ตอน 7
เข้าใจผิด
“ฮัลโหล อ้อนรักคุณอยู่ที่ไหน”
“อ๋อ อยู่บ้านค่ะกำลังเตรียมขนมเอาไว้ส่งลูกค้าวันพรุ่งนี้” อารยาโกหกชายหนุ่มด้วยความเลิ่กลั่กอย่างกังวลว่ากลัวเขาจะจับได้ว่าเธอนั้นไม่ได้อยู่ที่บ้านจริง ๆ
“อ๋องั้นเหรอ งั้นเอาเป็นว่าเย็นนี้ผมกลับไปกินข้าวที่บ้านนะ”
“ค่ะ ไว้เจอกันนะคะ”
หลังจากวางสายจากพชรกรแล้วสายตาหวานสอดส่ายมองไปรอบ ๆ ที่มีผู้คนเดินกันขวักไขว่อยู่ไปในห้างสรรพสินค้า อันที่จริงเธอมักจะออกมาซื้อของที่นี่โดยที่บอกให้เขารู้ก็ได้ แต่ว่าเมื่อวานเขาเธอซื้อของทุกอย่างครบจนครบทุกอย่างแล้วจะหาข้ออ้างออกมาอีกพชรกรคงจะตามมาด้วยเป็นแน่
แต่วันนี้เธอนัดเพื่อนเอาไว้เพื่อที่จะซื้อของชิ้นหนึ่งเป็นของขวัญวันเกิดให้เขา เพราะเมื่อคราวก่อนดันบังเอิญได้ยินพนักงานต่างพูดกันว่าอีกไม่กี่วันก็จะถึงวันเกิดของเขาแล้วเธอเลยอยากจะซื้ออะไรให้เสียหน่อยจึงเลือกออกมาวันนี้ตอนนี้และจำเป็นจะต้องโกหกเขา
“หูยโล่งอกไปที หวังว่าจะไม่มาแถวนี้ก่อนซื้อของเสร็จนะ” หญิงสาวเป่าปากออกมาด้วยความโล่งใจพลางบ่นพึมพำกับตัวเองเบา ๆ แล้วนั่งรอเพื่อนที่ไว้ใจ
ตอนที่ 8ตามคืนรัก“ไปแก้มาใหม่”น้ำเสียงเกรี้ยวกราดของเจ้านายหนุ่มเอ่ยขึ้นพร้อมทั้งโยนแฟ้มเอกสารงานที่ผิดพลาดของพนักงานที่ทำมาลงบนโต๊ะด้วยความหัวเสียตลอด สัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่มีใครเข้าหน้าเขาติดแม้กระทั่งลูกน้องคนสนิทของเขา ต่างพากันสงสัยไม่น้อยว่าเจ้านายที่มักอารมณ์ดีกลับอารมณ์ร้ายเป็นอาทิตย์แล้ว ไม่มีวี่แววว่าจะกลับมาอารมณ์ดีแม้แต่น้อย“เอาไปแก้มาใหม่ ฉันให้เวลายี่สิบนาทีงานต้องพร้อม”“ครับ” ลูกน้องน้อมศีรษะให้กับเจ้านายเล็กน้อยก่อนค่อย ๆ หายไปออกไปจากห้อง ถ้าหากอยู่ร่วมห้องเพียงเสี้ยววินาทีระเบิดคงลงหัวเป็นแน่“หายไปไหนของเขานะ” พชรกรบ่นกับตัวเองพลางมองกล่องเนกไทที่เขาเจออยู่ในห้องนอนของอารยาภายในถังขยะพร้อมกับโน๊ต ‘สุขสันต์วันเกิดนะคะคุณเพชร’ พลอยทำให้เขารู้สึกผิดที่พูดจาไม่ดีกับหญิงสาว แต่เขากลับรู้สึกผิดยิ่งกว่าเมื่อเจอคนที่เมียของตนพาไปลองเนกไทเข้ามาพักที่โรงแรมกับคนรัก มิหนำซ้ำยังได้ยินเสียงที่คุยกับอารยาเรื่องของขวัญด้วยมันยิ่งทำให้เขาอยากขอโทษเธอวันนั้นเขารีบตรงกลับเพนท์เฮาส์หลังจาก
