9
เสพสุข วันถัดมา… เช้าวันนี้พิชชาไปทำงานอย่างร่าเริงและมีความสุข เนื่องจากวันนี้เป็นวันเกิดของแฟนหนุ่ม เธอจึงแต่งตัวสวยเป็นพิเศษ ‘สวมเสื้อแขนยาวลายทางกับเดรสสายเดี่ยวสีขาว และรองเท้าบูทส้นสูงหุ้มข้อสีขาว ทำผมลอน มัดครึ่งหัว’ พิชชาเดินตรงไปที่โรงรถ สมพรเดินกลับมาจากตลาดพอดีเห็นเธอก็ทักทาย “คุณพิ้งค์...จะทำงานแล้วเหรอคะ แหม! วันนี้แต่งตัวซะสวยเชียว” “วันนี้เป็นวันเกิดของทิมน่ะค่ะ พิ้งค์ก็เลยกะว่าจะไปเซอร์ไพรส์เขา” “อ๋อค่ะ…งั้นป้าก็ขอให้ทำสำเร็จนะคะ” ดีไซน์เนอร์สาวยิ้มหวานให้สมพร ก่อนจะก้าวขึ้นรถและขับรถออกไปอย่างช้า ๆ … ทิวากรกำลังนั่งดูแฟ้มบัญชีของเดือนเก่า ๆ พอได้เห็นแล้ว...เขาก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ และวางแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะทำงานอย่างแรง เขานั่งกลัดกลุ้มใจอยู่บนโต๊ะทำงาน เพราะบริษัทเฟอร์นิเจอร์ของเขากำลังขาดทุนย่อยยับ ~ก๊อก ก๊อก ก๊อก~ เสียงเคาะประตูดังมาจากหน้าห้องทำงาน ทิวากรอนุญาตให้เข้ามา คนหน้าห้องก็เปิดประตูและเดินเข้ามานั่งลงที่เก้าอี้ตรงกันข้ามกับเขา ทิวากรเงยหน้าขึ้นมามองคนตรงหน้า “แม่มาทำอะไรที่นี่” “ฉันก็จะมาถามว่าแกจัดงานไปถึงไหนแล้ว ตอนนี้เสี่ยชัชโทรมาทวงเงินแทบทุกวัน...ฉันรำคาญ” “ใจเย็น ๆ ก่อนสิครับ ผมก็พยายามอยู่...ขืนเร่งมาก ๆ ทางครอบครัวของพิ้งค์ก็จะสงสัยเอาได้ ผมไม่อยากให้พิ้งค์รู้ แม่ไปบอกไอ้เสี่ยหน้าเลือดนั่นว่าผมขอเวลาอีกแค่เดือนเดียว” “ได้...ฉันจะลองไปคุยให้” พอแม่ของทิวากรหมดธุระ เธอก็ลุกขึ้นและรีบเดินออกไป ส่วนทิวากรก็นั่งเอนตัวพิงพนักเก้าอี้นุ่ม ๆ สักพักก็หยิบโทรศัพท์มือถือที่วางบนโต๊ะทำงานมากดเบอร์ซาบีน่า “ฮัลโหลครับ” [ฮัลโหลค่ะ มีอะไรรึเปล่าค่ะ...ถึงได้โทรมา] “คุณว่างรึเปล่า...มาหาผมที่คอนโดเย็นนี้” [ได้ค่ะ...เย็นนี้เจอกันนะคะ] ทิวากรโทรนัดกับซาบีน่าเรียบร้อย แล้วกลับมาเคลียร์งานเอกสารของเขาต่อ …. พิชชากำลังเก็บของใส่กระเป๋าด้วยความเร่งรีบและจึงเดินออกไป ดีไซน์เนอร์สาวลงมาชั้นล่างตรงไปหาพวกรุ่นพี่สามคนที่กำลังยืนทำงานอยู่ “พวกพี่ค่ะ…เดี๋ยวพิ้งค์จะไปห้างและจะแวะไปหาทิมเลย ฝากปิดร้านด้วยนะคะ” “ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ...ขอให้การเซอร์ไพรส์ราบรื่นนะคะ” “ขอบคุณนะคะ” ใบเฟิร์น เอบีและมอลลี่ โบกมือบ๊ายบายให้พิชชาก่อนที่เธอจะเดินออกไปขึ้นรถยนต์คันหรูสีขาว และก็ขับออกไปอย่างช้าๆ … ตอนนี้พิชชาก็ได้มาห้างสรรพสินค้า เพื่อมาเลือกซื้อของขวัญให้กับแฟนหนุ่ม ดีไซน์เนอร์สาวเดินเข้ามาที่ร้านนาฬิกาข้อมือ ดีไซน์เนอร์สาวยืนเลือกนาฬิกาข้อมือผู้ชายอยู่นาน...จนเธอถูกใจเรือนที่มีเพชรล้อมหน้าปัดสีขาวสายโรเล็กซ์ “คุณลูกค้าสนใจเรือนไหนคะ” พนักงานสาวเอ่ยถามอย่างสุภาพ “เรือนนี้ค่ะ” เธอจิ้มนาฬิกาผ่านตู้กระจกใส แล้วเปิดกระเป๋าหยิบบัตรเครดิตส่งให้พนักงานสาวเพื่อชำระเงิน หลังจากที่ชำระเงินเสร็จแล้ว พนักงานสาวก็บรรจุสินค้าใส่ถุงกระดาษหรูและยื่นให้พิชชาเรียบร้อย จากนั้นก็เดินออกจากร้านนาฬิกาพลางเดินเล่นอีกสักหน่อย … ใบเฟิร์น เอบีและมอลลี่กำลังก้มหน้าก้มตาง่วนอยู่กับการเก็บหุ่นลองชุดที่ตั้งโชว์หน้าร้าน กรุ๊งกริ๊ง! เสียงโมบายกระดิ่งดังกระทบกัน พวกเธอทั้งสามคนจึงหันหน้าไปมองที่ประตูร้านพร้อมกัน เห็นเมธาวินหิ้วถุงกระดาษสีน้ำตาลเดินเข้ามาหาพวกเธอ ใบเฟิร์นเอ่ยทักทาย “สวัสดีค่ะ...คุณวิน” “สวัสดีครับ...ไม่ทราบคุณพิชชาอยู่ไหมครับ เผอิญผมผ่านมาแถวนี้...ก็เลยแวะซื้อขนมมาฝาก” “น้องพิ้งค์ไม่อยู่หรอกค่ะ เธอไปหาคุณทิวากรน่ะค่ะ” “อ๋อ…เหรอครับ ถ้างั้นผมฝากขนมให้คุณพิชชาด้วยนะครับ แล้วถุงนี้ก็ของพวกคุณครับ” ด้วยสีหน้าท่าทางผิดหวังของเมธาวินที่ไม่ได้เจอหน้าพิชชาแล้ว หัวใจเดิมทียังโลดแล่นกลับหนักอึ้งขึ้นมา เมื่อรู้ว่าเธอไปหาว่าที่เจ้าบ่าวอีก เมธาวินยื่นถุงกระดาษสีน้ำตาลสองใบที่หิ้วมาส่งให้กับใบเฟิร์นก่อนจะขอตัวลา … ทิวากรกลับมาถึงคอนโด...