8
สัญญาณอันตราย …หลายวันต่อมาที่ห้องเสื้อพิชชาในเวลาแปดโมงเช้า ทุกคนก็มานั่งทำงานอยู่ในห้องตัดเสื้อ ดีไซน์เนอร์สาวนั่งเย็บผ้าอยู่ แต่สายตาเหม่อลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัว จนถูกเข็มทิ่มนิ้วชี้ของเธอ โอ๊ย! พวกรุ่นพี่สามคนรีบเดินมาดูเธอด้วยความเป็นห่วง “ตายแล้ว! เจ็บมากไหมค่ะ” ใบเฟิร์นเอื้อมมือไปหยิบทิชชู่มาซับเลือดให้ของพิชชา “พิ้งค์ไม่เป็นไรหรอกค่ะ” มอลลี่เอ่ยถามอย่างใส่ใจ “มีอะไรหรือเปล่าค่ะ พี่เห็นนั่งเหม่อลอยมาตั้งนานแล้ว” “ขอบคุณนะคะ...ที่เป็นห่วง” พิชชาคิดหนักว่า...เธอจะเล่าเรื่องนี้ให้พวกรุ่นพี่ฟังดีไหม ทว่ามันเป็นเรื่องที่คาใจเธออยู่ ถ้าไม่พูด...วันนี้เธอคงจะทำงานไม่ได้ “วันก่อน...ทิมไปรับพิ้งค์ที่บ้าน แล้วพิ้งค์เจอลิปสติกมันตกอยู่ข้างล่างเบาะนั่งค่ะ” เธอหยิบลิปสติกแท่งนั้นออกมาจากกระเป๋า เอบีหยิบลิปแท่งนั้นมาเปิดและหมุนดู “พี่เหมือนจะเคยเห็นลิปแท่งนี้จาก... อ๋อ! พี่นึกออกแล้ว ของคุณซาบีน่าที่มาหาน้องพิ้งค์คราวก่อนค่ะ” “ซาบีน่าเหรอคะ....พี่เอบีจำผิดหรือเปล่าค่ะ” “พี่จำไม่ผิดหรอกค่ะ...เธอบอกกับพี่ว่าซื้อมาจากต่างประเทศ ก่อนที่จะกลับมา เพราะที่ไทยยังไม่มียี่ห้อนี้ค่ะ” พิชชาฟังที่เอบีเล่ามาก็ยังไม่เข้าใจว่าลิปสติกของซาบีน่ามาตกอยู่บนรถแฟนเธอได้อย่างไร มอลลี่เม้มปากก่อนจะเอ่ยคำพูดอันน่าตกตะลึงออกมา “หรือว่า…คุณทิมกับคุณบีน่าจะแอบคบกันลับหลังน้องพิ้งค์ค่ะ” “นี่…แกพูดอะไรน่ะ ตบปากตามอายุของแกเดี๋ยวนี้” เอบีง้างมือขึ้นมาทำท่าจะตบ พิชชาลองคิดดูว่าคำพูดของมอลลี่และคำเตือนของมินตรา ทำให้เธอคิดไปต่าง ๆ นา ๆ จนเธอยกมือขึ้นมากุมขมับ “พี่เข้าใจนะ...ว่าน้องพิ้งค์รู้สึกกังวลใจ แต่พี่อยากให้น้องพิ้งค์ไปถามคุณทิมหรือคุณบีน่าให้รู้ก่อนว่ามันเป็นมายังไงจะดีกว่า” พิชชาหันหลังมามองใบเฟิร์น สีหน้าของเธอหม่นหมองยิ่งกว่าเก่าขณะแค่นยิ้มจนสุดกำลัง … เมธาวินกับคิมหันต์กำลังนั่งคุยกันอยู่ในห้องทำงานส่วนตัว แล้วในขณะนั้นมีคนมาเคาะประตูห้องทำงาน ~ก๊อก ก๊อก ก๊อก~ แล้วเปิดเข้ามาทันที ทั้งสองคนหันไปมองก็เห็นบอดี้การ์ดของเมธาวิน ธีร์ได้นำข้อมูลที่เมธาวินต้องการมาให้ ธีร์ยื่นเอกสารไปให้ในมือของเมธาวิน พอเขาเปิดซองกระดาษสีน้ำตาล แล้วหยิบแผ่นกระดาษที่มีข้อมูลของทิวากร หนุ่มหล่อเจ้าของโรงแรมก้มอ่านจนละเอียดยิบจึงเงยหน้าขึ้นมาถามคิมหันต์อย่างจริงจัง “แกรู้จักคนนี้ไหม” เมธาวินส่งรูปภาพให้คิมหันต์ดู คิมหันต์รับรูปภาพใบนั้นแล้วมองดู “อ๋อ...