6
เสื้อช็อปใคร
“ช่วยด้วยๆ ช่วยลูกช้างด้วย”
ร่างสูงของหนุ่มตี๋ขาวในชุดเสื้อกล้ามสีขาวเน่าๆ กางเกงบ็อกเซอร์ วิ่งใส่ตีนหมา โกยแน่บลงมาจากหอพักชั้นสี่ ทำให้คนที่บังเอิญเดินผ่านสับสนงุนงงไปหมด
“ไฟไหม้ๆๆๆ หนีก่อน หนีๆๆ”
แต่พอได้ยินเสียงร้องโวยวายว่าไฟไหม้ คนเดินผ่านก็เริ่มตกใจตาม ส่วนพวกที่อยู่ห้องข้างเคียงหรือห้องที่ชายหนุ่มวิ่งผ่าน ก็มีเปิดประตูออกมาดูบ้างประปราย สงสัยว่าจะไฟไหม้ได้ยังไง ในเมื่อไม่มีเสียงสัญญาณเตือนภัยดังเลยสักแอะ
เวลาไม่รีบร้อนตามไป เขาคว้าเสื้อและกางเกงนักศึกษาของเพื่อนในตู้เสื้อผ้า เข็มขัด รองเท้าผ้าใบเน่าๆ พร้อมกับกระเป๋าคาดเอวที่บรรจุของใช้ส่วนตัวของภูเขามา ปิดไฟปิดแอร์ หยิบกุญแจ ปิดล็อกประตูห้อง ก่อนจะเดินตามไปอย่างชิลๆ เดินหล่อๆ หนีบกระเป๋าหนังของตนไปด้วย และคอยบอกคนที่ชะเง้อหน้าออกมามองว่า ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพื่อนเขาเพียงแค่ตื่นตูมไปเองเท่านั้น
ตามลงไปจนถึงข้างหน้าหอ จึงได้เห็นเพื่อนของตนที่นั่งแผ่หลาอ้าขาโชว์ไข่หอบแฮ่กอยู่บนพื้น
“ไอ้เวร มึงหลอกกู” เหนื่อยแทบตายก็ยังมีแรงยกนิ้วชี้หน้าด่าเพื่อนทรยศ เพื่อนทรพี!
“กูหลอกตรงไหน ไฟไหม้จริงๆ”
คำพูดและสีหน้าจริงจังของเพื่อน ทำให้ภูเขาเริ่มสงสัย
“ไหม้จริงเหรอวะ”
“จริงๆ แต่กูดับไปแล้ว” เวลาโกหกหน้าตาย “มึงรีบวิ่งออกมาก่อน กูเลยไม่ทันได้พูดต่อ”
ภูเขาที่ตื่นเต็มตาแล้ว แหงนหน้ามองเพื่อนตน เกือบจะเชื่อท่าทางมั่นใจนั่นอยู่แล้ว แต่ดันนึกอะไรขึ้นได้
“ไอ้สัด ไม่ต้องมาหลอกกู มึงบอกให้รีบหนี โกหกไม่เนียนนะมึง”
“แล้วไง” เวลายักไหล่รับอย่างกวนๆ “ไหนๆ มึงก็ตื่นแล้ว แต่งตัว แล้วไปเรียนกัน” เขาโยนเสื้อผ้าทั้งหมดลงบนตัวเพื่อนเชื้อสายจีน
“ไม่ กูไม่ไปไหนทั้งนั้น”
เวลากวาดมองคนพูดที่ยังคงนั่งแหมะอยู่กับพื้นช้าๆ ก่อนจะปรายตาไปทางเหล่าผู้เช่าที่เปิดประตูชะโงกหน้ามาดูคนเพี้ยนที่โวยวายเสียงดัง
“มึงจะนั่งโชว์ไข่อยู่อย่างนี้เนี่ยนะ?”
