“พิชชา” มีแฟนอยู่หนึ่งคน เราสองคนรักกันมาก แล้วอีกไม่กี่วันก็จะเป็นวันครบรอบ7ปีที่คบกัน ทุกคนอาจจะกลัวกับอาถรรพ์7ปีที่บอกว่าคู่รักคู่ไหนก็ต้องเลิกกันในปีที่7 แต่ฉันว่ามันไร้สาระ จนวันนึงฉันได้เจอเข้ากับตัวเอง คนที่บอกว่ารักฉันแต่กลับไปนอนอยู่กับคนอื่น ความไว้ใจและความเชื่อใจมันไม่มีอยู่จริง มันก็เป็นแค่เพียงลมปากของผู้ชายเห็นแก่ได้คนหนึ่ง ฉันร้องไห้จนป่วยไปพักใหญ่ จนตอนนี้ฉันกลับมายืนได้อีกครั้ง แล้วผู้ชายคนนั้นก็เข้ามาทำให้วันที่เลวร้ายของฉันกลับมาสดใสและมีชีวิตชีวาขึ้นมา พิชชา เชาวกรกุล (พิ้งค์) อายุ 25 ปี ความที่เธอไว้ใจ เลยไม่คิดเผื่อใจเอาไว้ว่าคนที่เธอรักและเพื่อนสมัยมหาลัยจะหักหลังกันแบบนี้ เพราะเหตุการณ์นี้ทำให้เธอกลัวที่จะมีความรักใหม่ จึงคิดที่จะไม่เปิดใจให้ใครอีก จนมาพบกับผู้ชายคนนี้ คนที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงชีวิตของเธอ เมธาวิน วรกิจเจริญสกุล (วิน) อายุ 28 ปี ชายหนุ่มที่เฝ้าตามหารักแรกพบของตัวเองมานาน แต่พอได้เจอกับหญิงสาวคนนั้น ก็ต้องผิดหวังเมื่อเธอกำลังจะกลายเป็นเจ้าสาวของคนอื่น
View More1
Anniversary
ฉันชื่อ พิชชา เป็นดีไซน์เนอร์ที่ประสบความสำเร็จในวัยยี่สิบห้าปี ได้แจ้งเกิดจากผลงานชิ้นโบว์แดง การออกแบบชุดราตรีในงานประมูลเครื่องเพชรของมาดามคริสต้า
แล้วต่อมาจึงได้เปิดห้องเสื้อและทำแบรนด์เสื้อผ้าเป็นของตัวเอง ในนามว่า 'พิชชี่' มาได้สองปี
และก่อนที่จะมามีห้องเสื้อเป็นของตัวเอง ฉันมีรุ่นพี่สามคนที่คอยเป็นผู้ช่วยให้ฉันในทุก ๆ งานตอนนี้ได้มาเป็นพนักงานในห้องเสื้อของฉันแล้ว
ส่วนลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการก็จะมีเซเลบ ดาราและคุณหญิงในแวดวงไฮโซเป็นจำนวนมาก
...
