5
วีรกรรมชมดาว
เปเป้ที่ตอนนี้เดินขาเป๋สมกับฉายาก็ช่างซ่าเหลือเกิน ยื่นแก้วเข้าไปกลางวงจนน้ำกระฉอกกระจายไปทั่ว ทำเอาคนที่นั่งอยู่ต้องลุกขึ้นหนี แตกกระเจิงกันไปหมด
“เพื่อนมึงท่าจะเมาหนักแล้วนะ” ติน ชายหนุ่มที่วันนี้อยู่ในชุดลำลอง ดูไม่เป็นเด็กเรียนแบบที่เคย หันมาพูดกับเวลาที่ดูจะตั้งรับกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ทัน
“เออ ช่วยจัดการมันหน่อยดิ กูก็ไม่ไหวแล้วเหมือนกัน”
เพราะดื่มมาตั้งแต่ห้าโมงเย็น จนเบียร์หมดไปหลายโหลแล้ว หนุ่มวิศวะจึงเริ่มคุมสติตัวเองไม่ค่อยอยู่ ได้แต่พยายามส่ายหัวให้ภาพเบลอๆ ตรงหน้าจางหายไป
แม่งงง ง่วงฉิบหาย
“เฮ้อ... เดี๋ยวกูจัดการให้” หนุ่มแว่นไม่พูดอะไรมาก เขาเรียกเพื่อนมาช่วย ก่อนจะพาเด็กวิศวะทั้งสองคนกลับไปที่โต๊ะ
“พวกนายน่าจะกลับกันได้แล้วนะ” ตินส่ายหัวเมื่อเห็นสภาพของแต่ละคนในโต๊ะนั้น
“ขอบใจมาก เดี๋ยวพวกกูก็กลับแล้วแหละ กำลังเช็คบิล” เพื่อนวิศวะคนหนึ่งตอบเสียงอ้อแอ้ ถึงแม้จะเมายังไง ก็ยังมีสติตอบกลับ
“งั้นกูไปก่อนนะ กลับกันดีๆ ล่ะ” ตินบอกลาทุกคน โดยไม่ลืมหันมาบอกกับคนที่เพิ่งนั่งคอพับคออ่อนอยู่บนเก้าอี้ “มึงก็ด้วยล่ะ เวลา”
จากนั้นก็เดินกลับโต๊ะของตนไปด้วยท่าทางสบายๆ
มากันได้ก็กลับกันได้แหละ ท่าทางจะดื่มบ่อยจนช่ำชองยิ่งกว่าพวกเขาเสียอีก
ขึ้นชื่อว่าเด็กวิศวะ ต่อให้ดื่มมากแค่ไหน ก็ยังมีสติ หาทางพาตัวเองกลับบ้านถูก กลับไม่ได้ก็นอนข้างทางบ้าง ไม่ได้เดือดได้ร้อนอะไร ตื่นมาค่อยกลับบ้านก็ยังทัน
ด้วยความที่ดื่มด้วยกันมาจนชิน ภูเขาจึงเข้าใจไปโดยปริยายว่า วันนี้เวลาจะนอนที่หอของเขา... หอนอกที่เขาอยู่คนเดียว และถูกใช้เป็นแหล่งมั่วสุมให้เหล่าผองเพื่อนเป็นประจำ
แรกๆ เวลาก็ดูพึ่งพาได้ คอยส่งเพื่อนคนโน้นคนนี้ขึ้นรถแท็กซี่อยู่หรอก แต่พอขึ้นรถแท็กซี่กับภูเขา ก็เริ่มไร้สติ ร้องเพลงมั่วซั่วไปหมด ตามคอนเซ็ปต์คนที่แอลกอฮอล์เพิ่งจะออกฤทธิ์
เป็นคนที่เมาได้ช้าสุดๆ แต่พอเมาทีก็ต้องรีบภาวนาให้มันหลับไวๆ
เมื่อลงจากแท็กซี่ หนุ่มตี๋ก็ได้เป็นฝ่ายพยุงร่างของเพื่อนตนแทน ทุลักทุเลแบกหาม ถูลู่ถูกังลากกันไปจนเกือบจะถึงตีนบันไดที่มีอยู่ไม่กี่ขั้นหน้าตึกอยู่แล้วเชียว คนเมากลับสะบัดตัวหลุด หนีไปยังรถยนต์ที่จอดอยู่ใกล้ๆ
...ก่อนจะเอนตัวลงนอนแผ่บนกระโปรงรถ!
