถ่ายรูปสถานที่สำคัญพร้อมทั้งกินอาหารขึ้นชื่ออร่อย ๆ แต่พอตกเย็นเป็นไม่ได้ต้องหาข้ออ้างทำเรื่องอย่างว่ากับเธอทุกทีเขาไม่เหนื่อยบ้างหรือยังไงแต่เธอจะบอกว่าเธอเหนื่อยมากวันนี้พนิตาสวมชุดเดรสยาวคลุมเท้าสายเดี่ยวลายลูกไม้ฮาวายสุดฮิต ศีรษะเล็กบดบังแสงแดดจากหมวกสานสีขาวมีโบสีดำเล็ก ๆ ตรงกลาง สวมรองเท้าแตะเข้าชุด ผสมกับการแต่งหน้าอ่อน ๆ ไม่ว่านักท่องเที่ยวหรือคนที่ผ่านไปผ่านมาก็ต้องเหลียวมองความสวยของเจ้าของร่างเพรียวริมฝีปากเล็ก ๆ อ้าปากหาวหวอด ๆ คล้ายกับว่าตนยังนอนไม่เต็มอิ่ม จึงตัดสินใจเดินไปหากาแฟดื่มให้หายง่วงเสียหน่อย ทันทีที่ได้อเมริกาโน่เย็นเข้ม ๆ หอม ๆ ไม่มีน้ำตาลรสชาติที่เธอต้องการแล้ว จึงเดินไปนั่งโต๊ะไม้ริมระเบียงมองวิวท้องทะเลสีฟ้าครามด้วยความสบายตา โชคดีหน่อยที่วันนี้แสงแดดไม่ได้ร้อนมากมายนัก เธอเลยเลือกนั่งบริเวณนี้ ก่อนจะเรียกพนักงานมาสั่งอ
La La Carte (อะ ลาคลาส)ห้องวีไอพีในคลับหรูของฟีนิกซ์ หลังจากจัดการงานเอกสารเรียบร้อยมาเฟียหล่อเจ้าของที่นี่ก็เดินเข้ามาสมทบกับเพื่อน ทว่าภายในห้องที่คิดว่าเพื่อนและเหล่าคนรักของพวกมันจะยังมาไม่ครับก็ผิดคาดเพราะทุกคนต่างนั่งอยู่กันเป็นคู่ แต่ไม่ใช่กับชลธรที่นั่งอยู่อีกมุมหนึ่งของโต๊ะและดื่มเหล้าอย่างไม่สนใจใคร"ไอ้ชลเป็นอะไรวะ แดกเอาแดกเอา" หนึ่ง อรรถพลถามขึ้นหลังจากที่เขานั่งมองตั้งแต่เข้ามาในห้องพร้อมกับเม็ดทรายเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อนก็เห็นนั่งดื่มอยู่แบบนี้ไม่พูดไม่จา"มึงเป็นอะไรวะ อกหักรักคุดตุ๊ดเมินหรือไง" กศิดิธแซวขำเพื่อให้บรรยากาศไม่มาคุจนเกินไป"เปล่า ไม่ได้เป็นอะไร" เขาตอบเพียงแค่นั้น"นิตาไปไหนเนี่ย... โทรหาก็ไม่รับสาย" ตองเก้าหันไปถามเม็ดทรายหลังจากที่พยายามต่อสายหาพนิตาตั้งแต่บ่ายจนตอนนี้เพื่อนยังไม่รับสาย"ไม่รู้เหมือนกันติดต่อไม่ได้เลย""ไลน์ไปหาหรือยัง" เม็ดมุกถามขึ้นทั้งที่ยังกอดแขนของกศิดิธไว้ด้วย"ฉันไลน์ไปแล้วทั้งในกลุ่มแล้วก็ไลน์ส่วนตัวก็ไม่ตอบ" เม็ดทรายบอกไปตามจริงเพราะเท่าที่เห็นจำนวนคนอ่านมันขาดไปคนห