พิชชาถอนสายตาจากหุ่นลองเสื้อไปมองนอกหน้าต่าง ตอนนี้เกือบมืดเต็มที ดีไซน์เนอร์สาวเห็นหมู่อาคารเป็นแค่เงาดำทาบทับกับท้องฟ้าสีน้ำเงินเข้ม
พอก้มดูนาฬิกาข้อมือเป็นเวลาหนึ่งทุ่มเศษ ๆ เธอจึงเดินออกไปหาพวกรุ่นพี่ที่อยู่หน้าร้าน “พวกพี่ ๆ ...ดึกแล้วพวกพี่กลับไปพักผ่อนก่อนเถอะค่ะ”
“แต่งานยังไม่เสร็จเลยนะคะ” มอลลี่(เกย์หน้าหล่อ) เงยหน้าขึ้นมองพิชชาด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน
“ไม่เป็นไรค่ะ...เดี๋ยวพิ้งค์จัดการเอง”
“แต่พวกพี่ยังอยากอยู่ช่วยน้องพิ้งค์นะคะ” เอบี(กระเทยสวย) ตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล
“ขอบคุณนะคะ พวกพี่นี่...น่ารักกันจริง ๆ เลย”
ในระหว่างที่พวกสาว ๆ คุยกันอยู่ เสียงโมบายกระดิ่งดังกระทบกันกรุ๊งกริ๊งเตือนว่ามีลูกค้าเข้าร้าน
มือหนาผลักบานประตูกระจกใส แล้วก้าวเข้ามาในร้าน ดวงตาเรียวตวัดมามองคนที่อยู่ข้างใน ทุกคนก็ต่างหันมาต้อนรับ และขณะนั้นพิชชาก็ยิ้มออกมาด้วยความดีใจเมื่อเห็นทิวากร ซึ่งเป็นแฟนหนุ่มของเธอนั่นเอง
ทิวากรเดินก้าวยาวๆ เข้ามาทักทายทุกคนอย่างสนิทสนม จากนั้นก็หันมาคุยกับพิชชา เขายกมือกุมแก้มของเธออย่างอ่อนโยน มองด้วยสายตารักใคร่หวงแหน
ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนระคนเอาอกเอาใจ “เหนื่อยไหมคะ?” พอได้ยินที่ทิวากรพูด มอลลี่กับเอบีถึงกับเขินแทนพิชชา
“ไม่เลยค่ะ….อ๊ะ! แล้วทิมมาทำอะไรที่นี่เหรอคะ” ดีไซน์เนอร์สาวจ้องหน้าแฟนหนุ่มแล้วยิ้มหวาน
ทิวากรมองหน้าพิชชาอย่างแปลกใจพลางสงสัยว่าเธอคงจะลืมนัดสำคัญไปแล้วจริง ๆ หรอกนะ แฟนหนุ่มจึงทบทวนความจำของเธอสักหน่อย
“พิ้งค์ลืมวันครบรอบของเราสองคนไปแล้วเหรอครับ”
“คะ!...” ดีไซน์เนอร์สาวเงียบไปสักพักและนึกคิด “เอ่อ... พิ้งค์ขอโทษนะคะ พิ้งค์ลืมไปซะสนิทเลย”
“ไม่เป็นไรครับ…ผมรู้ว่าพิ้งค์งานเยอะ ผมก็เลยมารับพิ้งค์ไปฉลองวันครบรอบด้วยกันไงครับ”
พิชชา อ้า ๆ หุบ ๆ ปากตัวเอง อยากจะพูดก็ไม่กล้าพูด แต่แล้วใบเฟิร์น (ผู้หญิงเก่งและอ่อนโยน) พูดกล่อมเธอด้วยน้ำเสียงแผ่วนุ่มดุจใยไหมเพื่อให้เธอยอมไปโดยดี “ไปเถอะค่ะ… เดี๋ยวงานในร้านพวกพี่จัดการเอง”
“ก็ได้ค่ะ” ดีไวน์เนอร์สาวหันกลับมาบอกแฟนหนุ่ม “รอก่อนนะคะ…เดี๋ยวพิ้งค์ขึ้นไปหยิบกระเป๋าก่อน”
“ครับ”
