แฟ้มกองหนึ่งถูกวางลงบนโต๊ะต่อหน้าผมผมมองไปที่โนอาห์ที่ขยับแว่นสายตาของเขาขณะที่ปัดฝุ่นที่มองไม่เห็นออกจากชุดสูทแล้วมองมาที่ผม ไม่เคยคิดเลยจริงๆว่าจากห้องทดลองผมจะต้องย้ายมาทำงานแบบนี้ แม้ว่าทุกคนรอบตัวจะให้กำลังใจว่าผมทำงานได้ดีมากในช่วงสองวันที่ผ่าน แต่มีเพียงผมเท่านั้นที่รู้ว่าสภาพของผมย่ำแย่แค่ไหน ผมต้องขับรถกลับไปที่ห้องแล็บในตอนกลางคืนและนอนค้างที่นั่น และก็ต้องกลับไปที่อพาร์ตเมนต์เพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วกลับไปที่บริษัท“นี่คือรายงานของผู้ถือหุ้นของ ไนท์ คอร์ป ครับ” เขากล่าวและมองไปที่ไฟล์ก่อนที่จะหยิบขึ้นมาและส่งต่อให้ผม“เริ่มจากอันนี้ก็ได้ครับ” เขาบอกผมถอนหายใจพร้อมกับสวมแว่นและหยิบแฟ้มจากเขาเพื่อตรวจดู มันยากสำหรับผมที่จะรับมือกับการบริหารงานบริษัท แน่นอนว่าผมเคยมาทำงานที่นี่ แต่นั่นก็เป็นแค่งานเล็กๆน้อยๆ และพ่อของผมก็ตระหนักดีถึงสิ่งที่ผมกำลังทำอยู่ จึงไม่มีอะไรผิดพลาด แต่วันนี้ ตอนนี้ ผมคนเดียวที่จะต้องถูกตำหนิหากพบว่ามีข้อผิดพลาดและหากทำบริษัทประสบปัญหา ผมจะเป็นคนเดียวที่ถูกตำหนิและผมก็ไม่ต้องการให้ความอัปยศนี้เกิดขึ้นผมจดจ่อกับงานอย่างหนักและขอบคุณโนอาห์ที่ช่วยผมอย่างมากเข
แก้วกาแฟร้อนวางอยู่ตรงหน้าผม ผมเอื้อมมือไปหยิบ และกำลังจะกล่าวขอบคุณโนอาห์ แต่แล้วเมื่อมือของผมสัมผัสที่แก้ว ผมบังเอิญเงยหน้าขึ้นมอง กลับพบเชลซีแทนที่จะเป็นโนอาห์เธอยิ้มให้ผม และวางแฟ้มเอกสารไว้ตรงหน้าผม “ฉันกำลังจะเอาแฟ้มเอกสารนี้มาให้คุณ และระหว่างทางบังเอิญเจอโนอาห์เข้า เห็นเขากำลังจะเอากาแฟมาให้คุณ ฉันเลยเสนอตัวช่วยเอามาให้เองค่ะ” เธอบอกผม และผมก็วางถ้วยกาแฟลง“คุณก็รู้ดีอยู่แล้วว่างานแต่ละอย่างควรอยู่ในมือคนที่เชี่ยวชาญสิ่งนั้น ถ้าคนอื่นทำ เขาคงทำมันพังแน่! ดูถ้วยสิ ด้วยความเร่งรีบของคุณ คุณก็ทำกาแฟหกเลอะออกมาข้างนอก" ผมบอกเธอขณะชี้ไปที่กาแฟที่หกบนจานรอง"โธ่!" เธอกระซิบและหยิบกระดาษทิชชู่จากกล่องบนโต๊ะของผม มาเช็ดคราบกาแฟที่หกเลอะเทอะในทันที"ช่างมันเถอะ!" ผมกล่าว และมองไปที่แฟ้มในมือเธอ“นี่เป็นเอกสารเกี่ยวกับนโยบายใหม่ที่ฉันทำขึ้นมาค่ะ ฉันต้องการให้คุณช่วยตรวจดู แก้ไข และแจ้งให้เราทราบหากจะมีการเปลี่ยนแปลง” เธอกล่าวขณะวางแฟ้มเอกสารไว้บนโต๊ะ ผมก็หยิบมันออกมาดู“เอาล่ะ” ฉันพึมพำและเปิดแฟ้มเพื่ออ่าน ผมกดปุ่มอินเตอร์คอม และเรียกให้โนอาห์เข้ามาพบ “ออกไปได้แล้วครับ คุณคินสลีย์” ผมพ
