共有

อุบายรักแม่ทัพหน้านิ่ง ตอนที่ 2

作者: Priyada
last update 最終更新日: 2024-10-15 04:00:59

การเดินทางขององค์หญิงผู้ดื้อรั้นเป็นไปอย่างเงียบเชียบและถูกเก็บให้เป็นความลับมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยจดหมายได้ถูกคนของ

หลี่อวี้อ๋องส่งไปล่วงหน้าก่อนแล้ว เพื่อให้รองแม่ทัพจางซื่อหมิงเตรียมการในสิ่งที่จำเป็นเพื่อต้อนรับการมาขององค์หญิงผู้สูงศักดิ์แต่อุตริดันคิดแผลง ๆ อยากมาตกระกำลำบากในค่ายทหาร ทั้งนี้หลี่อวี้อ๋องได้เตรียมการเป็นอย่างดี โดยให้หลานรักออกเดินทางพร้อมกับทหารอารักขาที่ปลอมตัวเป็นชาวบ้านเดินทางล่วงหน้าไปประจำการตามจุดต่าง ๆ เพื่อคอยดูแลความปลอดภัยตลอดเส้นทาง ข้าวของในหีบไม้เรียบ ๆ ไม่สะดุดตาสองหีบ มีเพียงเสื้อผ้าธรรมดาและตำราไม่กี่เล่ม กับของสำหรับการปลอมตัว และของใช้จำเป็นสำหรับผู้หญิงซึ่งจะต้องเก็บอย่างมิดชิด

หยางจูนั่งกระเด้งกระดอนอยู่ในเกวียนเทียมม้าคันเล็กสภาพเก่าคร่ำคร่าเพื่อไม่ให้เป็นจุดสังเกต เมื่อไปถึงที่เมืองชายแดนนางจะต้องลงจากรถม้าคันนี้ที่จะขนสัมภาระเข้าไปในค่ายตามเส้นทางลับ แล้วเปลี่ยนไปใช้รถม้าคันอื่นแทนเป็นระยะทางสั้น ๆ แม้จะฟังดูยากลำบากสำหรับองค์หญิงเช่นนาง แต่ในหัวใจดวงน้อยที่มีเพียงความปรารถนาจะได้ยลโฉมหน้าของชายในดวงใจ นางก็มีเพียงความตื่นเต้นเพียงเท่านั้น

มันอาจจะใช้เวลาหลายวันและขลุกขลักไปบ้าง แต่นางเชื่อว่าการกระทำในครั้งนี้จะต้องได้ผลตอบแทนคุ้มค่า นางเชื่อมั่นในตนเองเสมอว่าจะสามารถทำให้มู่หรงเซียวหนานมีใจให้นางได้ แม้อุปสรรคใหญ่ที่ค้ำคออยู่จะเป็นการที่นางอยู่ในร่างบุรุษก็ตามที

“องค์หญิงเพคะ นี่เราก็เดินทางกันมาได้สองชั่วยามแล้ว พักสักหน่อยดีหรือไม่เพคะ” นางกำนัลคู่กายเอ่ยด้วยเสียงอ่อนระโหย พลางปาดเหงื่อที่หน้าผาก

“ถ้าเรามัวแต่พักเช่นนี้ อีกสามชาติก็คงไม่ถึงชายแดนเป็นแน่” องค์หญิงกล่าวเป็นเชิงประชดประชัน แม้นางเองจะรู้สึกอ่อนล้าอยู่บ้างเหมือนกัน แต่ก็เร่งอยากจะถึงที่หมายโดยเร็ว “อดทนเอาอีกหน่อยเถอะ

ลู่อิง อีกชั่วยามข้าจะให้พัก”

ลู่อิงมีสีหน้าดีขึ้น แล้วก็พลันสลดลงเมื่อคิดได้ว่าหากถึงที่หมายเร็ว นางก็ต้องแยกกับองค์หญิงเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่อยู่รับใช้กันมา ลู่อิงไม่ได้รับอนุญาตให้ปลอมตัวเป็นชายเข้าไปในค่ายทหารด้วย เนื่องจาก

องค์หญิงหยางจูคิดว่าจะเป็นความวุ่นวายและอาจถูกสงสัยจนความแตกเสียมากกว่า แต่ด้วยความเป็นห่วงและมองการณ์ไกล พระชายาเยว่ชิงก็คิดว่าอย่างไรเสีย การมีคนรับใช้คู่กายไว้ใกล้ตัวก็ย่อมดีกว่า จึงให้นางกับ