พิชชาเดินขึ้นไปห้องทำงานส่วนตัว พอเข้ามาก็ไปหยิบกระเป๋าแบรนด์เนมมาสะพายข้างและเดินออกไปจากห้องทำงาน
ร้านอาหารในโรงแรมสุดหรู…
ร้านอาหารชั้นยี่สิบสี่ของโรงแรมSky-high สไตล์การตกแต่งในร้านดูเรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยความทันสมัย อาหารรสชาติยอดเยี่ยม รับลม ชมวิว ชิลล์เอาท์กับบรรยากาศท่ามกลางท้องฟ้าและหมู่ดาวในยามค่ำคืน เหมาะกับพาคนพิเศษมาที่นี่
พนักงานต้อนรับพาทั้งสองคนมานั่งตรงมุมสวยๆ บรรยากาศดี เด็กเสิร์ฟชายเดินมารับออเดอร์ที่โต๊ะ เด็กเสิร์ฟชายก็เอาหนังสือเมนูมาวางไว้บนโต๊ะข้างหน้าทั้งสองคน
พิชชาหยิบหนังสือเมนูขึ้นมาดู... “ฉันเอาสเต๊กปลาแซลมอนค่ะ”
“งั้น...ผมเอาทีโบนสเต็กกับไวน์แดงขวดหนึ่งครับ”
เด็กเสิร์ฟชายจดเมนูที่ลูกค้าสั่งเรียบร้อย ก็เก็บหนังสือเมนูและบอกให้ทั้งสองคนกรุณารอสักครู่ และก็เดินออกไปจากโต๊ะ
พิชชาแหงนมองท้องฟ้ามีจันทร์เต็มดวงและดวงดาวพร่างพราว แล้วในขณะเดียวกันเสียงเปียโนบรรเลงคลอเคล้าไปกับสายลมในยามค่ำคืน
ทิวากรกุมมือพิชชาที่วางอยู่บนโต๊ะอย่างอ่อนโยนและสบตากันอย่างหวานซึ้ง
ทิวากรเห็นเด็กเสิร์ฟกำลังเดินเอาของที่เขาสั่งมาให้แต่ไม่ใช่อาหาร ทิวากรลุกพรวดขึ้นไปรับช่อดอกไม้ แล้วเดินมามอบให้พิชชาที่ยังนั่งยิ้มอยู่ด้วยความมึนงง
พอเธอรับไปถือไว้ในมือ แฟนหนุ่มบอกให้เธอลุกขึ้นและจูงมือเธอเดินออกมาจากเก้าอี้
หลังจากนั้นทิวากรก็นั่งคุกเข่า พิชชาเหลือบตามองเขาอย่างแปลกใจ แต่ทันใดนั้นเธอก็เห็นเขาหยิบกล่องสีแดงออกมาจากเสื้อสูทด้านใน เปิดกล่องสีแดงโชว์ให้เธอดู เป็นแหวนเพชรหนึ่งกะรัต
ดีไซน์เนอร์สาวถึงกับยกมือข้างหนึ่งขึ้นปิดปาก น้ำตาก็คลออย่างตกตะลึง
“พิ้งค์… แต่งงานกับทิมนะ”
“ค่ะ” ดีไซน์เนอร์สาวตอบทันทีด้วยน้ำเสียงเจือสะอื้น
ทิวากรม่เสียเวลา...เขาหยิบแหวนออกจากกล่องแดงและจับมือเรียวยาวข้างซ้ายขึ้นมา บรรจงสวมแหวนเข้าไปที่นิ้วนางข้างซ้ายของพิชชา จากนั้นจูบลงบนหลังมือเบา ๆ
‘ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย...ว่าทิมจะมาขอฉันแต่งงาน’ ดีไซน์เนอร์สาวคิดในใจอย่างตื้นตัน
หนุ่มเจ้าของโรงแรมSky-high มาทานอาหารกับพวกเพื่อนๆ พอเดินเข้ามาในร้านอาหารก็มีเสียงปรบมือดังเจี้ยวจ้าว เขามองหาว่าคนเหล่านี้กำลังปรบมือกันด้วยเหตุใด