เกือบสามสัปดาห์ผ่านมาแล้วที่พนิตาย้ายมาอยู่คอนโดมิเนียมแห่งใหม่ และยังไม่ลืมที่จะส่งข้อความกลับไปหาเพื่อนสาวทั้งห้าอยู่ตลอด เพื่อไม่ให้เพื่อนเป็นห่วงจนกังวลเช่นที่เธอเคยหายไม่ตอบกลับหลายวันเหมือนครั้งก่อนอีก ในที่สุดหญิงสาวก็ตัดสินใจบอกที่อยู่ใหม่ของเธอให้กับเพื่อนได้รับรู้ ห้าสาวแสนสวยต่างลงความเห็นว่าอยากจะมาเห็นห้องพักใหม่ของเพื่อนในวันนี้ แต่ว่าพนิตา ขอเลื่อนไปเป็นวันพรุ่งนี้แทน พร้อมทั้งบอกว่าไม่อยากให้มาวันนี้ เพราะเป็นวันทำงานเอาเป็นวันพรุ่งนี้ที่เป็นวันหยุดจะดีกว่าเม็ดทราย : ได้ตกลงพรุ่งนี้ก็ได้เม็ดมุก : แต่แกต้องทำของอร่อยไว้ให้พวกฉันกินด้วยนะพนิตา : เอาสิจัดให้ชุดใหญ่เลยที่รัก : น่ารักที่สุดพนิตา : งั้นไว้เจอกันพรุ่งนี้นะพนิตาส่งข้อความไลน์ไปหาเพื่อนพร้อมทิ้งท้ายด้วยสติกเกอร์รูปผู้หญิงโบกมือบ๊ายบายด้วยความลั้ลลา ก่อนเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋า แล้วเงยหน้าขึ้นมองป้ายร้านขายยาภายในห้างสรรพสินค้าอย่างชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง หญิงสาวถอนหายใจพร้อมกับเดินเข้าไปหาเภสัชกรที่ยืนประจำการคอยให้คำปรึกษาอยู่ทันที"สวัสดีค่ะรับยาตัวไหนคะ"
ช่วงสายของวันถัดมาเป็นวันที่พนิตาและเหล่าแก๊งเพื่อนสาวของเธอได้มาปาร์ตีฉลองบ้านใหม่ของหญิงสาวตามที่ได้นัดกันไว้ เจ้าของบ้านคนสวยตื่นจัดเตรียมบ้านให้พร้อม เพราะเริงใจพี่ใหญ่ของแก๊งไลน์เข้ามาบอกว่าอาหารกลางวันไม่ต้องเตรียมเดี๋ยวจะซื้อเข้าไปเอง รอให้พนิตาทำให้ทานตอนเย็นทีเดียวจะได้คุยกันนาน ๆ หน่อย อีกอย่างวันนี่เป็นวันหยุดจะได้ไม่ต้องรีบร้อนอะไรแต่ยังไงก็ตามเถอะต่อให้บอกว่าไม่ต้องทำของคาวก็ไม่เป็นไรเธออยากจะทำของหวานให้เพื่อนลองชิม เพราะการทำอาหารหรือทำขนมมันเป็นงานอดิเรกอย่างหนึ่งของเธอ เพื่อนของพนิตารู้ว่าเธอชอบทำอาหารแต่คงไม่รู้ว่าทำขนมได้ด้วย"ทำอะไรให้กินเล่นดีนะ" คนตัวเล็กขบคิดถึงเมนูที่ตนกำลังจะทำให้เพื่อนได้ลิ้มลอง“บราวนีเนี่ยแหละเหมาะสมที่สุด” พนิตาพูดออกมาอย่างดีใจเมื่อตนเลือกเมนูขนมได้แล้ว บ่นพึมพำไปพลางเปิดหารายการขนมผ่านยูทูบไปเรื่อย ๆจนกระทั่งมาหยุดอยู่ที่ 'บราวนีมินิ' ชิ้นเล็กพอดีคำ แต่ตอนทำเธอต้อง ลดน้ำตาลลงเสียหน่อย หากหวานไปเพื่อนสาวเธอไม่กินแน่นอน อะไรที่มีน้ำตาล ไขมันเยอะ จะไม่มีทางอยู่ในกระเพาะของพวกเขาได้&nbs