บทที่ 1“ปะป๋าขา น้องกิ่งอยากมีแบบนั้นจังค่ะ”น้ำเสียงเจื้อยแจ้วน่ารักของ เด็กหญิงกุลณดา กฤษฎิ์หิรัญ วัยห้าขวบพูดขึ้นพร้อมทั้งชี้ไปยังครอบครัวหนึ่งที่ยืนอยู่หน้าร้านอาหารแห้งหนึ่ง โดยผู้เป็นพ่อกำลังอุ้มลูกสาวที่รุ่นราวคราวเดียวกันและยังมีคนเป็นแม่อยู่ข้าง ๆ ไม่ห่างกันก่อนจะพากันเดินเข้าไปข้างในร้านอาหารพร้อมกับพนักงาน“อยากไปกินข้าวเหรอคะ” เขาเอ่ยกับลูกสาวอย่างเสียงอ่อนเสียงหวานกัณฑ์ธรณ์ กฤษฎิ์หิรัญ ใบหน้าหล่อเหลาราวเทพบุตรของชายหนุ่มยิ้มละมุนให้เจ้าตัวเล็ก ร่างสูงโปร่งย่อกายลงในระดับเดียวกับลูกสาวพลางลูบศีรษะทุยเบาอย่างแสนรักเบา ๆ“หนูไม่อยากกินข้าว หนูอยากมีแม่ค่ะ” กุลณดาบอกและมองหน้าผู้เป็นพ่อด้วยสายตาอ้อนวอนคำพูดของแม่หนูน้อยทำเอาชายหนุ่มถึงกับนิ่งชะงักไปเล็กน้อย“ผมว่าเจ้านายต้องหานายหญิงแล้วละครับ” “นั่นสิครับนายผมได้ยินน้องกิ่งพูดแบบนี้บ่อยแล้วนะ”สองลูกน้องคนสนิทที่เห็นกุลณดามาตั้งแต่เป็นเด็กทารกเอ่ยเสริมกับคุณหนูของพวกเข
บทที่ 2 ภายในร้านกาแฟเล็กมีร่างสูงเพรียวที่กำลังวุ่นกายกับการชงกาแฟในเมนูต่าง ๆ ให้กับลูกค้าที่ส่งจากทางหน้าร้าน สั่งกลับบ้าน และสั่งผ่านแอพลิเคชันต่าง ๆ มากมายหลายแก้ว จนแทบไม่มีเวลาพักเหนื่อยแม้แต่น้อยแต่พอจะมีเวลาได้นั่งพักเล็กน้อยก็มีออร์เดอร์เข้ามาอีกสามแก้ว ทำเอาพนักงานสาวสามคนบ่นอุบอิบ“วันนี้มันอะไรกันนะ คนสั่งกาแฟเยอะมากเลย” ถึงแม้ว่าปากของพนักงานผมยาวประบ่าคนนั้นจะบ่นแต่ก็ยังคงทำงานอยู่ไม่ห่าง“นั่นสิ วันนี้สั่งกลับบ้านรวม ๆ เกือบสี่สิบแก้วแล้วนะ” พนักงานผมสั่นที่ทำงานอยู่หน้าตู้ขายเบเกอรี่เอ่ยสมทบ“ตะวันว่านะ อากาศมันคงร้อนมากเกินไปมั้ง เลยสั่งเครื่องดื่มเย็น ๆ ไปกิน” วาดตะวันตอบกลับเพื่อนพลางตัดเครื่องดื่มลงถุงกระดาษของร้านและหันไปรับเค้กวานิลลาครีมสดจากเพื่อนพนักงานลงใส่ถุงและส่งให้ลูกค้าพร้อมกล่าวขอบคุณตามกฏของทางร้าน“เออนี่ ...ตะวันจะทำงานพิเศษที่ร้านจนถึงวันไหนเหรอ”เพื่อนร่วมงานหันถามเมื่อจัดการในมือเรียบร้อยจนหมดแล้
บทที่ 3 “เมื่อไรพี่คนสวยจะมาคะ” กุลณดารู้เรื่องที่พี่สาวคนสวยที่เจอกันครั้งนั้นจะมาเป็นพี่เลี้ยง ทำเอาเด็กน้อยดีใจยกใหญ่ หลังจากที่รู้เรื่องจากกัณฑ์ธรณ์ยัยตัวเล็กก็จัดการอาบน้ำแต่งตัวเข้านอนเองด้วยความรวดเร็วเพราะอยากจะตื่นมาเจอพี่เลี้ยงคนใหม่เร็ว ๆ“คุณหนูขา พี่คนสวยของคุณหนูยังไม่มาหรอกค่ะ”ป้านวลจันทร์เอ่ยตอบคุณหนูของตนรอบที่สามเห็นจะได้ เด็กน้อยวิ่งเข้ามาถามตั้งแต่ตื่นนอนจนถึงตอนนี้ที่ตนกำลังเตรียมอาหารเช้าให้เจ้านายทั้งสองของตน“มันนานแล้วนะคะ ทำไมยังไม่มาอีก” หนูน้อยที่ช่างพูดช่างเจรจาเริ่มที่จะงอแงเสียแล้วที่พี่เลี้ยงคนใหม่ยังไม่มาสักที“งั้นเอาแบบนี้ไหมคะคุณหนู ไปอาบน้ำกับย่าก่อน ยังไงวันนี้ก็ต้องอยู่กับพี่คนสวยทั้งวัน ถ้าพี่คนสวยมาแล้วเห็นเด็กเกเรไม่ยอมอาบน้ำจะเป็นยังไงน้า” นวลจันทร์หลอกล้อเด็กน้อยให้ไปอาบน้ำหลังที่ตนเตรียมอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อย“จริง ๆ นะคะพี่คนสวยจะมาแล