“ดาวเต็มไปหมดเลย สวยยย” หน้าแหงนมองขึ้นฟ้า เอ่ยชมดวงดาวที่ไม่มีให้เห็นสักดวงในพื้นที่ที่มีแต่ไฟเมืองเต็มไปหมดแบบนี้
“โอ๊ยยย ตรูล่ะจะบ้า” ภูเขาตบหน้าผากตัวเองดังป๊าบ จากที่กรึ่มๆ อยู่ก็สร่างโดยพลัน
เพื่อนกูมันเอาอีกแล้ววว! อย่างนี้มันต้อง... ถ่าย!
โทรศัพท์มือถือถูกล้วงขึ้นมาโดยพลัน ปัดเพียงทีเดียว โหมดกล้องถ่ายรูปก็พร้อมบันทึกภาพคนเมาเอาไว้ประจาน เอ๊ย ส่งต่อให้คนอื่นได้ดู
แชะ แชะ แชะ
แค่ภาพอย่างเดียวไม่พอ มันต้องอัดเสียงด้วย!
คลิปวิดีโอสั้นๆ ถูกอัดด้วยฝีมือของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนสนิท บันทึกทุกภาพทุกมุมไว้ได้อย่างชัดเจน ไม่เว้นแม้แต่รอยยับของเสื้อ และเสียงเพ้อพกชมนกชมไม้ของคนเมา
“ฮะ ฮ่า นกตัวหญ้ายหญ่ายยย หิ่งห้อยเต็มไปหมดเลย คิกๆ น่านนน พ่นควันได้ซะด้วย”
“ไอ้เวลา ลงมาเลย เดี๋ยวรถเขาพังหมด รถใครก็ไม่รู้ด้วยเนี่ย”
หลังจากบันทึกหลักฐานเสร็จ ภูเขาก็พยายามดึงเพื่อนของตนออกมาจากกระโปรงรถ
แต่ยังไม่ทันที่จะดึงหนุ่มหล่อแบดบอยประจำภาคให้ลุกขึ้นมายืนได้ ก็มีเพื่อนร่วมหอผ่านมาซะก่อน
“ยังไม่ขึ้นห้องกันอีกเหรอ” เสียงทักทายจากเด็กวิทยาที่เขาเคยเห็นที่หอนานๆ ที และเพิ่งได้พูดคุยมากขึ้นกันวันนี้ดังขึ้น
ตินไม่มีสภาพของคนเมาเลยสักนิด ยังคงใส่แว่น หน้าตาดูดุๆ เหมือนเดิม แต่ชุดลำลองที่ใส่ทำให้ดูเฟรนด์ลีและดูซอฟต์ลงก็เท่านั้น
แถมมือยังถือแก้วกาแฟร้อนอีก... ดื่มกาแฟตอนดึกๆ เนี่ยนะ กะจะไม่นอนเลยหรือไง
“เออ เพื่อนกูเละไปแล้วว่ะ” ภูเขาส่ายหน้าอย่างเอือมๆ
“ฮี่ๆ น้องพระจันทร์กล๊มกลม น่าดูดจ๊วบๆ”
ตินหยุดมองภาพคนเรื้อนชั่วครู่ นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนส่องประกายเจิดจ้า สีหน้านิ่งเรียบ ไม่ได้แสดงออกว่าคิดอะไร อึดใจหนึ่งจึงยกมือลา “โชคดีก็แล้วกันนะ”
เด็กวิทยาไม่ได้เสนอตัวให้ความช่วยเหลือแต่อย่างใด เขาเพียงยกมือปิดปากหาวเบาๆ แล้วเดินขึ้นบันไดไปยังลิฟต์อย่างเงียบๆ
...ไม่แม้แต่หันกลับมามองพวกเขาเลยสักนิด
หนุ่มขาวตี๋ยักไหล่อย่างไม่แคร์ เขาหันกลับมาจัดการเพื่อนตัวเองต่อ ใช้แรงกายแรงใจไปตั้งมากมาย กว่าจะจัดการดึงคนเมาเรื้อนออกมาได้ บุญแค่ไหนที่รถสีไม่ถลอก กระโปรงไม่ยุบ
เฮ้อ... หอก็หอกู ตอนดื่มกูก็เสียเงินพอๆ กัน ทำไมกูต้องมาดูแลเพื่อนขี้เรื้อนด้วยวะเนี่ย
[โฮสต์ ตื่นได้แล้ว]
“อืมมม”
[อีกหนึ่งชั่วโมงจะเริ่มเรียนแล้วนะโฮสต์]
“งึมๆ เวลาถมเถ”
[แต่โฮสต์ยังไม่ได้อ่านหนังสือเรียนล่วงหน้าเลยนะ]
“ทำไมต้อง...อ่าน...ด้วยอ่า...”