เจ้าของร่างเล็กกำลังง่วนและวุ่นวายอยู่กับการจัดตู้เย็นให้เป็นระเบียบเรียบร้อยดูสะอาดตา ให้เหมือนกับคลิปที่เธอเปิดดูผ่าน ๆ แล้วเห็นว่ามันเพลินดี จึงอยากลองทำดูบ้างในระหว่างรอชลธรที่ถือวิสาสะเข้าไปอาบน้ำราวกับว่าห้องนี้เป็นห้องของเขาแต่คนตัวเล็กกลับไม่รู้เลยว่าคนที่เธอเพิ่งอาบน้ำเสร็จหมาด ๆ มีเพียงผ้าขนหนูสีขาวของพนิตาพันรอบเอวสอบหมิ่นเหม่เท่านั้น เดินออกมาหยุดดูคนตัวเล็กที่กำลังก้ม ๆ เงย ๆ ที่อยู่ในชุดเสื้อยืดสีขาว กางเกงขาสั้น เวลาก้มลงหรือนั่งย่อ ๆ เพียงนิดเดียว ก็เผยแก้มก้นขาวเนียนที่เขาโปรดปรานและหลงใหลเป็นที่สุด"เสร็จสักที ปวดหลังไปหมด"ร่างเพรียวยืนขึ้นเต็มความสูงยกแขนทั้งสองเหนือศีรษะบิดไปมาให้คลายอาการปวด ทว่ากลับสะดุ้งตกใจเมื่อถูกสวมกอดจากทางด้านหลัง"ปวดหลังเหรอ... ผมนวดให้เอาไหม" บอกกับคนตัวเล็กเสียงแหบพร่าลมหายใจร้อนผ่าวรดต้นคอ ทำเอาพนิตาต้องเอี้ยวตัวหันหน้ามาเผชิญกับเขา"ไม่ต้องดีกว่าค่ะ กลัวจะไม่ใช่เเค่นวดน่ะสิคะ" พนิตาว่าอย่างรู้ทัน คนอย่างเขาเนี่ยน่ะหรือจะนวดให้เธอไม่มีทาง“แล้วจะใ
ตอนจบเวลาผ่านไปร่วมสองเดือน อัทธ์ยังคงวนเวียนอยู่ที่บ้านของสริตาตั้งแต่วันนั้น แม้จะโดนหญิงสาวไล่ออกจะบ่อย แต่มีหรือคนอย่างเขาจะสนขอเพียงอย่างเดียวคือได้หญิงสาวกลับมาในอ้อมอกเท่านั้น“นิล พี่ช่วยนะ” ชายหนุ่มที่กำลังกวาดใบไม้ที่ร่วงหล่นอยู่บริเวณหน้าบ้านของหญิงสาว เมื่อเห็นสริตาเดินสะพายกระเป๋าพร้อมทั้งยกกล่องพัสดุที่จะส่งลูกค้ามายังท้ายรถยนต์ของตัวเองจึงรีบวิ่งไปช่วยด้วยความที่ไม่อยากให้เธอยกของหนักเกรงจะกระทบลูกในท้อง“ไม่ต้อง ออกไปห่าง ๆ เลย” หญิงสาวไล่ชายหนุ่มเสียงแข็ง แต่มีหรือคนหน้ามึนอย่างเขาจะยอมทำตาม“พี่ช่วยดีกว่า”ชายหนุ่มบอกเพียงแค่นั้นแย่งของจากมือสริตาแล้วจัดวางยังท้ายรถพร้อมทั้งวิ่งไปเอากล่องที่วางอยู่ในบ้านยกมาวางรวมกับสิ่งที่เพิ่งวางไปเมื่อครู่การกระทำของเขาทำให้สริตาไม่ค่อยที่จะพอใจสักเท่าไหร่“คุณอัทธ์คะ เลิกมายุ่งวุ่นวายกับชีวิตฉันได้แล้วค่ะ” หญิงสาวกอดอกพูดกับชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยสีหน้าไม่พอใจ“เลิกยุ่งกับเมียไม่ได้เหรอก” เขาตอบอย่างใจเย็น ก่อนมายืนส่งยิ้มละมุนตรงหน้าหญิงสาวและเอ