ผมได้ยินเสียงนาฬิกาบอกเวลาที่ไหนสักแห่งที่ไกลออก เมื่อมองดูนาฬิกาก็พบว่าเป็นเวลาเกือบหนึ่งทุ่มแล้ว โนอาห์บอกผมไว้ก่อนหน้านี้ว่าเขากำลังมุ่งหน้ากลับไปที่ห้องสวีทของโรงแรมและแจ้งผมเกี่ยวกับเชลซีที่กำลังเรียกแท็กซี่กลับไปที่โรงแรมเช่นกันสิ่งที่เชลซีบอกผมก่อนหน้านี้แวบเข้ามาในหัว ผมถอนหายใจ สิ่งที่เธอพูดนั้นถูกไหม? ผมกำลังใช้วิจารณญาณคิด ว่าผมตัดสินเธอในสิ่งที่เธอทำเมื่อสิบสี่ปีที่แล้วและกำลังมองไม่เห็นสิ่งที่เธอเป็นอยู่ตอนนี้จริงหรือไม่?เธอทำงานได้อย่างโดดเด่น และเธอก็มีความระมัดระวังในสิ่งที่เธอทำอยู่เสมอ แต่เมื่อสิบสี่ปีที่แล้ว เรายังเป็นเด็ก เป็นช่วงที่กำลังสุกงอมและได้รับอิทธิพลจากสิ่งต่างๆได้ง่าย...มันเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้วหรือเปล่าที่จะลงโทษใครซักคนสำหรับการกระทำที่ไร้เดียงสาในตอนนั้น?ผมหมายถึง ผมไม่ได้ลงโทษเธอหรือทำอะไรลงไปจริงๆ แต่ผมเห็นด้วยว่าผมแค่พยายามหลบเลี่ยงเธอ แน่นอนว่าแค่หลีกเลี่ยงเธอ และนั่นเป็นเพียงตัวตนปกติของผม แต่อย่างใรก็ตามผมก็ทำให้เธอขุ่นเคือง ดังนั้นผม จึงลุกขึ้นคว้าเสื้อแจ็คเก็ตและเดินไปที่ประตูมือของผมสั่นเล็กน้อยราวกับไม่มั่นใจในความคิดของตัวเอง อยากจะเปล
“กาแฟของคุณค่ะ” ผมได้ยินเสียงเชลซีและเงยหน้าขึ้นมองขณะที่เธอวางถ้วยกาแฟลงบนโต๊ะของผมด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า"เข้มและใส่น้ำตาลน้อย แบบที่คุณชอบ" เธอเสริม และนั่นทำให้ผมหยิบถ้วยกาแฟขึ้นมาสูดกลิ่นหอมของกาแฟแล้วจิบ “วิเศษมาก” ผมพูดพร้อมกับพยักหน้าและส่งยิ้มให้เธอ “ขอบคุณครับ” ผมตอบ เธอพยักหน้าพร้อมเก็บเอกสาร “ฉันไปก่อนนะคะท่าน” เธอยิ้มและเน้นคำสุดท้ายที่ทำให้ผมหัวเราะ แล้วเธอก็เดินออกจากห้องของผมไปการทำงานในสำนักงานนั้นง่ายขึ้นมาก นับตั้งแต่วันนั้นที่ผมได้ไขข้อข้องใจทุกอย่างกับเชลซี ปรากฎว่าเธอดูเติบโตเป็นผู้ใหญ่ มีวุฒิภาวะและเป็นคนที่อบอุ่น ทุกคนเรียนรู้จากความผิดพลาดของตนเอง แต่เอาจริงๆแล้วผมไม่เคยคิดเลยว่าคนอย่างเธอจะเปลี่ยนไปและกลายเป็นคนที่มีวุฒิภาวะและจิตใจดีได้ขนาดนี้ ผมเห็นว่าหลายครั้งเธอคอยช่วยเหลือดูแลคนอื่น ผู้หญิงคนนี้เปลี่ยนไปอย่างมาก และจากช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมรู้สึกสบายใจกับเธอและวิธีการทำงานของเธอมากขึ้น ผมยอมให้เธอนำอาหารกลางวันและกาแฟมาให้ด้วยแม้ว่าผมจะปฏิเสธไม่ให้เธอทำอย่างนั้น แต่เธอก็ยังยืนกรานว่าเธอชอบทำตัวให้ยุ่งอยู่เสมอเป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้วที่เราไปแวนคูเวอร์ แ