ดูท่าว่าสติของคนพูดจะยังไม่ฟื้นคืนดี เขาจึงตอบมั่วๆ ซั่วๆ เหมือนคนไม่เข้าใจอะไร
ระบบประเมินแล้วว่า ท่าทางโฮสต์จะไม่สามารถขุดตัวเองขึ้นมาจากกองผ้าห่มได้ เลยจัดการส่งบทลงโทษจั๊กจี้เข้าไปแรงๆ สักที
“ฮ่าๆ โอ๊ยยย จั๊กจี้ ฮะๆ แค่กๆ โอ๊ย แม่เจ้าโว้ย ฮ่าๆๆ”
เวลานอนดิ้นพล่านจนผ้าห่มบนพื้นแข็งๆ กระจัดกระจายไปหมด เขาพยายามปัดป้องมือที่มองไม่เห็นออกไป แต่ก็ไม่สามารถหยุดมันได้
“พอ ฮ่าๆ พอได้แล้ว แฮ่ก ฮ่าๆๆ ฉันตื่น ตื่นแล้วๆ”
พอเห็นชายหนุ่มพยายามฝืนลุกขึ้นนั่ง และลืมตาที่ไม่อยากจะเปิดรับแสงแดดอันส่องสว่างนั่น ระบบจึงยอมหยุด
เวลาหอบหายใจด้วยความเหนื่อยจากการหัวเราะ ถึงแม้จะหัวเราะดังแค่ไหน เจ้าของห้องที่นอนหลับอุตุอยู่บนเตียงก็ไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมาเลยสักนิด
เมื่อได้สติ เวลาก็มีเวลาได้สังเกตสภาพของตน
“ไอ้เพื่อนเวร จะพาไปให้ถึงเตียงหน่อยก็ไม่ได้” ชายหนุ่มบ่นอย่างหัวเสีย บิดเนื้อบิดตัวไปมา ดีนะที่เขายังหนุ่มยังแน่น ก็เลยนอนพื้นแข็งๆ แบบไม่มีอะไรมารองได้โดยไม่ปวดอะไร
แต่การที่บนพื้นห้องที่เขานอนอยู่มีเพียงหมอนและผ้าห่มผืนเดียวนี่มันก็เกินไป ทั้งที่ปกติก็นอนด้วยกันบนเตียงแท้ๆ
เพื่อนนะเพื่อน...