ราชองครักษ์ปลอมตัวเป็นชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านชายแดนติดกับค่ายทหารที่ตั้งอยู่ เผื่อเกิดเหตุฉุกเฉินใดขึ้น อย่างน้อยจะได้ช่วยเหลือหรือส่งข่าวได้ทันการณ์

“เป็นอะไรไป”

“หม่อมฉันแค่เป็นห่วงองค์หญิง เพียงแค่นึกว่าจะต้องไปหลับนอนบนพื้นแข็ง ๆ กินอาหารหน้าตาจืดชืด ทำงานหนักทรมานร่างกายก็อดกังวลใจขึ้นมาไม่ได้เพคะ”

คนฟังถอนหายใจ “ข้ารู้ว่าเจ้ารู้สึกเช่นไร ทุกคนต่างก็พูดเรื่องนี้กับข้านับครั้งไม่ถ้วน แต่ข้าอยู่ได้ ลู่อิง คนเราถ้าตั้งใจทำอะไรแล้ว ความเหนื่อยยากจากภายนอก ไม่อาจทำให้เขาหมดความพยายามไปได้หรอก”

เมื่อเห็นว่าไร้ประโยชน์ที่จะทำให้นางเปลี่ยนใจ ลู่อิงก็ได้แต่ก้มหน้ายอมรับ

รถม้าโขยกเขยกไปเรื่อย ผ่านภูมิประเทศที่เริ่มทุรกันดารและแสดงออกถึงความเป็นชนบทมากขึ้นทุกที สิ่งปลูกสร้างที่กระจัดกระจายกันเป็นหย่อม ๆ ดูโดดเดี่ยวอยู่ท่ามกลางความแห้งแล้ง หยางจูทอดสายตามองภูเขาที่เห็นอยู่ไกลลิบ รู้ว่าจุดหมายปลายทางของตนยังอยู่อีกไกล

เมื่อถึงเวลาตามที่ได้ลั่นวาจาเอาไว้ องค์หญิงหยางจูก็ปล่อยให้

ทุกคนได้หยุดพักที่โรงเตี๊ยมเก่าซอมซ่อแห่งหนึ่ง ถึงอย่างนั้น เถ้าแก่เจ้าของร้านก็ยังมีอัธยาศัยดี และมีน้ำใจไมตรีเข้ามาทักทายช่วยเหลือ หญิงสาวทั้งสองเดินเข้าไปด้านในด้วยความยินดี แม้หยางจูจะต้องหยิกหลังลู่อิงเป็น

พัก ๆ เพราะแสดงได้ไม่สมบทบาทของหญิงสาวชาวบ้านธรรมดานัก แต่ผู้คนในที่แห่งนั้นก็ไม่ได้มีเวลามาสงสัยนักเดินทางมากหน้าหลายตาที่ผ่านไปมา ด้วยตนเองก็เป็นคนแปลกหน้าของผู้อื่นเช่นกัน

ในร้านมีทั้งลูกค้าชายหญิงนั่งปะปนกันอยู่ นางจึงคลายความระแวดระวังลง แล้วเลือกนั่งโต๊ะที่อยู่ด้านนอกใกล้กับประตูเพื่อจะสังเกตผู้คนเข้าออก ที่ด้านนอกร้านยังมีการสัญจรไปมา เซี่ยหานปิง ราชองครักษ์ที่ตอนนี้รับบทเป็นเพียงคนขับรถม้า เมื่อหาหญ้าและน้ำให้ม้ากินเรียบร้อย ก็รีบตามองค์หญิงเข้ามาด้านในและนั่งประจำการที่โต๊ะทันที

“เจ้าไม่ต้องนั่งหลังตรงขนาดนั้นก็ได้” นางกระซิบกระซาบ “เราปลอมตัวอยู่ ลืมหรืออย่างไร”

“องค์หญิง กระ...” ปากที่อ้ากว้างปิดฉับเมื่อโดนคนที่ตนเรียกว่าองค์หญิงถลึงตาใส่

“พวกเจ้านี่ ให้ปลอมตัวง่าย ๆ ยังทำไม่ได้ แย่จริงเชียว เอางี้ดีกว่า ต่อไปนี้ข้าจะเรียกพวกเจ้าว่าพี่เซี่ยกับพี่ลู่อิงละกัน” นางสรุปเองเสร็จสรรพ ก่อนจะหันไปสั่งอาหารหลายอย่างกับเสี่ยวเอ้อที่ยืนรออย่างนอบน้อมอยู่ด้านหลัง