ฉันรู้จัก เขาเป็นประธานบริษัทส่งออกเฟอร์นิเจอร์ แล้วแกจะอยากรู้ข้อมูลพวกนี้ทำไมว่ะ หรือว่าแกอยากได้เฟอร์นิเจอร์มาตกแต่งโรงแรม” “ฉันเปล่า... แค่ฉันอยากจะรู้ข้อมูลของไอ้หมอนี่ว่ามันขาวสะอาดรึเปล่า เพราะฉันกลัวว่าไอ้หมอนี่...มันจะมาหลอกพิ้งค์” “เดี๋ยวนะ...แล้วพิ้งค์มาเกี่ยวอะไรด้วย” “ก็พิ้งค์กับทิวากรเป็นแฟนกัน...และอีกไม่นานก็จะแต่งงานกันแล้วด้วย” คิมหันต์ถึงกับตกตะลึงเมื่อเมธาวินบอก “แล้วยังไงวะ...พิ้งค์ก็ยังจำพวกเราไม่ได้เลย แล้วอีกอย่าง… ถ้าพวกเราขืนพูดไปก็จะหาว่าใส่ร้ายคนรักของเธอ” คิมถอนหายใจยาวและนั่งพิงพนักเก้าอี้ “ใช่...แต่ฉันเป็นห่วงพิ้งค์นี่” เมธาวินเผยสีหน้าและแววตาอย่างเป็นห่วง [ย้อนกลับไปในสมัยที่เรียนอยู่มัธยมปลาย] เมธาวินกับคิมหันต์ได้เข้าร่วมสมัครไปเป็นจิตอาสา สร้างโรงเรียนให้กับน้อง ๆ ที่บนดอย แล้วในวันถัดไปคุณครูแบ่งงานให้ทุกคนทำ ผู้ชายไปยกไม้เพื่อมาทำโครงสร้าง ส่วนผู้หญิงก็ไปทำความสะอาด ในขณะที่เมธาวินกำลังจะเดินไปยกไม้ก็เห็นเด็กสาวหน้าตาน่ารักทำหนังสือที่เธอยกมาตก เมธาวินมีน้ำใจก็เข้าไปช่วยเก็บ “น้อง...เดี๋ยวพี่ช่วยเก็บนะ” “ขอบคุณค่ะ” เก็บหนังสือเกือบจะหมดแล้ว พอเด็กสาวเหลือบตาไปเห็นหนังสืออีกเล่มหนึ่งก็เอื้อมมือไปหยิบ จังหวะเดียวกับที่เมธาวินก็เห็นเหมือนกันจึงเอื้อมไปหยิบ แต่เขาดันไปจับโดนมือเด็กสาวคนนั้น เธอกับเขาเงยหน้าขึ้นมามองพร้อมกับสบสายตา เมธาวินมองใบหน้าและแววตาอันเปล่งประกายของเด็กสาว จนทำให้เขาตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกพบ สุดท้ายเมธาวินก็ได้สืบชื่อของเด็กสาวคนนั้น ซึ่งเป็นรักแรกของเขา] … พิชชานั่งกลัดกลุ้มใจอยู่บนเตียง พร้อมจ้องมองลิปสติกแท่งนั้นที่อยู่ในมือของเธอ ความกลัวแทรกซึมผ่านหัวใจ จนทำให้เกิดความกังวล เธอสะบัดศีรษะแรงๆ ไล่ความคิดแปลกๆ ออกไปจากหัวและวางลิปสติกลงบนเตียง ก่อนทิ้งตัวลงแผ่กลางเตียงนุ่ม กริ๊ง! เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น พิชชาลุกพรวดพราดขึ้นมานั่งและเอื้อมมือมาหยิบโทรศัพท์มือถือ คนที่โทรมาหาเธอก็คือทิวากร เธอถอนหายใจไปเฮือกใหญ่แล้วกดรับสาย “ฮัลโหลค่ะ” [ฮัลโหลครับ...