หลักฐานแรกของฮีเลียมถูกค้นพบเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม ค.ศ. 1868 เป็นเส้นสีเหลืองสดใสที่มีความยาวคลื่น 587.49 นาโนเมตรในสเปกตรัมของโครโมสเฟียร์ของดวงอาทิตย์ เส้นดังกล่าวถูกตรวจพบโดยนักดาราศาสตร์ชาวฝรั่งเศส จูลส์ แจนเซนระหว่างเกิดสุริยุปราคาเต็มดวงในเมืองกุนตูร์ ประเทศอินเดีย โดยแต่เริ่มเดิมทีเส้นนี้ถูกสันนิษฐานว่าเป็นโซเดียม...สายตาของผมกวาดดูสารานุกรมเพื่อศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับก๊าซฮีเลียม สิบสี่วันแล้วที่ผมติดอยู่กับวิชานี้ และยิ่งเมื่อได้อ่านเรื่องนี้มากเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งหลงใหลมันมากขึ้นเท่านั้น และนั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมผมถึงได้นั่งอยู่ในห้องสมุด อ่านสารานุกรม และจดบันทึกประเด็นต่างๆลงในสมุด“เอซ?”ผมเงยหน้าขึ้นและพบว่าจุง-ฮวากำลังเดินมา มือของเขาเต็มไปด้วยกระดาษวาดรูปในขณะที่เขาวางมันไว้บนโต๊ะและนั่งลงตรงหน้าผม“นี่อะไรน่ะ” ผมถามขณะที่หยิบสมุดวาดรูปเล่มหนึ่งออกมาแล้วเปิดออกเพื่อค้นหาแผนผังเซลล์ของสิ่งมีชีวิตทั้งหมด"รายงาน!" เขาพูดด้วยสำเนียงเกาหลีของเขา"โอเค!" ผมพูดขณะที่หันกลับไปสนใจกับสมุดบันทึกของตัวเอง “นายทำงานเสร็จแล้วเหรอ” เขาถามซึ่งทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมองเขา “ยังเลย” เ
ผมได้ยินเสียงจุงกัดฟันกรอดอย่างรุนแรง เขาเดินพล่านไปมาในห้องของเขาขณะที่ผมนั่งลงบนโต๊ะเรียนเพื่อช่วยเขาทำรายงาน ยางลบยังอยู่ระหว่างนิ้วของผม ขณะที่ผมพบว่าตัวเองหลงอยู่ในห้วงความคิดเกี่ยวกับหญิงสาวที่ชื่อ เวโรนิกา ฉันไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเธอเลย ทั้งชื่อเต็มของเธอหรือวิชาที่เธอเลือก เพราะเหตุใดเธอจึงย้ายเข้ามาเรียนตอนกลางเทอมผมก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้นัก แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเอลเลียตคือสิ่งที่วนเวียนอยู่ในใจผม และยางลบก็หล่นลงจากมือ ผมถอนหายใจ“ไอ้เอลเลียตน่ะ! มันไม่มีวันเปลี่ยนตัวเองหรอกจะบอกให้นะเอซ เราไปร้องเรียนเรื่องนี้กับคณบดีกันเถอะ” เขาอุทานด้วยน้ำเสียงแหบแห้งที่ทำให้ผมหันกลับมามองเขา “ฉันคิดว่านายควรไปหาหมอนะ ตอนนี้เสียงนายเริ่มแหบแล้ว” ผมบอกเขาแล้วเขาก็ยักไหล่ตอบกลับมา“อาจจะแค่เป็นหวัดน่ะ” เขาตอบ แล้วผมก็พึมพำขณะหยิบยางลบขึ้นมาและกลับไปทำงานต่อ“ว่าแต่ผู้หญิงคนนั้น ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครกันแน่” เขาถามและมานั่งข้างๆ แล้วมองมาที่ผมเหมือนอยากรู้จักผู้หญิงคนนั้นให้มากขึ้น “ฉันไม่รู้จริงๆ แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในตอนนั้น ฉันคิดว่าเธอกำลังหาเรื่องใส่ตัว เราควรอยู่ห่างจากเธอ ถ้าเราไม่อ
