7
แฟนเก่า รถค่อย ๆ เคลื่อนมาจอดตรงหน้าห้องเสื้อพิชชา ดีไซน์เนอร์สาวปลดเข็มขัดออกและหันหน้าไปพูดกับเมธาวิน แต่เขาเอ่ยปากขึ้นมาเสียก่อน “ผมขอเข้าไปดื่มน้ำสักหน่อยได้ไหมครับ” “ได้สิค่ะ” หนุ่มหล่อเจ้าของโรงแรมและดีไซน์เนอร์สาวก้าวลงจากรถ เดินตรงเข้าไปข้างในห้องเสื้อพร้อมกัน “คุณวินเชิญนั่งก่อนนะคะ เดี๋ยวฉันไปเอาน้ำมาให้” “ครับ” พิชชาเดินเข้าไปในห้องครัว เมธาวินก็นั่งลงบนเก้าอี้โต๊ะกลม หนุ่มหล่อมองไปทั่ว ๆ จนเห็นสูทผู้ชายที่สวมหุ่นตั้งไว้ในห้องตัดเย็บ ระหว่างนั้นดีไซน์เนอร์สาวก็เดินออกมาพร้อมแก้วน้ำที่เธอถืออยู่ ยกมาวางไว้บนโต๊ะกลม แล้วนั่งลงที่เก้าอี้ตรงกันข้ามกับเขา “น้ำค่ะ” “ขอบคุณครับ” เมธาวินยกแก้วน้ำดื่มพอสดชื่น และวางแก้วน้ำลงที่โต๊ะกลมเบา ๆ พร้อมกับเอ่ยถามอย่างสงสัย “ผมเห็นสูทผู้ชายตั้งอยู่ในห้อง คุณตัดเสื้อผ้าของผู้ชายด้วยเหรอครับ” “ใช่ค่ะ...แต่ฉันไม่ค่อยได้ทำ เพราะลูกค้าที่มาใช้บริการจะเป็นผู้หญิงซะมากกว่า ที่คุณเห็นอยู่ในห้อง...ฉันตัดให้ว่าที่เจ้าบ่าวของฉันนะคะ” เมธาวินได้ยินที่พิชชาบอก...หัวใจของเขาแทบจะหลอมละลายด้วยคำพูดเพียงประโยคเดียวของเธอ “แล้วเจ้าบ่าวของคุณเป็นชื่ออะไรเหรอครับ” “ทิวากร เหมนันต์ค่ะ” “นามสกุลนี้ผมเคยได้ยินนะครับ” ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู “ผมลืมไปว่ามีธุระต่อ...ถ้างั้นขอตัวกลับก่อนนะครับ” “อ๋อ...ค่ะ” เมธาวินลุกขึ้นยืนมองหน้าพิชชาสักพัก สายตาอาลัยอาวรณ์ของเขาค้างอยู่บนใบหน้าเธอชั่วครู่ แล้วค่อยหันหลังเดินจากไป ... เมธาวินก้าวขึ้นมานั่งอยู่บนรถ แล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาจากสูท กดหาเบอร์โทรของธีร์(บอดี้การ์ด) “ฮัลโหล ธีร์...ฉันอยากให้นายไปหาข้อมูลของ ทิวากร เหมนันต์ ด่วน!” [ได้ครับบอส] เมธาวินวางสายไปและหันมามองพิชชาที่ยืนอยู่ในร้าน ‘พี่จะเผยธาตุแท้ของผู้ชายคนนี้ให้พิ้งค์รู้…ว่าเขาไม่คู่ควรกับพิ้งค์’ ในขณะเดียวกันก็มีเสียงข้อความดังขึ้น เมธาวินยกโทรศัพท์ขึ้นมากดข้อความเปิดอ่าน [ฉันมาถึงแล้ว…คิมหันต์] อ่านข้อความนี้แล้ว เมธาวินก็ขับรถออกไปทันที … หลังจากที่ไปรับเพื่อนสนิทมาจากสนามบิน เมธาวินก็พาคิมหันต์มานั่งดื่มที่บาร์เหล้าของโรงแรม “คิม... ช่วงนี้โรงแรมที่สงขลาเป็นอย่างไรบ้าง” “ก็ดี…เฮ้อ!” คิมหันต์ถอนหายใจแล้วพิงพนักเก้าอี้ “แกเป็นไร” หนุ่มหล่อเจ้าของโรงแรมลอบสังเกตด้วยความสงสัย “คืออย่างนี้ ปุยฝ้ายน่ะ…เธอกลับมาแล้ว และฉันคิดว่าอีกไม่กี่วัน เธอจะมาหาแกแน่” เมธาวินมองหน้าคิมหันต์อย่างละเหี่ยใจและนึกย้อนกลับไปตอนที่เขาเรียนอยู่ที่อเมริกา ในวันที่ทั้งสองคนเรียนจบ เมธาวินกะจะมาฉลองวันเรียนจบกับปุยฝ้าย ก่อนที่จะบินกลับเมืองไทย ~ก๊อก ก๊อก ก๊อก~ เมธาวินเคาะประตูห้องพักของปุยฝ้าย แต่ก็ไม่เปิดสักที เขาจึงล้วงกุญแจสำรองที่เธอให้เอาไว้มาไข เพื่อจะเข้าไปวางของที่จะนำมาทำอาหาร เมธาวินเรียกปุยฝ้ายตั้งหลายครั้งเธอก็ไม่ตอบ เขาจึงเดินมาดูที่ห้องนอน พอเปิดประตูห้องนอนเข้าไปก็พบว่าเธอกำลังนอนกอดอยู่กับชายหนุ่มตาน้ำข้าว เธอได้ยินเสียงเปิดประตูก็ลุกขึ้นมาทันที แล้วเห็นเมธาวินยืนอยู่ปลายเตียง เธอตกใจและทำอะไรไม่ถูก เมธาวินรับไม่ได้เลยเดินออกมาจากห้องนอน ปุยฝ้ายหยิบผ้าขนหนูผืนใหญ่มานุ้งกระโจมอกและเดินตามมาเพื่อจะอธิบายให้เมธาวินเข้าใจ “วิน!… ฟังเราก่อนนะ” เธอกอดรัดเอวจากด้านหลังแล้วเอาหน้าซบหลังเขา “มันจบแล้วฝ้าย” เขาแกะมือที่เธอออกแล้วเดินจากไป เมธาวินเอื้อมมือไปยกแก้วเหล้ามาถือเล่น และก็กระดกหมดแก้ว “เรื่องของฉันกับฝ้าย มันจบไปตั้งนานแล้ว...และจะไม่มีทางกลับไปเป็นเหมือนเดิม เพราะฉันเป็นคนเจ็บแล้วจำ” “ดีแล้วเพื่อน” คิมหันต์กล่าวจบก็ยกแก้วเหล้ากระดกหมดแก้ว … ทิวากรกำลังยืนคิดเรื่องในวันนี้ ถ้าพิชชาเห็นเขาอยู่กับซาบีน่ามันต้องเป็นเรื่องแน่ๆ เขาก็เลยตัดสินใจว่าจะเลิกสานสัมพันธ์กับซาบีน่า เพื่อไม่ให้พิชชาจับได้ ซาบีน่าตื่นขึ้นมาก็เห็นทิวากรกำลังยืนอยู่ตรงระเบียงห้อง เธอลุกขึ้นและเรียกทิวากร “ทิมค่ะ...ทำไมยังไม่นอนอีกล่ะค่ะ” ทิวากรหมุนตัวเดินกลับเข้ามาในห้องนอนและนั่งลงบนเตียงข้างๆ เธอ “คือ! ผมกำลังคิดว่า…เราสองคนไม่ควรเจอกันอีก ผมกลัวว่าพิ้งค์เสียใจ” “แล้วคุณไม่คิดว่าฉันจะเสียใจบ้างเหรอคะ” นางแบบสาวเมินหน้าด้วยความน้อยใจ ทิวากรเห็นเธอเศร้าใจที่เขาจะขอตัดความสัมพันธ์จึงทำอะไรไม่ถูก ไม่คิดว่าซาบีน่าจะชอบเขามากขนาดนี้ เขากระเถิบเข้าไปใกล้ๆ แล้วดึงเธอมากอด40 วันวิวาห์ ห้องนอนพิชชา… วันเวลาล่วงเลยผ่านไปเดือนกว่าๆ หลังจากที่ดีไซน์เนอร์สาวออกจากโรงพยาบาลมา หนุ่มหล่อเจ้าของโรงแรมก็ตามมาดูแลเธอถึงที่บ้านอย่างดี สม่ำเสมอทุกๆ วัน เพราะเขาไม่อยากปล่อยเธอให้คาดสายตาอีกแล้ว ทั้งคู่มีความสัมพันธ์ที่ดี