บทที่ 4เวลาล่วงเลยผ่านไปจนกระทั่งช่วงค่ำของวันเดียวกัน หลังจากที่ป้อนอาหารให้หนูน้อยจนเสร็จเรียบร้อย จึงขอตัวกลับก่อนเพราะจากคอนโดมิเนียมของวาดตะวันกับที่นี่ค่อนข้างที่จะห่างกันพอสมควรกว่าจะเดินทางไปถึงค่อนข้างที่จะใช้เวลานานมากก่อนที่หญิงจะกลับก็แจ้งกับนวลจันทร์เอาไว้เรียบร้อยแล้ว และอีกอย่างพรุ่งนี้เธอจะต้องมาแต่เช้า เพราะหนูน้อยกุลณดาได้ร้องขอเอาไว้ว่าอยากรับประทานอาหารฝีมือของพี่เลี้ยงคนใหม่“พี่เลี้ยงคนใหม่ของน้องกิ่งไปไหนแล้วล่ะครับ” เจ้าของบ้านกลับมาถามขึ้นทันทีที่กวาดสายตามองรอบ ๆ พบเพียงแค่นวลจันทร์กับกุลณดากำลังนั่งดูโทรทัศน์ที่เปิดรายการเด็กอยู่เท่านั้น“กลับไปแล้วค่ะ เธอบอกว่าที่พักของเธอค่อนข้างไกลจากที่นี่เลยขอกลับก่อน พรุ่งนี้จะมาแต่เช้าค่ะ” นวลจันทร์รีบรายงานทันทีวันนี้การที่มีวาดตะวันมาคอยช่วยดูแลกุลณดานั้นช่วยแบ่งเบาแรงของคนแก่อย่างเธอได้เยอะทีเดียว มีบางครั้งที่ยัยหนูของนางงอแงดูเหมือนว่าเธอคนนั้นจะคอยจัดการได้อยู่หมัดไม่น้อย“พรุ่งนี้น้องกิ่งจะให้พี่ตะวันทำอาหารเช้าให้กินด้วยค่ะ” เด็กน้อยที่กำลังเพลินกับก
บทที่ 5“ฮัลโหล สวัสดีค่ะครู”วาดตะวันผละออกมาเพื่อคุยโทรศัพท์ที่มุมหนึ่งของบ้าน ด้วยท่าทางที่ค่อนข้างจะเคร่งเครียดและกดดันไม่น้อย“ฮัลโหลตะวันลูก”“ครูมีอะไรหรือเปล่าคะ หรือว่าเกิดเรื่องอะไรกับที่บ้านเหรอคะ”“แย่แล้วลูก เขากำลังจะมาไล่บ้านเราแล้วลูก”“เป็นไปได้ยังไงคะครู ไหนว่าเขาให้เวลาเราหาเงินอีกสามเดือนไงคะ” หญิงสาวถามอย่างไม่เข้าใจ ในเมื่อได้คุยกันเมื่อคราวก่อนจะยืดเวลาในการหาเงินมาจ่ายค่าบ้าน แค่ทำไมตอนนี้เขาถึงย่นเวลามาขนาดนี้ล่ะ“ครูก็ไม่แน่ใจว่าเจ้าของเก่าไปพูดหรือทำอะไรถึงจะให้เราออกจากที่นี่”“แล้วถ้าเราหาเงินห้าแสนได้ล่ะคะ”“เราจะไปหาจากไหน ตอนนี้ตะวันได้งานใหม่ เดี๋ยวจะวันจะลองเข้าไปคุยกับเจ้าของดูนะคะว่าจะยืดเวลาออกไปได้ไหม”“ขอบใจนะลูก ถ้าครูไม่ได้ตะวันช่วยน้อง ๆ มาตลอดไม่งั้นแย่แน่”“ตะวันต่างหากล่ะคะ ถ้าไม่ได้ครูเลี้ยงดูมาตะวันคงไม่มีวันนี้หรอกค่ะ”“ขอบใจนะตะวัน”“ตะวันยินดีค่ะ”หลังจากวางสายใบหน้าที่เครียดจัดอยู่แล้วตอนนี้ยิ่งเท่าทวี ตอนนี้เธอเหมือ