พอดีผมจะโทรมาบอกฤกษ์แต่งงานของเราน่ะ] “อ๋อ!...เหรอคะ แล้ววันไหนค่ะ” น้ำเสียงของเธอแฝงความไม่มั่นใจ [ต้นเดือนหน้าครับ] “…ค่ะ” พิชชาวางสายและโยนโทรศัพท์ลงบนเตียงเบา ๆ แล้วเธอก็นอนลงอีกครั้งพลางกลับมาคิดเรื่องลิปสติกอีก คิดไปคิดมาจนเธอเริ่มจะปวดหัว จึงลุกขึ้นไปอาบน้ำเข้านอนดีกว่า … ทิวากรนั่งลงปลายเตียงและเพิ่งคุยโทรศัพท์กับพิชชาเสร็จ ซาบีน่าก็ลุกขึ้นมาที่ปลายเตียงโอบกอดเอวเขาจากด้านหลังแล้วเกยคางไว้บนไหล่ เธอพูดลอย ๆ ขึ้นมาด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ “บางครั้งฉันก็อิจฉาพิ้งค์น่ะค่ะ...ที่ได้แต่งงานกับผู้ชายที่รัก” “อย่าพูดอย่างนี้สิครับ…สักวันหนึ่งคุณก็จะเจอผู้ชายคนนั้นเอง” “ฉันเจอแล้ว…แต่เขาคนนั้นกำลังจะแต่งงาน” ทิวากรแกะมือเธอออกแล้วหันหน้ามามองเธอ ใช้แรงตวัดร่างเธอมานั่งลงบนตักของเขา กดจมูกลงบนผิวแก้มเนียน ๆ และเอามือลูบไล้ไปทั่วแขนของนางแบบสาว “ผมไม่คิดเลย...ว่าคุณจะชอบผมขนาดนี้” ซาบีน่ายกแขนทั้งสองข้างขึ้นกอดคอทิวากร แล้วเธอพูดความในใจของเธอกับเขา “ก็ฉันชอบคุณมาตั้งนานแล้ว แต่พอฉันรู้ว่าพิ้งค์ก็ชอบคุณ ฉันเลยต้องตัดใจ...เพราะไม่อยากเสียเพื่อนไป” ทิวากรทำหน้ารู้สึกผิดที่ตอนนั้นเขาน่าจะรู้ว่ามีผู้หญิงที่ชอบและรักเขามาก ทิวากรเอามือประกบใบหน้าเธอแล้วยื่นไปจูบย้ ำๆ ที่ริมฝีปากอย่างดูดดื่ม เธอและเขาก็เสพสุขด้วยกัน40 วันวิวาห์ ห้องนอนพิชชา… วันเวลาล่วงเลยผ่านไปเดือนกว่าๆ หลังจากที่ดีไซน์เนอร์สาวออกจากโรงพยาบาลมา หนุ่มหล่อเจ้าของโรงแรมก็ตามมาดูแลเธอถึงที่บ้านอย่างดี สม่ำเสมอทุกๆ วัน เพราะเขาไม่อยากปล่อยเธอให้คาดสายตาอีกแล้ว ทั้งคู่มีความสัมพันธ์ที่ดี ทั้งทางใจและทางกาย แล้วอีกไม่นานเธอกับเขาก็จะได้เห็นหน้าพยานรักตัวน้อยๆ จากนั้นก็จะเป็นครอบครัวที่แสนอบอุ่น จนทำให้ใครหลายๆ คนต้องอิจฉา “มอนิ่งคิสค่ะ” เมธาวินจูบเบาๆ ที่ริมฝีปากของเธอในอ้อมแขนของเขา “มอนิ่งค่ะ” คนที่ถูกรบกวนการนอนก็ลืมตาขึ้นมาเอ่ยปากตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาแฝงรอยยิ้มอ่อนหวาน