ก็เห็นซาบีน่ารอเขาอยู่ที่ห้อง ทิวากรจูงมือนางแบบสาวเข้ามาในห้องนอนและผลักเธอลงบนเตียง จากนั้นเขาก็ถอดสูทกับเสื้อพร้อมเดินเข้าหาเธอ นางแบบสาวกอดคอเขาไว้และค่อย ๆ นอนลงบนเตียงอย่างช้า ๆ เธอกับเขากำลังนัวเนียกันอยู่บนเตียงอย่างเร่าร้อน แล้วทั้งคู่ก็เสพสุขกันอย่างสำราญใจ ... ทิวากรลุกขึ้นมานั่งพิงหัวเตียงพร้อมเอามือมาโอบเอวซาบีน่าที่นั่งซบอกแน่น ๆ ของเขา นางแบบสาวเงยหน้าขึ้นมาจากอก แล้วทิวากรก้มลงมาจูบเน้น ๆ ที่ริมฝีปากและซุกไซ้ไล่ลงไปที่ซอกคอเธอ ~ก๊อก ก๊อก ก๊อก~ เสียงเคาะประตูดังขึ้น ขัดจังหวะทิวากรกับซาบีน่าที่กำลังจะเข้าด้ายเข้าเข็มกัน ทำให้ทิวากรเสียอารมณ์ “ใจเย็น ๆ สิคะ...สงสัยของที่สั่งจะมาแล้ว เดี๋ยวฉันออกไปรับก่อนนะคะ” นางแบบสาวจุ๊บแก้มเขา แล้วก้าวลงจากเตียงพลางหยิบเสื้อคลุมอาบน้ำมาใส่และเดินออกไปที่ประตูห้อง เธอส่งเสียงขานรับพลางเปิดประตู “มาแล้วค่ะ” นางแบบสาวเบิกตากว้าง เมื่อคนที่ยืนอยู่หน้าห้องคือพิชชา พิชชายืนอยู่หน้าห้องมองคนที่มาเปิดประตูให้กับเธอไม่ใช่ทิวากร แต่กลับเป็นผู้หญิงร่างบางเล็กและเป็นคนที่รู้จักดี “บีน่า!” ซาบีน่าเมื่อได้เห็นพิชชายืนอยู่ตรงหน้า เธอก็แสยะยิ้มและทำเป็นไม่สะทกสะท้านอะไร เธอยังยืนกอดอกพิงกรอบประตูห้องทำหน้าทำตาเย้ยหยันใส่พิชชาอีก พิชชาไล่สายตามองที่ร่างบางของนางแบบสาวที่ใส่เสื้อคลุมอาบน้ำแค่ตัวเดียวอยู่ในห้องของว่าที่สามีเธอ พิชชาเห็นอย่างนี้ก็รู้สึกไม่มีเรี่ยวแรงขึ้นมาจนทำกล่องนาฬิกาข้อมือที่ถือมาร่วงหล่นลงพื้น เพล้ง!! ทิวากรได้ยินเสียงของตกแตกดังมาจากหน้าห้อง เขาคิดว่ามันต้องเกิดอะไรขึ้นแน่ๆ จึงรีบลุกขึ้นหยิบกางเกงขายาวตัวบางมาใส่ แล้วเดินออกมาพร้อมตะโกนถามซาบีน่า ทิวากรเดินออกมา แล้วเห็นคนที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้านางแบบสาวถึงกับตกใจและเดินดิ่งเข้ามาจับมือถือแขนพิชชา “พิ้งค์! ผมผิดไปแล้ว…ผมขอโทษ” ทิวากรขอโทษขอโพยพิชชาที่ต้องมาเห็นเขาอยู่ในสภาพนี้ พิชชาสะบัดมือเขาออกไปให้พ้นตัวและตวัดมือตบหน้าเขาอย่างแรง ๆ “คุณเห็นฉันโง่มากเลยใช่ไหม คุณถึงได้มาทำอะไรลับหลังฉันอย่างนี้ คุณลืมไปแล้วเหรอ…ว่าเราสองคนกำลังจะแต่งงานกัน” ดีไซน์เนอร์สาวหันหน้าไปต่อว่าเพื่อนทรยศ นัยน์ตาใสกระจ่างจ้องมองมาอย่างเอาเรื่อง “ทำไมแกจะต้องมายุ่งกับผู้ชายของฉันด้วย” “ทำไมงั้นเหรอ!? แกยังจำได้ไหม…ที่ฉันเคยบอกกับแกว่าฉันชอบผู้ชายคนหนึ่ง” “นี่แกอย่าบอกนะ…ว่าผู้ชายคนที่แกชอบก็คือทิม” “ใช่! ฉันชอบเขา” ซาบีน่าเดินเข้ามายืนเคียงข้างทิวากร แล้วกอดแขนซบไหล่เขา “ถ้าแกชอบเขามากขนาดนั้น….