บทที่ 6 หนึ่งเดือนผ่านไปทุกการกระทำของวากตะวันถูกนวลจันทร์เป็นคนจับจ้องและมาคอยรายงานกัณฑ์ธรณ์ตามคำสั่ง วันนี้ก็เป็นอีกวันที่นางต้องมารายงานให้เจ้านายได้รับรู้หลังจากที่หญิงสาวขอตัวกลับก่อนเวลาเพราะมีเรื่องด่วนต้องจัดการ “วันนี้เป็นยังไงบ้างครับป้า” “ผ่านไปด้วยดีค่ะ คุณหนูเชื่อฟังคุณตะวันมากกว่าป้าเสียอีกนะคะ” นางว่าด้วยน้ำเสียติดน้อยใจคุณหนูน้อยของเธอที่เห็นคนใหม่แล้วลืมคนแก่อย่างตน “โธ่ป้านวลอย่างอนยัยหนูไปเลยครับ ที่ยัยหนูเชื่อฟังเพราะอยากได้วาดตะวันมาเป็นแม่น่ะ” “จริงเหรอคะคุณกันต์” นางถามอย่างตกใจ พอเห็นเจ้านายหนุ่มของตนพยักหน้ารับก็อดยิ้มออกมาไม่ได้
บทที่ 7 หลังจากวันที่เธอตอบตกลงที่จะจดทะเบียนเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายกับกัณฑ์ธรณ์เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ก็ผ่านมาได้เกือบสามเดือนกว่าเข้าไปแล้วทุกอย่างไปด้วยดีหมดยกเว้น ชีวิตประจำวันของวาดตะวันก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงเพราะผู้ชายคนนั้น จากที่ต้องเช้าตื่นมาต้องดูแลตัวเองเพียงคนเดียว แต่ทุกวันนี้เธอต้องดูแลทั้งสองคนพร้อมกัน ไหนจะจัดหาเสื้อผ้าเอาไว้ให้กัณฑ์ธรณ์ กุลณดา รวมทั้งเตรียมอาหารมื้อเช้า มันทำให้เธอเหนื่อยเท่าทวีเลยล่ะ “มะมี้ขา...น้องกิ่งอยากไปห้างค่า”“พี่ตะวันบอกว่ายังไงคะ”“หนูไม่เรียกพี่ตะวันแล้ว ปะป๋าบอกว่าให้เรียกพี่ตะวันว่ามะมี้ได้” หนูน้อยตอบกลับตาใส่แป๋วบอกตามที่ที่บิดาเคยว่าเอาไว้“อะ ก็ได้จ้ะมะมี้ก็มะมี้” หญิงสาวบอกยิ้ม ๆ ก่อนย่อกายลงหาแม่หนูตัวน้อย “ถ้าจะไปข้างนอกต้องทำการบ้านให้เสร็จหนึ่งหน้าและโทรบอกปะป๋าของหนูด้วย”“ได้ค่า”หลังจากที่สองสาวตกลงกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว วาดตะว
ตอนจบเวลาผ่านไปร่วมสองเดือน อัทธ์ยังคงวนเวียนอยู่ที่บ้านของสริตาตั้งแต่วันนั้น แม้จะโดนหญิงสาวไล่ออกจะบ่อย แต่มีหรือคนอย่างเขาจะสนขอเพียงอย่างเดียวคือได้หญิงสาวกลับมาในอ้อมอกเท่านั้น“นิล พี่ช่วยนะ” ชายหนุ่มที่กำลังกวาดใบไม้ที่ร่วงหล่นอยู่บริเวณหน้าบ้านของหญิงสาว เมื่อเห็นสริตาเดินสะพายกระเป๋าพร้อมทั้งยกกล่องพัสดุที่จะส่งลูกค้ามายังท้ายรถยนต์ของตัวเองจึงรีบวิ่งไปช่วยด้วยความที่ไม่อยากให้เธอยกของหนักเกรงจะกระทบลูกในท้อง“ไม่ต้อง ออกไปห่าง ๆ เลย” หญิงสาวไล่ชายหนุ่มเสียงแข็ง