ปฏิเสธไม่ได้ว่าหยางจูสนุกสนานกับสิ่งที่นางทำอยู่ ก่อนหน้านี้ นางเคยแวะเวียนไปหาพระชายาของเสด็จอาอยู่หลายครั้ง และได้ฟังเรื่องเล่าที่หญิงสาวแอบออกไปเที่ยวข้างนอก ได้พบเจอสิ่งน่าสนใจมากมาย ก็นึกอิจฉาอยู่ในอก แม้ทั้งสองคนจะเข้าใจหัวอกของกันและกัน แต่พระชายาเยว่ชิงนั้นก็ยังถือว่ามีอิสระกว่านางมากนัก

“อาหารมาแล้ว...เจ้าค่ะ” ลู่อิงเอ่ยคำลงท้ายด้วยเสียงแผ่วเบา ท่าทางหวาด ๆ ของแทำให้หยางจูหัวเราะคิกคัก

“ถ้าคนที่นั่นมาได้ยินเข้า คงจะทำหน้าตลกพิลึกที่ได้ยินเจ้าพูดกับข้าเช่นนี้”

ลู่อิงยิ่งหน้าแดงด้วยความกลัวระคนไม่สบายใจ แต่มือบางตบบนไหล่นางแปะ ๆ

“อย่าห่วงไปเลย ข้าไม่ไปฟ้องใครหรอกน่า โดยเฉพาะท่านพ่อ ข้าสิต้องเป็นฝ่ายกังวลว่าพวกเจ้าคนใดคนหนึ่งจะทำความแตก” นางเน้นคำว่าท่านพ่อด้วยความรู้สึกแปร่งปร่าไม่คุ้นชิน ก่อนจะคีบเนื้อไก่เข้าปาก

“ท่านควรจะกลัวว่าทหารในกองทัพจะจับได้มากกว่า” ลู่อิงพึมพำ

“แต่ข้าว่าน่าสนุกออก” นางตอบพลางหัวเราะออกมาอีกระลอก

อาหารมื้อนั้นแม้จะเรียบง่ายธรรมดา แต่ก็อร่อยถูกปากไปเสียหมด นางเดินทางมาไกลก็จริง แต่กลับมีพลังงานล้นเหลือ พูดคุยหยอกล้อกับคนของตนอย่างเป็นกันเอง แม้จะอยู่ในชุดธรรมดาสีซีดจาง แต่ก็ไม่อาจกลบสง่าราศีความสูงศักดิ์ไปได้ จึงไม่วายมีผู้คนหันมามามองนางเป็นระยะ ๆ

“กระ…เอ่อ…ข้าว่าเราควรรีบกินกันดีกว่า”

เซี่ยหานปิง ราชองครักษ์ผู้ผันตัวไปเป็นคนขับรถม้าเร่งนางให้กินเร็วขึ้นเพื่อจะได้รีบออกไปจากที่นี่ เพราะเห็นสายตาหลายคู่มองมาที่เจ้านายของตนดูแล้วไม่น่าไว้ใจ

“คืนนี้เราจะพักที่ใดกัน” หยางจูเอ่ยถามอย่างไม่รู้ร้อน

“ไม่ไกลจากนี่นักขอรับ เดินทางสักครึ่งชั่วยามเห็นจะได้ ที่นั่นน่าจะมีการตระเตรียมทุกอย่างเอาไว้เรียบร้อยแล้ว”

การเดินทางจากเมืองหลวงไปสู่ชายแดนไม่ใช่ระยะทางเพียงม้าควบวันเดียวแล้วจะถึงได้โดยง่าย หยางจูเข้าใจเรื่องนั้นดี แต่ที่ไม่เข้าใจก็คือทำไมทุกคนไม่พักเสียที่นี่เลย

“ที่นี่ก็มีห้องหับให้เข้าพักไม่ใช่หรือ เราจะแวะหลายที่ไปเพื่ออันใดกัน”

“แต่ที่นี่ไม่ได้มีการเตรียมความพร้อมไว้นะขอรับ ข้าเกรงว่าหากเกิดอะไรขึ้น จะไม่มีใครเข้ามาช่วยเหลือได้ทัน”

“แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นกับหญิงสาวชาวบ้านสองนาง กับคนขับรถม้าอีกหนึ่งคนกัน พวกเจ้ากังวลเกินเหตุ”

“แต่คำสั่งขององค์ชาย...”