ทั้งทางใจและทางกาย แล้วอีกไม่นานเธอกับเขาก็จะได้เห็นหน้าพยานรักตัวน้อยๆ จากนั้นก็จะเป็นครอบครัวที่แสนอบอุ่น จนทำให้ใครหลายๆ คนต้องอิจฉา “มอนิ่งคิสค่ะ” เมธาวินจูบเบาๆ ที่ริมฝีปากของเธอในอ้อมแขนของเขา “มอนิ่งค่ะ” คนที่ถูกรบกวนการนอนก็ลืมตาขึ้นมาเอ่ยปากตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาแฝงรอยยิ้มอ่อนหวาน แต่พิชชารู้สึกเหม็นอะไรบางอย่าง อาการคลื่นไส้เริ่มตีขึ้นมาทันที เธอจึงดันหน้าอกเมธาวินออกห่าง “…..” เมธาวินงุนงงกับท่าทางของแฟนสาว “อุ…อุ” พิชชายกมือปิดปากเอาไว้และรีบวิ่งเข้าห้องน้ำไปโก่งคออาเจียน “พิ้งค์! เป็นยังไงบ้างคะ” เมื่อเห็นแฟนสาวของตนอาเจียนออกมา เขาจึงรีบวิ่งตามเข้าไปลูบหลังให้เธอด้วยความเป็นห่วง “อ้วกกก” พิชชาอาเจียนออกมาจนหมด เธอรู้สึกเวียนหัวอย่างมาก “ดีขึ้นรึยังคะ” เมธาวินประคองแฟนสาวกลับออกมานั่งลงบนเตียง “งั้นเดี๋ยวพี่ลงไปทำอะไรให
39 ทุ่มเททุกอย่าง ผ่านไปสี่ชั่วโมงแล้ว และในระหว่างนั้นมินตราก็ให้คนขับรถพาครอบครัวของพิชชากลับไปพักผ่อนก่อน มินตรากับพวกผู้ชายอยากจะอยู่ต่อเพื่อรอฟังผลจากปากคุณหมอ เมธาวินกระสับกระส่าย เดินไปเดินมาอยู่หน้าห้องผ่าตัด สายตาจับจ้องไปที่ประตู จิตใจจดจ่ออยู่กับคนรักที่อยู่ภายในห้องผ่าตัด ตอนนี้เขากระวนกระวายใจ คิดไปต่างๆ นาๆ จนนั่งไม่ติด โดยสายตาของธีร์ก็ยืนมองเจ้านายอย่างเป็นห่วง เพราะหลายชั่วโมงแล้วที่เดินไปเดินมาอยู่หน้าห้องผ่าตัดโดยไม่ได้ทานอะไรเลย หลังจากที่รอมาเป็นระยะเวลานาน สักพักใหญ่หมอที่รักษาพิชชาก็เดินออกมาจากห้องผ่าตัด เมธาวินเงยหน้าขึ้นมาเห็นคุณหมอก็ลุกขึ้นพรวดไปหาคุณหมอเพื่อสอบถามอาการของพิชชา “คุณหมอครับ...แฟนผมเป็นอย่างไรบ้างครับ” เมธาวินจับไม้จับมืออีกฝ่ายเร่งเร้าเอาคำตอบ “ตอนนี้...ปลอดภัยทั้งแม่และลูกครับ” หมอเผยยิ้มให้กับทุกคนที่ยืนฟังอยู่ “อะไรนะคะ! คือ…หมอจะบอกว่าเพื่อนของฉันกำลังมีน้องเหรอคะ” มินตราทวนถามคุณหมอด้วยความดีใจ “ใช่แล้วครับ ตอนนี้อย่าเพิ่งให้คนไข้ทำงานหรือเครียดเป็นอันขาดนะครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว...หมอขอตัวก่อนครับ” “เฮ้ย! แกจะได้เป็นพ่อคนแล้วนะเ