[โฮสต์ คุณเหลือเวลาอีกแค่ห้าสิบห้านาที]
“เข้าใจแล้วๆ”
ชายหนุ่มตอบรับ ก่อนจะรีบวิ่งเข้าห้องน้ำไปเปิดน้ำราดตัวลวกๆ พอเป็นพิธี จากนั้นก็หยิบชุดนักศึกษาชุดเดิมมาใส่
เรื่องไม่อาบน้ำหรือใส่เสื้อผ้าชุดเดิมซ้ำๆ นี่เป็นเรื่องปกติมาก ตั้งแต่เข้าคณะนี้มา เขาก็รู้สึกว่าตัวเองซกมกลงเรื่อยๆ แต่ถึงจะซกมกยังไง ก็มีคนอื่นทำเป็นเพื่อนแหละว้า
บางคนเสื้อช็อปกับกางเกงยีนขี้เกลือขึ้นก็ยังจะใส่มาเรียนโดยไม่สนใจอะไรด้วยซ้ำ
เวลาหยิบกระเป๋าหนังเอสี่ หยิบไอแพดมาเปิดดูเอกสารการเรียนของวันนี้ ถึงแม้จะไม่ได้หยิบชีตเรียนมา แต่ก็เอาไอแพดมาด้วย เลยสามารถศึกษาล่วงหน้าก่อนคาบเรียนจะเริ่มได้
เมื่ออ่านและทำความเข้าใจไปได้แปดสิบเปอร์เซ็นต์ เวลาก็ตัดสินใจเก็บไอแพด ตั้งใจจะนั่งวินไปที่มอ แล้วค่อยไปอ่านต่อในห้องเรียน
แต่ขณะที่กำลังคว้ากระเป๋าหนังเอสี่ขึ้นมาหนีบ เตรียมจะเดินออกจากห้อง ก็มีเสียงติ้งของระบบดังขึ้นเสียก่อน
[เงื่อนไขภารกิจย่อยทำงาน ขยันเรียนแล้ว ต้องช่วยเพื่อนให้ขยันด้วย กรุณาปลุกเพื่อน และพาเพื่อนไปเข้าเรียนให้ทัน ของรางวัลคือ แต้ม 20 แต้ม บทลงโทษหากทำไม่สำเร็จ จะถูกหักแต้ม 40 แต้ม]
โคตรไม่ยุติธรรม! แจกแค่ยี่สิบแต้ม แต่จะหักสองเท่าเนี่ยนะ!?
เวลาก็บ่นในใจไปงั้นแหละ เพราะสุดท้ายก็ต้องยอมทำตาม ไม่อย่างนั้นแต้มที่หามาได้อย่างยากลำบาก จะหายไปหมด
“ไอ้ภูเขา ตื่นๆๆ” ตะโกนดังลั่งพร้อมทั้งเขย่าอย่างแรงปลุกเพื่อน แต่อีกฝ่ายกลับยกผ้าห่มมาคลุมโปง กลิ้งตัวหนี
“อะไรวะ กูจะนอนนน”
“ลุกดิวะ ไปเรียนๆ”
“ไม่เอา กูจะโดด อย่ามากวนกู” ภูเขาพลิกตัวนอนคว่ำ หยิบหมอนขึ้นมาปิดหัวปิดหู ปิดกั้นตัวเองจากเพื่อน
“ไอ้นี่นี่!” เวลาเกือบจะกระโจนเข้าไปลากตัวเพื่อนให้ลงมากระแทกพื้นอยู่แล้ว แต่นึกได้ว่า วิธีนี้มันทั้งกินแรงและเสียเวลา ยิ่งเหลือเวลาน้อยๆ อยู่ด้วย
สุดท้ายนักศึกษาหนุ่มจอมซกมกก็เลยต้องใช้วิธีลัด
“ไฟไหม้ ไฟไหม้หนักมาก แม่เจ้าโว้ยยย ไฟไหม้ รีบหนีเร็ว”