แต่พิชชารู้สึกเหม็นอะไรบางอย่าง อาการคลื่นไส้เริ่มตีขึ้นมาทันที เธอจึงดันหน้าอกเมธาวินออกห่าง “…..” เมธาวินงุนงงกับท่าทางของแฟนสาว “อุ…อุ” พิชชายกมือปิดปากเอาไว้และรีบวิ่งเข้าห้องน้ำไปโก่งคออาเจียน “พิ้งค์! เป็นยังไงบ้างคะ” เมื่อเห็นแฟนสาวของตนอาเจียนออกมา เขาจึงรีบวิ่งตามเข้าไปลูบหลังให้เธอด้วยความเป็นห่วง “อ้วกกก” พิชชาอาเจียนออกมาจนหมด เธอรู้สึกเวียนหัวอย่างมาก “ดีขึ้นรึยังคะ” เมธาวินประคองแฟนสาวกลับออกมานั่งลงบนเตียง “งั้นเดี๋ยวพี่ลงไปทำอะไรให
39 ทุ่มเททุกอย่าง ผ่านไปสี่ชั่วโมงแล้ว และในระหว่างนั้นมินตราก็ให้คนขับรถพาครอบครัวของพิชชากลับไปพักผ่อนก่อน มินตรากับพวกผู้ชายอยากจะอยู่ต่อเพื่อรอฟังผลจากปากคุณหมอ เมธาวินกระสับกระส่าย เดินไปเดินมาอยู่หน้าห้องผ่าตัด สายตาจับจ้องไปที่ประตู จิตใจจดจ่ออยู่กับคนรักที่อยู่ภายในห้องผ่าตัด ตอนนี้เขากระวนกระวายใจ คิดไปต่างๆ นาๆ จนนั่งไม่ติด โดยสายตาของธีร์ก็ยืนมองเจ้านายอย่างเป็นห่วง เพราะหลายชั่วโมงแล้วที่เดินไปเดินมาอยู่หน้าห้องผ่าตัดโดยไม่ได้ทานอะไรเลย หลังจากที่รอมาเป็นระยะเวลานาน สักพักใหญ่หมอที่รักษาพิชชาก็เดินออกมาจากห้องผ่าตัด เมธาวินเงยหน้าขึ้นมาเห็นคุณหมอก็ลุกขึ้นพรวดไปหาคุณหมอเพื่อสอบถามอาการของพิชชา “คุณหมอครับ...แฟนผมเป็นอย่างไรบ้างครับ” เมธาวินจับไม้จับมืออีกฝ่ายเร่งเร้าเอาคำตอบ “ตอนนี้...ปลอดภัยทั้งแม่และลูกครับ” หมอเผยยิ้มให้กับทุกคนที่ยืนฟังอยู่ “อะไรนะคะ! คือ…หมอจะบอกว่าเพื่อนของฉันกำลังมีน้องเหรอคะ” มินตราทวนถามคุณหมอด้วยความดีใจ “ใช่แล้วครับ ตอนนี้อย่าเพิ่งให้คนไข้ทำงานหรือเครียดเป็นอันขาดนะครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว...หมอขอตัวก่อนครับ” “เฮ้ย! แกจะได้เป็นพ่อคนแล้วนะเ
38 มุมอ่อนแอ ชานเมือง… เมธาวินกับดิวมาถึงบ้านกลางป่าที่บลูจับตัวพิชชามาที่นี่ เมธาวินกับดิวก้าวลงจากรถ แล้วทั้งสองเดินลัดเลาะมาจากด้านหลังบ้าน ดิวชะโงกหน้าไปมองที่หน้าประตูเห็นมีคนเฝ้าอยู่คนสองคน เมธาวินหาอาวุธมาป้องกันตัว แล้วก็เจอท่อนไม้พอเหมาะมือ หยิบมาถือไว้และเดินย่องเข้าไปใกล้ๆ ชายฉกรรจ์ร่างบึกบึนด้านหลังพร้อมด้วยใช้ไม้ที่ถือมาล็อกคออีกฝ่ายไว้แน่นจนหายใจแทบไม่ออก