ตอนที่ 2
แสงแดดสาดสองยามเช้าของวันใหม่ ปลุกให้ร่างเล็กที่เปลือยเปล่านอนอยู่บนเตียงที่ยับยู่ยี่ นั้นตื่นขึ้นมาโดยปราศจากความสดใสเหมือนทุกวัน เพียงแค่ขยับร่างกายเพียงเล็กน้อยก็รับรู้ได้ถึงความเมื่อยขบตามร่างกาย จนต้องพยุงกายลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง พลางนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตัวเอง เพราะเธอนั้นถูกคนบ้าที่ไหนก็ไม่รู้จับมา อีกอย่างเธอนั้นแทบไม่รู้จักหรือมีความแค้นใด ๆ กับชายหนุ่มคนนั้นเลย ร่างเล็กบอบบางนั่งกอดเข่าคิดทบทวนเรื่องราวที่เขาพูดกับเธอเมื่อวานในห้องทำงานของเขา
“เธอไม่ได้ทำ แต่พี่ชายเธอทำ” เสียงของเขาแวบกลับเข้ามาในความคิดพลอยทำให้นึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“พี่ชาย พี่ชายฉันทำอะไรคุณ ถึงได้จับฉันมาแบบนี้”
“อยากรู้นักเหรอ ได้ฉันจะบอกให้”
ชายหนุ่มนี่นั่งอยู่ตรงหน้าเธอ ที่เพิ่งรู้จักชื่อเสียงเรียงนามของเขาเมื่อครู่นี้ว่าชื่อ ภาธร กิตติธร ผุดลุกขึ้นเต็มความสูงแล้วเดินย่างสามขุมเข้ามาหาคนตัวเล็กด้วยท่าทางที่น่ากลัว ทำให้หญิงสาวที่ยืนอยู่ไม่ห่างต้องร่นถอยทีละก้าวอย่างหลาดระแวง
“คุณจะทำอะไร” ชายหนุ่มโน้มใบหน้าเข้าใกล้ จนทำให้หญิงสาวเบี่ยงหน้าหนี
“อยากรู้ไม่ใช่เหรอ ฉันก็จะบอกให้ ว่าพี่ชายที่แสนดีของเธอมันเป็นคนยังไง”
“พี่ชาย พี่กบทำอะไรให้คุณ คุณถึงจับตัวฉันมาแบบนี้ ปล่อยฉันไป” หญิงสาวถามพร้อมทั้งออกคำสั่งให้เขาปล่อยเธอ
“ไม่มีวัน! จนกว่าพี่ชายเธอมันจะเจ็บที่ เห็นน้องสาวตัวเองโดนทำร้ายเหมือนฉัน” คนตัวเล็กที่ตัวชิดติดผนังกำแพงห้องต้องสะดุ้งและตกใจกับการกระทำของเขา
“น้องสาวของคุณ” กชสรถามกลับด้วยความไม่รู้ว่าใครคือน้องสาวของเขา และพี่ชายเธอรู้จักด้วยหรือไม่
“ใช่...พี่ชายเธอมันข่มขืนน้องสาวฉันจนต้องฆ่าตัวตาย”
“ไม่จริง! พี่ชายฉันไม่ใช่คนแบบนั้น เขาไม่มีวันทำแน่นอน”
ไม่มีทางเธอไม่เชื่อในสิ่งที่คนตรงหน้าพูดเป็นแน่ พี่ชายเธอไม่มีวันทำแบบนั้น เขาไม่คิดที่จะทำร้ายใคร พี่ชายดูแลเธอมาอย่างดีตั้งแต่บิดามารดาเสียไปเมื่อหลายปีก่อน ก็เหลือกันแค่สองคนพี่น้องเท่านั้น
“จริง!” ชายหนุ่มตรงหน้าตะคอกกลับเสียงดังจนทำให้ร่างเล็กกลัวจนตัวสั่นไม่น้อย
“คุณมาว่าพี่ชายฉันข่มขืนน้องสาวของคุณ มีหลักฐานอะไร และอีกอย่างฉันยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าน้องสาวคุณเป็นใคร ชื่ออะไร”
กชสรจ้องชายตรงหน้าแล้วถามกลับอย่างไม่เกรงกลัวเขา ภาธรจ้องกลับราวจะกินเลือดกินเนื้อคนตรงหน้า
“อยากรู้ใช่ไหม ได้ฉันจะบอกให้ ภาวิณี จำชื่อนี้ได้ไหม”
ร่างเล็กที่ยืนชิดติดผนังนิ่งแววตาสั่นระริกเมื่อได้ยินชื่อ ผู้หญิงที่ชื่อ ภาวิณี จะใช่คนเดียวที่เธอกับพี่ชายได้ช่วยไว้หรือไม่ แต่ถ้าหากเป็นคนคนเดียวกันแล้ว ชายตรงหน้านั้นเข้าใจผิด
“ไง ตกใจจนพูดไม่ออกเลยเหรอ”
พลันสายตาหวานของหญิงสาวมองไปเห็นกรอบรูปที่วางอยู่ไม่ห่างจากตนนัก แล้วคว้ามันขึ้นมาดูก่อนจะพบว่าเป็นคนคนเดียวกัน แต่ก็ต้องปล่อยรูปใบนั้นให้หลุดมือไปจากแรงกระชากของภาธร จากนั้นมือหนาจึงจับกรอบรูปของน้องสาวที่รักวางลงที่เดิมอย่างถนอม แล้วหันมาคว้าเรียวแขนของคนตรงหน้าอย่างแรง โดยที่ไม่สนว่าเธอนั้นจะเจ็บปวดหรือไม่