38 มุมอ่อนแอ ชานเมือง… เมธาวินกับดิวมาถึงบ้านกลางป่าที่บลูจับตัวพิชชามาที่นี่ เมธาวินกับดิวก้าวลงจากรถ แล้วทั้งสองเดินลัดเลาะมาจากด้านหลังบ้าน ดิวชะโงกหน้าไปมองที่หน้าประตูเห็นมีคนเฝ้าอยู่คนสองคน เมธาวินหาอาวุธมาป้องกันตัว แล้วก็เจอท่อนไม้พอเหมาะมือ หยิบมาถือไว้และเดินย่องเข้าไปใกล้ๆ ชายฉกรรจ์ร่างบึกบึนด้านหลังพร้อมด้วยใช้ไม้ที่ถือมาล็อกคออีกฝ่ายไว้แน่นจนหายใจแทบไม่ออก แล้วดิวที่เดินตามหลังเมธาวินมาก็วิ่งมากระโดดต่อยชายฉกรรจ์ร่างสูงอีกคนนึงจนล้มตกบันได ดิวคว้ากุญแจบ้านที่เหน็บเอวชายฉกรรจ์ร่างบึกบึนเอาไว้และรีบเปิดประตู เมธาวินออกแรงล็อกคอจนชายฉกรรจ์ร่างบึกบึนหมดสติไป จากนั้นดิวกับเมธาวินเดินปรี่เข้าไปหาพิชชาที่นอนแน่นิ่งอยู่ ดิวนั่งคุกเข่าแก้เชือกที่มัดมือให้ เมธาวินเรียกเธอให้ได้สติ “พิ้งค์! พิ้งค์คะ! พี่มาช่วยแล้ว” พิชชาได้สติขึ้นมาแล้ว เธอยกมือขึ้นมาจับที่ศีรษะแต่จับไปโดนแผลที่กระแทกกับพื้น “ซี้ด! โอ๊ยยย!” แต่ทันใดนั้นชายฉกรรจ์ร่างสูงได้สติก็ขึ้นมาปลุกชายฉกรรจ์ร่างบึกบึนที่สลบอยู่หน้าบ้านให้ตื่นและหยิบท่อนไม้ที่วางอยู่บนพื้นเดินเข้าไปในห้อง พอเข้ามาเห็นดิวกับเมธาวินกำลังพาพิ
37 ถูกลักพาตัว สองวันผ่านไป… มินตราหายจากอาการไม่สบายก็มาหาพิชชากะว่าจะชวนออกไปทานข้าว เพราะเวลานี้ใกล้จะเที่ยงแล้ว และที่สำคัญมินตรามีเรื่องจะบอก มินตราเปิดประตูร้านเข้ามาเจอณิชากำลังยืนจัดชุดที่ราวเสื้อและณิชาหันไปเห็นเธอพอดี ณิชาจึงเดินเข้ามาทักทายมินตราอย่างนอบน้อม “สวัสดีค่ะพี่มิน เห็นพี่พิ้งค์บอกว่าพี่มินไม่สบาย….เป็นอย่างไรบ้างคะ” “ดีขึ้นแล้วจ้ะ เอ่อ...และพิ้งค์อยู่ไหนเหรอจ๊ะ” “อยู่ในห้องตัดเสื้อค่ะ” “ขอบใจจ้ะ” มินตราเดินตรงเข้าไปในห้องตัดเสื้อแล้วเห็นพิชชา เอบีและมอลลี่กำลังง่วนอยู่กับการตัดเสื้อ มินตรายืนอยู่หน้าห้องแล้วเคาะประตูเบาๆ เป็นมารยาท ทุกคนเงยหน้ามามองที่ประตู “อ้าว! มิน…แกหายดีแล้วหรอ” “ฉันหายดีแล้ว…และนี่แกกำลังทำอะไรอยู่ล่ะ” มินตราเอ่ยถามพลางเดินเข้าไปยืนข้างๆ พิชชา พิชชาก้มหน้าลงไปตัดชิ้นผ้าที่คาไว้ต่อพร้อมเอ่ยถามมินตราว่ามีธุระอะไรกับเธอ “มาหาฉันมีธุระอะไรหรือเปล่า” “ฉันจะชวนแกออกไปทานข้าวน่ะ คือ…คิมให้มาชวนแก เพราะว่าเขามีอะไรจะบอก...คุณวินก็มานะ” พิชชาตัดชิ้นผ้าเสร็จเรียบร้อยแล้วเงยหน้าขึ้นไปมองมินตราด้วยความสงสัยว่าที่เธอได้ยินมันจริงหรือแค่หูฝา