ฉันยกให้แกก็ได้ เพราะฉันไม่ชอบใช้ของร่วมกับใคร โดยเฉพาะผู้ชาย” พิชชาถอดแหวนหมั้นที่สวมนิ้วนางข้างซ้ายออกและยื่นแหวนใส่ในมือของทิวากร น้ำตาแห่งความปวดใจไหลทะลักออกมาเหมือนทำนบแตกอย่างอดกลั้นไม่ไหว “ฉันขอถอนหมั้น แล้วต่อจากนี้...เราสองคนไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก” พิชชาก้มหน้าและหันหลังเดินจากไป หลังจากนั้นทิวากรวิ่งเข้าห้องไปแต่งตัว แต่ซาบีน่าก็เดินเข้ามาขวางเขาไว้ไม่ให้ตามพิชชาไป “หลบไป! ผมจะไปหาพิ้งค์” “ถึงไปตอนนี้...พิ้งค์ก็ไม่ฟังคุณหรอกค่ะ เอาไว้ให้พิ้งค์ใจเย็นลงก่อน คุณค่อยไปคุยกับเขาก็ได้ค่ะ” ทิวากรทำสีหน้ากลุ้มใจเป็นอย่างมาก ... พิชชาเดินมาขึ้นรถของเธอและนั่งลงซุกหน้ากับพวงมาลัยรถ เธอเสียใจมาก แฟนที่คบกันมานานถึงเจ็ดปีและกำลังจะแต่งงานกันอยู่แล้ว กลับต้องเสียคนรักให้กับเพื่อนทรยศ ดีไซน์เนอร์สาวขับรถออกไปที่ร้านเหล้าและโทรไปหาเพื่อนรักของเธอให้มาเจอกันที่นี่40 วันวิวาห์ ห้องนอนพิชชา… วันเวลาล่วงเลยผ่านไปเดือนกว่าๆ หลังจากที่ดีไซน์เนอร์สาวออกจากโรงพยาบาลมา หนุ่มหล่อเจ้าของโรงแรมก็ตามมาดูแลเธอถึงที่บ้านอย่างดี สม่ำเสมอทุกๆ วัน เพราะเขาไม่อยากปล่อยเธอให้คาดสายตาอีกแล้ว ทั้งคู่มีความสัมพันธ์ที่ดี ทั้งทางใจและทางกาย แล้วอีกไม่นานเธอกับเขาก็จะได้เห็นหน้าพยานรักตัวน้อยๆ จากนั้นก็จะเป็นครอบครัวที่แสนอบอุ่น จนทำให้ใครหลายๆ คนต้องอิจฉา “มอนิ่งคิสค่ะ” เมธาวินจูบเบาๆ ที่ริมฝีปากของเธอในอ้อมแขนของเขา “มอนิ่งค่ะ” คนที่ถูกรบกวนการนอนก็ลืมตาขึ้นมาเอ่ยปากตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาแฝงรอยยิ้มอ่อนหวาน แต่พิชชารู้สึกเหม็นอะไรบางอย่าง อาการคลื่นไส้เริ่มตีขึ้นมาทันที เธอจึงดันหน้าอกเมธาวินออกห่าง “…..” เมธาวินงุนงงกับท่าทางของแฟนสาว “อุ…อุ” พิชชายกมือปิดปากเอาไว้และรีบวิ่งเข้าห้องน้ำไปโก่งคออาเจียน “พิ้งค์! เป็นยังไงบ้างคะ” เมื่อเห็นแฟนสาวของตนอาเจียนออกมา เขาจึงรีบวิ่งตามเข้าไปลูบหลังให้เธอด้วยความเป็นห่วง “อ้วกกก” พิชชาอาเจียนออกมาจนหมด เธอรู้สึกเวียนหัวอย่างมาก “ดีขึ้นรึยังคะ” เมธาวินประคองแฟนสาวกลับออกมานั่งลงบนเตียง “งั้นเดี๋ยวพี่ลงไปทำอะไรให