“ชู่ว!”

นางเอ็ดเขา ก่อนจะหันไปหาเถ้าแก่ที่ยืนมองอยู่ก่อนแล้วเพื่อจะถามหาห้องว่าง ตอนนี้นางได้อิสระในการใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ ไม่ว่าพี่ชายของนางจะเคยสั่งทุกคนไว้เช่นไร นางก็เลือกทำอย่างที่ตัวเองเห็นว่าสมควร

มีห้องว่างเหลืออยู่สองห้องพอดี นางกับลู่อิงจึงตกลงที่จะนอนห้องเดียวกัน ด้านนอกไม่มีอะไรทำมากนัก เนื่องจากโรงเตี๊ยมเพียงแต่ตั้งอยู่ริมทาง จะให้ไปเที่ยวเล่นที่ไหนก็ไม่ได้ หยางจูจึงยังนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร และลอบฟังบทสนทนาจากโต๊ะอื่นด้วยความสนใจ

จู่ ๆ ก็มีเสียงเอะอะโวยวายดังขึ้น เซี่ยหานปิงจึงลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้เพื่อดูลาดเลาและเตรียมพร้อมในการอารักขา ส่วนหยางจูชะเง้อคอมองผ่านแสงสุดท้ายของวัน เห็นชายฉกรรจ์หลายคนยืนล้อมบุรุษหนุ่มผู้หนึ่งอยู่ แม้จะมองจากมุมนี้ก็พอจะบอกได้ว่าเขากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก

“เราไปดูกันเถอะ” นางบอกพลางทำท่าลุกขึ้น

“เจ้าคะ?” ลู่อิงร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ “อาจจะเกิดการทะเลาะวิวาทขึ้นได้ อย่าไปเลยนะเจ้าคะ”

“แต่ชายหนุ่มผู้นั้นดูท่าจะต้องการความช่วยเหลือ”

“ถ้าอย่างนั้นก็ให้ชายอกสามศอกในโรงเตี๊ยมนี้ออกไปช่วยสิเจ้าคะ เราจะเข้าไปยุ่งทำไม”

“แต่ข้าไม่เห็นมีใครสนใจเขาสักคน”

“นั่นก็เพราะไม่มีใครอยากเอาตัวเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องวุ่นวายอย่างไรล่ะเจ้าคะ”

“ทั้งที่เขาต้องการความช่วยเหลืออย่างนั้นหรือ ไม่ได้หรอก คนเราเห็นคนอื่นเดือดร้อนต่อหน้าต่อตาแล้วยังทำนิ่งเฉย จะเรียกว่าเป็นคนอยู่ได้อย่างไร”

หยางจูไม่ยอมฟังคำทัดทานของนางกำนัลคู่กายเดินตรงเข้าไปหาชายหนุ่มที่ถูกล้อมอยู่ด้วยท่าทางกล้าหาญผิดกับรูปลักษณ์ภายนอก ลู่อิงและองครักษ์เซี่ยจึงต้องพรวดพราดตามไปด้วยความเป็นห่วง กลัวว่า

องค์หญิงจะได้รับอันตราย

この本を無料で読み続ける
コードをスキャンしてアプリをダウンロード

最新チャプター

  • อุบายรักแม่ทัพหน้านิ่ง / รักเร้นใจใต้เงาองครักษ์   รักเร้นใจใต้เงาองครักษ์ บทส่งท้าย 2