บทที่ 17“จะไม่เข้าไปจริง ๆ เหรอครับนายหัว”จอมพลหันไปถามเจ้านายที่กำลังนั่งมองบ้านหลังเล็กหลังหนึ่งผ่านทางหน้าต่างกระจกรถยนต์อยู่นานสองนาน ไม่ยอมทำอะไรเสียทีตั้งแต่มาถึงที่นี่ก็เกือบจะบ่ายโมงของอีกวันเสียแล้ว อันที่จริงเขาอยากจะมาให้ถึงตั้งแต่เมื่อวานเพื่อที่จะให้ได้พบสริตาโดยเร็ว“รอสักพักค่อยเข้าไป” นายหนัวหนุ่มตอบลูกน้องโดยที่สายตาคมไม่ลาจากสิ่งตรงหน้าตั้งแต่มาถึงที่นี่เขาเฝ้ามองตลอดว่าจะมีใครออกจากบ้านหลังเล็กนั่นหรือไม่ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีใครออกมาไม่นานนักประตูก็ถูกเปิดออกพร้อมกับร่างของผู้หญิงวัยกลางคนที่กำลังอุ้มหนูน้อยตรงมายังแคร่ไม้ไผ่หน้าบ้าน ซึ่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่คอยให้ร่มเบาไม่ห่างจากตัวบ้านมากนัก“ยายพาออกมาเล่นข้างนอกแล้ว หยุดงอแงได้แล้วนะ” ผู้เป็นยายวางหลานลงกับแคร่ไม้ไผ่และนั่งลงข้าง ๆ พูดกับหลานอย่างเอ็นดู เขาจอดรออยู่ใกล้ ๆ พอจะได้ยินสิ่งที่หญิงวัยกลางคนคุยกับเด็กคนนั้น“นายหัวจะไม่ลงไปจริง ๆ เหรอครับ” ลูกน้องหนุ่มเอ่ยขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่เจ้านายของตนให้ความสนใจเด็กน้อยที่ถูกอุ้มออกมาจากบ้าน อั
บทที่ 16เวลาผ่านไปสองสัปดาห์ สริตากลับมาอยู่บ้านที่ต่างจังหวัดกับลูกชายและมารดาของตนพร้อมกับลูกน้อยอีกคนที่อยู่ในท้อง หลังจากที่กลับมาบ้านสริตาทำตัวให้ปกติที่สุด ทำทุกอย่างตามเดิมในแบบฉบับที่เคยเป็น“ทำไมถึงลาออกไม่ทำงานที่อยากทำล่ะลูก”คนแม่ถามลูกสาวที่กำลังนั่งแพ็คกระเป๋าแฟชั่นลงกล่องให้ลูกค้า เงยหน้ามองมารดาที่อุ้มลูกชายของตนอยู่“ต่อให้นิลทำงานที่ชอบต่ำไม่มีเวลาให้แม่กับอนลนิลคงไม่มีความสุขหรอก ต่อให้ขายของออนไลน์เงินจะยังไม่มาแต่มันก็ดีนะแม่” หญิงสาวลาออกจากงานมาอยู่บ้านขายของออนไลน์กับครอบครัวและยังมีเวลาให้ลูกน้อยอีกด้วย“จะเอาแบบนี้เหรอ แล้วที่หายไปไปไหนมา”“ทำงานค่ะ ต่างจังหวัดมันไม่ค่อยมีสัญญาณสักเท่าไหร่”“แล้วของพวกนี้จะเอาไปส่งตอนไหนเนี่ย” สิริกรเปลี่ยนบทสนทนาเพื่อไม่ให้ลูกสาวต้องคิดมาและ กอย่างไม่อยากสักถามให้มากความ“พรุ่งนี้ค่ะแม่ ว่าจะไปส่งก่อนไปหาหมอ เดี๋ยวคืนนี้นิลต้องตอบแชทลูกค้าอีกหลายคน ฝากแม่พาอนลนอนด้วยนะคะ”นางพยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนบอกลูกสาวแย่งเป็นห่วง “เราน่ะก็พักผ่อนเยอะ ๆ อย่า
