ตอนที่ 13 ลูก
ณ บ้านศศินทร์เดชา
คุณหญิงพลอยสีท่าทางดีอกดีใจที่วันนี้ลูกสาวคนเล็กมาหาพร้อมกับลูกเขย นางรีบเดินเข้าไปทักทายธาม แต่กลับแทบไม่ปรายตาไปยังลูกสาวที่มาด้วยกัน
“ธาม...เป็นอย่างไรบ้างลูก ทำไมหมู่นี้ไม่ค่อยมาหาแม่เลย”
“ผมขออภัยครับ”
ชายหนุ่มตอบสั้น ๆ อย่างสุภาพ เขาไม่อธิบายเพราะไม่อยากจะโกหก... ปล่อยให้แม่ยายเข้าใจไปเองว่าลูกเขยงานยุ่งมากจนไม่มีเวลามาเที่ยวหา
ไข่มุกปรายตามองอย่างหมั่นไส้แต่ไม่เอ่ยอะไร... เมื่อกลับมาบ้าน บ้านที่มีพ่อกับแม่ของหล่อนอยู่ ดูเหมือนไข่มุกคนเจ้าอารมณ์ก็กลายเป็นผู้เป็นคนเหมือนคนปกติขึ้นมาได้บ้าง
“คุณพ่ออยู่ไหมครับ”
“อยู่สิจ๊ะ เข้ามาเถอะ พ่อเขารอเจอธามอยู่ที่ห้องหนังสือแน่ะ”
“รอเจอแค่ลูกเขยหรือคะ แล้วลูกสาวไม่อยากเจอด้วยหรือไง”
ทั้งที่บอกตัวเองว่าจะไม่พูด แต่ไข่มุกก็พูดออกไปจนได้
คุณหญิงพลอยสีจึงหันมามอง ทั้งสายตาและวิธีที่มองจิกก็ยังเหมือนกันสมกับเป็นแม่เป็นลูก แต่ไม่รู้ทำไมจึงพูดจากันดี ๆ ไม่ค่อยได้
“เธอน่ะฉันจะเจอเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่เหมือนนายธาม... ลูกเขยของฉันเป็นถึงนักธุรกิจใหญ่ นาน ๆ จะปลีกตัวมาหาฉันได้ฉันก็ต้องดีใจเป็นธรรมดา”
ไข่มุกเบ้ปาก ธามจับมือแม่ยายอย่างนุ่มนวล รีบเอ่ยก่อนสองแม่ลูกจะโต้คารมกันมากกว่านี้
“เราเข้าไปหาคุณพ่อกันเถอะครับ”
“ไปจ้ะไป... แล้วเย็นนี้จะต้องอยู่กินข้าวเย็นตามที่สัญญานะ แม่สั่งแม่ครัวให้เตรียมอาหารไว้ตั้งเยอะแยะแล้ว...”
คุณหญิงพลอยสีบอกพลางเดินจูงมือธามเข้าไปในตัวบ้าน ไม่สนใจลูกสาวแท้ ๆ ที่เดินตามหลังมาด้วยใบหน้างอง้ำ ไข่มุกรู้อยู่แล้วตั้งแต่ก่อนแต่งงานว่าพลโท(ยศในขณะนั้น)เขมราช กับคุณหญิงพลอยสี ปลาบปลื้มธามมากแค่ไหน ถ้าแลกกันได้แม่ของหล่อนคงอยากได้ธามเป็นลูกชายแท้ ๆ แล้วเปลี่ยนให้หล่อนเป็นแค่ลูกสะใภ้
“มาแล้วรึ” พลเอกเขมราชที่กำลังนั่งอ่านหนังสือรอ เงยหน้าขึ้นชายหนุ่ม แม้อายุใกล้จะ 70 ปีแต่ก็ยังดูหนุ่มแน่น งามสง่า น่าเกรงขาม สมกับตำแหน่งอันทรงเกียรติในคณะรัฐบาลชุดปัจจุบัน ธามยกมือไหว้ผู้อาสุโสด้วยกิริยานุ่มนวล
“สวัสดีครับคุณพ่อ”
“เป็นอย่างไรบ้าง สบายดีไหม ไม่ได้เจอกันสักพักใหญ่ ๆ เลยนะ”
พล.อ.เขมราชทักทายเหมือนคนเป็นภรรยา แต่ธามก็ยังยินดีที่จะตอบอีกครั้ง
