เสียงพูดคุยกันของทั้งสามถูกแอบฟังโดยสาวใช้และนำเรื่องนี้ไปรายงานให้กับผู้เป็นนายที่สั่งให้รายงานทุกการเคลื่อนไหวของคนในคฤหาสน์แห่งนี้ไม่ว่าจะทำอะไรเกิดอะไรต้องรายงานทุกเรื่อง ใช้เวลาอยู่นานสองขาเรียวที่รีบเดินไปยังบ้านหลังหนึ่งที่อยู่ห่างออกไปจากคฤหาสน์ พร้อมกับเคาะประตูเพื่อเรียกผู้เป็นเจ้าของบ้าน
“นายหญิงข้ามีเรื่องมารายงาน” หญิงสาวเคาะเรียกผู้เป็นนาย ก่อนจะมองรอบตัวอย่างระแวดระวัง
ไม่นานนักประตูก็ถูกเปิดออก พร้อมกับปรากฏหญิงวัยกลางคน มาร์ธาร์ แบล็ค เซอร์เพนท์ ที่มีบาดแผลฉกรรจ์อยู่บนใบหน้า สายตาของเธอนั้นดูดุดันไม่แพ้กับผู้เป็นเจ้าเมืองที่มีศักดิ์เป็นหลานของเธอ แต่หากใบหน้าของเธอนั้นกลับไร้รอยยิ้มก่อนจะรีบเดินนำเข้ามาในบ้าน
“ข้าบอกเจ้าแล้วใช่ไหม ว่ามาที่นี่อย่าเอิกเกริก” ฝ่ามือเหี่ยวย่นฟาดลงไปบนใบหน้าหยาบกร้านของสาวใช้จนเธอล้มลงไป
“นายหญิงข้าขอโทษ ให้อภัยข้าด้วย แต่เรื่องที่ข้าจะมารายงานวันนี้เป็นเรื่องสำคัญมาก” สาวใช้ขอโทษและวิงวอนให้นางอภัย ก่อนจะเริ่มบอกสิ่งที่เจ้านายควรรู้
“ถ้าเรื่องที่เจ้าบอกมันไร้สาระ ข้าจะจัดการฝังเจ้าซะ” มาร์ธาร์เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงดุดันและทรงอำนาจ เพื่อข่มขู่ผู้เป็นทาสของตนพร้อมกับนั่งลงอย่างวางมาด
“นายท่านฮาร์ส พาหญิงสาวแปลกประหลาดเข้ามาในคฤหาสน์ในเวลานี้เจ้าค่ะ” สาวใช้ที่นั่งอยู่กับพื้นสบตามองพื้นก่อนจะรายงานผู้เป็นนาย
“หญิงสาวแปลกประหลาด นางมาจากที่ใด” เมื่อคนเป็นป้ารู้ก็เริ่มสอบถามทันที เพราะหลานชายไม่เคยแตะต้องหญิงคนใดหลังจากโดนหักหลังอย่างสาหัส แต่มันก็ทำให้เธอสะใจมาจนถึงทุกวันนี้ เพราะเธอก็ต้องเสียคนรักเพราะหลานชั่วเช่นกัน
“ท่านฮาร์ส พานางมาจากบ่อน้ำแห่งกาลเวลาเจ้าค่ะ ถ้ารู้มาเพียงเท่านี้แต่ถ้านายหญิงต้องการข้อมูลเพิ่มค่าจะไปหามาให้” สาวใช้ผู้ซื่อสัตย์ยังคงพูดเพื่อเอาตัวรอดเพราะตนเองก็ได้เขามาเพียงเท่านี้เช่นกัน
“จับตาดูนางไว้แล้วนำมารายงานข้า กลับไปได้แล้วเดี๋ยวจะมีคนมาเห็น” ผู้เป็นป้าไล่สาวใช้ให้กลับไปยังคฤหาสน์เพื่อไปสืบเรื่องมาเพิ่ม ก่อนที่จะหันไปเห็นลูกบุญธรรมของตน อาร์กอส เทม เซอร์เพนท์ ที่เป็นผลงานชิ้นเอกของเธอกำลังเดินกลับเข้ามาในบ้าน
สาวใช้ที่กำลังเดินออกไปสบตาเข้ากับลูกชายเจ้าของบ้าน ก่อนจะเดินแยกออกไปด้วยรอยยิ้มบางอย่าง ซึ่งเขาก็ได้ยินตอบกลับเธอเช่นกัน