เวโรนิกา …แสงแดดที่ส่องลงมาบนใบหน้าทำให้ฉันส่งเสียงพึมพำขณะลืมตาเพื่อดูเวลา ตอนนี้ก็บ่ายโมงครึ่งแล้ว อย่างไรก็ตาม ขณะอ่านหนังสือ ฉันสามารถนอนหลับสนิทได้เป็นผลมาจากการนอนไม่หลับในคืนสุดท้าย ฉันถอนหายใจขณะที่นั่งบนม้านั่งและเมื่อแหงนเงยหน้าขึ้นก็พบว่ามีนกทำรังอยู่บนต้นไม้ด้านบน เงาของต้นไม้ตกลงมาที่ฉัน แต่แสงแดดที่ส่องผ่านใบไม้นั้นกระทบหน้าฉันโดยตรง ฉันหยิบหนังสือที่อ่านไปได้ครึ่งหนึ่ง เก็บที่คั่นหนังสือไว้ข้างในแล้วปิดมันก่อนจะเก็บมันกลับเข้าไปในกระเป๋าและเตรียมตัวจะออกไปเรียนในวิชาต่อไปเมื่อฉันเดินผ่านโรงเรียน ฉันรู้สึกได้ว่านักเรียนบางคนมองมาที่ฉันและพวกเขากระซิบกระซาบกันทุกครั้งที่ฉันเดินผ่านบางทีเหตุผลที่ฉันถูกย้ายไปมาที่มหาวิทยาลัยบ้าๆนี้ในช่วงกลางเทอมคงทำให้พวกเขาสนใจและต้องการรู้ว่าฉันเป็นใคร ฉันครุ่นคิดเกี่ยวกับตัวเองและเมื่อฉันสัมผัสเส้นผมของฉัน ก็รู้สึกถึงบางอย่างที่ด้านหลังศีรษะและลองดึงมันออกมา มันอาจจะเป็นกิ่งไม้หรือใบไม้ที่อาจร่วงหล่นลงมาตอนที่ฉันกำลังหลับอยู่ ฉันโยนมันทิ้งไปแล้วเดินผ่านทางเดินที่พลุกพล่านไปยังล็อกเกอร์ของฉันวิชาเคมีเป็นวิชาต่อไปที่ที่ฉันต้องเข้าเรียน
คุณอาเชเบมาสายเหมือนเคย ผมก็นั่งบนเก้าอี้ในห้องแล็บพลางเล่นดินสอของผมไป และทันใดนั้นจากการมองไปข้างๆผมเห็นใครบางคนวิ่งเข้าไปในห้องแล็บจากประตูหลัง และผมก็หันกลับเพื่อจะพบว่าไม่มีใครอื่นนอกจาก เวโรนิกาที่วิ่งเข้ามามองทั่วห้องแล็บราวกับกำลังตามหาใครสักคนแล้วจากนั้นเธอก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ผมก็กำลังจะหันหลังกลับ จู่ๆ เธอก็หันมาสบตากับผม เมื่อผมถูกจับได้ว่ากำลังจ้องมองเธอผมหันหลังกลับให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้และมองที่สมุดบันทึกของตัวเองแต่ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมหัวใจของผมถึงเต้นรัว ขณะที่ผมเอามือไปแตะที่หน้าอกเพื่อสัมผัสถึงการเต้นของหัวใจที่เต้นรัวเร็ว หรือผมจะไม่สบายนะ?เก้าอี้ข้างๆผมถูกเลื่อนออกไป และแม้ว่าผมจะไม่ได้สนใจว่าเป็นใคร แต่แน่นอนว่าเวโรนิก้านั้นนั่งอยู่ข้างๆ ขณะที่ผมเงยหน้าขึ้นและมองสำรวจทั่วห้องแล็บเพื่อหาที่นั่งอื่นที่ว่างอยู่ แต่ก็ไม่พบเลย มีที่นั่งว่างเพียงที่เดียวอยู่ข้างๆผม และปกติแล้วเกือบจะทุกวัน จุงจะเป็นคนมานั่งที่ข้างๆผมเสมอ แต่เนื่องจากว่าเขาไข้ขึ้นสูงจากไข้หวัดเมื่อคืน ทำให้เขาต้องขาดเรียน และเวโรนิกาก็มานั่งข้างผมแทนในที่สุดหลังจากผ่านไปสิบห้านาที คุณอาเชเบก็ปรากฏต