เอซ ไนท์ หนุ่มเนิร์ดผู้เงียบขรึมที่ไม่เคยจะแหกกฎใดๆในชีวิต ได้มาพบกับ เวโรนิกา สาวลึกลับปริศนาที่ทำให้เขาหัวใจเต้นแรงและไม่เป็นตัวของตัวเอง การปรากฎตัวของเธอแต่ละครั้งมีแต่เรื่องชวนประหลาดใจ เธอเป็นใคร เธอมาทำอะไร เธอร่ายเวทมนต์อะไร ทำไมเขาถึงใจสั่นได้ถึงเพียงนี้“นายเคยไปสวนสนุกตอนกลางคืนหรือเปล่า” เธอถามและนั่นทำให้ผมขมวดคิ้ว ส่ายหัวไปมา “เยี่ยมไปเลย ปะ! เราจะสนุกกัน” ยี่สิบนาทีต่อมา เราก็มายืนอยู่หน้าสวนสนุกกลางคืนเสียแล้ว ผมอยากจะกลับ แต่แน่นอนว่าผมไม่เคยมาที่นี่มาก่อน“ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย” เธอหัวเราะ “แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม นายเห็นด้วยไหมว่าการได้อยู่ที่นี่มันวิเศษมาก” เธอถาม ผมไม่รู้ว่าผมชอบเจ้าเครื่องเล่นนี้เหล่านี้หรือเปล่า แต่ที่แน่ๆคือผมชอบการที่ได้อยู่เป็นเพื่อนเธอมาก
ดูเพิ่มเติม“กาแฟของคุณค่ะ” ผมได้ยินเสียงเชลซีและเงยหน้าขึ้นมองขณะที่เธอวางถ้วยกาแฟลงบนโต๊ะของผมด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า"เข้มและใส่น้ำตาลน้อย แบบที่คุณชอบ" เธอเสริม และนั่นทำให้ผมหยิบถ้วยกาแฟขึ้นมาสูดกลิ่นหอมของกาแฟแล้วจิบ “วิเศษมาก” ผมพูดพร้อมกับพยักหน้าและส่งยิ้มให้เธอ “ขอบคุณครับ” ผมตอบ เธอพยักหน้าพร้อมเก็บเอกสาร “ฉันไปก่อนนะคะท่าน” เธอยิ้มและเน้นคำสุดท้ายที่ทำให้ผมหัวเราะ แล้วเธอก็เดินออกจากห้องของผมไปการทำงานในสำนักงานนั้นง่ายขึ้นมาก นับตั้งแต่วันนั้นที่ผมได้ไขข้อข้องใจทุกอย่างกับเชลซี ปรากฎว่าเธอดูเติบโตเป็นผู้ใหญ่ มีวุฒิภาวะและเป็นคนที่อบอุ่น ทุกคนเรียนรู้จากความผิดพลาดของตนเอง แต่เอาจริงๆแล้วผมไม่เคยคิดเลยว่าคนอย่างเธอจะเปลี่ยนไปและกลายเป็นคนที่มีวุฒิภาวะและจิตใจดีได้ขนาดนี้ ผมเห็นว่าหลายครั้งเธอคอยช่วยเหลือดูแลคนอื่น ผู้หญิงคนนี้เปลี่ยนไปอย่างมาก และจากช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมรู้สึกสบายใจกับเธอและวิธีการทำงานของเธอมากขึ้น ผมยอมให้เธอนำอาหารกลางวันและกาแฟมาให้ด้วยแม้ว่าผมจะปฏิเสธไม่ให้เธอทำอย่างนั้น แต่เธอก็ยังยืนกรานว่าเธอชอบทำตัวให้ยุ่งอยู่เสมอเป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้วที่เราไปแวนคูเวอร์ แ
ผมได้ยินเสียงนาฬิกาบอกเวลาที่ไหนสักแห่งที่ไกลออก เมื่อมองดูนาฬิกาก็พบว่าเป็นเวลาเกือบหนึ่งทุ่มแล้ว โนอาห์บอกผมไว้ก่อนหน้านี้ว่าเขากำลังมุ่งหน้ากลับไปที่ห้องสวีทของโรงแรมและแจ้งผมเกี่ยวกับเชลซีที่กำลังเรียกแท็กซี่กลับไปที่โรงแรมเช่นกันสิ่งที่เชลซีบอกผมก่อนหน้านี้แวบเข้ามาในหัว ผมถอนหายใจ สิ่งที่เธอพูดนั้นถูกไหม? ผมกำลังใช้วิจารณญาณคิด ว่าผมตัดสินเธอในสิ่งที่เธอทำเมื่อสิบสี่ปีที่แล้วและกำลังมองไม่เห็นสิ่งที่เธอเป็นอยู่ตอนนี้จริงหรือไม่?เธอทำงานได้อย่างโดดเด่น และเธอก็มีความระมัดระวังในสิ่งที่เธอทำอยู่เสมอ แต่เมื่อสิบสี่ปีที่แล้ว เรายังเป็นเด็ก เป็นช่วงที่กำลังสุกงอมและได้รับอิทธิพลจากสิ่งต่างๆได้ง่าย...มันเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้วหรือเปล่าที่จะลงโทษใครซักคนสำหรับการกระทำที่ไร้เดียงสาในตอนนั้น?ผมหมายถึง ผมไม่ได้ลงโทษเธอหรือทำอะไรลงไปจริงๆ แต่ผมเห็นด้วยว่าผมแค่พยายามหลบเลี่ยงเธอ แน่นอนว่าแค่หลีกเลี่ยงเธอ และนั่นเป็นเพียงตัวตนปกติของผม แต่อย่างใรก็ตามผมก็ทำให้เธอขุ่นเคือง ดังนั้นผม จึงลุกขึ้นคว้าเสื้อแจ็คเก็ตและเดินไปที่ประตูมือของผมสั่นเล็กน้อยราวกับไม่มั่นใจในความคิดของตัวเอง อยากจะเปล
แก้วกาแฟร้อนวางอยู่ตรงหน้าผม ผมเอื้อมมือไปหยิบ และกำลังจะกล่าวขอบคุณโนอาห์ แต่แล้วเมื่อมือของผมสัมผัสที่แก้ว ผมบังเอิญเงยหน้าขึ้นมอง กลับพบเชลซีแทนที่จะเป็นโนอาห์เธอยิ้มให้ผม และวางแฟ้มเอกสารไว้ตรงหน้าผม “ฉันกำลังจะเอาแฟ้มเอกสารนี้มาให้คุณ และระหว่างทางบังเอิญเจอโนอาห์เข้า เห็นเขากำลังจะเอากาแฟมาให้คุณ ฉันเลยเสนอตัวช่วยเอามาให้เองค่ะ” เธอบอกผม และผมก็วางถ้วยกาแฟลง“คุณก็รู้ดีอยู่แล้วว่างานแต่ละอย่างควรอยู่ในมือคนที่เชี่ยวชาญสิ่งนั้น ถ้าคนอื่นทำ เขาคงทำมันพังแน่! ดูถ้วยสิ ด้วยความเร่งรีบของคุณ คุณก็ทำกาแฟหกเลอะออกมาข้างนอก" ผมบอกเธอขณะชี้ไปที่กาแฟที่หกบนจานรอง"โธ่!" เธอกระซิบและหยิบกระดาษทิชชู่จากกล่องบนโต๊ะของผม มาเช็ดคราบกาแฟที่หกเลอะเทอะในทันที"ช่างมันเถอะ!" ผมกล่าว และมองไปที่แฟ้มในมือเธอ“นี่เป็นเอกสารเกี่ยวกับนโยบายใหม่ที่ฉันทำขึ้นมาค่ะ ฉันต้องการให้คุณช่วยตรวจดู แก้ไข และแจ้งให้เราทราบหากจะมีการเปลี่ยนแปลง” เธอกล่าวขณะวางแฟ้มเอกสารไว้บนโต๊ะ ผมก็หยิบมันออกมาดู“เอาล่ะ” ฉันพึมพำและเปิดแฟ้มเพื่ออ่าน ผมกดปุ่มอินเตอร์คอม และเรียกให้โนอาห์เข้ามาพบ “ออกไปได้แล้วครับ คุณคินสลีย์” ผมพ