เขาเดินตรงไปหาแม่ผู้บังเกิดเกล้าและให้ชีวิตใหม่กับเขา หญิงคนนี้คือผู้มีพระคุณและเป็นแม่ของเขาที่เขารักมากที่สุด เธอให้ในสิ่งที่เขาต้องการและเขาจะตอบแทนความรักนี้ให้กับเธอ
“ท่านแม่ ทำอะไรอยู่เหรอครับ” เขาเดินเข้าไปสวมกอดผู้เป็นแม่พร้อมกับไปนั่งคุยกันภายในห้องรับแขก
“แม่ให้หล่อนเอาของมาให้น่ะ” ผู้เป็นแม่พาลูกชายเดินเข้าไปนั่งที่ห้องรับแขกพร้อมกับรินชาให้ผู้เป็นลูกชาย
ร่างบางที่ถูกนำตัวมาจากห้องขังใต้ดินได้กลับเข้ามาอยู่ในห้องที่ตัวเองเคยอยู่ แล้วมีทหารยืนเฝ้าอยู่หน้าห้องสี่คน ก่อนจะมีสาวใช้หกคนเข้ามาปรนนิบัติและพาเธอชำระร่างกายที่เปรอะเปื้อนไปด้วยโคลนในตอนที่เธอโดนสอบสวน
สาวใช้ที่เข้ามาดูแลเธอไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาพวกหล่อนเพียงทำหน้าที่ของตัวเองจนเสร็จแล้วพากันเดินออกไป ผ่านไปไม่นานนักร่างทรงที่เธอคุ้นเคยก็มาหาเธอที่ห้องอีกครั้ง แต่ครั้งนี้กลับแปลกไป เพราะเขาไม่ได้ดูดุดันเหมือนตอนที่อยู่ในห้องขังใต้ดิน
“ถ้าเจ้าอยากกลับบ้านข้าจะช่วยหาทางกลับให้” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นอย่างไม่มีที่มา เมื่อเขานั้นเดินมานั่งที่เตียงของเธอพร้อมกับเอนกายพิงหัวเตียงพร้อมกับไขว่ขาอย่างวางมาด
“นี่คุณ จะพาฉันกลับจริง ๆ เหรอ” หญิงสาวพูดด้วยความตื่นเต้นว่าตัวเองนั้นจะได้กลับบ้านก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ ๆ ร่างสูงอย่างไม่ได้กลัวใด ๆ
“ใช่ข้าจะพาเจ้ากลับ แต่…” บาบารัสเกิดขึ้นพร้อมกับเว้นวรรคประโยคจนทำให้หญิงสาวนั้นถึงกับขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิด
“แต่อะไรล่ะคุณ บอกฉันมาสิ !” หญิงสาวยังคงยืนมองเขาที่นอนอยู่บนเตียงอย่างสบายใจพร้อมกับใบหน้าที่เริ่มแสดงถึงความหงุดหงิด
“ข้ายังไม่รู้วิธีกลับเพราะมันไม่เคยมี แต่ระหว่างที่นี่เจ้าต้องทำตัวให้มีประโยชน์” ร่างสูงเอ่ยขึ้นไปตามความจริงเพราะว่าทางกลับนั้นยังไม่เคยมีใครค้นพบ และระหว่างอยู่ที่นี่เธอจะไม่ได้อยู่อย่างสุขสบาย เธอจะต้องปฏิบัติเหมือนกับคนที่นี่ทุกอย่าง
“ว่ายังไงนะไม่มีทางกลับเหรอ ตลกเกินไปแล้ว !! ทำไมฉันต้องอยู่ที่นี่ทำอะไรแบบที่นายบอกด้วย” หญิงสาวไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองการที่มาอยู่ที่นี่มันก็บ้ามากเกินทนแถมยังต้องมาทำอะไรบ้า ๆ อีก
“หรือเจ้า…อยากไปกลายเป็นศพเน่า ๆ อยู่ในป่าล่ะ ข้าทำให้เจ้าแบบนั้นได้แต่เจ้าก็จะไม่ได้กลับบ้าน” บาบารัสเกิดขึ้นอย่างไม่ยี่หระพร้อมกับลุกขึ้นเพื่อเตรียมตัวจะเดินออกจากห้องไป