“เธอไม่มีสิทธิ์ที่จะแตะต้องของพวกนี้ ถึงเวลาที่เธอต้องรับกรรมแทนมันแล้ว”
“คุณจะทำอะไร ปล่อยฉันนะ!” หญิงสาวร้องออกมาอย่างหวาดกลัวกับการกระทำของคนตรงหน้า แต่มีหรือคนที่มีโทสะครอบงำจิตใจจะฟัง
ร่างสูงก้มลงซุกไซ้ลำคอระหงของคนตรงหน้าอย่างป่าเถื่อน พร้อมทั้งดึงทึ้งเสื้อผ้าที่ติดกายของคนตัวเล็กออกอย่างรุนแรง กชสรพยายามผลักดันให้เขาออกไปให้ห่างจากตัวของเธอ แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรผู้ชายร่างสูงอย่างเขาได้แม้แต่น้อย มือใหญ่ลูบไล้ตามกายบอบบางที่มีเพียงเสื้อกล้ามสีขาวและเสื้อเชิ๊ตที่ขาดรุ่ยก็ตาม
“ช่วยด้วยค่ะ ใครก็ได้ช่วยด้วย” เสียงหวานร้องออกมาอย่างหวาดกลัวกับการกระทำของชายตรงหน้า
“แหกปากให้ตายก็ไม่มีใครมาช่วยเธอ”
“ช่วยด้วย! ช่วยด้วย!” คนตัวเล็กไม่ฟังคำของเขา เธอเอาแต่ร้องตะโกนเพื่อหวังจะมีคนเข้ามาช่วยเหลือ
“เปลี่ยนจากร้องขอความช่วยเหลือเป็นร้องครางใต้ร่างฉันดีกว่ากชสร!” ชายหนุ่มว่าเสียงแหบพร่า
“ไอ้สารเลว” เพียงประโยคเดียวที่ออกจากริมฝึปากบางทำให้ภาธรจัดการฉีกกระชากเสื้อผ้าที่ติดดกายหญิงสาวอย่างรุนแรง โดยไม่สนว่าเสื้อผ้านั้นจะบาดผิวกายเนียนละเอียดของเธอจนเกิดรอยแดง จนเหลือเพียงบราเซียสีขาวลายลูกไม้ห่อหุ้ม ความนุ่มหยุ่นเท่านั้น ชายหนุ่มร่างสูงที่เต็มไปด้วยบรรดาโทสะผลักคนตัวเล็กล้มลงกับโซฟาที่ยู่ภายในห้องทำงานของเขาอย่างแรง ก่อนที่ภาธรจะตามไปคร่อมทับร่างเล็กที่กำลังจะลุกหนีเอาไว้ ริมฝีปากหนาประกบจูบริมฝีปากบางอย่างเร่าร้อนและรุนแรง ถึงแม้ว่ามือเล็กพยายามทั้งผลักทั้งดันเขาแต่ก็ไม่สำเร็จแต่แล้วภาธรก็ต้องลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เมื่อจัดการเสื้อผ้าอาภรณ์ที่ติดกายทั้งของเขาและเธอ ชายหนุ่มลากมือสากลูบไล้เรือนร่างเปลือยเปล่าอย่างถือสิทธิ์ โดยอีกมือนั้นเลื่อนบีบขยำความนุ่มหยุ่นที่ขนาดพอดีมือเขาไม่น้อย ก่อนก้มชิมเม็ดเชอร์รี่สีหวานบนเนินอกหยอกเย้าขบเม้มจนคนใต้ร่างร้องเสียงหลงด้วยความเจ็บเมื่อเขานั้นกัดและขมเม้มแรงๆ“โอ้ย เจ็บ” ร่างเล็กพยายามดิ้นหนีแต่ก็ไม่เป็นผล มือเล็กที่ผลักดันคนตัวสูงให้ออกห่างถูกจับตรึงเอาไว้เหนือศีรษะด้วยมือเพียงข้างเดียวของเขาริมฝีปากร้อนเปลี่ยนเป้าหมายจ
ร่างเล็กนั่งคุดคู้กอดเข้าด้วยสภาพร่างกายที่เปลือยเปล่าอยู่บนเตียง เหตุใดเธอต้องมาเจอเหตุการณ์อะไรเช่นนี้ ใบหน้าหวานที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาซุกหน้าลงบนเข่าอย่างเหนื่อยอ่อน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู คนที่ตกอยู่ภายใต้ความเศร้าหมองเงยหน้าขึ้นมาเล็กน้อยโดยที่ไม่ได้ตอบกลับ“คุณคะ ตื่นหรือยังคะ” คนหน้าห้องส่งเสียงขึ้นพลอยทำให้คนที่นั่งเศร้ากอดเข่าอยู่ข้างในพอจะเดาได้ว่าไม่ใช้คนใจร้ายเมื่อคืน“ค่ะ ฉันตื่นแล้ว” ตอบกลับด้วยน้ำเสียงหมองหม่น“คุณภาค สั่งให้เอาเสื้อผ้าพวกนี้มาให้คุณค่ะ” ป้าแม่บ้านสูงวัยนำเสื้อผ้าที่นางถือติดมาก่อนจะวางลงบนปลายเตียงนอนที่หญิงสาวนั่งอยู่“ขอบคุณนะคะป้า” เธอด้วยใบหน้ายิ้มแต่ยังคงหมองจนคนมองรู้สึกได้“ทำธุระเสร็จแล้ว