    ลู่อิงหน้าแดงเรื่อเมื่อถูกถามอย่างตรงไปตรงมา เซี่ยหานปิงไม่เพียงอนุญาตแต่ยังค่อย ๆ ดึงลู่อิงให้เอนตัวขึ้นมา ก่อนจะลูบผมสลวยเพื่อให้คลายกังวล ไม่อยากให้คิดว่าเป็นการกระทำที่ยากหรือน่ากลัว“ข้า...ข้ามิเคยทำมาก่อน”“ข้ารู้ เจ้าแค่อ้าปากแล้วกินมันเข้าไปเท่านั้น” เขาส่งยิ้มบางเบาแล้วค่อย ๆ ประคองใบหน้างดงามให้เคลื่อนเข้ามาใกล้ ๆพอริมฝีปากแทบจะจ่ออยู่ปลายหัวของแก่นกายลู่อิงจึงค่อยยื่นลิ้นออกมา นางใช้ปลายลิ้นแตะลงบนปลายหัวสีแดงระเรื่อ แต่พอสัมผัสก็ได้ยินเสียงเซี่ยหานปิงครางต่ำออกมา นางจึงช้อนสายตาขึ้นไปมองก็“อืม...ดี ดียิ่งนัก” เซี่ยหานปิงก้มมองคนเบื้องล่างที่เรียนรู้ว่องไว เขารู้อยู่แล้วนางจะทำได้เพราะเรื่องแบบนี้มันอยู่ในสัญชาตญาณ แม้ว่าแรก ๆ ลู่อิงจะเคลื่อนไหวติด ๆ ขัด ๆ ไปบ้าง แต่ไม่ได้ทำให้อารมณ์หยุดชะงักลู่อิงตาลอยเล็กน้อย รู้สึกถึงความยาวดุนดันอยู่ในลำคอของนาง น้ำตาหยดเล็ก ๆ เปียกชื้น ทว่านางก็กลืนกินมันจนเกิดเสียงหยาบโลน เซี่ยหานปิงลูบผมนาง ก่อนจะสาวเอวสอบเข้าออกช้า ๆ และจากจังหวะเนิบช้าก็เริ่มเปลี่ยนเป็นเร็ว

  • อุบายรักแม่ทัพหน้านิ่ง / รักเร้นใจใต้เงาองครักษ์   รักเร้นใจใต้เงาองครักษ์ บทส่งท้าย 1

    ลู่อิงนั่งอยู่ในเกี้ยวหามที่โคลงเคลงไปมาตลอดทาง นางพยายามสงบจิตใจของตัวเอง แต่ก็ไม่อาจห้ามหัวใจที่เต้นแรงด้วยความตื่นเต้นได้ เสียงตีฆ้องร้องป่าวจากด้านนอกบ่งบอกว่าขบวนแห่นำเจ้าสาวกำลังเดินทางมาถึงจวนของเซี่ยหานปิง ผู้ที่วันนี้ไม่ใช่เพียงแค่ราชองครักษ์ แต่เป็นเจ้าบ่าวของนางจวนหลังนี้ไม่ใช่จวนธรรมดา เพราะเป็นจวนที่ได้รับพระราชทานจากองค์หญิงหยางจู และองค์ชายชาง ว่าที่องค์รัชทายาท ผู้เป็นพระเชษฐาขององค์หญิงหยางจู และเป็นผู้ให้การช่วยเหลืออย่างลับ ๆ ตอนที่องค์หญิงหยางจูปลอมตัวไปอยู่ในค่ายทหาร เพื่อเป็นของขวัญสำหรับการที่เซี่ยหานปิงรับใช้และปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์มาโดยตลอด จวนนี้แม้อยู่ในเมืองหลวง แต่ค่อนไปทางชานเมือง เนื่องจากเซี่ยหานปิงและลู่อิงชอบความเรียบง่าย มิอยากเผชิญความวุ่นวายในตัวเมือง แต่แม้จะห่างไกลออกมา จวนแห่งนี้ก็ยังโดดเด่น สง่างาม สมกับตำแหน่งขุนนางขั้นสี่ของเขาเมื่อขบวนเจ้าสาวไปถึงหน้าจวน เกี้ยวได้ถูกวางลงบนพื้นช้า ๆ ลู่อิงไม่คุ้นเคยกับพิธีการเหล่านี้มากนัก เพราะเป็นเพียงนางกำนัลที่เติบโตอยู่ในวังหลวงมาตลอด ไม่มีครอบครัวที่ไหนจะส่งตัวนางออกมาเช่นนี

  • อุบายรักแม่ทัพหน้านิ่ง / รักเร้นใจใต้เงาองครักษ์   รักเร้นใจใต้เงาองครักษ์ ตอนที่ 36