“ศพ...ศพเหรอไม่สิเดี๋ยว ! ก็ได้แต่ต้องพาฉันกลับจริง ๆ นะ” กรีนไม่ได้ยินคำนั้นเธอก็แทบจะเป็นลมเธอจะไม่ได้กลับบ้าน แถมยังต้องกลายเป็นศพที่ไม่มีญาติอีก ที่นี่คือที่ไหนเธอก็ยังไม่รู้เลยกลายเป็นว่าตอนนี้เธอต้องจำยอมในสิ่งที่เขาบอกสินะ
ในใจและความคิดของหญิงสาวในตอนนี้ ในโลกแห่งนี้ในโลกที่ บ้าบอนี่ เธอจะไม่ยอมเป็นร่างที่ไร้วิญญาณและไร้ญาติเด็ดขาด เธอจะต้องอยู่ที่นี่ให้ได้ ไม่ว่าจะต้องทำอะไรก็ตามเราจะต้องหาทางกลับบ้านให้ได้ แล้วผู้ชายคนนี้เธอจะไม่ให้เขาควบคุมเธอและเธอจะทำตามใจตัวเอง
“ได้ข้าจะพาเจ้ากลับก็ต่อเมื่อหาทางได้ เจ้าจะต้องฝึกฝนและเรียนรู้ทุกอย่างที่ทุกคนเขาทำ ทั้งการต่อสู้การเอาชีวิตรอดเจ้าต้องผ่านมันไปให้ได้ แล้วข้าจะช่วยเจ้าอย่างเต็มที่” ร่างสูงที่เตรียมตัวจะเดินออกนอกห้องนอนหันกลับมาที่เธอพร้อมกับกอดอกอย่างเหนือกว่าเพราะเขาจะสามารถควบคุมเธอได้
“ก็ได้ ! ฉันทำก็ได้” ร่างบางตอบตกลงพร้อมกับมองร่างสูงที่เดินออกไปจากห้อง เมื่อเขาเดินออกไปแล้วเธอทรุดลงที่เตียงก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยล้า
ค่ำคืนผ่านไปเธอไม่เคยได้เห็นแสงแดดหรือแสงอาทิตย์เลย นั่นกลายเป็นว่าที่นี่ไม่เคยมีแสงสว่างให้เธอได้เห็น เธอก็เริ่มจะปรับตัวกับมัน อีกทั้งในสิ่งที่เขาบอกว่าเธอต้องเรียนรู้เกี่ยวกับที่นี่การเรียนการต่อสู้ และการเอาตัวรอด เขาทำมันจริง ๆ เขาให้เธอฝึกฝนเหมือนกับทหารเกณฑ์ที่ต้องไปรับใช้ประเทศชาติ ไม่ว่าเธอจะเหนื่อยล้าแค่ไหนเขาก็ปฏิบัติกับเธอเหมือนกับคนอื่น ๆ
ในใจของเธอยังคงต้องการที่จะกลับบ้าน และต้องเอาชีวิตรอดเพื่อกลับไปที่บ้านให้ได้ ร่างบางที่เหนื่อยล้ากับการฝึกฝนมาตลอดทั้งวันทิ้งตัวลงนอนอย่างอ่อนล้า พร้อมคราบน้ำตาที่ไหลรินออกมาอาบใบหน้าสวย พลางคิดถึงเพื่อน ๆ ของตัวเองที่ได้จากมา เธอคิดถึงพวกเขาอยากกอดพวกเขามาก ๆ เธออยากกลับไปเจอความสบายใจของเธอ
ฉันคิดถึงพวกแกจัง พวกแกจะเป็นยังไงบ้างนะ…
ท่ามกลางทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ ใบหญ้าเขียวขจีไหวเอนตามลมที่พัดผ่าน เสียงนกร้องเพลงอยู่ไกล ๆ และแสงแดดที่ส่องกระทบพื้นดินให้เกิดประกายอ่อน ๆ บรรยากาศรอบข้างเต็มไปด้วยความอบอุ่นและความสุขในวันหยุดที่สมบูรณ์แบบ บาบารัสและกรีนพาลูก ๆ ออกมาเที่ยวในธรรมชาติที่งดงาม และวันนี้ก็เป็นวันที่ทั้งครอบครัวได้มาพักผ่อนในทุ่งหญ้ากว้างที่มีต้นไม้ใหญ่และดอกไม้หลากสีบาบารัสยิ้มอย่างมีความสุขขณะเล่นกับลูก