“ทีเมื่อคืนมึงยังนอนดูดาวบนกระโปรงรถคนอื่นได้เลย”
ประโยคเด็ดถูกปล่อยออกมา ทำเอาคนฟังถึงกับงง เพราะจำเหตุการณ์หลังกลับจากร้านเหล้าไม่ได้เลยสักนิด
“อย่ามามั่ว กูไม่เชื่อหรอก” เวลาพูด
“หึๆ” เสียงหลุดหัวเราะขำเบาๆ ของคนที่เดินผ่านมา ทำให้ทั้งคู่หันไปมอง
เป็นเด็กวิทยาภาคเคมีเทคนิค วิชาหลักเคมีวิศวกรรม คนที่ทำแลปข้างๆ เวลานั่นเอง
“นี่ไง ตินก็เป็นพยานได้ เขาเห็นมึงนอนเมื่อวาน” ภูเขารีบดึงตินมาเป็นพวกทันที
ระบบ เมื่อคืนฉันทำอะไรไปบ้าง
[โฮสต์ร้องเพลงในรถแท็กซี่ ชมดาวชมท้องฟ้าบนกระโปรงรถ แล้วก็ไม่ยอมนอนบนเตียง เตะผ้าห่มลงพื้น ก่อนจะนอนกอดผ้าห่มแล้วหลับไป]
ได้รับคำบรรยายอย่างครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว เวลาก็ได้แต่ยอมรับความจริง พฤติกรรมการเมาแบบใหม่มาอีกแล้วสินะ ครั้งก่อนๆ อย่างมากเขาก็แค่ยืนเถียงกับเสาไฟฟ้า ไม่ได้เพ้อหนักขนาดนี้
“ก็คนมันเมานี่ ไม่เคยเห็นคนเมาหรือไง” พูดเสร็จ เวลาก็หันไปหาติน “นายน่ะ เอาเสื้อช็อปมาดิ๊” เขาหาเรื่องเอาเสื้อที่อีกฝ่ายพาดบ่าอยู่มาหน้าด้านๆ
“มึงจะเอาเสื้อช็อปของวิทยาไปทำไม” ตินถาม
นอกจากเสื้อกาวน์เวลาทำแลปแล้ว นักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์ก็มีเสื้อช็อปเช่นกัน แต่ไม่ได้มีกันครบทุกภาค และมักจะเริ่มมีกันตอนปีสอง
สีกรมท่าเป็นสีเสื้อช็อปของภาควิชาเขา ซึ่งวันนี้เขากะหยิบมาใส่เล่นๆ ทับเสื้อยืด เพราะไม่อยากใส่เสื้อเชิ้ตก็เท่านั้น
“ก็มึงหัวเราะกู... ดังนั้นมึงต้องเอาช็อปมาให้กูยืม” จะได้กลบสภาพเน่าๆ ของเสื้อนักศึกษาที่เขาใส่ซ้ำด้วย
“ซักก่อนคืนด้วยล่ะ” เด็กวิทยาโยนเสื้อช็อปของตนให้อีกฝ่ายอย่างง่ายดาย “ดูแลเพื่อนมึงดีๆ ด้วยล่ะ ทำคนเขาตกใจหมด”
จากนั้นตินก็เดินกลับเข้าหอไปอีกครั้ง เพราะกะจะหยิบเสื้อช็อปอีกตัวในห้องมาใส่แทน
ฝ่ายเวลาที่ตั้งใจจะวางท่า กะเบ่งอำนาจข่มใส่เพื่อขู่กรรโชกของรักของหวงอีกฝ่ายมาอย่างเต็มที่ และควรจะรู้สึกดีที่เอาคืนคนที่หัวเราะเยาะตนได้สำเร็จ กลับงงเป็นไก่ตาแตกให้กับความว่าง่ายของเด็กวิทยาคนนั้น
ถ้าถูกพวกนักเลงไถเงิน มันจะไม่ให้ไปจนหมดเนื้อหมดตัวเลยหรือไงกัน?
[โฮสต์ เหลือเวลาอีกแค่ยี่สิบนาทีก่อนจะเริ่มชั้นเรียน]
ชายหนุ่มมองเสื้อช็อปที่ปักคำว่า ‘Faculty of Science’ ในมือ แล้วก็หยิบมันมาสวม เขาเลิกสนใจสิ่งที่เกิดขึ้น ก่อนจะลากเพื่อนตนให้ลุกขึ้นมา
“ไปเรียนได้แล้ว”
“เออ กูไปเรียนก็ได้ แต่มึงต้องให้กูเอาคลิปมึงไปให้คนอื่นดูนะ”
“ดูอย่างเดียวพอ ไม่ต้องส่งต่อล่ะ” เวลาทำท่าเหมือนจำใจยอม ทั้งที่ปกติแล้วคลิปของเขาก็ถูกเอาให้เพื่อนคนอื่นดูอยู่ตลอดนั่นแหละ ไม่เห็นจะต่างกันตรงไหน สงสัยไอ้ภูเขามันจะลืม
...