บทที่ 15นับจากวันที่สริตาถูกช่วยออกมาจากเกาะ ได้มาพักอยู่ที่บ้านมารดาของธันว์เพื่อให้สภาพร่างกายของหญิงสาวดีขึ้น สริตามีอาการอ่อนเพลีย ไม่ยอมพูดจากับใครแม้กระทั่งตัวของเขา หญิงสาวเก็บตัวเงียบหากปล่อยนานกว่านี้คงไม่เป็นผลดีอย่างแน่นอนธันว์ตัดสินใจเข้ามาคุยกับหฯงสาวอีกครั้ง เมื่อเห็นเธอออกจากห้องมาสูดอากาศบริสุทธิ์ภายนอก“นมครับน้องนิล” ชายหนุ่มถือนมสดหนึ่งแก้วมาวางกันโต๊ะที่สริตายืนอยู่ใกล้ ๆเธอเพียงหันมามองและยิ้มจาง ๆ กับเขาเท่านั้น“มองหน้าแบบนี้มีอะไรจะถามหรือคะ” สริตาถามขึ้นเป็นครั้งแรกหลังจากที่เงียบไม่พูดไม่จามาหลายวัน“พี่อยากจะถามเรื่องของนิลกับไอ้อัทธ์”สิ้นเสียงของธันว์ทำให้สริตามองหน้าเขานิ่ง ๆ เวยความเศร้าโศก ครั้นจะอ้าปากตอบคำถามของชายหนุ่ม อยู่ ๆ ก็เกิดผะอืดผะอมจนต้องวิ่งออกไปอาเจียน การการของหญิงสาวทำให้ธันว์ต้องรีบเข้าไปลูบหลังให้จนกระทั่งมารดาของเขาเดินเข้ามา“เรามีธุระไม่ใช่หรือตาธันว์ เดี๋ยวแม่จัดการเอง”ชายหนุ่มพยักหน้ารับก่อนเดินออกไปจากตรงนั้น ปล่อยให้สริตาอยู่กับมารดาของตนตามลำพังเ
บทที่ 14 นับจากวันนั้นที่สริตาออกจากโรงพยาบาลโดยการที่แอบออกมาแต่ก็ถูกจัดได้ เขาก็พาเธอมที่นี่อีกครั้งร่วมรักกับเธอทุกวันจนเกือบสัปดาห์ หญิงสาวไม่ได้ออกไปไหนได้แต่อยู่ภายในบ้านหลังนี้เพราะแน่นอนว่าโซ่ตรวนที่เขาใส่ไว้ให้ที่ข้อเท้ามีเพียงอัทธ์เท่านั้นที่จะปลดปล่อยเธอได้ ร่างสวยงามของคนตัวเล็กเริ่มทรุดโทรมราวกับตรอมใจที่หมดหนทางออกไปจากเกาะแห่งนี้เพราะตนคิดถึงลูกน้อยสุดหัวใจแก๊ก แก๊กเสียงเปิดประตูทางหน้าบ้านมันไม่ทำให้สริตาเงยหน้าจากการกอดเข่าอย่างเศร้าหมอง เพราะคงเป็นใครไปไม่ได้นอกเสียจากอัทธ์คนใจร้ายคนนั้นเป็นแน่ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เสียงฝีเท้าของใครบางคนเดินเข้ามาหยุดตรงหน้าของเธอเสียงพูดจากจากผู้มาใหม่ สริตาจึงเงยหน้าที่เต็มไปด้วยตราบน้ำตามองคนตรงหน้า“คุณเป็นใคร!” สริตาถามด้วยน้ำเสียงแหบแห้งคอจนแทบจะเป็นผงผู้ชายคนนั้นไม่พูดอะไรนอกเสียจากหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดบางสิ่งดูเพื่อความแน่ใจ ก่อนเอ่ยถามพร้อมย่อกายลงนั่งในระดับเดียวกับสริตา “น้องนิลเพื่อนของนิ้วนางใช่ไหม”