ๆ ของเขา ลูกสาวคนโต บริสตัน วัย 4 ขวบ กำลังวิ่งไล่จับลูกบอลที่เขากลิ้งไปมาในสนาม เธอมีท่าทางฉลาดแฉลบและคล่องแคล่ว ทำให้บาบารัสรู้สึกภูมิใจในตัวลูกสาวมาก ส่วนกราเซีย ลูกสาวแฝดของเธอที่มีอายุเท่ากันกำลังวิ่งตามพี่สาวไป และในขณะเดียวกันลูกชายคนเล็ก บรากัส ที่มีอายุแค่ 3 ขวบก็วิ่งไป ๆ มา ๆ ไม่หยุด เขามักจะล้มตัวลงไปบ่อย ๆ แต่ก็ไม่เคยทำให้เขาหยุดยิ้ม“เร็ว ๆ หน่อย ! บรากัส !” บาบารัสตะโกนด้วยเสียงแหบ ๆ ขณะที่เขาวิ่งตามลูกชายที่ขำ ๆ กระโดดไปชนต้นไม้ จนเสียงดัง “โครม !” บรากัสล้มลงไปกองกับพื้น“โอ๊ะ ! บรากัส !” กรีนที่นั่งอยู่ห่าง ๆ ก็รีบลุกขึ้นมามอง แต่เมื่อเห็นลูกชายหัวเราะอย่างมีความสุขและไม่เป็
ในเมือง Sunthawarm ที่เต็มไปด้วยความสวยงามและความอบอุ่น แสงแดดที่ทอแสงอ่อน ๆ ปล่อยแสงทองสว่างไสวลงมาบนพื้นดินอันเขียวขจี ใบไม้ไหวเอนในลมอ่อน ๆ ที่พัดผ่านมา ทุกสิ่งดูเหมือนจะเปล่งประกายขึ้นด้วยความสุขและความมหัศจรรย์ การแต่งงานระหว่างบาบารัส มีเสน่ห์และความกล้าหาญกับกรีนผู้มีความใจดีและแข็งแกร่ง ทั้งสองเป็นคู่รักที่สมบูรณ์แบบ และวันนี้พวกเขาจะได้ประกาศความรักและผูกพันไปตลอดกาลในพิธีแต่งงานที่แสนพิเศษครั้งนี้เมือง Sunthawarm เป็นสถานที่ที่ได้รับการกล่าวถึงว่าเป็นเมืองที่มีพลังมหัศจรรย์อันล้ำค่า โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ขึ้นในตอนเช้า แสงแดดที่สัมผัสกับท้องฟ้าจะเปล่งประกายราวกับมีการเวทมนตร์แฝงอยู่ในนั้น พิธีการทั้งหมดจัดขึ้นในลานกว้างกลางเมือง ภายใต้ต้นไม้ใหญ่ที่มีกิ่งก้านสาขากว้างขวาง ดอกไม้สีทองอร่ามกระจายทั่วทุกมุม ลมอ่อน ๆ พัดผ่านลอยกลิ่นหอมจากดอกไม้หลากหลายชนิด ขนาบข้างไปกับเสียงร้องของนกที่บินอยู่เหนือท้องฟ้าและเสียงของแม่น้ำใสสะอาดที่ไหลผ่านตามธรรมชาติทุก ๆ คนที่มาร่วมงานในวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นผู้คนจากหมู่บ้านใกล้เคียง สัตว์ต่าง ๆ ที่อาศัยอยู่ในป่า แพะมังกรปีกสีน้ำเงิน หรือม
ในหลายวันถัดมา ภายในห้องนอนของบาบารัสที่เต็มไปด้วยบรรยากาศอันเงียบสงบและอบอุ่น ทั้งสองคนกลับมาอยู่ร่วมกันอีกครั้งหลังจากเวลานานที่ห่างหายไป ความรู้สึกหลากหลายที่เคยปะปนกันในใจของบาบารัส ตอนนี้ได้ถูกละลายไปแล้วด้วยอ้อมกอดและสายตาของกรีนที่เต็มไปด้วยความรักและความห่วงใย