สุดท้าย เวลาก็พาภูเขามาเข้าเรียนได้เป็นผลสำเร็จ โดยที่เขาอาศัยช่วงเวลาบนรถแท็กซี่ในการอ่านบทเรียนล่วงหน้าจนทันในที่สุด
แม่งงง เหนื่อยยิ่งกว่ามีสอบอีก ไอ้การที่ต้องอ่านแข่งกับเวลาให้ทันเนี่ย
“ไอ้เวร มึงใส่เสื้อของใครมาวะ” คิขุถาม
“ช็อปคณะวิทยานี่หว่า” ธีโออ่านตัวหนังสือที่อกขวาของเสื้อ
“เออ กูหยิบมามั่วๆ น่ะ”
“มึงไปนอนห้องภูเขามาจริงเปล่าวะ ไอ้ภูเขาจะมีช็อปวิทยาได้ไง” คิขุจับผิด
“ไม่เชื่อ ก็ถามมันเองดิ๊” เวลาโบ้ยไปทางหนุ่มตี๋ที่ตอนนี้นอนฟุบโต๊ะอย่างหมดสภาพ เพราะต้องนั่งแต่งตัวในรถแท็กซี่ บุญแค่ไหนแล้วที่รถยอมจอดรับคนบ้าที่ใส่แต่เสื้อกล้ามกับกางเกงบ็อกเซอร์แบบมันน่ะ
“มันนอนห้องกูจริง แต่ช็อปนั่นน่ะของเด็กวิทยาที่ชื่อตินโน่น”
“อ้าว สันดานเก่ายังไม่เลิกอีกเหรอ ไปดอยของคนอื่นมาอีกแล้วนะมึง” ธีโอด่า
ไม่มีหรอกการซงการแซวแบบที่ทุกคนคาดหวัง ไอ้เพื่อนพวกนี้มันรู้สันดานเขาดี ชอบไปดอยของคนอื่นมาใช้มั่วซั่วไปหมด แล้วก็คืนบ้างไม่คืนบ้างเพราะลืม
“หรือมึงจะดมเสื้อนักศึกษาเน่าๆ ของกูล่ะ” เวลาท้า ทำท่าจะถอดเสื้อช็อปออก แล้วยื่นเสื้อข้างในให้เพื่อนดม จนธีโอต้องยอมแพ้
โชคดีที่อาจารย์เดินเข้ามาในห้องพอดี ภูเขาที่เพิ่งฟื้นคืนชีพ กำลังจะหยิบมือถือออกมาเปิดคลิปคนเมาเรื้อนให้เพื่อนคนอื่นได้ดู เลยต้องพักไว้ก่อน
เข้าห้องมายังไม่ทันที่จะให้นักศึกษาได้เตรียมตัวเตรียมใจใดๆ อาจารย์ก็แจ้งข่าวร้ายเรื่องควิซก่อนเรียนทันที
“สแกนคิวอาร์โค้ดนี้แล้วตอบให้ครบทุกคำถามล่ะ ไม่ต้องห่วง ควิซนี้คิดเป็นคะแนนแค่หนึ่งเปอร์เซ็นต์เท่านั้น ผมเพิ่มให้เป็นพิเศษสำหรับคนที่เตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา”
เมื่อเปิดแบบฟอร์มควิซที่มีทั้งหมดห้าข้อดู เวลาก็ค้นพบว่ามีแต่เรื่องง่ายๆ ที่เขารู้มาหมดแล้ว จึงสามารถตอบได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว
[ต้องยกความดีความชอบให้ระบบนะเนี่ย]
ระบบที่ดูจริงจังมาโดยตลอด พูดอย่างขี้เล่น
แต่คนที่อ่านน่ะมันคือเขาต่างหากเล่า
“มีอะไรให้ช่วยปะพี่”
“อ้าว เวลา คนชอบดูดาวนี่เอง เมื่อคืนนี้ได้ไปดูดาวที่ไหนอีกหรือเปล่า”
แทนที่จะตอบคำถามเขา พี่ปีสามในภาคดั๊นมาล้อเขาเรื่องนี้แทน