    เมื่อเซี่ยหานปิงกลับถึงเมืองหลวง เขาถูกภารกิจมากมายถาโถมเข้ามาจนแทบไม่มีเวลาหยุดพัก แต่ละวันเต็มไปด้วยเรื่องที่ต้องจัดการอย่างไม่หยุดยั้ง จนเวลาผ่านไปหลายวันโดยที่เขาไม่ได้พบกับลู่อิงเลยสักครั้งแม้ตนจะเป็นองครักษ์ประจำตัวขององค์หญิงหยางจูก็ตามในหัวใจเขานั้นเต็มไปด้วยความคิดถึง ไม่เพียงแต่งานที่ทำให้เหนื่อยล้า แต่ความรู้สึกโหยหาสตรีนางหนึ่งที่เขาใส่ใจมากขึ้นทุกวันก็ทำให้จิตใจของเขายิ่งเหน็ดเหนื่อยยิ่งขึ้นไปอีก แต่ก็พยายามข่มใจ ไม่อยากเร่งรีบอะไรจนเกินไป เพราะเขาต้องการจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อนจะไปหานางฝ่ายลู่อิงเองก็เฝ้ารอคอยการกลับมาของเซี่ยหานปิงด้วยใจจดจ่อ แต่หลายวันผ่านไปแล้วนางก็ยังไม่เห็นหน้าเขา จิตใจที่เคยสงบสุขจึงเริ่มร้อนรุ่มขึ้นมา นางไม่อาจห้ามความคิดถึงเขาได้ ทุกคืนที่หลับตานอน ก็ได้แต่ครุ่นคิดถึงว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ จนหัวใจเต็มไปด้วยความกังวลและโหยหาสุดท้าย ความคิดถึงของทั้งสองก็ถึงจุดที่ไม่อาจต้านทานได้ เซี่ยหานปิงอดทนไม่ไหวอีกต่อไป จนในคืนนั้นเขาตัดสินใจว่าอย่างไรจะต้องเจอหน้านางให้จงได้ลู่อิงที่นอนหลับตาอยู่บนเตียงกลับสะดุ้งตื่นขึ้

  • อุบายรักแม่ทัพหน้านิ่ง / รักเร้นใจใต้เงาองครักษ์   รักเร้นใจใต้เงาองครักษ์ ตอนที่ 35

    เมื่อเซี่ยหานปิงกลับถึงบ้าน พอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นลู่อิงนั่งกระวนกระวายใจอยู่ ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความกังวล“ท่านหายไปไหนมาเสียตั้งนาน” ลู่อิงรีบถลาเข้ามาหาเขา ดึงตัวเขาเข้าไปในบ้านพร้อมกับปิดประตูแน่นหนา นางดูร้อนรนเกินปกติ หัวใจของนางเต้นระส่ำ ไม่คิดว่าเขาจะหายไปโดยไม่บอกกล่าวเช่นนี้“เกิดอะไรขึ้นหรือ” เซี่ยหานปิงถามด้วยเสียงนุ่ม พยายามไม่ให้ดูผิดปกติเกินไป แต่ก็เห็นชัดว่าลู่อิงไม่ได้สงบอย่างที่ควรจะเป็น“องค์หญิงทรงเป็นอย่างไรบ้าง ท่านเห็นนางกับตาหรือไม่ หรือเพียงไต่ถามสายข่าวของท่านเท่านั้น” ลู่อิงถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ นางไม่อาจปิดบังความวิตกกังวลในใจได้ การที่เขาหายตัวไปเช่นนี้ทำให้นางคิดว่าเรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับองค์หญิงหยางจูโดยตรง“องค์หญิงถูกจับไป”เซี่ยหานปิงตอบด้วยเสียงสงบนิ่ง ใบหน้าไร้ความตระหนก และเตรียมพร้อมยอมรับปฏิกิริยาตอบสนองทุกรูปแบบของลู่อิงสิ้นคำพูดนั้น ลู่อิงราวกับถูกทุบเข้าที่ศีรษะ นางนิ่งไปชั่วขณะ พยายามเรียบเรียงคำพูด แต่สิ่งที่ได้มีเพียงความหวาดกลัวจับใจเสียจนพูดไม่ออก เซี่ยหานปิงจึงพูดต่อ“พวกกบฏกับห

  • อุบายรักแม่ทัพหน้านิ่ง / รักเร้นใจใต้เงาองครักษ์   รักเร้นใจใต้เงาองครักษ์ ตอนที่ 34