ที่แม้กระทั่งบาบารัสยังไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าความอบอุ่นแบบนี้จะเข้ามาทำให้เขารู้สึกอ่อนลงจนแทบจะไม่สามารถต้านทานได้เขาค่อย ๆ ทอดตัวลงบนเตียงที่ถูกจัดวางอย่างสวยงามด้วยผ้าห่มหนานุ่ม มีแสงจันทร์ที่ทอดส่งลงมาอ่อน ๆ ส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาทำให้ห้องนอนดูสงบและน่าหลงใหลยิ่งขึ้น ทุกครั้งที่บาบารัสหันไปมองกรีน ความรู้สึกที่ตื่นเต้นและเต็มไปด้วยความรักจะกลับมาโหมกระหน่ำในหัวใจของเขา กรีนยังคงความงามที่ทำให้หัวใจของเขากระตุกทุกครั้งที่เห็น เธอมีดวงตาที่เปล่งประกายเหมือนดวงดาวในยามค่ำคืน ผมยาวสีดำที่สยายไปบนหมอนกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของเธอปลุกความรู้สึกอบอุ่นในตัวเขาให้ลุกโชนขึ้นอีกครั้งหลายครั้งที่บาบารัสนั่งอยู่ข้าง ๆ กรีน ขณะที่เธอกำลังอ่านหนังสือหรือนั่งทำอะไรบางอย่าง บาบารัสมักจะมองเธอด้วยความเงียบงัน การมองเธอในทุก ๆ การเคลื่อนไหวท
บรรยากาศในห้องสมุดใหญ่ของปราสาทหลากหลายสีสันยังคงเงียบสงัดเหมือนเคย สองมือของบาบารัสจับแน่นกับตำรามหาวิทยาลัยเก่าแก่เล่มหนึ่งที่อยู่ตรงหน้า เขาไม่ยอมละสายตาจากหน้าเรียบ ๆ ของมัน แม้จะเป็นตำราที่เต็มไปด้วยตัวอักษรที่ทับซ้อนจนยากจะเข้าใจ ความมุ่งมั่นและความหลงใหลในเป้าหมายของเขายังคงท่วมท้น มันไม่ใช่แค่การค้นหาความรู้ทางเวทมนตร์ แต่เป็นการค้นหาทางสู่คนที่เขารัก และเขาคิดว่าไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม เขาก็จะทำเพื่อเธอให้ได้ตั้งแต่วันนั้นที่เขาได้รู้ว่าเธอได้จากไปที่โลกมนุษย์ เขาแทบจะไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ เขาหมกมุ่นกับการฝึกฝนเวทมนตร์ที่เขาเชื่อว่าจะพาเขากลับไปหากรีนได้ ไม่ว่าโลกนี้จะให้ราคาต่ำกับความพยายามของเขามากแค่ไหน เขาก็จะไม่ยอมแพ้ เพราะเขาเชื่อมั่นว่ามีบางอย่างในเวทมนตร์ที่จะทำให้เขาได้กลับไปหาคนที่เขารักหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เขาแทบจะไม่ได้พักผ่อนเลย แม้กระทั่งในยามค่ำคืนที่ปราสาทเงียบสงัด เขาก็ยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน ยกแก้วสุราเข้าปากเพื่อทำให้ความมึนเมาสามารถกลบเสียงในหัวที่กระซิบถึงชื่อของเธอได้บ้าง แต่ก็ทำไม่ได้ ความคิดถึงของกรีนยังคงกัดกร่อนในจิตใจของเขาอยู่เสมอ