เรื่องนอนดูดาวบนกระโปรงรถกลายเป็นที่โจษจันกันไปทั่วภาคอย่างรวดเร็ว แรกๆ ก็โดนล้ออยู่แค่ชั้นปีสอง แต่พอผ่านไปหลายวัน ไม่รู้ว่าเพราะความดังของเขาที่ทำให้คนมักจะสนใจเป็นพิเศษอยู่แล้ว หรือเพราะอะไรกันแน่ ข่าวถึงได้กระจายไปทุกชั้นปีได้ โชคยังดี ที่ภาคอื่นยังไม่รู้ ไม่งั้นคงโดนล้อยันลูกบวชของจริง
ที่เขามาถามก็เพราะมันเป็นส่วนหนึ่งของภารกิจที่สาม เรียนดีแล้ว กิจกรรมต้องเด่นด้วย เนื่องจากสองวันนี้มีกิจกรรมโอเพ้นเฮ้าส์ของมหาวิทยาลัย ที่มักจะถูกจัดขึ้นทุกสองปี จึงไม่มีการเรียนการสอน และเหล่านักศึกษาต้องช่วยกันจัดการตกแต่งตึกภาคให้เรียบร้อย รวมถึงทำป้าย ทำสื่อต่างๆ หรือจัดกิจกรรมเพื่อแนะนำให้น้องๆ มัธยมปลายได้รู้จักกับภาควิชาเคมี คณะวิศวกรรมศาสตร์กันมากขึ้น
และไอ้รุ่นพี่ที่เขามาถามก็ทำหน้าที่ฝ่ายดูแลความเรียบร้อย คอยดูภาพรวมต่างๆ และจัดคนไปช่วยเสริมยามขาดแคลนแรงงาน
เอาจริงๆ งานโอเพ่นเฮ้าส์นี้ ไม่ต้องมาช่วยกันทุกคนก็ได้ เพราะไม่ได้มีการหักคะแนนอะไร แต่พอเป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับการเรียน เป็นเรื่องของความสามัคคีแล้วละก็ คณะเขาก็รักพวกพ้อง และให้ความร่วมมือได้ดีไม่แพ้คณะอื่น
...ซะเมื่อไหร่ล่ะ!
เจ้าพวกนี้มันแห่กันมาส่องนักเรียนสาวๆ สวยๆ ต่างหาก
พอมีเด็กสาวมัธยมปลายน่ารักๆ หลุดมานะ เล่นล้อมหน้าล้อมหลังพาแนะนำคณะซะจนน้องหลายๆ คนเริ่มกลัวเลย บางคนก็แกล้งเนียนไปช่วยคณะอื่นที่มีสาวๆ เยอะด้วยซ้ำ เรียกได้ว่ากะจะฟันยับทั้งเด็กมอปลายและเด็กมหาวิทยาลัย
“แต่ละฝ่ายมีคนช่วยครบหมดแล้ว นายไปคอยเดินเก็บขยะกับรอเก็บงานก็แล้วกัน” พี่คอนเน่ว่า
“ก็ได้พี่ ชิลดี”
จากนั้นเวลาก็เลยมีโอกาสเดินไปเดินมา และแอบอู้ได้สะดวก เพราะระบบไม่ได้ระบุสักหน่อยว่า ให้เขาช่วยเรื่องอะไร และต้องช่วยมากแค่ไหน
[ถึงโฮสต์จะอาศัยช่องโหว่เก่งแค่ไหน แต่ภารกิจนี้จะได้แต้มตามระดับความช่วยเหลือนะ ยิ่งช่วยกิจกรรมมาก ยิ่งได้แต้มมาก]
เอ้า แล้วทำไมไม่บอกกันก่อน
[ระบบบอกแล้วว่า ของรางวัลภารกิจนี้คือแต้มขั้นต่ำ 10 แต้ม]
ขณะที่กำลังลุกขึ้นยืน กะจะไปเสนอตัวช่วยเพื่อนพาน้องทำกิจกรรมแจกของสักหน่อย ก็มีเด็กนักเรียนชายมอห้ากางเกงน้ำเงินเดินเข้ามาหาเขาเสียก่อน
“พี่ช่วยพาผมเดินดูภาควิชาพี่หน่อยสิครับ”