36 ในฐานะอะไร บ้านมินตรา… มินตรารู้สึกไม่สบายจึงโทรไปบอกพนักงานที่ร้านตั้งแต่เช้าว่าวันนี้เธอไม่เข้าร้าน แล้วตอนนี้ก็ปาเข้าไปสิบเอ็ดโมงแล้ว เธอก็เลยลุกขึ้นเดินไปเข้าห้องน้ำอย่างเชื่องช้า เข้ามาล้างหน้าแปรงฟันเพื่อลงไปหาอะไรกิน เพราะตอนนี้เธอหิวมาก มินตราเดินออกมาจากห้องน้ำ หยิบกางเกงขายาวหนาๆ มาสวมและคว้าเสื้อฮู้ดแขนยาวมาใส่ จากนั้นเธอก็เดินออกจากห้องนอนลงไปข้างล่าง เธอเดินเข้าไปในครัวและเปิดตู้เย็น แต่ภายในตู้เย็นไม่มีวัตถุดิบที่สามารถทำอาหารได้ เธอจึงเดินออกมาทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างหมดแรงและล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าเสื้อฮู้ดแล้วก็จะกดสั่งอาหาร กริ๊ง! เสียงเตือนกริ่งหน้าบ้านดังขึ้น มินตราได้ยินถึงกับแปลกใจว่าเธอยังไม่ได้กดสั่งอาหารไปเลยแล้วเสียงใครมากดกริ่ง เธอวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะเตี้ยหน้าโซฟาและรวบรวมแรงที่มีลุกขึ้นเดินไปดูว่าเป็นใคร มินตราเดินมาชะเง้อคอมองนอกรั้วบ้าน เห็นคิมหันต์ยืนผลิรอยยิ้มหล่อเหลาอยู่หน้าบ้าน ในมือเขาถือถุงผ้ามาสองใบ เธอเดินไปเปิดประตูให้เขาเข้ามาและปิดประตูหน้าบ้านให้เรียบร้อย เธอกับเขาก็เดินเข้ามาในบ้านพร้อมกัน “คุณคิมรู้ได้ยังไงคะ...ว่าฉันอยู่บ้
35 ขอแต่งงาน ดีเอ็นดี คลับ… ชั้นสองโซน VIP เมธาวิน คิมหันต์ ปกรณ์และชลธรนั่งดื่มกันมาสักพัก แล้วเมธาวินพูดปรึกษาเพื่อนๆ เรื่องที่เกี่ยวกับพิชชา “เพื่อนๆ...ฉันอยากแต่งงานกับพิ้งค์วะ” สีหน้าท่าทางของหนุ่มหล่อเจ้าของโรงแรมที่พูดนั่นมันมาจากก้นบึ้งของหัวใจ “เอาเลย...ฉันช่วยเต็มที่” คิมหันต์พูดพร้อมยกมือตบบ่าเพื่อสนับสนุนเมธาวิน แต่ชลธรก็พูดแทรกในเวลาแห่งความสุขของเมธาวินสักนิดนึง เพราะชลธรไม่เข้าใจว่าทำไมเพื่อนถึงรักผู้หญิงคนนี้ทั้งที่อยู่เป็นโสดมานาน ชลธรแนะนำผู้หญิงคนไหนให้ก็ไม่เคยสนใจ “แกเพิ่งคบกับคุณพิ้งค์ได้กี่เดือนเอง…คิดจะแต่งงานกับคุณพิ้งค์แล้วเหรอวะ” “สำหรับฉันกับพิ้งค์...เรารู้จักกันมานานมากแล้ว” คิมหันต์เอ่ยพูดเรียบๆ ผ่านรอยยิ้มละไม “แกไม่ต้องไปสนใจไอ้ธรหรอ แล้วแกคิดจะขอพิ้งค์แต่งงานเมื่อไหร่” “เร็วๆ นี้แหละ” เมธาวินออกอาการอิ่มอกอิ่มใจมีรอยยิ้มประดับเต็มใบหน้า ชลธรยกแก้วเหล้าขึ้นมาและเอ่ยพูดให้ทุกคนยกแก้วเหล้าขึ้นมา แล้วฉลองให้กับเมธาวินล่วงหน้า “เอ้า! ชน!” ทุกคนสังสรรค์กันอย่างสนุก … ห้องนอนพิชชา… พิชชากำลังนั่งคิดถึงเหตุการณ์เมื่อตอนเย็นอยู่บนเตียงนอนนุ่มๆ และใน