แล้วดิวที่เดินตามหลังเมธาวินมาก็วิ่งมากระโดดต่อยชายฉกรรจ์ร่างสูงอีกคนนึงจนล้มตกบันได ดิวคว้ากุญแจบ้านที่เหน็บเอวชายฉกรรจ์ร่างบึกบึนเอาไว้และรีบเปิดประตู เมธาวินออกแรงล็อกคอจนชายฉกรรจ์ร่างบึกบึนหมดสติไป จากนั้นดิวกับเมธาวินเดินปรี่เข้าไปหาพิชชาที่นอนแน่นิ่งอยู่ ดิวนั่งคุกเข่าแก้เชือกที่มัดมือให้ เมธาวินเรียกเธอให้ได้สติ “พิ้งค์! พิ้งค์คะ! พี่มาช่วยแล้ว” พิชชาได้สติขึ้นมาแล้ว เธอยกมือขึ้นมาจับที่ศีรษะแต่จับไปโดนแผลที่กระแทกกับพื้น “ซี้ด! โอ๊ยยย!” แต่ทันใดนั้นชายฉกรรจ์ร่างสูงได้สติก็ขึ้นมาปลุกชายฉกรรจ์ร่างบึกบึนที่สลบอยู่หน้าบ้านให้ตื่นและหยิบท่อนไม้ที่วางอยู่บนพื้นเดินเข้าไปในห้อง พอเข้ามาเห็นดิวกับเมธาวินกำลังพาพิ
37 ถูกลักพาตัว สองวันผ่านไป… มินตราหายจากอาการไม่สบายก็มาหาพิชชากะว่าจะชวนออกไปทานข้าว เพราะเวลานี้ใกล้จะเที่ยงแล้ว และที่สำคัญมินตรามีเรื่องจะบอก มินตราเปิดประตูร้านเข้ามาเจอณิชากำลังยืนจัดชุดที่ราวเสื้อและณิชาหันไปเห็นเธอพอดี ณิชาจึงเดินเข้ามาทักทายมินตราอย่างนอบน้อม “สวัสดีค่ะพี่มิน เห็นพี่พิ้งค์บอกว่าพี่มินไม่สบาย….เป็นอย่างไรบ้างคะ” “ดีขึ้นแล้วจ้ะ เอ่อ...และพิ้งค์อยู่ไหนเหรอจ๊ะ” “อยู่ในห้องตัดเสื้อค่ะ” “ขอบใจจ้ะ” มินตราเดินตรงเข้าไปในห้องตัดเสื้อแล้วเห็นพิชชา เอบีและมอลลี่กำลังง่วนอยู่กับการตัดเสื้อ มินตรายืนอยู่หน้าห้องแล้วเคาะประตูเบาๆ เป็นมารยาท ทุกคนเงยหน้ามามองที่ประตู “อ้าว! มิน…แกหายดีแล้วหรอ” “ฉันหายดีแล้ว…และนี่แกกำลังทำอะไรอยู่ล่ะ” มินตราเอ่ยถามพลางเดินเข้าไปยืนข้างๆ พิชชา พิชชาก้มหน้าลงไปตัดชิ้นผ้าที่คาไว้ต่อพร้อมเอ่ยถามมินตราว่ามีธุระอะไรกับเธอ “มาหาฉันมีธุระอะไรหรือเปล่า” “ฉันจะชวนแกออกไปทานข้าวน่ะ คือ…คิมให้มาชวนแก เพราะว่าเขามีอะไรจะบอก...คุณวินก็มานะ” พิชชาตัดชิ้นผ้าเสร็จเรียบร้อยแล้วเงยหน้าขึ้นไปมองมินตราด้วยความสงสัยว่าที่เธอได้ยินมันจริงหรือแค่หูฝา