บทที่ 13“นิล นิล เป็นไงบ้าง” เขาถามขึ้นอย่างดีใจ เมื่อสริตาขยับนิ้วมือเล็กน้อยทำให้อัทธ์รู้สึกตัวเงยหน้ามองใบหน้างามที่เริ่มมีสีเลือดจาง ๆ กว่าตอนที่มาโรงพยาบาลใหม่ ๆดวงตาหวานกระพริบถี่ ๆ เพื่อปรับให้ชินกับแสงสว่างรอบห้อง ที่นี่คงไม่ใช่ที่ไหนนอกเสียจากห้องพักในโรงพยาบาล พลันสายตาดันไปปะทะกับใบหน้าคมที่อยู่ตรงหน้าพอดี สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความปราบปลื้มเสียเต็มประดา“นิลเป็นยังไงบ้าง รู้สึกไม่ดีตรงไหนไหม” เขาถามเออีกครั้งเมื่อเห็นเธอยังคงนิ่งเงียบ“ฉันอยากพัก” สริตาบอกพียงแค่นั้นแล้วหันหลังให้กับอัทธ์เขาได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ให้กับคนที่นอนอยู่บนเตียง ก่อนเดินออกไปนอกห้องเพื่อั้จะตามหมอให้มาตรวจดูอาการของสริตาว่าหายดีหรือยังมีอะไรแทรกซ้อนหรือไม่ไม่นานแพทย์เจ้าของไข้เข้ามาตรวจดูอาการของสริตา หญิงสาวไม่ได้เป็นอะไรนอกเสียจากพักผ่อนน้อยจึงทำให้อ่อนเพลียพักที่โรงพยาบาลก็กลับบ้านได้แล้วอัทธ์เหมือนกำลังจะอ้าปากเอ่ยอะไรบางอย่างกับเธอ แต่กูกรบกวนด้วยเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือจนต้องรีบออกไป หลังจากที่ชายหนุ่มไม่ได้อยู่
บทที่ 12มือเรียวสั่นสะท้านเมื่อกำลังปลดเข็มขัดและกระดุมออกจากกางเกงของเขาให้เร็วที่สุด แต่ยิ่งเร่งเท่าไรมันยิ่งยากและช้าเท่านั้น ทำเอาคนที่คอยจับจ้องการกระทำของเธอตอนนี้ใจจะขาดเสียให้ได้ ในที่สุด หญิงสาวก็จัดการรูดกางเกงของเขาลงทำให้ท่อนเอ็นแข็งกร้าวผงาดต่อหน้าต่อตา“จับมันสิ ลูบมัน” เขาสั่งเร่งเร้าเพราะเธอมัวแต่ยืนไม่จัดการสักทีสริตาทำใจกล้าย่อกายนั่งคุกเขาจับท่อนลำอวบตรงหน้ากำมันและรูดขึ้นรูดลงเบา ๆ ปลายนิ้วหัวแม่มือไล้ส่วนหัวปลายอย่างเน้น ๆ ทำเอาเขาสะท้านไปทั้งกาย“อ่า แบบนั้นแหละ อืม”เสียงทุ้มเข้มครางกระหึ่มคล้ายถูกใจในการกนะทำของหญิงสาว“เอาเข้าปากเร็ว ๆ สิ”คนตัวเล็กเริ่มเปลี่ยนจาดมือเรียวสวยมาเป็นปากบางกระจับ ลิ้นเล็กค่อย ๆ ไล้เลียส่วนปลายท่อนเอ็นอย่างเชื่องช้า เพียงแค่สัมผัสน้อยนิดก็ทำเอาชายหนุ่มถึงกับเดือดเลือดพล่านไม่น้อย“อ่า เก่งมาก เอาอีกสิอยากไปจากที่นี่ก็ต้องลงทุนหน่อย”สิ้นเสียงพร่าแสนยั่วยวนของเขามันกระตุ้นเธอได้ไม้น้อย ลิ้นเล็กตะวัดไล้เลียอย่างรวดเร็วก่อนจะส่งตัวตนของเขาเข้าป