หนุ่มเจ้าของโรงแรมลองมองเข้าไป...ก็เห็นผู้ชายนั่งคุกเข่าสวมแหวนให้กับผู้หญิงคนหนึ่ง พอเขาเบิกตามองที่ผู้หญิงคนนั้นอย่างชัดเจน
‘พิ้งค์! พิ้งค์จริง ๆ ด้วย’ หนุ่มเจ้าของโรงแรมพูดในใจพร้อมกับสองตามองเธออย่างไม่ละสายตา
40 วันวิวาห์ ห้องนอนพิชชา… วันเวลาล่วงเลยผ่านไปเดือนกว่าๆ หลังจากที่ดีไซน์เนอร์สาวออกจากโรงพยาบาลมา หนุ่มหล่อเจ้าของโรงแรมก็ตามมาดูแลเธอถึงที่บ้านอย่างดี สม่ำเสมอทุกๆ วัน เพราะเขาไม่อยากปล่อยเธอให้คาดสายตาอีกแล้ว ทั้งคู่มีความสัมพันธ์ที่ดี ทั้งทางใจและทางกาย แล้วอีกไม่นานเธอกับเขาก็จะได้เห็นหน้าพยานรักตัวน้อยๆ จากนั้นก็จะเป็นครอบครัวที่แสนอบอุ่น จนทำให้ใครหลายๆ คนต้องอิจฉา “มอนิ่งคิสค่ะ” เมธาวินจูบเบาๆ ที่ริมฝีปากของเธอในอ้อมแขนของเขา “มอนิ่งค่ะ” คนที่ถูกรบกวนการนอนก็ลืมตาขึ้นมาเอ่ยปากตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาแฝงรอยยิ้มอ่อนหวาน แต่พิชชารู้สึกเหม็นอะไรบางอย่าง อาการคลื่นไส้เริ่มตีขึ้นมาทันที เธอจึงดันหน้าอกเมธาวินออกห่าง “…..” เมธาวินงุนงงกับท่าทางของแฟนสาว “อุ…อุ” พิชชายกมือปิดปากเอาไว้และรีบวิ่งเข้าห้องน้ำไปโก่งคออาเจียน “พิ้งค์! เป็นยังไงบ้างคะ” เมื่อเห็นแฟนสาวของตนอาเจียนออกมา เขาจึงรีบวิ่งตามเข้าไปลูบหลังให้เธอด้วยความเป็นห่วง “อ้วกกก” พิชชาอาเจียนออกมาจนหมด เธอรู้สึกเวียนหัวอย่างมาก “ดีขึ้นรึยังคะ” เมธาวินประคองแฟนสาวกลับออกมานั่งลงบนเตียง “งั้นเดี๋ยวพี่ลงไปทำอะไรให
39 ทุ่มเททุกอย่าง ผ่านไปสี่ชั่วโมงแล้ว และในระหว่างนั้นมินตราก็ให้คนขับรถพาครอบครัวของพิชชากลับไปพักผ่อนก่อน มินตรากับพวกผู้ชายอยากจะอยู่ต่อเพื่อรอฟังผลจากปากคุณหมอ เมธาวินกระสับกระส่าย เดินไปเดินมาอยู่หน้าห้องผ่าตัด สายตาจับจ้องไปที่ประตู จิตใจจดจ่ออยู่กับคนรักที่อยู่ภายในห้องผ่าตัด ตอนนี้เขากระวนกระวายใจ คิดไปต่างๆ นาๆ จนนั่งไม่ติด โดยสายตาของธีร์ก็ยืนมองเจ้านายอย่างเป็นห่วง เพราะหลายชั่วโมงแล้วที่เดินไปเดินมาอยู่หน้าห้องผ่าตัดโดยไม่ได้ทานอะไรเลย หลังจากที่รอมาเป็นระยะเวลานาน สักพักใหญ่หมอที่รักษาพิชชาก็เดินออกมาจากห้องผ่าตัด เมธาวินเงยหน้าขึ้นมาเห็นคุณหมอก็ลุกขึ้นพรวดไปหาคุณหมอเพื่อสอบถามอาการของพิชชา “คุณหมอครับ...แฟนผมเป็นอย่างไรบ้างครับ” เมธาวินจับไม้จับมืออีกฝ่ายเร่งเร้าเอาคำตอบ “ตอนนี้...