ลงไปทานข้าวนะคะ” ป้าแม่บ้านบอกทำให้คนตัวเล็กพยักหน้ารับ ก่อนจะเอ่ยเรียกเอาไว้“ป้าคะ ที่นี่ที่ไหนหรือคะ”“ไร่องุ่น ภาธร ค่ะ” นางตอบกลับยิ้มให้หญิงสาวรุ่นราวคราวลูกเล็กน้อยแล้วเดินออกจากห้องไป คนตัวเล็กมองตามจนประตูนั้นปิดลงสนิท เธอนั่งคิดเรื่องราวต่าง ๆ อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะตัดสินใจหอบร่างกายอันบอบช้ำเข้าห้องน้ำ เพื่อที่จะชำระล้างคราบ
ตอนที่ 3วิท สรวิท ลูกน้องคนสนิทของภาธรได้เดินนำคนตัวเล็กมายังแปลงองุ่นที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตาตามคำสั่งของผู้เป็นนายที่ต้องการให้หญิงสาวมาทำงานภายในไร่นี้ แต่ผิดกับคนตัวเล็กที่มองรอบ ๆ เพราะมีสายตามากมายคอยจับจ้องมาที่ร่างของตนไม่น้อย เพราะดูแล้วสาวเจ้าไม่ค่อยจะพอใจสักเท่าไร ก่อนหน้านี้ยังถกเถียงกันกับเจ้านายของเขาอยู่เลย สรวิทนั้นพอจะรู้ว่าหญิงสาวนั้นเป็นใคร เหตุใดถึงมาอยู่ที่นี่ แต่ก็ไม่สามารถเอ่ยอะไรได้ เนื่องจากมันเป็นเรื่องของเจ้านาย ลูกน้องอย่างเขาไม่เกี่ยว นอกจากทำตามคำสั่งของเจ้านายเท่านั้น“ถึงแล้วครับคุณ” สรวิทพูดขึ้นอย่างเป็นมิตร เมื่อพาหญิงสาวมาถึงแปลงองุ่นหญิงสาวก็มีใบหน้าอิดโรยไร้ความสดชื่น“แล้วฉันต้องทำอะไรยังไงบ้างคะ ฉันไม่เคยทำ” ใบหน้าหวานซีดเซียวมองซ้ายมองขวาแล้วถามกลับอย่างเป็นมิตรเช่นกัน“เดี๋ยวผมสอนก่อนแล้วกัน” สรวิทตอบกลับ จากนั้นก็สอนงานให้กับคนตรงหน้าเกี่ยวกับการเก็บองุ่นที่อยู่ตรงหน้าใช้เวลาเพียงไม่นานหญิงสาวก็จัดการทำด้วยตัวเอง ส่วนตัวของคนสอนก็จัดการไปทำหน้าที่ของตัวเองด้วยเช่นกัน คนตัวเล็กที่ร่างกายแทบจะไม่ได้รับการพักผ่อนเพราะถูกคนอย่างภาธรรังแกแทบทั้งคื
อีกด้านคนใจร้ายที่เสร็จจากการตรวจงานในช่วงเช้าแล้ว เดินมาดูเชลยสาวที่เขาสั่งลูกน้องให้จับตัวเธอมาอยู่ที่ไร่แห่งนี้ เดินมาหยุดตรงที่สรวิทกำลังยืนทอดมองแปลงองุ่นที่ยาวสุดลูกหูลูกตา“ไอ้วิท คนที่กูให้มึงดูทำงานไปถึงไหนแล้ว” เจ้านายหนุ่มถามขึ้น พร้อมกับสอดส่ายสายตามองหาคนที่เขาพรากความสาวสดไปเมื่อคืนที่ผ่านมา“น่าจะอยู่ที่แปลงนะนาย เพราะผมยังไม่เห็นคุณเขาออกมาเลย”“ทำไมยังไม่มาอีกวะ นี่มันจะบ่ายแล้วนะ” พูดพลางยกแขนขึ้นดูเวลาจากนาฬิกาเรือนหรูของตน“โธ่นาย ก็นายบอกว่าถ้าเก็บไม่เต็มตะกร้า ห้ามออกมา แล้วก็ห้ามไปกินข้าวด้วย” ลูกน้องหนุ่มร่ายคำสั่งที่เจ้านายสั่งไว้ก่อนหน้านี้ให้ฟัง“มึงไปดูซิว่าตายรึยัง”ภาธรบอกลูกน้องคนสนิท ซึ่งก็ทำตามอย่างว่าง่าย ชายหนุ่มกำลังคิดอะไรเพลิน ๆ ก็ได้ยินเสียงร้องตะโกนของสรวิทที่ดังอยู่ไม่ไกล“นาย ซวยแล้วนาย” เสียงร้องตกอกตกใจทำให้ชายหนุ่มเดินไปยังต้นเสียงทันที“มึงมีอะไรวะไอ้วิท” พ่อเลี้ยงหนุ่มร้องถามโดยไม่ได้มองสถานการณ์ตรงหน้าแม้แต่น้อย“คุณเขาเป็นลมตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้นาย หน้าแดงตัวแดงหมดแล้วนาย ผมว่าอุ้ม คุณเขาไปพักใต้ต้นไม้ก่อนไหมนาย”“เออก็ดี”“ผมช่วยไหมนา