แฟ้มกองหนึ่งถูกวางลงบนโต๊ะต่อหน้าผมผมมองไปที่โนอาห์ที่ขยับแว่นสายตาของเขาขณะที่ปัดฝุ่นที่มองไม่เห็นออกจากชุดสูทแล้วมองมาที่ผม ไม่เคยคิดเลยจริงๆว่าจากห้องทดลองผมจะต้องย้ายมาทำงานแบบนี้ แม้ว่าทุกคนรอบตัวจะให้กำลังใจว่าผมทำงานได้ดีมากในช่วงสองวันที่ผ่าน แต่มีเพียงผมเท่านั้นที่รู้ว่าสภาพของผมย่ำแย่แค่ไหน ผมต้องขับรถกลับไปที่ห้องแล็บในตอนกลางคืนและนอนค้างที่นั่น และก็ต้องกลับไปที่อพาร์ตเมนต์เพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วกลับไปที่บริษัท“นี่คือรายงานของผู้ถือหุ้นของ ไนท์ คอร์ป ครับ” เขากล่าวและมองไปที่ไฟล์ก่อนที่จะหยิบขึ้นมาและส่งต่อให้ผม“เริ่มจากอันนี้ก็ได้ครับ” เขาบอกผมถอนหายใจพร้อมกับสวมแว่นและหยิบแฟ้มจากเขาเพื่อตรวจดู มันยากสำหรับผมที่จะรับมือกับการบริหารงานบริษัท แน่นอนว่าผมเคยมาทำงานที่นี่ แต่นั่นก็เป็นแค่งานเล็กๆน้อยๆ และพ่อของผมก็ตระหนักดีถึงสิ่งที่ผมกำลังทำอยู่ จึงไม่มีอะไรผิดพลาด แต่วันนี้ ตอนนี้ ผมคนเดียวที่จะต้องถูกตำหนิหากพบว่ามีข้อผิดพลาดและหากทำบริษัทประสบปัญหา ผมจะเป็นคนเดียวที่ถูกตำหนิและผมก็ไม่ต้องการให้ความอัปยศนี้เกิดขึ้นผมจดจ่อกับงานอย่างหนักและขอบคุณโนอาห์ที่ช่วยผมอย่างมากเข
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นปลุกผมให้ตื่นขึ้น ขณะที่กดผมปิดนาฬิกาปลุกและขยี้ตาลุกจากเตียงและเดินไปที่ระเบียงกระจกมองออกไปที่ท้องฟ้า เพิ่งจะตีสี่เท่านั้น แต่นกบินจากไปหมดแล้วอาคารมากมายราวกับมหาสมุทรยังคงตระหง่านอยู่ตรงหน้าผม ผมยืนนิ่งยืดเส้นยืดสายเล็กน้อยและกลับเข้าไปอาบน้ำนาฬิกาบอกเวลาตีห้า และด้วยความรีบเร่งผมหยิบเสื้อเชิ้ตสีเทาและกางเกงสีดำมาสวม ขณะที่ฉันเดินไปที่ประตูหน้า หยิบกุญแจรถเตรียมออกจากบ้านวันนี้เป็นวันที่พ่อแม่ของผมต้องเดินทางไปต่างประเทศเพื่อการรักษาของแม่ พ่อของผมดูกระวนกระวายใจตั้งแต่วันที่แม่เดินไม่ได้และสมองของเขาหมกมุ่นแต่เรื่องนี้จนไม่สามารถทำงานได้ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงกระตือรือร้นที่จะทิ้งผมไว้กับบริษัทและพาแม่ไปรักษาที่ต่างประเทศ แพทย์ในนิวยอร์กไม่สามารถวินิจฉัยปัญหาในไขสันหลังของแม่ได้ ซึ่งทำให้แม่เดินไม่ได้ ในขณะที่บางคนบอกว่าเธอเป็นอัมพาต แต่ในขณะเดียวกันก็มีคนอื่นๆให้ความหวังกับเราว่าเธอจะสามารถลุกขึ้นยืนได้ หากเธอได้รับการรักษาที่ถูกต้องจากแพทย์ที่เฉพาะทางพ่อของผมทำหน้าที่ของเขา เขาพยายามทุกอย่างที่จะหาหมอที่เก่งที่สุด และในที่สุดพ่อก็ค้นพบหมอคนนั้น เขาไม่
เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผมรู้สึกดีใจที่ได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์แห่งลอนดอน พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าหากพ่อแม่ของผมไม่ยอมส่งผมมาที่นี่ ผมก็คงไม่ได้พบกับเวโรนิกา นอกจากการเป็นนักบินอวกาศแล้ว ตอนนี้ผมมีความฝันอีกอย่างหนึ่งนั่นก็คือการได้อยู่กับเวโรนิกาเธอหันกลับมา วันนี้เธอสวมชุดเดรสผ้าซาตินสีน้ำตาลแดงผมดัดเป็นลอนอ่อนๆ และดวงตาคู่นี้ก็ดูสวยมากนั่นอาจจะ เพราะเป็นครั้งแรกที่ผมเห็นมันเป็นประกาย ผมตกหลุมในความงดงามของเธอในทันที“เว-เวโรนิกา?” ผมพบว่าตัวเองพูดตะกุกตะกัก"อะไร?" เธอหัวเราะ ผมขยับตัวขณะที่ยืนตัวตรงและปรับเนคไทให้เข้าที่ เธอมองมาที่รองเท้าของผมแล้วค่อยๆเงยหน้าขึ้นมาสบตา เป็นการดึงสติผมกลับมาอีกครั้ง และคิดว่าผมดูโอเคหรือไม่“วันนี้มีคนดูเปลี่ยนไปหรือเปล่า” เธอพูดขณะที่เธอหรี่ตาด้วยน้ำเสียงขี้เล่น “วันนี้เป็นโอกาสพิเศษอะไรเหรอ” เธอขมวดคิ้วและนั่นทำให้ผมหัวเราะและส่ายหัวไปมา และในทันใดผมก็รู้สึกสบายใจขึ้น สติสัมปชัญญะในตัวผมหายไปหมดนานแล้ว“เธอดูน่าทึ่งมาก” ผมจำได้ว่าผมไม่เคยชมเธอตรงๆ และนั่นทำให้เธอยิ้มได้ เธอยิ้มอย่างมีความสุข จนเห็นลักยิ้มบนแก้มที่ผมไม่รู้ว่าเธอมี ซึ่ง
วันนี้ ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง วันสุดท้ายในปีการศึกษาของเราผมยืนอยู่หน้ากระจกกำลังผูกเนคไทประตูเปิดออกและจุงเดินเข้ามาอย่างเศร้าสร้อยขณะที่เขาผูกเนคไทที่คอของเขา“นายทำอะไรอยู่” ผมถามขณะทิ้งเนคไทไว้บนเก้าอี้แล้วหันกลับมามองเขา "โอ้?" เขามองมาที่ผม มองจากหัวจรดเท้าแล้วเป่าปาก “ให้ตายเถอะ! นายดูดีมาก” เขาบอกผม ผมยิ้มขณะที่หันหลังให้กระจกและขยับชุดของผมให้เข้าที่ผมเลือกใส่ทักซิโด้สีน้ำเงินกรมท่า ทรงสกินนี และหวีผมเรียบไปด้านหลัง ฉันดูแตกต่างออกไปจากทุกวัน แต่ก็ไม่แน่ใจว่าตัวเองดูดีหรือแค่ดูแปลกตา“จริงเหรอ ฉันดูดีหรือแค่แตกต่างจากทุกวัน” ผมถามขณะมองจุงผ่านกระจก“นายดูดีในแบบที่ต่างออกไป” เขาบอกผมขณะถอดเนคไทออกแล้วเอามาพันรอบมือ"แล้ววันนี้ใครเป็นคู่เดทของนาย?" เขาถามพลางขมวดคิ้วและผมก็ถอนหายใจ “คิดว่าใครอีกล่ะ” ผมพูดขณะหยิบเนคไทขึ้นมาและผูกไว้รอบคอพอดี ชุดของผมเป็นของขวัญจากแม่ เธอรู้ว่างานพรอมใกล้จะถึงแล้ว และด้วยเหตุนี้ เธอจึงส่งช่างตัดเสื้อของครอบครัวไปที่มหาวิทยาลัย จากนั้นเขาก็วัดขนาดและถามสไตล์การแต่งตัวที่ผมชอบก่อนจะตัดสูทให้"เพื่อนของฉันทำถูกแล้ว! ได้ไปกับผู้หญิงที่เขาชอบ!" จุงหัวเ