ปลอดภัยทั้งแม่และลูกครับ” หมอเผยยิ้มให้กับทุกคนที่ยืนฟังอยู่ “อะไรนะคะ! คือ…หมอจะบอกว่าเพื่อนของฉันกำลังมีน้องเหรอคะ” มินตราทวนถามคุณหมอด้วยความดีใจ “ใช่แล้วครับ ตอนนี้อย่าเพิ่งให้คนไข้ทำงานหรือเครียดเป็นอันขาดนะครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว...หมอขอตัวก่อนครับ” “เฮ้ย! แกจะได้เป็นพ่อคนแล้วนะเ
38 มุมอ่อนแอ ชานเมือง… เมธาวินกับดิวมาถึงบ้านกลางป่าที่บลูจับตัวพิชชามาที่นี่ เมธาวินกับดิวก้าวลงจากรถ แล้วทั้งสองเดินลัดเลาะมาจากด้านหลังบ้าน ดิวชะโงกหน้าไปมองที่หน้าประตูเห็นมีคนเฝ้าอยู่คนสองคน เมธาวินหาอาวุธมาป้องกันตัว แล้วก็เจอท่อนไม้พอเหมาะมือ หยิบมาถือไว้และเดินย่องเข้าไปใกล้ๆ ชายฉกรรจ์ร่างบึกบึนด้านหลังพร้อมด้วยใช้ไม้ที่ถือมาล็อกคออีกฝ่ายไว้แน่นจนหายใจแทบไม่ออก แล้วดิวที่เดินตามหลังเมธาวินมาก็วิ่งมากระโดดต่อยชายฉกรรจ์ร่างสูงอีกคนนึงจนล้มตกบันได ดิวคว้ากุญแจบ้านที่เหน็บเอวชายฉกรรจ์ร่างบึกบึนเอาไว้และรีบเปิดประตู เมธาวินออกแรงล็อกคอจนชายฉกรรจ์ร่างบึกบึนหมดสติไป จากนั้นดิวกับเมธาวินเดินปรี่เข้าไปหาพิชชาที่นอนแน่นิ่งอยู่ ดิวนั่งคุกเข่าแก้เชือกที่มัดมือให้ เมธาวินเรียกเธอให้ได้สติ “พิ้งค์! พิ้งค์คะ! พี่มาช่วยแล้ว” พิชชาได้สติขึ้นมาแล้ว เธอยกมือขึ้นมาจับที่ศีรษะแต่จับไปโดนแผลที่กระแทกกับพื้น “ซี้ด! โอ๊ยยย!” แต่ทันใดนั้นชายฉกรรจ์ร่างสูงได้สติก็ขึ้นมาปลุกชายฉกรรจ์ร่างบึกบึนที่สลบอยู่หน้าบ้านให้ตื่นและหยิบท่อนไม้ที่วางอยู่บนพื้นเดินเข้าไปในห้อง พอเข้ามาเห็นดิวกับเมธาวินกำลังพาพิ
37 ถูกลักพาตัว สองวันผ่านไป… มินตราหายจากอาการไม่สบายก็มาหาพิชชากะว่าจะชวนออกไปทานข้าว เพราะเวลานี้ใกล้จะเที่ยงแล้ว และที่สำคัญมินตรามีเรื่องจะบอก มินตราเปิดประตูร้านเข้ามาเจอณิชากำลังยืนจัดชุดที่ราวเสื้อและณิชาหันไปเห็นเธอพอดี ณิชาจึงเดินเข้ามาทักทายมินตราอย่างนอบน้อม “สวัสดีค่ะพี่มิน เห็นพี่พิ้งค์บอกว่าพี่มินไม่สบาย….เป็นอย่างไรบ้างคะ” “ดีขึ้นแล้วจ้ะ เอ่อ...