ตอนที่ 4สองสัปดาห์หลังจากที่กชสรหายป่วย ภาธรให้คนตัวเล็กทำงานในครัวกับป้าศรแทน ที่จะให้กลับไปทำงานในไร่องุ่น เพราะกลัวว่าเชลยสาวนั้นจะหนีออกจากที่นี่ บ่อยครั้งที่เธอถามเขาทุกครั้งว่าตัวของเธอนั้นจะต้องอยู่ที่นี่อีกนานเท่าไร เมื่อไรจะปล่อยเธอไปสักที ไม่อยากอยู่ในนี้แบบนี้รองรับอารมณ์ใคร่ของเขาอีก วันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่ต้องมารับอารมณ์ของชายหนุ่มอีกครั้งกชสรกำลังเก็บกวาดทำความสะอาดห้องครัว หลังจากที่ทำอาหารเย็นเรียบร้อย แต่ทว่ายังไม่ทันที่จะเสร็จดีก็มีมือใหญ่ของใครบางคนกระชากเธอจากด้านหลังอย่างแรง ทำให้มือบางที่กำลังเช็ดจานใบสวยต้องร่วงหล่นลงบนพื้นเพล้ง“โอ้ย” คนตัวเล็กถึงกับร้องเสียงหลงแล้วหันมาถามผู้มาใหม่ทันที“ทำบ้าอะไรของคุณ”“วันนี้ไปไหนมา”“วันนี้ฉันก็ไม่ได้ไปไหนนี่คะ” เธอตอบกลับไปตามความจริง เพราะในวันนี้ หลังจากที่ทำความสะอาดตามคำสั่งคนบ้าอำนาจตรงหน้าเรียบร้อย หญิงสาวก็เดินออกไปหาที่สงบนั่งพักผ่อนหย่อนใจให้คลายความเหนื่อยล้า จากการทำงานที่จะไม่มีเวลาได้หยุดพักตลอดทั้งวัน“ตอแหล ฉันเห็นเธอนั่งอ่อยคนงานของฉัน ที่ฉันให้ทุกคืนมันไม่อิ่มหรือยังไง” เสียงกระด้างกับแววตาดูถูกดูแค
กลางดึกของคืนวันเดียวกันร่างเล็กของกชสรยันกายขยับลุกออกจากเตียงกว้างอย่างยากลำบาก พยายามยกท่อนแขนแกร่งที่พาดเข้าที่เอวบางของเธอออกอย่างเบามือ แววตาหวานเศร้ามองคนที่หลับอย่างเหนื่อยอ่อนจากการใช้งานนางบำเรออย่างเธอ ที่แสนจะหนักหน่วงเพียงแวบเดียวเท่านั้น ก่อนจะก้มหยิบเศษเสื้อผ้าที่แทบจะสวมบดบังร่างกายเอาไว้แทบไม่ได้ แล้วเดินออกจากห้องนอนใหญ่ ร่างอ่อนแรงหอบกายกันบอบช้ำจากการถูกกระทำย่ำยีอย่างไร้ความปราณีกลับมาที่ห้องนอนชั้นเล็กชั้นล่างของบ้าน เมื่อก่อนห้องนี้ที่ป้าศรบอกมาเป็นห้องของแม่บ้านเก่า แต่ตอนนี้ทุกคนได้ย้ายไปอยู่อีกเรือนที่ชายหนุ่มนั้นสร้างเอาไว้และสั่งไม่ให้ใครเข้ามายุ่งวุ่นวายภายในบ้านหลังจากที่ทำความสะอาดหรือเตรียมอาหารในแต่ละมื้อเรียบร้อยก็แยกย้ายกลับไปพักภายในบ้านหลังใหญ่มีเพียงแค่เธอกับเขาเท่านั้น คนอื่นอาจจะมองว่าเธอเป็นเพียงคนงานคนหนึ่งของไร่เขา แต่คำจำกัดความของเธอที่ชายหนุ่มนั้นมอบให้คือ ‘นางบำเรอ’ เท่านั้น คนตัวเล็กนั่งทิ้งกายลงบนเตียงเก่า ๆ อย่างอดสู บอกกับตัวเองเสมอว่าเมื่อไรเธอจะได้ออกไปจากที่นี่ ต้องทนรับโทษทัณฑ์ในสิ่งที่ตนไม่ได้ทำวันหนึ่งภาธรเดินเข้ามาคุยกับเธอ
ตอนที่ 5 หนึ่งเดือนผ่านไปของการอยู่ที่ไร่ของภาธร ตอนนี้เป็นเวลาตีหนึ่งย่างเข้าตีสอง แต่ไม่รู้เหตุใดทำไมถึงได้หิวอะไรแบบนี้ ทั้ง ๆ ที่ตอนเย็นที่ผ่านมาเธอก็ได้ทานอาหารไปแล้วก่อนเข้าห้องนอนเล็กกชสรนอนไปสักพักก็ลุกขึ้นมาเดินเข้าครัวเพื่อที่จะหาอะไรกินเพื่อที่จะไม่ให้หิวจนนอนไม่หลับ มือเรียวเปิดบานประตูตู้เย็นออกกลับพบแต่ความว่างเปล่า แต่แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าสิ่งของผักสด หรือเนื้อสัตว์นั่นหมดพอดีร่างเล็กที่หิวจนแสบท้องจึงต้องเปิดตู้นั้นตู้นี้ หวังว่าบ้านหลังนี้จะมีบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปสักหนึ่งหรือสองซองให้เธอได้กินคลายความหิวคนตัวเล็กก้มหาซองบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอยู่นานสองนานกว่าจะได้สิ่งที่ต้องการเมื่อเธอนั้นเปิดตู้เคาน์เตอร์ทางด้านล่างดู รอยยิ้มหวานยิ้มขึ้นมาเมื่อพบสิ่งที่ต้องการ หลังจากที่ค้นจากด้านบนไม่พบ เพราะมันไม่มีอะไรนอกจากถ้วยชามสำหรับโชว์เท่านั้นมือเรียวลูบท้องน้อย ๆ ราวกับว่ามื้อนี้เธอรอดแล้วไม่ต้องทนหิวจนถึงเช้า กชสรจัดการเตรียมอุปกรณ์สำหรับต้มบะหมี่รสหมูสับ เปิดเตาแก๊สต้มน้ำใส่เส้นบะหมี่ลงไปจากนั้นเปิดกลับมายังตู้เย็นหลังใหญ่โชคดีที่ยังมีไข่ไก่เหลืออยู่จึงนำมาใส่ด้วยกันจะได้มีส
กชสรจัดการบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่ทำเอาไว้จนเรียบร้อย ก่อนกลับเข้ามาภายในห้องพร้อมกับกะละมังใบน้อยและผ้าขนหนูและเช็ดตัวให้เขา เพื่อให้นอนสบาย เพราะห้องข้างล่างที่เธอใช้นอนไม่มีเครื่องปรับอากาศมีเพียงพัดลมตัวเล็กที่ป้าศรหามาให้เท่านั้น ระหว่างที่เธอเช็ดตัวให้เขาก็มีเสียครางอืออาขึ้นมาเป็นระยะจนกระทั่งเธอจัดการเช็ดเสร็จ กำลังจะหยิบกะละมังและผ้าขนหนูออกไปเก็บแต่ก็ถูกคว้าข้อมือโดยคนที่นอนเตียงกระตุกแขนจนหญิงสาวล้มลงบนเตียงเล็กด้วยกัน“คุณภาธรทำอะไรของคุณ” ต่อว่าคนเมาอย่างไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก“นอนกอดเมีย” พูดเพียงแค่นั้น“ปล่อยฉันก่อน” หญิงสาวพยายามดิ้นให้ออกจากอ้อมแขนอบอุ่นก็ต้องนิ่งเมื่อได้ยินคำขู่ของเขา“จะนอนกดเฉย ๆ หรือให้ทำอย่างอื่นด้วย ฮึ” เสียงพร่าของเขาตอนนี้นั้นไม่เหมือนกับคนเมาเอาเสียเลย เธอไม่อยากให้มันเกิดอะไรบ้า ๆ ขึ้นจึงนอนนิ่ง ๆ ให้เขากอดจนตัวเองนั้นหลับไปในอ้อมกอดของเขาที่ซ้อนหลังอยู่หลายวันผ่านไปกชสรกำลังเก็บผักสวนครัวอยู่กับป้าศรที่สวนหลังบ้านเพื่อที่จะมาทำอาหารกลางวันให้กับภาธร มื้อเที่ยงนี้เธอจะทำพะแนงไก่ใส่ฟักแฟง ผัดกะเพราไก่ และ ขนมหวานอย่างกล้วยบวชชีป้าศรจะสอนเธอทำ คร
ตอนจบเวลาผ่านไปร่วมสองเดือน อัทธ์ยังคงวนเวียนอยู่ที่บ้านของสริตาตั้งแต่วันนั้น แม้จะโดนหญิงสาวไล่ออกจะบ่อย แต่มีหรือคนอย่างเขาจะสนขอเพียงอย่างเดียวคือได้หญิงสาวกลับมาในอ้อมอกเท่านั้น“นิล พี่ช่วยนะ” ชายหนุ่มที่กำลังกวาดใบไม้ที่ร่วงหล่นอยู่บริเวณหน้าบ้านของหญิงสาว เมื่อเห็นสริตาเดินสะพายกระเป๋าพร้อมทั้งยกกล่องพัสดุที่จะส่งลูกค้ามายังท้ายรถยนต์ของตัวเองจึงรีบวิ่งไปช่วยด้วยความที่ไม่อยากให้เธอยกของหนักเกรงจะกระทบลูกในท้อง“ไม่ต้อง ออกไปห่าง ๆ เลย” หญิงสาวไล่ชายหนุ่มเสียงแข็ง แต่มีหรือคนหน้ามึนอย่างเขาจะยอมทำตาม“พี่ช่วยดีกว่า”ชายหนุ่มบอกเพียงแค่นั้นแย่งของจากมือสริตาแล้วจัดวางยังท้ายรถพร้อมทั้งวิ่งไปเอากล่องที่วางอยู่ในบ้านยกมาวางรวมกับสิ่งที่เพิ่งวางไปเมื่อครู่การกระทำของเขาทำให้สริตาไม่ค่อยที่จะพอใจสักเท่าไหร่“คุณอัทธ์คะ เลิกมายุ่งวุ่นวายกับชีวิตฉันได้แล้วค่ะ” หญิงสาวกอดอกพูดกับชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยสีหน้าไม่พอใจ“เลิกยุ่งกับเมียไม่ได้เหรอก” เขาตอบอย่างใจเย็น ก่อนมายืนส่งยิ้มละมุนตรงหน้าหญิงสาวและเอ