แต่มีหรือคนหน้ามึนอย่างเขาจะยอมทำตาม“พี่ช่วยดีกว่า”ชายหนุ่มบอกเพียงแค่นั้นแย่งของจากมือสริตาแล้วจัดวางยังท้ายรถพร้อมทั้งวิ่งไปเอากล่องที่วางอยู่ในบ้านยกมาวางรวมกับสิ่งที่เพิ่งวางไปเมื่อครู่การกระทำของเขาทำให้สริตาไม่ค่อยที่จะพอใจสักเท่าไหร่“คุณอัทธ์คะ เลิกมายุ่งวุ่นวายกับชีวิตฉันได้แล้วค่ะ” หญิงสาวกอดอกพูดกับชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยสีหน้าไม่พอใจ“เลิกยุ่งกับเมียไม่ได้เหรอก” เขาตอบอย่างใจเย็น ก่อนมายืนส่งยิ้มละมุนตรงหน้าหญิงสาวและเอ
บทที่ 17“จะไม่เข้าไปจริง ๆ เหรอครับนายหัว”จอมพลหันไปถามเจ้านายที่กำลังนั่งมองบ้านหลังเล็กหลังหนึ่งผ่านทางหน้าต่างกระจกรถยนต์อยู่นานสองนาน ไม่ยอมทำอะไรเสียทีตั้งแต่มาถึงที่นี่ก็เกือบจะบ่ายโมงของอีกวันเสียแล้ว อันที่จริงเขาอยากจะมาให้ถึงตั้งแต่เมื่อวานเพื่อที่จะให้ได้พบสริตาโดยเร็ว“รอสักพักค่อยเข้าไป” นายหนัวหนุ่มตอบลูกน้องโดยที่สายตาคมไม่ลาจากสิ่งตรงหน้าตั้งแต่มาถึงที่นี่เขาเฝ้ามองตลอดว่าจะมีใครออกจากบ้านหลังเล็กนั่นหรือไม่ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีใครออกมาไม่นานนักประตูก็ถูกเปิดออกพร้อมกับร่างของผู้หญิงวัยกลางคนที่กำลังอุ้มหนูน้อยตรงมายังแคร่ไม้ไผ่หน้าบ้าน ซึ่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่คอยให้ร่มเบาไม่ห่างจากตัวบ้านมากนัก“ยายพาออกมาเล่นข้างนอกแล้ว หยุดงอแงได้แล้วนะ” ผู้เป็นยายวางหลานลงกับแคร่ไม้ไผ่และนั่งลงข้าง ๆ พูดกับหลานอย่างเอ็นดู เขาจอดรออยู่ใกล้ ๆ พอจะได้ยินสิ่งที่หญิงวัยกลางคนคุยกับเด็กคนนั้น“นายหัวจะไม่ลงไปจริง ๆ เหรอครับ” ลูกน้องหนุ่มเอ่ยขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่เจ้านายของตนให้ความสนใจเด็กน้อยที่ถูกอุ้มออกมาจากบ้าน อั
บทที่ 16เวลาผ่านไปสองสัปดาห์ สริตากลับมาอยู่บ้านที่ต่างจังหวัดกับลูกชายและมารดาของตนพร้อมกับลูกน้อยอีกคนที่อยู่ในท้อง หลังจากที่กลับมาบ้านสริตาทำตัวให้ปกติที่สุด ทำทุกอย่างตามเดิมในแบบฉบับที่เคยเป็น“ทำไมถึงลาออกไม่ทำงานที่อยากทำล่ะลูก”คนแม่ถามลูกสาวที่กำลังนั่งแพ็คกระเป๋าแฟชั่นลงกล่องให้ลูกค้า เงยหน้ามองมารดาที่อุ้มลูกชายของตนอยู่“ต่อให้นิลทำงานที่ชอบต่ำไม่มีเวลาให้แม่กับอนลนิลคงไม่มีความสุขหรอก ต่อให้ขายของออนไลน์เงินจะยังไม่มาแต่มันก็ดีนะแม่” หญิงสาวลาออกจากงานมาอยู่บ้านขายของออนไลน์กับครอบครัวและยังมีเวลาให้ลูกน้อยอีกด้วย“จะเอาแบบนี้เหรอ แล้วที่หายไปไปไหนมา”“ทำงานค่ะ ต่างจังหวัดมันไม่ค่อยมีสัญญาณสักเท่าไหร่”“แล้วของพวกนี้จะเอาไปส่งตอนไหนเนี่ย” สิริกรเปลี่ยนบทสนทนาเพื่อไม่ให้ลูกสาวต้องคิดมาและ กอย่างไม่อยากสักถามให้มากความ“พรุ่งนี้ค่ะแม่ ว่าจะไปส่งก่อนไปหาหมอ เดี๋ยวคืนนี้นิลต้องตอบแชทลูกค้าอีกหลายคน ฝากแม่พาอนลนอนด้วยนะคะ”นางพยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนบอกลูกสาวแย่งเป็นห่วง “เราน่ะก็พักผ่อนเยอะ ๆ อย่า
บทที่ 15นับจากวันที่สริตาถูกช่วยออกมาจากเกาะ ได้มาพักอยู่ที่บ้านมารดาของธันว์เพื่อให้สภาพร่างกายของหญิงสาวดีขึ้น สริตามีอาการอ่อนเพลีย ไม่ยอมพูดจากับใครแม้กระทั่งตัวของเขา หญิงสาวเก็บตัวเงียบหากปล่อยนานกว่านี้คงไม่เป็นผลดีอย่างแน่นอนธันว์ตัดสินใจเข้ามาคุยกับหฯงสาวอีกครั้ง เมื่อเห็นเธอออกจากห้องมาสูดอากาศบริสุทธิ์ภายนอก“นมครับน้องนิล” ชายหนุ่มถือนมสดหนึ่งแก้วมาวางกันโต๊ะที่สริตายืนอยู่ใกล้ ๆเธอเพียงหันมามองและยิ้มจาง ๆ กับเขาเท่านั้น“มองหน้าแบบนี้มีอะไรจะถามหรือคะ” สริตาถามขึ้นเป็นครั้งแรกหลังจากที่เงียบไม่พูดไม่จามาหลายวัน“พี่อยากจะถามเรื่องของนิลกับไอ้อัทธ์”สิ้นเสียงของธันว์ทำให้สริตามองหน้าเขานิ่ง ๆ เวยความเศร้าโศก ครั้นจะอ้าปากตอบคำถามของชายหนุ่ม อยู่ ๆ ก็เกิดผะอืดผะอมจนต้องวิ่งออกไปอาเจียน การการของหญิงสาวทำให้ธันว์ต้องรีบเข้าไปลูบหลังให้จนกระทั่งมารดาของเขาเดินเข้ามา“เรามีธุระไม่ใช่หรือตาธันว์ เดี๋ยวแม่จัดการเอง”ชายหนุ่มพยักหน้ารับก่อนเดินออกไปจากตรงนั้น ปล่อยให้สริตาอยู่กับมารดาของตนตามลำพังเ
บทที่ 14 นับจากวันนั้นที่สริตาออกจากโรงพยาบาลโดยการที่แอบออกมาแต่ก็ถูกจัดได้ เขาก็พาเธอมที่นี่อีกครั้งร่วมรักกับเธอทุกวันจนเกือบสัปดาห์ หญิงสาวไม่ได้ออกไปไหนได้แต่อยู่ภายในบ้านหลังนี้เพราะแน่นอนว่าโซ่ตรวนที่เขาใส่ไว้ให้ที่ข้อเท้ามีเพียงอัทธ์เท่านั้นที่จะปลดปล่อยเธอได้ ร่างสวยงามของคนตัวเล็กเริ่มทรุดโทรมราวกับตรอมใจที่หมดหนทางออกไปจากเกาะแห่งนี้เพราะตนคิดถึงลูกน้อยสุดหัวใจแก๊ก แก๊กเสียงเปิดประตูทางหน้าบ้านมันไม่ทำให้สริตาเงยหน้าจากการกอดเข่าอย่างเศร้าหมอง เพราะคงเป็นใครไปไม่ได้นอกเสียจากอัทธ์คนใจร้ายคนนั้นเป็นแน่ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เสียงฝีเท้าของใครบางคนเดินเข้ามาหยุดตรงหน้าของเธอเสียงพูดจากจากผู้มาใหม่ สริตาจึงเงยหน้าที่เต็มไปด้วยตราบน้ำตามองคนตรงหน้า“คุณเป็นใคร!” สริตาถามด้วยน้ำเสียงแหบแห้งคอจนแทบจะเป็นผงผู้ชายคนนั้นไม่พูดอะไรนอกเสียจากหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดบางสิ่งดูเพื่อความแน่ใจ ก่อนเอ่ยถามพร้อมย่อกายลงนั่งในระดับเดียวกับสริตา “น้องนิลเพื่อนของนิ้วนางใช่ไหม”