39 ทุ่มเททุกอย่าง ผ่านไปสี่ชั่วโมงแล้ว และในระหว่างนั้นมินตราก็ให้คนขับรถพาครอบครัวของพิชชากลับไปพักผ่อนก่อน มินตรากับพวกผู้ชายอยากจะอยู่ต่อเพื่อรอฟังผลจากปากคุณหมอ เมธาวินกระสับกระส่าย เดินไปเดินมาอยู่หน้าห้องผ่าตัด สายตาจับจ้องไปที่ประตู จิตใจจดจ่ออยู่กับคนรักที่อยู่ภายในห้องผ่าตัด ตอนนี้เขากระวนกระวายใจ คิดไปต่างๆ นาๆ จนนั่งไม่ติด โดยสายตาของธีร์ก็ยืนมองเจ้านายอย่างเป็นห่วง เพราะหลายชั่วโมงแล้วที่เดินไปเดินมาอยู่หน้าห้องผ่าตัดโดยไม่ได้ทานอะไรเลย หลังจากที่รอมาเป็นระยะเวลานาน สักพักใหญ่หมอที่รักษาพิชชาก็เดินออกมาจากห้องผ่าตัด เมธาวินเงยหน้าขึ้นมาเห็นคุณหมอก็ลุกขึ้นพรวดไปหาคุณหมอเพื่อสอบถามอาการของพิชชา “คุณหมอครับ...แฟนผมเป็นอย่างไรบ้างครับ” เมธาวินจับไม้จับมืออีกฝ่ายเร่งเร้าเอาคำตอบ “ตอนนี้...ปลอดภัยทั้งแม่และลูกครับ” หมอเผยยิ้มให้กับทุกคนที่ยืนฟังอยู่ “อะไรนะคะ! คือ…หมอจะบอกว่าเพื่อนของฉันกำลังมีน้องเหรอคะ” มินตราทวนถามคุณหมอด้วยความดีใจ “ใช่แล้วครับ ตอนนี้อย่าเพิ่งให้คนไข้ทำงานหรือเครียดเป็นอันขาดนะครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว...หมอขอตัวก่อนครับ” “เฮ้ย! แกจะได้เป็นพ่อคนแล้วนะเ
38 มุมอ่อนแอ ชานเมือง… เมธาวินกับดิวมาถึงบ้านกลางป่าที่บลูจับตัวพิชชามาที่นี่ เมธาวินกับดิวก้าวลงจากรถ แล้วทั้งสองเดินลัดเลาะมาจากด้านหลังบ้าน ดิวชะโงกหน้าไปมองที่หน้าประตูเห็นมีคนเฝ้าอยู่คนสองคน เมธาวินหาอาวุธมาป้องกันตัว แล้วก็เจอท่อนไม้พอเหมาะมือ หยิบมาถือไว้และเดินย่องเข้าไปใกล้ๆ ชายฉกรรจ์ร่างบึกบึนด้านหลังพร้อมด้วยใช้ไม้ที่ถือมาล็อกคออีกฝ่ายไว้แน่นจนหายใจแทบไม่ออก แล้วดิวที่เดินตามหลังเมธาวินมาก็วิ่งมากระโดดต่อยชายฉกรรจ์ร่างสูงอีกคนนึงจนล้มตกบันได ดิวคว้ากุญแจบ้านที่เหน็บเอวชายฉกรรจ์ร่างบึกบึนเอาไว้และรีบเปิดประตู