บทที่ 17“จะไม่เข้าไปจริง ๆ เหรอครับนายหัว”จอมพลหันไปถามเจ้านายที่กำลังนั่งมองบ้านหลังเล็กหลังหนึ่งผ่านทางหน้าต่างกระจกรถยนต์อยู่นานสองนาน ไม่ยอมทำอะไรเสียทีตั้งแต่มาถึงที่นี่ก็เกือบจะบ่ายโมงของอีกวันเสียแล้ว อันที่จริงเขาอยากจะมาให้ถึงตั้งแต่เมื่อวานเพื่อที่จะให้ได้พบสริตาโดยเร็ว“รอสักพักค่อยเข้าไป” นายหนัวหนุ่มตอบลูกน้องโดยที่สายตาคมไม่ลาจากสิ่งตรงหน้าตั้งแต่มาถึงที่นี่เขาเฝ้ามองตลอดว่าจะมีใครออกจากบ้านหลังเล็กนั่นหรือไม่ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีใครออกมาไม่นานนักประตูก็ถูกเปิดออกพร้อมกับร่างของผู้หญิงวัยกลางคนที่กำลังอุ้มหนูน้อยตรงมายังแคร่ไม้ไผ่หน้าบ้าน ซึ่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่คอยให้ร่มเบาไม่ห่างจากตัวบ้านมากนัก“ยายพาออกมาเล่นข้างนอกแล้ว หยุดงอแงได้แล้วนะ” ผู้เป็นยายวางหลานลงกับแคร่ไม้ไผ่และนั่งลงข้าง ๆ พูดกับหลานอย่างเอ็นดู เขาจอดรออยู่ใกล้ ๆ พอจะได้ยินสิ่งที่หญิงวัยกลางคนคุยกับเด็กคนนั้น“นายหัวจะไม่ลงไปจริง ๆ เหรอครับ” ลูกน้องหนุ่มเอ่ยขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่เจ้านายของตนให้ความสนใจเด็กน้อยที่ถูกอุ้มออกมาจากบ้าน อั
บทที่ 16เวลาผ่านไปสองสัปดาห์ สริตากลับมาอยู่บ้านที่ต่างจังหวัดกับลูกชายและมารดาของตนพร้อมกับลูกน้อยอีกคนที่อยู่ในท้อง หลังจากที่กลับมาบ้านสริตาทำตัวให้ปกติที่สุด ทำทุกอย่างตามเดิมในแบบฉบับที่เคยเป็น“ทำไมถึงลาออกไม่ทำงานที่อยากทำล่ะลูก”คนแม่ถามลูกสาวที่กำลังนั่งแพ็คกระเป๋าแฟชั่นลงกล่องให้ลูกค้า เงยหน้ามองมารดาที่อุ้มลูกชายของตนอยู่“ต่อให้นิลทำงานที่ชอบต่ำไม่มีเวลาให้แม่กับอนลนิลคงไม่มีความสุขหรอก ต่อให้ขายของออนไลน์เงินจะยังไม่มาแต่มันก็ดีนะแม่” หญิงสาวลาออกจากงานมาอยู่บ้านขายของออนไลน์กับครอบครัวและยังมีเวลาให้ลูกน้อยอีกด้วย“จะเอาแบบนี้เหรอ แล้วที่หายไปไปไหนมา”“ทำงานค่ะ ต่างจังหวัดมันไม่ค่อยมีสัญญาณสักเท่าไหร่”“แล้วของพวกนี้จะเอาไปส่งตอนไหนเนี่ย” สิริกรเปลี่ยนบทสนทนาเพื่อไม่ให้ลูกสาวต้องคิดมาและ กอย่างไม่อยากสักถามให้มากความ“พรุ่งนี้ค่ะแม่ ว่าจะไปส่งก่อนไปหาหมอ เดี๋ยวคืนนี้นิลต้องตอบแชทลูกค้าอีกหลายคน ฝากแม่พาอนลนอนด้วยนะคะ”นางพยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนบอกลูกสาวแย่งเป็นห่วง “เราน่ะก็พักผ่อนเยอะ ๆ อย่า
บทที่ 15นับจากวันที่สริตาถูกช่วยออกมาจากเกาะ ได้มาพักอยู่ที่บ้านมารดาของธันว์เพื่อให้สภาพร่างกายของหญิงสาวดีขึ้น สริตามีอาการอ่อนเพลีย ไม่ยอมพูดจากับใครแม้กระทั่งตัวของเขา หญิงสาวเก็บตัวเงียบหากปล่อยนานกว่านี้คงไม่เป็นผลดีอย่างแน่นอนธันว์ตัดสินใจเข้ามาคุยกับหฯงสาวอีกครั้ง เมื่อเห็นเธอออกจากห้องมาสูดอากาศบริสุทธิ์ภายนอก“นมครับน้องนิล” ชายหนุ่มถือนมสดหนึ่งแก้วมาวางกันโต๊ะที่สริตายืนอยู่ใกล้ ๆเธอเพียงหันมามองและยิ้มจาง ๆ กับเขาเท่านั้น“มองหน้าแบบนี้มีอะไรจะถามหรือคะ” สริตาถามขึ้นเป็นครั้งแรกหลังจากที่เงียบไม่พูดไม่จามาหลายวัน“พี่อยากจะถามเรื่องของนิลกับไอ้อัทธ์”สิ้นเสียงของธันว์ทำให้สริตามองหน้าเขานิ่ง ๆ เวยความเศร้าโศก ครั้นจะอ้าปากตอบคำถามของชายหนุ่ม อยู่ ๆ ก็เกิดผะอืดผะอมจนต้องวิ่งออกไปอาเจียน การการของหญิงสาวทำให้ธันว์ต้องรีบเข้าไปลูบหลังให้จนกระทั่งมารดาของเขาเดินเข้ามา“เรามีธุระไม่ใช่หรือตาธันว์ เดี๋ยวแม่จัดการเอง”ชายหนุ่มพยักหน้ารับก่อนเดินออกไปจากตรงนั้น ปล่อยให้สริตาอยู่กับมารดาของตนตามลำพังเ