บทที่ 13“นิล นิล เป็นไงบ้าง” เขาถามขึ้นอย่างดีใจ เมื่อสริตาขยับนิ้วมือเล็กน้อยทำให้อัทธ์รู้สึกตัวเงยหน้ามองใบหน้างามที่เริ่มมีสีเลือดจาง ๆ กว่าตอนที่มาโรงพยาบาลใหม่ ๆดวงตาหวานกระพริบถี่ ๆ เพื่อปรับให้ชินกับแสงสว่างรอบห้อง ที่นี่คงไม่ใช่ที่ไหนนอกเสียจากห้องพักในโรงพยาบาล พลันสายตาดันไปปะทะกับใบหน้าคมที่อยู่ตรงหน้าพอดี สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความปราบปลื้มเสียเต็มประดา“นิลเป็นยังไงบ้าง รู้สึกไม่ดีตรงไหนไหม” เขาถามเออีกครั้งเมื่อเห็นเธอยังคงนิ่งเงียบ“ฉันอยากพัก” สริตาบอกพียงแค่นั้นแล้วหันหลังให้กับอัทธ์เขาได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ให้กับคนที่นอนอยู่บนเตียง ก่อนเดินออกไปนอกห้องเพื่อั้จะตามหมอให้มาตรวจดูอาการของสริตาว่าหายดีหรือยังมีอะไรแทรกซ้อนหรือไม่ไม่นานแพทย์เจ้าของไข้เข้ามาตรวจดูอาการของสริตา หญิงสาวไม่ได้เป็นอะไรนอกเสียจากพักผ่อนน้อยจึงทำให้อ่อนเพลียพักที่โรงพยาบาลก็กลับบ้านได้แล้วอัทธ์เหมือนกำลังจะอ้าปากเอ่ยอะไรบางอย่างกับเธอ แต่กูกรบกวนด้วยเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือจนต้องรีบออกไป หลังจากที่ชายหนุ่มไม่ได้อยู่
บทที่ 12มือเรียวสั่นสะท้านเมื่อกำลังปลดเข็มขัดและกระดุมออกจากกางเกงของเขาให้เร็วที่สุด แต่ยิ่งเร่งเท่าไรมันยิ่งยากและช้าเท่านั้น ทำเอาคนที่คอยจับจ้องการกระทำของเธอตอนนี้ใจจะขาดเสียให้ได้ ในที่สุด หญิงสาวก็จัดการรูดกางเกงของเขาลงทำให้ท่อนเอ็นแข็งกร้าวผงาดต่อหน้าต่อตา“จับมันสิ ลูบมัน” เขาสั่งเร่งเร้าเพราะเธอมัวแต่ยืนไม่จัดการสักทีสริตาทำใจกล้าย่อกายนั่งคุกเขาจับท่อนลำอวบตรงหน้ากำมันและรูดขึ้นรูดลงเบา ๆ ปลายนิ้วหัวแม่มือไล้ส่วนหัวปลายอย่างเน้น ๆ ทำเอาเขาสะท้านไปทั้งกาย“อ่า แบบนั้นแหละ อืม”เสียงทุ้มเข้มครางกระหึ่มคล้ายถูกใจในการกนะทำของหญิงสาว“เอาเข้าปากเร็ว ๆ สิ”คนตัวเล็กเริ่มเปลี่ยนจาดมือเรียวสวยมาเป็นปากบางกระจับ ลิ้นเล็กค่อย ๆ ไล้เลียส่วนปลายท่อนเอ็นอย่างเชื่องช้า เพียงแค่สัมผัสน้อยนิดก็ทำเอาชายหนุ่มถึงกับเดือดเลือดพล่านไม่น้อย“อ่า เก่งมาก เอาอีกสิอยากไปจากที่นี่ก็ต้องลงทุนหน่อย”สิ้นเสียงพร่าแสนยั่วยวนของเขามันกระตุ้นเธอได้ไม้น้อย ลิ้นเล็กตะวัดไล้เลียอย่างรวดเร็วก่อนจะส่งตัวตนของเขาเข้าป