บทส่งท้าย ภาคเรียนที่สองผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว ช่วงที่ผ่านมา ชีวิตประจำวันของเวลาดำเนินไปคล้ายๆ กับภาคเรียนที่หนึ่ง ต่างกันแค่มีใครบางคนเข้ามาเป็นส่วนร่วมในชีวิตมากขึ้น ภารกิจของระบบเด็กเรียนส่วนใหญ่ก็ค่อนข้างจะซ้ำๆ ไม่ได้แปลกแหวกแนวให้เขาต้องไปกู้โลกอะไร ส่วนระบบเด็กเกรียนนั้น ได้โผล่ออกมาอีกสองครั้งสั้นๆ แต่ก็ทำให้เขาได้แลกยันต์เพิ่มโชคลาภมาได้ครบห้าอัน และใช้มันเพื่อให้ถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่สองเป็นที่เรียบร้อย หากไปบอกใครเข้า เขาก็คงงงว่า ทำไมแค่แกล้งคน ก็ได้เงินด้วย ได้ตั้งสองแสนบาทแน่ะ ส่วนความสัมพันธ์ของเขากับตินก็ราบรื่นดี มีงอนกันบ้างนิดหน่อย แต่ง้อบนเตียงก็หาย ถ้าเป็นเรื่องที่หนักๆ หน่อย ก็เคลียร์ใจกันทั้งวันทั้งคืนเอา “ปิดเทอมใหญ่ไปเที่ยวไหนกันวะ” ธีโอถามเพื่อนร่วมก๊วนที่กำลังเคลียร์ของในล็อกเกอร์ที่ห้องภาคกันอยู่ “กูจองตั๋วไปเที่ยวญี่ปุ่นเรียบร้อย” คิขุว่า “ไม่ไปไหนอะ กิน ขี้ ปี้ นอน แดกเหล้าพอ” ภูเขาตอบ “แล้วมึงอะ ไอ้เวร” ธีโอหันมาถามคนที่กำลังพิมพ์แชทในมือถืออยู่ “ก็คงเที่ยวในประเทศนี
32อวดผัวแม้แต่กับเด็ก วันต่อมา วิธีของเวลาใช้ได้ผลกับแค่สองคนเท่านั้น ส่วนคนที่สามที่เขานำวิธีนี้ไปใช้ด้วย ถึงกับลุกหนี และไม่เปิดโอกาสให้เขาได้พูดอะไรต่อ เวลาลองต่ออีกสองคน โดยพยายามหาวิธีใหม่ๆ แต่ก็คว้าน้ำเหลว ส่วนคนสุดท้ายนั้น ยอมรับยาของเขาไป แต่ยังไม่ได้ใช้ต่อหน้า และไม่รู้ว่าจะเอาไปทิ้งที่ไหนหรือเปล่า แต่เขาไม่ห่วงเรื่องยาวิเศษจะถูกเอาไปตรวจสอบหรอกนะ เพราะว่าของจากระบบ หากถูกขโมยไป หรือถูกนำไปใช้โดยคนที่เวลาไม่ได้มอบให้ ก็จะสลายหายไป [เมื่อวานโฮสต์ทำสำเร็จไปสามราย ยินดีด้วยนะโฮสต์] หลังจากผ่านไปหนึ่งวัน ระบบก็แจ้งผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นให้เขาได้รับรู้ ซึ่งหมายความว่า คนสุดท้ายได้ลองกินยาของเขาเรียบร้อยแล้ว T.Tin: วันนี้ก็จะไปอีกแล้วเหรอ Vaela: อื้อ เดี๋ยวเสร็จแล้วจะรีบไปหาที่คอนโดเลย T.Tin: รีบๆ มาล่ะ เมื่อคืนก็ไม่ได้นอนด้วยกัน เพียงแค่อ่านข้อความไลน์ เวลาก็จินตนาการภาพของหมาขี้อ้อนขึ้นมาได้ เพราะว่าเป็นช่วงปิดเทอมแล้ว เขาจึงไม่สามารถใช้ข้ออ้างว่า ไปติวหนังสือบ้านเพื่อนได้อีก ถึงแม้เขา