บทที่ 14 นับจากวันนั้นที่สริตาออกจากโรงพยาบาลโดยการที่แอบออกมาแต่ก็ถูกจัดได้ เขาก็พาเธอมที่นี่อีกครั้งร่วมรักกับเธอทุกวันจนเกือบสัปดาห์ หญิงสาวไม่ได้ออกไปไหนได้แต่อยู่ภายในบ้านหลังนี้เพราะแน่นอนว่าโซ่ตรวนที่เขาใส่ไว้ให้ที่ข้อเท้ามีเพียงอัทธ์เท่านั้นที่จะปลดปล่อยเธอได้ ร่างสวยงามของคนตัวเล็กเริ่มทรุดโทรมราวกับตรอมใจที่หมดหนทางออกไปจากเกาะแห่งนี้เพราะตนคิดถึงลูกน้อยสุดหัวใจแก๊ก แก๊กเสียงเปิดประตูทางหน้าบ้านมันไม่ทำให้สริตาเงยหน้าจากการกอดเข่าอย่างเศร้าหมอง เพราะคงเป็นใครไปไม่ได้นอกเสียจากอัทธ์คนใจร้ายคนนั้นเป็นแน่ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เสียงฝีเท้าของใครบางคนเดินเข้ามาหยุดตรงหน้าของเธอเสียงพูดจากจากผู้มาใหม่ สริตาจึงเงยหน้าที่เต็มไปด้วยตราบน้ำตามองคนตรงหน้า“คุณเป็นใคร!” สริตาถามด้วยน้ำเสียงแหบแห้งคอจนแทบจะเป็นผงผู้ชายคนนั้นไม่พูดอะไรนอกเสียจากหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดบางสิ่งดูเพื่อความแน่ใจ ก่อนเอ่ยถามพร้อมย่อกายลงนั่งในระดับเดียวกับสริตา “น้องนิลเพื่อนของนิ้วนางใช่ไหม”
บทที่ 13“นิล นิล เป็นไงบ้าง” เขาถามขึ้นอย่างดีใจ เมื่อสริตาขยับนิ้วมือเล็กน้อยทำให้อัทธ์รู้สึกตัวเงยหน้ามองใบหน้างามที่เริ่มมีสีเลือดจาง ๆ กว่าตอนที่มาโรงพยาบาลใหม่ ๆดวงตาหวานกระพริบถี่ ๆ เพื่อปรับให้ชินกับแสงสว่างรอบห้อง ที่นี่คงไม่ใช่ที่ไหนนอกเสียจากห้องพักในโรงพยาบาล พลันสายตาดันไปปะทะกับใบหน้าคมที่อยู่ตรงหน้าพอดี สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความปราบปลื้มเสียเต็มประดา“นิลเป็นยังไงบ้าง รู้สึกไม่ดีตรงไหนไหม” เขาถามเออีกครั้งเมื่อเห็นเธอยังคงนิ่งเงียบ“ฉันอยากพัก” สริตาบอกพียงแค่นั้นแล้วหันหลังให้กับอัทธ์เขาได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ให้กับคนที่นอนอยู่บนเตียง ก่อนเดินออกไปนอกห้องเพื่อั้จะตามหมอให้มาตรวจดูอาการของสริตาว่าหายดีหรือยังมีอะไรแทรกซ้อนหรือไม่ไม่นานแพทย์เจ้าของไข้เข้ามาตรวจดูอาการของสริตา หญิงสาวไม่ได้เป็นอะไรนอกเสียจากพักผ่อนน้อยจึงทำให้อ่อนเพลียพักที่โรงพยาบาลก็กลับบ้านได้แล้วอัทธ์เหมือนกำลังจะอ้าปากเอ่ยอะไรบางอย่างกับเธอ แต่กูกรบกวนด้วยเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือจนต้องรีบออกไป หลังจากที่ชายหนุ่มไม่ได้อยู่