บทที่ 11สริตาลืมตาขึ้นด้วยความเคยชินนับตั้งแต่มายู่ที่นี่ วันนี้เป็นวันที่เธอต้องจัดการอะไรต่าง ๆ มากมายทั้งทำความสะอาดบ้านหลังน้อยหรือแม้กระทั้งซักเสื้อผ้าของตนเอง ที่นี่ไม่ได้มีเครื่องอำนวยความสะดวกเหมือนกับตอนที่เธออยู่บ้านหรือกรุงเทพฯ คนที่นี่บางคนใช้เครื่องซักผ้า แต่สำหรับเธอแล้วต้องซักด้วยมือเท่านั้นไม่กล้าไปเอ่ยปากขอยืมจากใครหญิงสาวเปิดประตูเข้าไปในห้องอย่างเบามือเพื่อที่จะเอาเสื้อผ้าชุดชั้นในที่ถูกโดนทิ้งไว้ในตะกร้าออกมารอหลังจากที่ทำอาหารเช้าเสร็จจะเดินไปที่ลำธารเช่นเคย สริตาเปิดตู้เย็นเล็กของบ้านหาของสดผักสดที่อัทธ์สั่งลูกน้องซื้อมาให้เธอทุกสัปดาห์ออกมาจัดเตรียมเช้านี้อยากจะทำอะไรง่าย ๆ ไม่ยุ่งยากเสียเวลา แต่ในจังหวะที่เธอจะเปิดเตาแก๊สปิกนิกที่ใช้ประจำกลับไม่ติดเสียอย่างนั้น“ทำไมไม่ติดล่ะ”เธอพยายามเปิดครั้งแล้วครั้งเล่าก็ไม่ติดจึงละความพยายามและออกไปดูด้านนอกว่าพอจะมีอะไรที่ช่วยเธอได้บ้างหรือไม่ เพราะคราวก่อนจำได้ว่าเคยมีเตาถ่านวางอยู่ข้างบ้านสั่นนั้นมันอาจจะช่วยเธอได้“มีเตาอยู่ด้วย ว่าแต่มันจุดยังไงล่ะทีนี้” สริต
บทที่ 10สามวันที่อัทธ์ออกไปทำธุระของเขาตั้งแต่วันก่อน มันทำให้เธอหายใจหายคอได้สะดวกที่ไม่พบคนใจร้ายให้วุ่นวายใจหรือใช้งานหนักเยี่ยงทาสทว่าในยามที่เขาไม่อยู่สริตาจึงใช้เวลาหลังเลิกงานคอยสอดส่องหาทางหนีทีไร่อีกครั้งหนึ่ง แต่ก็เปล่าประโยชน์เพราะการที่จะออกจากกรงขังของเขาได้นอกจากจะมีเรือเท่านั้น แต่นี่ไม่พบเรือสักลำถ้าหากอัทธ์กลับมาเธออยากจะลองอธิบายเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้เขาได้รับรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นบางทีเขาอาจจะปล่อยเธอไปก็ได้ในขณะที่สริตากำลังฮำเพลงระหว่างเดินกลับบ้านเล็กท้ายเกาะก็ต้องหยุดชะงักเพราะเสียงเอะอะโวยวายของใครบางคนที่ดังขึ้นตรงบริเวณที่มีเรืออยู่จนต้องหันไปมอง คนตัวเล็กพยายามหรี่ตามองว่าใครกันที่เสียงดังเช่นนี้ จนกระทั่งรู้แน่ชัดว่าเจ้าของเสียงนั้นคืออัทธ์“นายหัวรอผมก่อนเดี๋ยวผมช่วย” ลูกน้องของอัทธ์ร้องห้ามเมื่อเจ้านายของตัวเองเดินปรี่ไปที่หญิงสาวที่อยู่ริมหาด ด้วยความที่กลัวเจ้านายจะเป็นอันตรายจึงรีบวิ่งไปประคองกระนั้นคนเมามายกลับไม่ยอมพร้อมบอกให้ไม่ต้องมายุ่งเสียอย่างนั้น “ไม่ต้องกูเดินเองได้”