เมธาวินออกแรงล็อกคอจนชายฉกรรจ์ร่างบึกบึนหมดสติไป จากนั้นดิวกับเมธาวินเดินปรี่เข้าไปหาพิชชาที่นอนแน่นิ่งอยู่ ดิวนั่งคุกเข่าแก้เชือกที่มัดมือให้ เมธาวินเรียกเธอให้ได้สติ “พิ้งค์! พิ้งค์คะ! พี่มาช่วยแล้ว” พิชชาได้สติขึ้นมาแล้ว เธอยกมือขึ้นมาจับที่ศีรษะแต่จับไปโดนแผลที่กระแทกกับพื้น “ซี้ด! โอ๊ยยย!” แต่ทันใดนั้นชายฉกรรจ์ร่างสูงได้สติก็ขึ้นมาปลุกชายฉกรรจ์ร่างบึกบึนที่สลบอยู่หน้าบ้านให้ตื่นและหยิบท่อนไม้ที่วางอยู่บนพื้นเดินเข้าไปในห้อง พอเข้ามาเห็นดิวกับเมธาวินกำลังพาพิ
37 ถูกลักพาตัว สองวันผ่านไป… มินตราหายจากอาการไม่สบายก็มาหาพิชชากะว่าจะชวนออกไปทานข้าว เพราะเวลานี้ใกล้จะเที่ยงแล้ว และที่สำคัญมินตรามีเรื่องจะบอก มินตราเปิดประตูร้านเข้ามาเจอณิชากำลังยืนจัดชุดที่ราวเสื้อและณิชาหันไปเห็นเธอพอดี ณิชาจึงเดินเข้ามาทักทายมินตราอย่างนอบน้อม “สวัสดีค่ะพี่มิน เห็นพี่พิ้งค์บอกว่าพี่มินไม่สบาย….เป็นอย่างไรบ้างคะ” “ดีขึ้นแล้วจ้ะ เอ่อ...และพิ้งค์อยู่ไหนเหรอจ๊ะ” “อยู่ในห้องตัดเสื้อค่ะ” “ขอบใจจ้ะ” มินตราเดินตรงเข้าไปในห้องตัดเสื้อแล้วเห็นพิชชา เอบีและมอลลี่กำลังง่วนอยู่กับการตัดเสื้อ มินตรายืนอยู่หน้าห้องแล้วเคาะประตูเบาๆ เป็นมารยาท ทุกคนเงยหน้ามามองที่ประตู “อ้าว! มิน…แกหายดีแล้วหรอ” “ฉันหายดีแล้ว…และนี่แกกำลังทำอะไรอยู่ล่ะ” มินตราเอ่ยถามพลางเดินเข้าไปยืนข้างๆ พิชชา พิชชาก้มหน้าลงไปตัดชิ้นผ้าที่คาไว้ต่อพร้อมเอ่ยถามมินตราว่ามีธุระอะไรกับเธอ “มาหาฉันมีธุระอะไรหรือเปล่า” “ฉันจะชวนแกออกไปทานข้าวน่ะ คือ…คิมให้มาชวนแก เพราะว่าเขามีอะไรจะบอก...คุณวินก็มานะ” พิชชาตัดชิ้นผ้าเสร็จเรียบร้อยแล้วเงยหน้าขึ้นไปมองมินตราด้วยความสงสัยว่าที่เธอได้ยินมันจริงหรือแค่หูฝา
36 ในฐานะอะไร บ้านมินตรา… มินตรารู้สึกไม่สบายจึงโทรไปบอกพนักงานที่ร้านตั้งแต่เช้าว่าวันนี้เธอไม่เข้าร้าน แล้วตอนนี้ก็ปาเข้าไปสิบเอ็ดโมงแล้ว เธอก็เลยลุกขึ้นเดินไปเข้าห้องน้ำอย่างเชื่องช้า เข้ามาล้างหน้าแปรงฟันเพื่อลงไปหาอะไรกิน เพราะตอนนี้เธอหิวมาก มินตราเดินออกมาจากห้องน้ำ หยิบกางเกงขายาวหนาๆ มาสวมและคว้าเสื้อฮู้ดแขนยาวมาใส่ จากนั้นเธอก็เดินออกจากห้องนอนลงไปข้างล่าง เธอเดินเข้าไปในครัวและเปิดตู้เย็น แต่ภายในตู้เย็นไม่มีวัตถุดิบที่สามารถทำอาหารได้ เธอจึงเดินออกมาทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างหมดแรงและล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าเสื้อฮู้ดแล้วก็จะกดสั่งอาหาร กริ๊ง! เสียงเตือนกริ่งหน้าบ้านดังขึ้น มินตราได้ยินถึงกับแปลกใจว่าเธอยังไม่ได้กดสั่งอาหารไปเลยแล้วเสียงใครมากดกริ่ง เธอวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะเตี้ยหน้าโซฟาและรวบรวมแรงที่มีลุกขึ้นเดินไปดูว่าเป็นใคร มินตราเดินมาชะเง้อคอมองนอกรั้วบ้าน เห็นคิมหันต์ยืนผลิรอยยิ้มหล่อเหลาอยู่หน้าบ้าน ในมือเขาถือถุงผ้ามาสองใบ เธอเดินไปเปิดประตูให้เขาเข้ามาและปิดประตูหน้าบ้านให้เรียบร้อย เธอกับเขาก็เดินเข้ามาในบ้านพร้อมกัน “คุณคิมรู้ได้ยังไงคะ...ว่าฉันอยู่บ้
35 ขอแต่งงาน ดีเอ็นดี คลับ… ชั้นสองโซน VIP เมธาวิน คิมหันต์ ปกรณ์และชลธรนั่งดื่มกันมาสักพัก แล้วเมธาวินพูดปรึกษาเพื่อนๆ เรื่องที่เกี่ยวกับพิชชา “เพื่อนๆ...ฉันอยากแต่งงานกับพิ้งค์วะ” สีหน้าท่าทางของหนุ่มหล่อเจ้าของโรงแรมที่พูดนั่นมันมาจากก้นบึ้งของหัวใจ “เอาเลย...ฉันช่วยเต็มที่” คิมหันต์พูดพร้อมยกมือตบบ่าเพื่อสนับสนุนเมธาวิน แต่ชลธรก็พูดแทรกในเวลาแห่งความสุขของเมธาวินสักนิดนึง เพราะชลธรไม่เข้าใจว่าทำไมเพื่อนถึงรักผู้หญิงคนนี้ทั้งที่อยู่เป็นโสดมานาน ชลธรแนะนำผู้หญิงคนไหนให้ก็ไม่เคยสนใจ “แกเพิ่งคบกับคุณพิ้งค์ได้กี่เดือนเอง…คิดจะแต่งงานกับคุณพิ้งค์แล้วเหรอวะ” “สำหรับฉันกับพิ้งค์...เรารู้จักกันมานานมากแล้ว” คิมหันต์เอ่ยพูดเรียบๆ ผ่านรอยยิ้มละไม “แกไม่ต้องไปสนใจไอ้ธรหรอ แล้วแกคิดจะขอพิ้งค์แต่งงานเมื่อไหร่” “เร็วๆ นี้แหละ” เมธาวินออกอาการอิ่มอกอิ่มใจมีรอยยิ้มประดับเต็มใบหน้า ชลธรยกแก้วเหล้าขึ้นมาและเอ่ยพูดให้ทุกคนยกแก้วเหล้าขึ้นมา แล้วฉลองให้กับเมธาวินล่วงหน้า “เอ้า! ชน!” ทุกคนสังสรรค์กันอย่างสนุก … ห้องนอนพิชชา… พิชชากำลังนั่งคิดถึงเหตุการณ์เมื่อตอนเย็นอยู่บนเตียงนอนนุ่มๆ และใน