36 ในฐานะอะไร บ้านมินตรา… มินตรารู้สึกไม่สบายจึงโทรไปบอกพนักงานที่ร้านตั้งแต่เช้าว่าวันนี้เธอไม่เข้าร้าน แล้วตอนนี้ก็ปาเข้าไปสิบเอ็ดโมงแล้ว เธอก็เลยลุกขึ้นเดินไปเข้าห้องน้ำอย่างเชื่องช้า เข้ามาล้างหน้าแปรงฟันเพื่อลงไปหาอะไรกิน เพราะตอนนี้เธอหิวมาก มินตราเดินออกมาจากห้องน้ำ หยิบกางเกงขายาวหนาๆ มาสวมและคว้าเสื้อฮู้ดแขนยาวมาใส่ จากนั้นเธอก็เดินออกจากห้องนอนลงไปข้างล่าง เธอเดินเข้าไปในครัวและเปิดตู้เย็น แต่ภายในตู้เย็นไม่มีวัตถุดิบที่สามารถทำอาหารได้ เธอจึงเดินออกมาทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างหมดแรงและล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าเสื้อฮู้ดแล้วก็จะกดสั่งอาหาร กริ๊ง! เสียงเตือนกริ่งหน้าบ้านดังขึ้น มินตราได้ยินถึงกับแปลกใจว่าเธอยังไม่ได้กดสั่งอาหารไปเลยแล้วเสียงใครมากดกริ่ง เธอวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะเตี้ยหน้าโซฟาและรวบรวมแรงที่มีลุกขึ้นเดินไปดูว่าเป็นใคร มินตราเดินมาชะเง้อคอมองนอกรั้วบ้าน เห็นคิมหันต์ยืนผลิรอยยิ้มหล่อเหลาอยู่หน้าบ้าน ในมือเขาถือถุงผ้ามาสองใบ เธอเดินไปเปิดประตูให้เขาเข้ามาและปิดประตูหน้าบ้านให้เรียบร้อย เธอกับเขาก็เดินเข้ามาในบ้านพร้อมกัน “คุณคิมรู้ได้ยังไงคะ...ว่าฉันอยู่บ้
35 ขอแต่งงาน ดีเอ็นดี คลับ… ชั้นสองโซน VIP เมธาวิน คิมหันต์ ปกรณ์และชลธรนั่งดื่มกันมาสักพัก แล้วเมธาวินพูดปรึกษาเพื่อนๆ เรื่องที่เกี่ยวกับพิชชา “เพื่อนๆ...ฉันอยากแต่งงานกับพิ้งค์วะ” สีหน้าท่าทางของหนุ่มหล่อเจ้าของโรงแรมที่พูดนั่นมันมาจากก้นบึ้งของหัวใจ “เอาเลย...ฉันช่วยเต็มที่” คิมหันต์พูดพร้อมยกมือตบบ่าเพื่อสนับสนุนเมธาวิน แต่ชลธรก็พูดแทรกในเวลาแห่งความสุขของเมธาวินสักนิดนึง เพราะชลธรไม่เข้าใจว่าทำไมเพื่อนถึงรักผู้หญิงคนนี้ทั้งที่อยู่เป็นโสดมานาน ชลธรแนะนำผู้หญิงคนไหนให้ก็ไม่เคยสนใจ “แกเพิ่งคบกับคุณพิ้งค์ได้กี่เดือนเอง…คิดจะแต่งงานกับคุณพิ้งค์แล้วเหรอวะ” “สำหรับฉันกับพิ้งค์...เรารู้จักกันมานานมากแล้ว” คิมหันต์เอ่ยพูดเรียบๆ ผ่านรอยยิ้มละไม “แกไม่ต้องไปสนใจไอ้ธรหรอ แล้วแกคิดจะขอพิ้งค์แต่งงานเมื่อไหร่” “เร็วๆ นี้แหละ” เมธาวินออกอาการอิ่มอกอิ่มใจมีรอยยิ้มประดับเต็มใบหน้า ชลธรยกแก้วเหล้าขึ้นมาและเอ่ยพูดให้ทุกคนยกแก้วเหล้าขึ้นมา แล้วฉลองให้กับเมธาวินล่วงหน้า “เอ้า! ชน!” ทุกคนสังสรรค์กันอย่างสนุก … ห้องนอนพิชชา… พิชชากำลังนั่งคิดถึงเหตุการณ์เมื่อตอนเย็นอยู่บนเตียงนอนนุ่มๆ และใน