    เซี่ยหานปิงนอนกอดลู่อิงไว้ภายใต้แสงจันทร์ ทว่าเขากลับต้องตื่นขึ้นเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าเบา ๆ เคลื่อนเข้ามาใกล้ แม้ผู้มาเยือนจะระมัดระวังเพียงใด แต่ก็ไม่อาจรอดพ้นสัญชาตญาณฉับไวขององครักษ์ผู้ชำนาญได้ เขาลุกขึ้นจากเตียงอย่างเงียบเชียบที่สุดเพราะเกรงว่าคนข้างกายจะรู้สึกตัวตื่น หยิบดาบของตนติดมือไปด้วย แล้วเปิดประตูออกไปเผชิญหน้ากับผู้มาเยือนชายในชุดดำคลุมหน้าปรากฏตัวอยู่ในลานบ้าน พอเห็นเซี่ยหานปิงเดินออกมาพร้อมดาบ ชายผู้นั้นรีบคุกเข่าลงในทันทีเพื่อแสดงความเคารพ“หัวหน้าเซี่ย!” ชายคนนั้นเอ่ยด้วยเสียงเบาแต่ชัดเจนเซี่ยหานปิงจำเสียงนี้ได้ทันทีว่าเป็นไป๋ซื่อเซิง ลูกน้องคนสนิทที่เขาส่งไปสังเกตการณ์ใกล้ค่ายทหาร“ไป๋ซื่อเซิง...เจ้าทำอะไรดึกดื่นเช่นนี้”“ขออภัยขอรับ ข้ามีองค์หญิงหยางจูมารายงาน พระองค์ถูกกบฏจับตัวไปขอรับ!”เซี่ยหานปิงนิ่งเงียบครู่หนึ่ง ใบหน้าของเขาตึงเครียดขึ้นในทันที เขาพยักหน้าให้ไป๋ซื่อเซิงลุกขึ้น ก่อนจะผายมือเชิญให้อีกฝ่ายเข้าไปด้านใน “ไปคุยกันข้างในเถอะ” เมื่อทั้งสองนั่งที่โต๊ะน้ำชาภา

  • อุบายรักแม่ทัพหน้านิ่ง / รักเร้นใจใต้เงาองครักษ์   รักเร้นใจใต้เงาองครักษ์ ตอนที่ 33

    ยามเช้า พิษในตัวนางถูกถอนออกไปหมดดังคาด หมอจางเข้ามาดูอาการ เขียนเทียบยาบำรุงร่างกายอีกเล็กน้อยแล้วก็ขอตัวลากลับออกไปหลังจากกินอาหารเช้าเสร็จ เซี่ยหานปิงก็ประคองนางเดินมายังลานหน้าบ้าน ตอนนี้ย่างเข้าฤดูร้อน ใบหลิวปลิวไสวงดงาม อำลาฤดูใบไม้ผลิ“มาเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปที่หนึ่ง” เซี่ยหานปิงยื่นมือไปให้นาง ก่อนทั้งสองจะเดินไปยังเนินเขา ที่ตรงนั้นเป็นทุ่งดอกไม้ รอบด้านจึงเต็มไปด้วยดอกไม้หลากสีลู่อิงรู้สึกผ่อนคลาย นางเดินจูงมือใหญ่ของเซี่ยหานปิงไปเรื่อย ๆ ยามนี้ดวงตะวันสาดแสงอ่อน ๆ ลงมาจากฟากฟ้า แม้จะย่างเข้าฤดูร้อน แต่อากาศยังไม่ร้อนนัก ท้องฟ้าเป็นสีฟ้าใสปนขาว เมฆลอยละล่องราวกับสำลีเบาบาง ยิ่งเมื่อได้ยินเสียงลำธารไหลเอื่อย ๆ อยู่ใกล้ ๆ ยิ่งทำให้นางรู้สึกสงบและสบายใจเป็นที่สุดความเงียบสงบรายล้อมอยู่โดยรอบ ทั้งสองก้าวเดินช้า ๆ ในทุ่งดอกไม้ ลู่อิงรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นจากมือของเซี่ยหานปิงที่ประสานกันอย่างแนบแน่น ใบหน้าของนางระบายด้วยรอยยิ้มบางเบา มองไปยังดอกไม้ที่เบ่งบานและสายลมที่พัดเอื่อย กลิ่นหอมของดอกไม้ป่าผสมกลิ่นต้นไม้ใบหญ้า ทำให้หัวใจนางเบาสบายแ

続きを読む
無料で面白い小説を探して読んでみましょう
GoodNovel アプリで人気小説に無料で!お好きな本をダウンロードして、いつでもどこでも読みましょう!
アプリで無料で本を読む
コードをスキャンしてアプリで読む
DMCA.com Protection Status