และพิ้งค์อยู่ไหนเหรอจ๊ะ” “อยู่ในห้องตัดเสื้อค่ะ” “ขอบใจจ้ะ” มินตราเดินตรงเข้าไปในห้องตัดเสื้อแล้วเห็นพิชชา เอบีและมอลลี่กำลังง่วนอยู่กับการตัดเสื้อ มินตรายืนอยู่หน้าห้องแล้วเคาะประตูเบาๆ เป็นมารยาท ทุกคนเงยหน้ามามองที่ประตู “อ้าว! มิน…แกหายดีแล้วหรอ” “ฉันหายดีแล้ว…และนี่แกกำลังทำอะไรอยู่ล่ะ” มินตราเอ่ยถามพลางเดินเข้าไปยืนข้างๆ พิชชา พิชชาก้มหน้าลงไปตัดชิ้นผ้าที่คาไว้ต่อพร้อมเอ่ยถามมินตราว่ามีธุระอะไรกับเธอ “มาหาฉันมีธุระอะไรหรือเปล่า” “ฉันจะชวนแกออกไปทานข้าวน่ะ คือ…คิมให้มาชวนแก เพราะว่าเขามีอะไรจะบอก...คุณวินก็มานะ” พิชชาตัดชิ้นผ้าเสร็จเรียบร้อยแล้วเงยหน้าขึ้นไปมองมินตราด้วยความสงสัยว่าที่เธอได้ยินมันจริงหรือแค่หูฝา
36 ในฐานะอะไร บ้านมินตรา… มินตรารู้สึกไม่สบายจึงโทรไปบอกพนักงานที่ร้านตั้งแต่เช้าว่าวันนี้เธอไม่เข้าร้าน แล้วตอนนี้ก็ปาเข้าไปสิบเอ็ดโมงแล้ว เธอก็เลยลุกขึ้นเดินไปเข้าห้องน้ำอย่างเชื่องช้า เข้ามาล้างหน้าแปรงฟันเพื่อลงไปหาอะไรกิน เพราะตอนนี้เธอหิวมาก มินตราเดินออกมาจากห้องน้ำ หยิบกางเกงขายาวหนาๆ มาสวมและคว้าเสื้อฮู้ดแขนยาวมาใส่ จากนั้นเธอก็เดินออกจากห้องนอนลงไปข้างล่าง เธอเดินเข้าไปในครัวและเปิดตู้เย็น แต่ภายในตู้เย็นไม่มีวัตถุดิบที่สามารถทำอาหารได้ เธอจึงเดินออกมาทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างหมดแรงและล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าเสื้อฮู้ดแล้วก็จะกดสั่งอาหาร กริ๊ง! เสียงเตือนกริ่งหน้าบ้านดังขึ้น มินตราได้ยินถึงกับแปลกใจว่าเธอยังไม่ได้กดสั่งอาหารไปเลยแล้วเสียงใครมากดกริ่ง เธอวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะเตี้ยหน้าโซฟาและรวบรวมแรงที่มีลุกขึ้นเดินไปดูว่าเป็นใคร มินตราเดินมาชะเง้อคอมองนอกรั้วบ้าน เห็นคิมหันต์ยืนผลิรอยยิ้มหล่อเหลาอยู่หน้าบ้าน ในมือเขาถือถุงผ้ามาสองใบ เธอเดินไปเปิดประตูให้เขาเข้ามาและปิดประตูหน้าบ้านให้เรียบร้อย เธอกับเขาก็เดินเข้ามาในบ้านพร้อมกัน “คุณคิมรู้ได้ยังไงคะ...ว่าฉันอยู่บ้
35 ขอแต่งงาน ดีเอ็นดี คลับ… ชั้นสองโซน VIP เมธาวิน คิมหันต์ ปกรณ์และชลธรนั่งดื่มกันมาสักพัก แล้วเมธาวินพูดปรึกษาเพื่อนๆ เรื่องที่เกี่ยวกับพิชชา “เพื่อนๆ...ฉันอยากแต่งงานกับพิ้งค์วะ” สีหน้าท่าทางของหนุ่มหล่อเจ้าของโรงแรมที่พูดนั่นมันมาจากก้นบึ้งของหัวใจ “เอาเลย...