บทที่ 11สริตาลืมตาขึ้นด้วยความเคยชินนับตั้งแต่มายู่ที่นี่ วันนี้เป็นวันที่เธอต้องจัดการอะไรต่าง ๆ มากมายทั้งทำความสะอาดบ้านหลังน้อยหรือแม้กระทั้งซักเสื้อผ้าของตนเอง ที่นี่ไม่ได้มีเครื่องอำนวยความสะดวกเหมือนกับตอนที่เธออยู่บ้านหรือกรุงเทพฯ คนที่นี่บางคนใช้เครื่องซักผ้า แต่สำหรับเธอแล้วต้องซักด้วยมือเท่านั้นไม่กล้าไปเอ่ยปากขอยืมจากใครหญิงสาวเปิดประตูเข้าไปในห้องอย่างเบามือเพื่อที่จะเอาเสื้อผ้าชุดชั้นในที่ถูกโดนทิ้งไว้ในตะกร้าออกมารอหลังจากที่ทำอาหารเช้าเสร็จจะเดินไปที่ลำธารเช่นเคย สริตาเปิดตู้เย็นเล็กของบ้านหาของสดผักสดที่อัทธ์สั่งลูกน้องซื้อมาให้เธอทุกสัปดาห์ออกมาจัดเตรียมเช้านี้อยากจะทำอะไรง่าย ๆ ไม่ยุ่งยากเสียเวลา แต่ในจังหวะที่เธอจะเปิดเตาแก๊สปิกนิกที่ใช้ประจำกลับไม่ติดเสียอย่างนั้น“ทำไมไม่ติดล่ะ”เธอพยายามเปิดครั้งแล้วครั้งเล่าก็ไม่ติดจึงละความพยายามและออกไปดูด้านนอกว่าพอจะมีอะไรที่ช่วยเธอได้บ้างหรือไม่ เพราะคราวก่อนจำได้ว่าเคยมีเตาถ่านวางอยู่ข้างบ้านสั่นนั้นมันอาจจะช่วยเธอได้“มีเตาอยู่ด้วย ว่าแต่มันจุดยังไงล่ะทีนี้” สริต
บทที่ 10สามวันที่อัทธ์ออกไปทำธุระของเขาตั้งแต่วันก่อน มันทำให้เธอหายใจหายคอได้สะดวกที่ไม่พบคนใจร้ายให้วุ่นวายใจหรือใช้งานหนักเยี่ยงทาสทว่าในยามที่เขาไม่อยู่สริตาจึงใช้เวลาหลังเลิกงานคอยสอดส่องหาทางหนีทีไร่อีกครั้งหนึ่ง แต่ก็เปล่าประโยชน์เพราะการที่จะออกจากกรงขังของเขาได้นอกจากจะมีเรือเท่านั้น แต่นี่ไม่พบเรือสักลำถ้าหากอัทธ์กลับมาเธออยากจะลองอธิบายเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้เขาได้รับรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นบางทีเขาอาจจะปล่อยเธอไปก็ได้ในขณะที่สริตากำลังฮำเพลงระหว่างเดินกลับบ้านเล็กท้ายเกาะก็ต้องหยุดชะงักเพราะเสียงเอะอะโวยวายของใครบางคนที่ดังขึ้นตรงบริเวณที่มีเรืออยู่จนต้องหันไปมอง คนตัวเล็กพยายามหรี่ตามองว่าใครกันที่เสียงดังเช่นนี้ จนกระทั่งรู้แน่ชัดว่าเจ้าของเสียงนั้นคืออัทธ์“นายหัวรอผมก่อนเดี๋ยวผมช่วย” ลูกน้องของอัทธ์ร้องห้ามเมื่อเจ้านายของตัวเองเดินปรี่ไปที่หญิงสาวที่อยู่ริมหาด ด้วยความที่กลัวเจ้านายจะเป็นอันตรายจึงรีบวิ่งไปประคองกระนั้นคนเมามายกลับไม่ยอมพร้อมบอกให้ไม่ต้องมายุ่งเสียอย่างนั้น “ไม่ต้องกูเดินเองได้”