บทส่งท้าย ภาคเรียนที่สองผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว ช่วงที่ผ่านมา ชีวิตประจำวันของเวลาดำเนินไปคล้ายๆ กับภาคเรียนที่หนึ่ง ต่างกันแค่มีใครบางคนเข้ามาเป็นส่วนร่วมในชีวิตมากขึ้น ภารกิจของระบบเด็กเรียนส่วนใหญ่ก็ค่อนข้างจะซ้ำๆ ไม่ได้แปลกแหวกแนวให้เขาต้องไปกู้โลกอะไร ส่วนระบบเด็กเกรียนนั้น ได้โผล่ออกมาอีกสองครั้งสั้นๆ แต่ก็ทำให้เขาได้แลกยันต์เพิ่มโชคลาภมาได้ครบห้าอัน และใช้มันเพื่อให้ถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่สองเป็นที่เรียบร้อย หากไปบอกใครเข้า เขาก็คงงงว่า ทำไมแค่แกล้งคน ก็ได้เงินด้วย ได้ตั้งสองแสนบาทแน่ะ ส่วนความสัมพันธ์ของเขากับตินก็ราบรื่นดี มีงอนกันบ้างนิดหน่อย แต่ง้อบนเตียงก็หาย ถ้าเป็นเรื่องที่หนักๆ หน่อย ก็เคลียร์ใจกันทั้งวันทั้งคืนเอา “ปิดเทอมใหญ่ไปเที่ยวไหนกันวะ” ธีโอถามเพื่อนร่วมก๊วนที่กำลังเคลียร์ของในล็อกเกอร์ที่ห้องภาคกันอยู่ “กูจองตั๋วไปเที่ยวญี่ปุ่นเรียบร้อย” คิขุว่า “ไม่ไปไหนอะ กิน ขี้ ปี้ นอน แดกเหล้าพอ” ภูเขาตอบ “แล้วมึงอะ ไอ้เวร” ธีโอหันมาถามคนที่กำลังพิมพ์แชทในมือถืออยู่ “ก็คงเที่ยวในประเทศนี
32อวดผัวแม้แต่กับเด็ก วันต่อมา วิธีของเวลาใช้ได้ผลกับแค่สองคนเท่านั้น ส่วนคนที่สามที่เขานำวิธีนี้ไปใช้ด้วย ถึงกับลุกหนี และไม่เปิดโอกาสให้เขาได้พูดอะไรต่อ เวลาลองต่ออีกสองคน โดยพยายามหาวิธีใหม่ๆ แต่ก็คว้าน้ำเหลว ส่วนคนสุดท้ายนั้น ยอมรับยาของเขาไป แต่ยังไม่ได้ใช้ต่อหน้า และไม่รู้ว่าจะเอาไปทิ้งที่ไหนหรือเปล่า แต่เขาไม่ห่วงเรื่องยาวิเศษจะถูกเอาไปตรวจสอบหรอกนะ เพราะว่าของจากระบบ หากถูกขโมยไป หรือถูกนำไปใช้โดยคนที่เวลาไม่ได้มอบให้ ก็จะสลายหายไป [เมื่อวานโฮสต์ทำสำเร็จไปสามราย ยินดีด้วยนะโฮสต์] หลังจากผ่านไปหนึ่งวัน ระบบก็แจ้งผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นให้เขาได้รับรู้ ซึ่งหมายความว่า คนสุดท้ายได้ลองกินยาของเขาเรียบร้อยแล้ว T.Tin: วันนี้ก็จะไปอีกแล้วเหรอ Vaela: อื้อ เดี๋ยวเสร็จแล้วจะรีบไปหาที่คอนโดเลย T.Tin: รีบๆ มาล่ะ เมื่อคืนก็ไม่ได้นอนด้วยกัน เพียงแค่อ่านข้อความไลน์ เวลาก็จินตนาการภาพของหมาขี้อ้อนขึ้นมาได้ เพราะว่าเป็นช่วงปิดเทอมแล้ว เขาจึงไม่สามารถใช้ข้ออ้างว่า ไปติวหนังสือบ้านเพื่อนได้อีก ถึงแม้เขา