ฉันช่วยเต็มที่” คิมหันต์พูดพร้อมยกมือตบบ่าเพื่อสนับสนุนเมธาวิน แต่ชลธรก็พูดแทรกในเวลาแห่งความสุขของเมธาวินสักนิดนึง เพราะชลธรไม่เข้าใจว่าทำไมเพื่อนถึงรักผู้หญิงคนนี้ทั้งที่อยู่เป็นโสดมานาน ชลธรแนะนำผู้หญิงคนไหนให้ก็ไม่เคยสนใจ “แกเพิ่งคบกับคุณพิ้งค์ได้กี่เดือนเอง…คิดจะแต่งงานกับคุณพิ้งค์แล้วเหรอวะ” “สำหรับฉันกับพิ้งค์...เรารู้จักกันมานานมากแล้ว” คิมหันต์เอ่ยพูดเรียบๆ ผ่านรอยยิ้มละไม “แกไม่ต้องไปสนใจไอ้ธรหรอ แล้วแกคิดจะขอพิ้งค์แต่งงานเมื่อไหร่” “เร็วๆ นี้แหละ” เมธาวินออกอาการอิ่มอกอิ่มใจมีรอยยิ้มประดับเต็มใบหน้า ชลธรยกแก้วเหล้าขึ้นมาและเอ่ยพูดให้ทุกคนยกแก้วเหล้าขึ้นมา แล้วฉลองให้กับเมธาวินล่วงหน้า “เอ้า! ชน!” ทุกคนสังสรรค์กันอย่างสนุก … ห้องนอนพิชชา… พิชชากำลังนั่งคิดถึงเหตุการณ์เมื่อตอนเย็นอยู่บนเตียงนอนนุ่มๆ และใน
34 เริ่มจีบ ปัง! นางแบบสาวเดินเข้าห้องพักและปิดประตูแรงๆ เธอเดินกระทืบเท้าตรงไปที่เตียง หยิบหมอนปาลงพื้น ปัดผ้าห่มและกรีดร้องอย่างสุดเสียงด้วยความโมโห เดินกลับไปกลับมาอยู่ในห้องนอนอย่างใช้ความคิด ซาบีน่าถอนหายใจและเอ่ยพูดกับตัวเอง “นี่ฉันแพ้แล้วจริงๆ เหรอ?” อารมณ์ที่เหมือนเคลิ้มฝันสูญสลายไปจนสิ้น … ทุกคนกลับมาจากทะเลได้หลายวัน… ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยง คิมหันต์ชวนเมธาวินออกมาทานข้าวด้วยกัน แต่เมธาวินนั่งสังเกตหน้าของคิมหันต์มานานแล้วตั้งแต่ที่กลับมาจากทะเล หน้าตาของเพื่อนสนิทดูสดใสเหมือนคนกำลังมีความรัก เมธาวินวางช้อนส้อมลงบนจานข้าวอย่างเรียบร้อยและยกแก้วน้ำมากระดกก่อนเอ่ยถามขึ้นอย่างสงสัย “คิม! แกเป็นอะไรวะ? ฉันเห็นแกนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้กับโทรศัพท์…หรือว่าแกมีแฟนแล้วไม่บอกเพื่อน” คิมหันต์ได้ยินก็เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าข้างในเสื้อสูทและเงยหน้าขึ้นมาตอบพร้อมยิ้มน้อยๆ “ไม่มีอะไร ฉันแค่เลื่อนไปเจอคลิปตลกน่ะ” ที่จริงแล้วคิมหันต์กำลังส่งแชทคุยกับมินตรา แต่เขาเลี่ยงที่จะไม่พูดความจริงให้เมธาวินรู้ เพราะในตอนนี้เขากำลังเริ่มจีบมินตราอย่างเป็นทางการ แต่ขอไม่เปิดเผยให้ใครรู้ต้องรอให้ฝ