31ภารกิจกู้โลก [ยินดีด้วยกับโฮสต์ที่ผ่านการสอบปลายภาคมาได้ด้วยดี ไม่ตายไปเสียก่อน ระบบขอมอบภารกิจที่เจ็ด ซึมเศร้าฝังลึก เปลี่ยนเด็กซึมให้กลับมาเป็นเด็กเรียน ของรางวัลคือแต้ม 40 แต้มต่อการช่วยเหลือคนหนึ่งคน บทลงโทษคืออายุขัยสั้นลง 2 ปี และถูกจั๊กจี้เป็นเวลา 1 ชั่วโมง ติดกัน 7 วัน] [เนื่องจากภารกิจนี้มีความยากค่อนข้างสูง ระบบจึงขอส่งตัวช่วยพิเศษ ผู้ช่วยส่วนตัวชั่วคราว ให้โฮสต์ได้ใช้งานเป็นเวลาทั้งสิ้นสองวันเต็ม] เวลาเปิดอ่านรายละเอียดของภารกิจหลักที่ค่อนข้างจะแปลกไปในครั้งนี้ ก่อนจะเข้าใจว่า ทำไมระบบเด็กเรียนถึงได้ปล่อยภารกิจนี้มา อัตราการฆ่าตัวตายของนักศึกษามหาวิทยาลัยที่สูงขึ้นนั้น ส่วนหนึ่งมาจากปัญหาโรคซึมเศร้า เป้าหมายที่ระบบต้องการให้เขาไปเปลี่ยนแปลง คือนักศึกษาที่เคยเรียนเก่งมากๆ มาก่อน แต่เมื่อผลการสอบหรือเกรดผิดจากความคาดหวัง จึงเกิดการเสียศูนย์ รู้สึกกดดันจากรอบข้าง บวกกับสารในสมองที่เปลี่ยนไป ทำให้เป็นโรคซึมเศร้าในที่สุด แน่นอนว่า นักศึกษาเหล่านั้นได้เข้ารับการรักษาโรคแล้ว แต่เมื่อพยายามจะออกกำลังกาย พยายามจะทำตามที่หมอบอก
30ติวสอบกันยันเช้า อีกเพียงไม่กี่วันก็จะถึงการสอบปลายภาค ขึ้นชื่อว่าเป็นมหาวิทยาลัยชื่อดัง แน่นอนว่านักศึกษาจะต้องขยันอ่านหนังสือสอบกันเป็นอย่างมาก ยิ่งใกล้วันสอบ สภาพของแต่ละคนก็ยิ่งดูไม่ได้ หน้าไม่ได้แต่ง เสื้อไม่ได้รีด ผมไม่ได้สระ ตาโหลยิ่งกว่าหมีแพนด้า มันหน้าแผล็บเหมือนคนไม่ได้ล้าง เวลาก็เป็นไปกับเขาด้วยเหมือนกัน ต่อให้ดูหล่อเถื่อนอยู่ตลอดเวลาแค่ไหน แต่ยามนี้กลับตาโหลเป็นพิเศษ หนักหน่วงเสียยิ่งกว่าช่วงสอบกลางภาค “สภาพมึงดูไม่ค่อยจะได้เลยนะ” ต้าทักเวลา เขาเป็นเพื่อนร่วมภาคที่ถึงแม้จะอยู่คนละกลุ่มกัน แต่ก็มักจะไปดื่มเหล้าด้วยกันบ่อยๆ “มึงสิ หนักกว่ากูเยอะ” เวลาส่ายหัวให้กับคนไม่ดูตัวเอง สภาพแม่งยิ่งกว่าซอมบี้ นี่ถ้าใส่เสื้อผ้าขาดๆ หน่อย คงไปถ่ายหนังเป็นซอมบี้ตัวประกอบได้เลย “หึ! ไฟนอลนี่แหละ จะเป็นตัวตัดสินว่า กูจะเอฟไม่เอฟ” ต้าชูกำปั้นขึ้นระดับไหล่ ตามองขึ้นฟ้าอย่างฮึกเหิม ให้ความรู้สึกเหมือนตัวละครในอานิเมะ ต้านี่ก็บ้าดีเดือดเหลือเกิน คะแนนต่ำก็ไม่คิดจะถอน ดันตัดสินใจสู้สุดฤทธิ์ เพราะเห็นเวลาเป็นไอดอล อยากจะทำให้ได้อ