31ภารกิจกู้โลก [ยินดีด้วยกับโฮสต์ที่ผ่านการสอบปลายภาคมาได้ด้วยดี ไม่ตายไปเสียก่อน ระบบขอมอบภารกิจที่เจ็ด ซึมเศร้าฝังลึก เปลี่ยนเด็กซึมให้กลับมาเป็นเด็กเรียน ของรางวัลคือแต้ม 40 แต้มต่อการช่วยเหลือคนหนึ่งคน บทลงโทษคืออายุขัยสั้นลง 2 ปี และถูกจั๊กจี้เป็นเวลา 1 ชั่วโมง ติดกัน 7 วัน] [เนื่องจากภารกิจนี้มีความยากค่อนข้างสูง ระบบจึงขอส่งตัวช่วยพิเศษ ผู้ช่วยส่วนตัวชั่วคราว ให้โฮสต์ได้ใช้งานเป็นเวลาทั้งสิ้นสองวันเต็ม] เวลาเปิดอ่านรายละเอียดของภารกิจหลักที่ค่อนข้างจะแปลกไปในครั้งนี้ ก่อนจะเข้าใจว่า ทำไมระบบเด็กเรียนถึงได้ปล่อยภารกิจนี้มา อัตราการฆ่าตัวตายของนักศึกษามหาวิทยาลัยที่สูงขึ้นนั้น ส่วนหนึ่งมาจากปัญหาโรคซึมเศร้า เป้าหมายที่ระบบต้องการให้เขาไปเปลี่ยนแปลง คือนักศึกษาที่เคยเรียนเก่งมากๆ มาก่อน แต่เมื่อผลการสอบหรือเกรดผิดจากความคาดหวัง จึงเกิดการเสียศูนย์ รู้สึกกดดันจากรอบข้าง บวกกับสารในสมองที่เปลี่ยนไป ทำให้เป็นโรคซึมเศร้าในที่สุด แน่นอนว่า นักศึกษาเหล่านั้นได้เข้ารับการรักษาโรคแล้ว แต่เมื่อพยายามจะออกกำลังกาย พยายามจะทำตามที่หมอบอก
30ติวสอบกันยันเช้า อีกเพียงไม่กี่วันก็จะถึงการสอบปลายภาค ขึ้นชื่อว่าเป็นมหาวิทยาลัยชื่อดัง แน่นอนว่านักศึกษาจะต้องขยันอ่านหนังสือสอบกันเป็นอย่างมาก ยิ่งใกล้วันสอบ สภาพของแต่ละคนก็ยิ่งดูไม่ได้ หน้าไม่ได้แต่ง เสื้อไม่ได้รีด ผมไม่ได้สระ ตาโหลยิ่งกว่าหมีแพนด้า มันหน้าแผล็บเหมือนคนไม่ได้ล้าง เวลาก็เป็นไปกับเขาด้วยเหมือนกัน ต่อให้ดูหล่อเถื่อนอยู่ตลอดเวลาแค่ไหน แต่ยามนี้กลับตาโหลเป็นพิเศษ หนักหน่วงเสียยิ่งกว่าช่วงสอบกลางภาค “สภาพมึงดูไม่ค่อยจะได้เลยนะ” ต้าทักเวลา เขาเป็นเพื่อนร่วมภาคที่ถึงแม้จะอยู่คนละกลุ่มกัน แต่ก็มักจะไปดื่มเหล้าด้วยกันบ่อยๆ “มึงสิ หนักกว่ากูเยอะ” เวลาส่ายหัวให้กับคนไม่ดูตัวเอง สภาพแม่งยิ่งกว่าซอมบี้ นี่ถ้าใส่เสื้อผ้าขาดๆ หน่อย คงไปถ่ายหนังเป็นซอมบี้ตัวประกอบได้เลย “หึ! ไฟนอลนี่แหละ จะเป็นตัวตัดสินว่า กูจะเอฟไม่เอฟ” ต้าชูกำปั้นขึ้นระดับไหล่ ตามองขึ้นฟ้าอย่างฮึกเหิม ให้ความรู้สึกเหมือนตัวละครในอานิเมะ ต้านี่ก็บ้าดีเดือดเหลือเกิน คะแนนต่ำก็ไม่คิดจะถอน ดันตัดสินใจสู้สุดฤทธิ์ เพราะเห็นเวลาเป็นไอดอล อยากจะทำให้ได้อ