“แกคิดว่าแกยิ่งใหญ่มาจากไหนเหรอฮะ?” ผมถูกผลักกระแทกเข้ากับประตูห้องน้ำอย่างรุนแรง และต้องก็สะดุ้งขึ้นด้วยความเจ็บปวดเมื่อรู้สึกเจ็บที่ข้างลำตัว มันเหมือนคนที่กระหายน้ำวิ่งไปที่โอเอซิสกลางทะเลทราย ดื่มน้ำเพื่อต้องการดับกระหาย เป็นแบบเดียวกับที่เอลเลียตตั้งเป้าหมายในชีวิตของเขาว่า เขาจะวิ่งมาหาผมเพื่อดับความบ้าคลั่งในตัวของเขา“จะทำอะไรน่ะ” ผมพึมพำหรือพยายามจะพูด แต่เพราะเขาจับคอเสื้อฉันไว้ซึ่งทำให้ผมหายใจไม่ออก“หุบปาก! ไอ้เนิร์ด! ฉันสังเกตว่านายเริ่มโตแล้วตั้งแต่วันที่นังนั่นโผล่มา!” เอลเลียตคำรามในตอนท้าย และผมก็รู้ว่าเขากำลังพูดถึงใคร“อย่ามายุ่งกับเวโรนิกาในเรื่องนี้” ฉันพูดอย่างยากลำบาก แล้วเขาก็หรี่ตามาที่ฉัน "โอ้! มีบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างแกสองคนสินะ" เขามีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฎบนใบหน้าของเขา ฉันใช้เวลาในการดันมือของเขาออกจากคอเสื้อและฉันก็หอบหายใจแรงและไอออกมาเล็กน้อย 'นายคิดผิดแล้ว! เธอเป็นเพื่อนของฉัน” ฉันบอกเขาและนั่นทำให้เขากลอกตาไปมา“คิดว่าฉันโง่เหรอ?” เขาพูดฉันมองขึ้นไปที่เขา“แน่นอน ฉันรู้ ไม่มีอะไรระหว่างแกสองคน และไม่มีทางเป็นอะไรกัน แกเคยเห็นตัวเองในกระจกไหม ไอ้เนิร์ด!
ทุกคนยืนนิ่งไว้อาลัยให้กับมิสเตอร์จอห์น ดาร์วิน คณบดีของมหาวิทยาลัยของเรา มันเป็นวันที่มืดมนของคนทั้งมหาวิทยาลัยเพราะเรารู้ว่าเขาฆ่าตัวตายโดยจ่อปืนยิงไปที่หน้าผากของเขาเขาทิ้งจดหมายที่เขียนด้วยลายมือซึ่งเขาบอกกับทุกคนว่าเขารู้สึกหดหู่ใจและเขาได้ทำลายชีวิตของผู้คนมากมายมาทั้งชีวิต ตอนนี้ เมื่อเขาแก่ตัวลง สิ่งนี้กำลังกัดกินเขาอยู่ข้างใน และในที่สุดก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาตัดสินใจปลิดชีวิตตัวเองส่วนอาคารเรียนของเรานั้น เพลิงไหม้เกิดจากการที่ไฟ้ฟ้าลัดวงจรในห้องแล็บเคมีทำให้เกิดเพลิงไหม้ ตำรวจกำลังสอบสวนในเรื่องนี้ ชั้นเรียนถูกระงับจนกว่าพวกเขาจะเตรียมอาคารอื่นให้พร้อมสำหรับการเรียนการสอน ซึ่งปกติจะใช้เวลาสองถึงสามวัน ทุกคนดูตกใจเมื่อพบว่าคณบดีเสียชีวิต ในขณะที่บางคนพูดว่า มันช่างโชคร้ายเสียจริงๆ บางคนที่ใกล้ชิดกับคณบดีผู้ที่ยังไม่แต่งงาน กล่าวว่าคณบดีสมควรได้รับมันไม่ว่ามันจะเป็นอะไร ผมก็เชื่อว่ามันไม่ถูกต้อง ทำไมเขาต้องฆ่าตัวตาย? เขาไปทำอะไรมา อะไรที่กัดกินชีวิตเขาและทำให้เขาเป็นโรคซึมเศร้า? ไม่ว่ามันจะเป็นอะไร ผมเชื่อว่าการจบชีวิตไม่ใช่ทางเลือกที่เหมาะสม หากคุณเป็นคนหนึ่งที่สร้างความเจ็บ