29วิธีใช้โปรแกรมค้นหาสารพัดนึกที่ถูกต้อง ‘ทำยังไงให้แฟนรักแฟนหลง’ ข้อความนี้ถูกพิมพ์ลงในช่องค้นหาของโปรแกรมค้นหาสารพัดนึกที่ได้มาจากระบบเด็กเกรียน [โฮสต์อย่าใช้โปรแกรมแบบผิดๆ สิ] จะไปใช้กูเกิลทำไม ในเมื่อมีโปรแกรมดีๆ แบบนี้ซะอย่าง เวลาเคยลองเซิร์ชหาข้อมูลทั่วไปในการเรียน ไปยันข้อมูลที่ไม่น่าจะมีได้อย่าง รายชื่อสายลับซีไอเอ ข้อมูลเดินบัญชีลับของรัฐมนตรีกระทรวงหนึ่ง หรือแม้แต่ข้อมูลแปลกๆ อย่าง งานวิจัยลับทดลองสร้างมนุษย์โคลนเวอร์ชันหกสิบเก้า หรือวิธีทำคุณไสยแบบโบราณที่สืบทอดมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย [แต่พวกที่เป็นฮาวทู เป็นความเห็น ไม่ใช่ข้อเท็จจริง ต่อให้ค้นหาในโปรแกรมนี้ มันก็เชื่อไม่ค่อยจะได้นะโฮสต์] เอาน่า แค่อ่านเล่นเฉยๆ ไม่ได้จะทำตามสักหน่อย บอกปัดระบบเสร็จ เวลาก็ตั้งหน้าตั้งตาอ่านข้อมูลที่ตนได้มาจากการเซิร์ชอย่างรวดเร็ว กวาดตาเก็บทุกรายละเอียดฝังลึกไว้ในหัวเสียยิ่งกว่าตอนอ่านหนังสือสอบ อะแฮ่มๆ ลืมบอกไปเสียสนิทว่าเขากับตินน่ะ... เป็นแฟนกันแล้วววว หลังจากที่สารภาพแล้วเดินหนีไปหาเปเป้ พวกเขาก็ไม่ได
28คำอธิษฐานที่อยากบอก คนที่ยึดถือเป็นมั่นเป็นเหมาะว่า จะไม่ทำร้ายแม่น้ำเด็ดขาด ตอนนี้กำลังกลับคำพูด เวลามองบ่อน้ำของมหาวิทยาลัยที่เต็มไปด้วยกระทงหลากหลายรูปแบบลอยละล่องอยู่เต็มไปหมดอย่างใจลอย ลอยกระทงเป็นเทศกาลที่ไม่ควรจะมาลอยคนเดียวจริงๆ เพราะมีแต่คู่รักเต็มไปหมด ทั้งเด็กมอปลาย ทั้งเด็กมหาวิทยาลัย เห็นแล้วมันช่างน่าอิจฉาซะเหลือเกิน แต่ปีนี้เวลาไม่อิจฉาหรอก เพราะเขาก็มีคนมาลอยด้วยเหมือนกัน ไม่นึกว่าการแค่ชอบใครคนหนึ่ง จะทำให้รู้สึกใจพองฟูได้มากขนาดนี้ หลังจากจบเหตุการณ์รับน้องของภาควิชา เขากับตินก็ได้เจอกันแค่ในแล็บ กับในสนามบาสของคณะวิศวะเพียงบางครั้งเท่านั้น วันๆ ของเขาหมดไปกับการทำภารกิจตั้งใจเรียนของระบบ สิ่งที่เยียวยาจิตใจได้เพียงอย่างเดียว เห็นจะเป็นการแชร์คลิปตลกๆ คลิปสัตว์เลี้ยงน่ารักให้ตินได้ดู และเห็นอีกฝ่ายกดรีแอ็กชันหัวเราะหรือหัวใจตอบกลับมา การสังสรรค์ในวงเหล้ากับเพื่อนก็ไม่สนุกเท่าเดิมอีกต่อไปแล้ว เพราะในใจเอาแต่คิดถึงคนที่ตัวเองชอบ แม่งเอ๊ย! เข้าใจแล้วว่า ทำไมคนมีความรักถึงรู้สึกว่าโลกทั้ง