29วิธีใช้โปรแกรมค้นหาสารพัดนึกที่ถูกต้อง ‘ทำยังไงให้แฟนรักแฟนหลง’ ข้อความนี้ถูกพิมพ์ลงในช่องค้นหาของโปรแกรมค้นหาสารพัดนึกที่ได้มาจากระบบเด็กเกรียน [โฮสต์อย่าใช้โปรแกรมแบบผิดๆ สิ] จะไปใช้กูเกิลทำไม ในเมื่อมีโปรแกรมดีๆ แบบนี้ซะอย่าง เวลาเคยลองเซิร์ชหาข้อมูลทั่วไปในการเรียน ไปยันข้อมูลที่ไม่น่าจะมีได้อย่าง รายชื่อสายลับซีไอเอ ข้อมูลเดินบัญชีลับของรัฐมนตรีกระทรวงหนึ่ง หรือแม้แต่ข้อมูลแปลกๆ อย่าง งานวิจัยลับทดลองสร้างมนุษย์โคลนเวอร์ชันหกสิบเก้า หรือวิธีทำคุณไสยแบบโบราณที่สืบทอดมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย [แต่พวกที่เป็นฮาวทู เป็นความเห็น ไม่ใช่ข้อเท็จจริง ต่อให้ค้นหาในโปรแกรมนี้ มันก็เชื่อไม่ค่อยจะได้นะโฮสต์] เอาน่า แค่อ่านเล่นเฉยๆ ไม่ได้จะทำตามสักหน่อย บอกปัดระบบเสร็จ เวลาก็ตั้งหน้าตั้งตาอ่านข้อมูลที่ตนได้มาจากการเซิร์ชอย่างรวดเร็ว กวาดตาเก็บทุกรายละเอียดฝังลึกไว้ในหัวเสียยิ่งกว่าตอนอ่านหนังสือสอบ อะแฮ่มๆ ลืมบอกไปเสียสนิทว่าเขากับตินน่ะ... เป็นแฟนกันแล้วววว หลังจากที่สารภาพแล้วเดินหนีไปหาเปเป้ พวกเขาก็ไม่ได
28คำอธิษฐานที่อยากบอก คนที่ยึดถือเป็นมั่นเป็นเหมาะว่า จะไม่ทำร้ายแม่น้ำเด็ดขาด ตอนนี้กำลังกลับคำพูด เวลามองบ่อน้ำของมหาวิทยาลัยที่เต็มไปด้วยกระทงหลากหลายรูปแบบลอยละล่องอยู่เต็มไปหมดอย่างใจลอย ลอยกระทงเป็นเทศกาลที่ไม่ควรจะมาลอยคนเดียวจริงๆ เพราะมีแต่คู่รักเต็มไปหมด ทั้งเด็กมอปลาย ทั้งเด็กมหาวิทยาลัย เห็นแล้วมันช่างน่าอิจฉาซะเหลือเกิน แต่ปีนี้เวลาไม่อิจฉาหรอก เพราะเขาก็มีคนมาลอยด้วยเหมือนกัน ไม่นึกว่าการแค่ชอบใครคนหนึ่ง จะทำให้รู้สึกใจพองฟูได้มากขนาดนี้ หลังจากจบเหตุการณ์รับน้องของภาควิชา เขากับตินก็ได้เจอกันแค่ในแล็บ กับในสนามบาสของคณะวิศวะเพียงบางครั้งเท่านั้น วันๆ ของเขาหมดไปกับการทำภารกิจตั้งใจเรียนของระบบ สิ่งที่เยียวยาจิตใจได้เพียงอย่างเดียว เห็นจะเป็นการแชร์คลิปตลกๆ คลิปสัตว์เลี้ยงน่ารักให้ตินได้ดู และเห็นอีกฝ่ายกดรีแอ็กชันหัวเราะหรือหัวใจตอบกลับมา การสังสรรค์ในวงเหล้ากับเพื่อนก็ไม่สนุกเท่าเดิมอีกต่อไปแล้ว เพราะในใจเอาแต่คิดถึงคนที่ตัวเองชอบ แม่งเอ๊ย! เข้าใจแล้วว่า ทำไมคนมีความรักถึงรู้สึกว่าโลกทั้ง