บทที่ 12มือเรียวสั่นสะท้านเมื่อกำลังปลดเข็มขัดและกระดุมออกจากกางเกงของเขาให้เร็วที่สุด แต่ยิ่งเร่งเท่าไรมันยิ่งยากและช้าเท่านั้น ทำเอาคนที่คอยจับจ้องการกระทำของเธอตอนนี้ใจจะขาดเสียให้ได้ ในที่สุด หญิงสาวก็จัดการรูดกางเกงของเขาลงทำให้ท่อนเอ็นแข็งกร้าวผงาดต่อหน้าต่อตา“จับมันสิ ลูบมัน” เขาสั่งเร่งเร้าเพราะเธอมัวแต่ยืนไม่จัดการสักทีสริตาทำใจกล้าย่อกายนั่งคุกเขาจับท่อนลำอวบตรงหน้ากำมันและรูดขึ้นรูดลงเบา ๆ ปลายนิ้วหัวแม่มือไล้ส่วนหัวปลายอย่างเน้น ๆ ทำเอาเขาสะท้านไปทั้งกาย“อ่า แบบนั้นแหละ อืม”เสียงทุ้มเข้มครางกระหึ่มคล้ายถูกใจในการกนะทำของหญิงสาว“เอาเข้าปากเร็ว ๆ สิ”คนตัวเล็กเริ่มเปลี่ยนจาดมือเรียวสวยมาเป็นปากบางกระจับ ลิ้นเล็กค่อย ๆ ไล้เลียส่วนปลายท่อนเอ็นอย่างเชื่องช้า เพียงแค่สัมผัสน้อยนิดก็ทำเอาชายหนุ่มถึงกับเดือดเลือดพล่านไม่น้อย“อ่า เก่งมาก เอาอีกสิอยากไปจากที่นี่ก็ต้องลงทุนหน่อย”สิ้นเสียงพร่าแสนยั่วยวนของเขามันกระตุ้นเธอได้ไม้น้อย ลิ้นเล็กตะวัดไล้เลียอย่างรวดเร็วก่อนจะส่งตัวตนของเขาเข้าป
บทที่ 11สริตาลืมตาขึ้นด้วยความเคยชินนับตั้งแต่มายู่ที่นี่ วันนี้เป็นวันที่เธอต้องจัดการอะไรต่าง ๆ มากมายทั้งทำความสะอาดบ้านหลังน้อยหรือแม้กระทั้งซักเสื้อผ้าของตนเอง ที่นี่ไม่ได้มีเครื่องอำนวยความสะดวกเหมือนกับตอนที่เธออยู่บ้านหรือกรุงเทพฯ คนที่นี่บางคนใช้เครื่องซักผ้า แต่สำหรับเธอแล้วต้องซักด้วยมือเท่านั้นไม่กล้าไปเอ่ยปากขอยืมจากใครหญิงสาวเปิดประตูเข้าไปในห้องอย่างเบามือเพื่อที่จะเอาเสื้อผ้าชุดชั้นในที่ถูกโดนทิ้งไว้ในตะกร้าออกมารอหลังจากที่ทำอาหารเช้าเสร็จจะเดินไปที่ลำธารเช่นเคย สริตาเปิดตู้เย็นเล็กของบ้านหาของสดผักสดที่อัทธ์สั่งลูกน้องซื้อมาให้เธอทุกสัปดาห์ออกมาจัดเตรียมเช้านี้อยากจะทำอะไรง่าย ๆ ไม่ยุ่งยากเสียเวลา แต่ในจังหวะที่เธอจะเปิดเตาแก๊สปิกนิกที่ใช้ประจำกลับไม่ติดเสียอย่างนั้น“ทำไมไม่ติดล่ะ”เธอพยายามเปิดครั้งแล้วครั้งเล่าก็ไม่ติดจึงละความพยายามและออกไปดูด้านนอกว่าพอจะมีอะไรที่ช่วยเธอได้บ้างหรือไม่ เพราะคราวก่อนจำได้ว่าเคยมีเตาถ่านวางอยู่ข้างบ้านสั่นนั้นมันอาจจะช่วยเธอได้“มีเตาอยู่ด้วย ว่าแต่มันจุดยังไงล่ะทีนี้” สริต
บทที่ 10สามวันที่อัทธ์ออกไปทำธุระของเขาตั้งแต่วันก่อน มันทำให้เธอหายใจหายคอได้สะดวกที่ไม่พบคนใจร้ายให้วุ่นวายใจหรือใช้งานหนักเยี่ยงทาสทว่าในยามที่เขาไม่อยู่สริตาจึงใช้เวลาหลังเลิกงานคอยสอดส่องหาทางหนีทีไร่อีกครั้งหนึ่ง แต่ก็เปล่าประโยชน์เพราะการที่จะออกจากกรงขังของเขาได้นอกจากจะมีเรือเท่านั้น แต่นี่ไม่พบเรือสักลำถ้าหากอัทธ์กลับมาเธออยากจะลองอธิบายเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้เขาได้รับรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นบางทีเขาอาจจะปล่อยเธอไปก็ได้ในขณะที่สริตากำลังฮำเพลงระหว่างเดินกลับบ้านเล็กท้ายเกาะก็ต้องหยุดชะงักเพราะเสียงเอะอะโวยวายของใครบางคนที่ดังขึ้นตรงบริเวณที่มีเรืออยู่จนต้องหันไปมอง คนตัวเล็กพยายามหรี่ตามองว่าใครกันที่เสียงดังเช่นนี้ จนกระทั่งรู้แน่ชัดว่าเจ้าของเสียงนั้นคืออัทธ์“นายหัวรอผมก่อนเดี๋ยวผมช่วย” ลูกน้องของอัทธ์ร้องห้ามเมื่อเจ้านายของตัวเองเดินปรี่ไปที่หญิงสาวที่อยู่ริมหาด ด้วยความที่กลัวเจ้านายจะเป็นอันตรายจึงรีบวิ่งไปประคองกระนั้นคนเมามายกลับไม่ยอมพร้อมบอกให้ไม่ต้องมายุ่งเสียอย่างนั้น “ไม่ต้องกูเดินเองได้”