“ก็ตามที่ข้าคุยกับเจ้าไว้ว่าเจ้าต้องกลับบ้านแบบที่ไม่ได้กลับจริง ๆ ข้าจะพาเจ้าไปอยู่ที่หนึ่งก่อน เหมือนเจ้าได้หายตัวไปจากพวกเราจริง ๆ” รอยยิ้มได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าสวยเมื่อได้เวลาเล่นสนุกกับบางสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น“จะพาฉันไปไหน” กรีนมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความกลัวเพราะถึงเธอจะดูน่ารักแต่ก็เจ้าแผนการณ์ไม่ใช่น้อย“เชื่อใจข้าเถอะแค่ไปอยู่ที่นั่นเดี๋ยวเดียวก็กลับ” มิสไวท์ลุกขึ้นพร้อมกับจูงมือหญิงสาวเดินออกจากห้องหมากรุกและสั่งเหล่าทหารให้พากันเตรียมตัวออกเดินทางส่งนางเอกกลับโลกมนุษย์โดยที่ยังไม่บอกบาบารัสทุกอย่างเตรียมการณ์อย่างรวดเร็วและทุกอย่างถูกปกปิดไว้ไม่ให้ผู้ปกครองเมืองอย่างบาบารัสให้ได้รู้เพราะตอนนี้มิสไวท์ได้ให้ทหารคอยจับตาดูบาบารัสไว้ เมื่อถึงเวลาที่ได้กำหนดกันไว้ค่อยปล่อยข่าวไปถึงหูสหายของตน“เจ้าพร้อมแล้วใช่ไหม ถ้าพร้อมแล้วก็ขึ้นรถม้าคันนั้นไปได้เลย” มิสไวท์เอ่ยพร้อมพาตัวหญิงสาวมายังรถม้าที่จะออกเดินทาง และมันไม่ได้ไปไกลจากที่นี่มากนักคิดเสียว่าให้หญิงสาวได้ออกมาพักผ่อนจิตใจ“อื้ม...ข้าฝากด้วยนะ” กรีนเดินขึ้นรถม้าที่ไม่เป็นที่สะดุดตาพร้อมเดินทางออกจากคฤหาสน์ไปทางด้านหลังโดยมีทห
กรีนตื่นขึ้นมาด้วยความงัวเงีย ร่างเปลือยเปล่าขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะสัมผัสได้ถึงแขนแกร่งที่ยังคงโอบรัดเธอไว้ เหตุการณ์ก่อนหน้านี้เธอไม่น่าให้มันเกิดขึ้นเสียด้วยซ้ำ หากใจอ่อนแผนที่ได้วางไว้คงได้พังลงแน่ ๆ ความเหนียวหนึบตามตัวทำให้เธอนั้นขยับตัวได้อย่างยากลำบาก ก่อนจะคว้าผ้ามาคลุมตัวไว้เพื่อไปชำระร่างกาย เสียงน้ำที่ตกกระทบทำให้อสรพิษหนุ่มตื่นขึ้น ใบหน้าคมหันมองคนข้างกายแต่กลับไม่พบกายหนาย่างกายไปตามเสียงของน้ำด้วยสภาพเปลือยเปล่า เขามองเห็นกรีนที่กำลังอาบน้ำอยู่ หากแบบนี้อาจจะเรียกว่าถ้ำมองหรือไม่ก็ไม่แน่ใจ แต่เขาไม่ใช่ใครที่ไหนเขาคือคนรักของเธอคงไม่เป็นอะไร“เจ้า…” บาบารัสเอ่ยด้วยเสียงนุ่มนวล“นาย !!” กรีนร้องออกมาด้วยความตกใจ ก่อนจะรีบคว้าผ้ามาห่อตัวเอาไว้“เจ้าจะอายอะไรข้าอีก เห็นกันมานักต่อนักแล้ว” เสียงราบเรียบเอ่ยขึ้นพร้อมยื่นแขนแกร่งไปสัมผัสที่หญิงสาวเสียงของชายหนุ่มดูหยอกล้อเมื่อเห็นหญิงสาวทำท่าทางกลัวเขาเห็นของรัก ในเมื่อเห็นมากันทุกซอกทุกมุมแล้วจะไปกลัวอะไร แปลกคนยิ่งนัก “ออกไป...” กรีนเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบเช่นกัน พร้อมกับเห็นสีหน้าที่ทำเขานิ่งอึ้งไป“ไม่...ข้าไม่ไป” อสรพิษหนุ