33 ความลับของนางแบบสาว เมื่อเมธาวินขับรถพาพิชชามาถึงจุดชมวิว เธอและเขาก้าวลงจากรถมายืนดูพระอาทิตย์กำลังจะลาลับขอบฟ้า หมู่นกนางนวลต่างก็โบยบินกลับรัง สายลมรำเพยจากทะเลที่กว้างใหญ่ พัดพาคลื่นซัดเข้าฝั่งเสียงดัง ~ซ่าส์ ซ่าส์~ พิชชาจ้องมองแสงสีส้มกับหมู่นกนางนวลที่โบยบินอยู่บนท้องฟ้า เมธาวินมองด้วยสายตาชื่นชมหลงใหลในขณะที่เธอยืนรับลมทะเลเย็นๆ บริเวณหน้ารถ เขามองเธออย่างเคลิบเคลิ้ม พิชชาเหลือบไปเห็นเมธาวินกำลังจ้องมองเธออย่างไม่ละสายตา เธอก็เรียกเขาด้วยความสงสัย “พี่วินคะ…มีอะไรหรือเปล่า?” ฟังเสียงหวานที่เอ่ยกับเขาทีละคำทีละประโยคอย่างนุ่มนวล ทำให้เมธาวินยิ้มและตอบอย่างอารมณ์ดี “พี่แค่ดีใจ…ที่เราสองคนผ่านอุปสรรคมาได้” ดวงตาสองคู่ประสานกันหวานซึ้ง เมธาวินขยับเข้ามาชิดและโอบกอดเอวเธอจากด้านหลัง ทั้งสองคนยืนดูพระอาทิตย์ตกดินอย่างมีความสุข … มินตรายืนมองหาซาบีน่าที่ชายหาด แต่ซาบีน่าเห็นมินตรายืนอยู่เลยแกล้งเดินทะเล่อทะล่ามาชนเธออย่างแรง จนมินตราล้มลงไปกองอยู่บนทราย มินตราหันขวับไปมองคนที่ทำให้เธอล้ม “นี่แกแกล้งฉันเหรอ?” “ใช่! แล้วจะทำไม?” มินตราลุกขึ้นจากพื้นทรายแล้วยกมือปัดก้นและมื
32 ยอมแพ้ วันที่สาม... แสงแดดสาดส่องผ่านรูหน้าต่างทะลุผ้าม่านเข้ามาภายในห้องสี่เหลี่ยม ตกกระทบร่างกายเปลือยเปล่าสองร่างที่นอนกอดกันใต้ผ้าห่มผืนหนาบนเตียงขนาดใหญ่ หลังจากที่เมื่อวานนี้เมธาวินกับพิชชาได้อยู่ในห้องนอนด้วยกันสองต่อสอง จนถึงเช้าของวันนี้ เมธาวินตื่นขึ้นมาพร้อมก้มหน้ามองร่างบางอยู่ในอ้อมแขนทรงพลังของเขา เมธาวินมองใบหน้าสวยที่กำลังหลับไหลอยู่ในห้วงนิทรามันช่างน่าหลงใหล เขายกนิ้วชี้ลูบไล้บนใบหน้าของเธอ จนทำให้พิชชารู้สึกตัวตื่นขึ้นมา หญิงสาวลืมตามามองเมธาวินและเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานนุ่มนวล “ตื่นนานแล้วเหรอคะ” “ได้สักพักแล้วค่ะ” ชายหนุ่มตอบคำถามพร้อมลูบไล้แก้มเนียนๆ ของเธอ “พิ้งค์ว่าเราลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวได้แล้วค่ะ...ป่านนี้ทุกคนรอทานข้าวกันหมดแล้ว” “แต่พี่ไม่อยากลุกออกจากเตียงเลย อยากนอนอยู่ข้างๆ พิ้งค์แบบนี้ไปเรื่อยๆ” พิชชามองเขาด้วยรอยยิ้มขัดเขิน แล้วเมธาวินจูบเบาๆ ที่หน้าผากของเธอ ก่อนจะลุกขึ้นก้าวลงจากเตียงเดินไปเข้าห้องน้ำ … ทุกคนกำลังนั่งทานข้าวอยู่ เมธาวินนั่งจ้องมองพิชชาที่นั่งอยู่เก้าอี้ตรงข้ามกับเขา พิชชาใช้มีดทาเนยแตะเนยแล้วละเลงบนขนมปังปิ้งร้อนๆ
Comments