“สบายดีครับคุณพ่อ คุณพ่อล่ะครับ”
“พ่อก็สบายดี ไม่เจ็บไม่ไข้ คุณหญิงเขาดูแลดีเสมอนั่นแหละ...” คนพูดหันไปมองทางลูกสาวที่ยืนอยู่ด้านหลัง “แล้วแกล่ะเพิร์ล ดูแลนายธามเขาดีหรือเปล่า”
ไข่มุกอยากตอบออกไปว่า... แล้วพ่อไม่เห็นหรือคะว่าเขาเจ็บป่วยตรงไหนหรือเปล่า ถ้ายังมีชีวิตอยู่ก็คงสบายดีนั่นล่ะค่ะ... แต่แน่นอนว่าหล่อนไม่กล้าพูดออกไปอย่างที่ใจคิด ได้แต่ฝืนยิ้มแต่ไม่พูดอะไร คนเป็นพ่อก็ไม่ซักไซ้เพราะพอจะเดาได้ว่าลูกสาวคนเล็กคงไม่ใช่คนที่จะปรนนิบัติพัดวีสามีเหมือนที่คุณหญิงพลอยสีทำแน่ ๆ
แต่ตราบใดที่ชีวิตสมรสของบุตรสาวยังคงปกติสุขดี และยังมีธาม ธนกิจ เป็นลูกเขย ตราบนั้นเขมราชก็จะไม่เข้าไปยุ่งวุ่นวายกับการใช้ชีวิตคู่ของบุตรสาว แค่ไข่มุกยอมแต่งงานกับคนที่พ่อแม่เลือกไว้ให้นั่นก็ถือว่าเกินความคาดหมายไปมากแล้ว
“คุณพ่อคุณแม่คุยกับธามไปก่อนนะคะ เพิร์ลจะขึ้นไปหาต่างหูบนห้องสักหน่อยค่ะ”
“ฮื่อ ไปเถอะ”
เขมราชเอ่ยอนุญาต ไข่มุกจึงออกจากห้องหนังสือที่ซึ่งบิดาชอบใช้เวลาหลังเกษียณมาขลุกอยู่ในนั้นได้ทั้งวัน แล้วขึ้นไปบนห้องส่วนตัวที่อยู่ชั้นสองของบ้านหลังใหญ่ แม้ไม่โอ่อ่าหรูหราเท่าคฤหาสน์ของตระกูลธนกิจแต่ก็ถือว่าใหญ่โตเกินกว่าฐานะข้าราชการธรรมดา ๆ ไปมาก... แต่ไข่มุกก็ไม่เคยถามว่าพ่อแม่เอาเงินมาจากไหน ทำไมตระกูลที่รับราชการทหารมาตั้งแต่รุ่นปู่ถึงได้ร่ำรวยเกินหน้าเกินตาอาชีพการงานไปมากเพียงนี้ ก็เธอจะต้องสนใจที่มาของเงินไปทำไมในเมื่อมันก็เนรมิตชีวิตที่หรูหราฟู่ฟ่าให้หล่อนได้เหมือนกัน
เรื่องจะขึ้นมาหาต่างหูเป็นแค่ข้ออ้าง หญิงสาวแค่ขี้เกียจฟังพ่อกับแม่พะเน้าพะนอลูกเขยแล้วก็กระทบกระเทียบหล่อนเป็นระยะ...ห้องส่วนตัวของไข่มุกยังอยู่เหมือนเดิมแม้เจ้าตัวจะแต่งงานแล้วย้ายไปอยู่บ้านสามีแล้วสี่ปี แม่บ้านยังคงมาทำความสะอาดทุกซอกทุกมุม ข้าวของจุกจิกที่หล่อนไม่ได้นำติดตัวไปด้วยเคยอยู่อย่างไรก็ยังอยู่อย่างนั้น ต่อให้ใครจะหยิบฉวยไปไข่มุกก็คงไม่สนใจเพราะราคาค่างวดของข้าวของที่บ้านนี้เทียบไม่ได้เลยกับแต่ละชิ้นที่เธอซื้อหาระหว่างใช้ชีวิตเป็นสะใภ้ตระกูลธนกิจ
เสียงข้อความจากโทรศัพท์มือถือดังขึ้นเบา ๆ หนึ่งครั้ง ไข่มุกทิ้งตัวลงบนเตียงแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดดูอย่างไม่กระตือรือร้นนัก แต่เมื่อเห็นว่าข้อความมาจากใคร ใบหน้าง้ำงอก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที
ทำอะไรอยู่ครับที่รัก –
ไฮโซสาวยิ้มพราว อาการเบื่อหน่ายหายวับไปแล้ว แววตาเต้นระริกอย่างคนที่เจอของเล่นถูกใจ
คิดถึงจัง คืนนี้ว่างไหม –
อีกฝ่ายยังคงพิมพ์คำถามมา ไข่มุกครุ่นคิดอยู่ครู่ก่อนจะพิมพ์ตอบกลับไป
เจอกันร้านเดิม ตอนสามทุ่ม อย่าให้ฉันรอสักนาทีเดียว ไม่งั้นฉันกลับ-
โอเค ไม่ให้คุณรอแน่นอน -
หญิงสาวเห็นข้อความแล้วก็ยิ้มรื่น คู่นอนคนใหม่คนนี้เป็นลูกครึ่งไทย-อิตาเลียน เพิ่งเจอกันตอนที่เธอไปเที่ยวอิตาลีเมื่อเดือนก่อน และยังติดอกติดใจจนกลับเมืองไทยก็ยังนัดเจอกันมาตลอดหนึ่งเดือน
“คุณหนูคะ คุณท่านให้มาตามไปที่ห้องกินข้าวค่ะ ตั้งโต๊ะเสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ”
แม่บ้านที่อยู่มานานตั้งแต่ไข่มุกยังเป็นสาวน้อยขึ้นมาเรียก
“โอเค รู้แล้ว เดี๋ยวฉันลงไป”
แม่บ้านรับคำแล้วกลับลงไปก่อน ไข่มุกนึกอยากท้าทายบิดาด้วยการลงไปร่วมโต๊ะอาหารเย็นให้ช้าที่สุดเท่าที่จะทำได้ บางทีหล่อนอาจใช้ข้ออ้างว่ายังหาต่างหูคู่โปรดที่จะใช้ออกงานไม่เจอ นึกแล้วก็ลงมือรื้อค้นกล่องต่าง ๆ เพื่อให้รู้สึกสมจริง...
กระทั่งเจอกล่องกระดาษแข็งที่ซุกอยู่ในตู้เสื้อผ้า กล่องที่หล่อนลืมไปแล้วว่าเคยมี
ไข่มุกชะงักค้าง ไม่แน่ใจว่าควรจะเปิดมันออกดูดีหรือไม่...
แต่สุดท้ายมือบางที่เย็นเฉียบก็เปิดมันออก ข้างในนั้นมีซองจดหมาย โปสการ์ดที่เขียนด้วยลายมือหวัด ๆ มีรูปถ่ายหลายใบ... แต่สิ่งที่ทำให้หัวใจของหญิงสาวบีบรัดคือสิ่งที่ซ่อนอยู่ก้นกล่อง มันไม่ได้วางรวมกับรูปถ่ายและซองจดหมายอื่น ๆ แต่มันมีกระดาษแข็งวางทับไว้อีกที ถ้าไม่ใช่เจ้าของกล่องก็จะไม่มีทางรู้ว่ากระดาษก้นกล่องนั้นเปิดออกได้...
เสียงในหัวร้องห้าม แต่ใจกลับเรียกร้องให้ดึงกระดาษแข็งออก เพื่อจะได้สัมผัสสิ่งที่ซุกซ่อนอยู่ด้านใน
มันคือรูปถ่ายจากเครื่องอุลตร้าซาวด์ ภาพกลุ่มก้อนสีดำที่มีแสงสีขาวพาดทับไปมา ถ้าไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญก็ยากจะดูออกว่ามันคือภาพอะไร... แต่ไข่มุกไม่เคยลืม เธอจดจำได้ทุกช่วงตอน จำเจลเหนียวข้นที่หมอป้ายที่หน้าท้องก่อนจะใช้เครื่องมือสแกนวาดไปบนผิวเนื้อเธออย่างเบามือ
จำเสียงหัวใจเต้นเป็นจังหวะเล็ก ๆ แต่ชัดเจน เสียงที่หมอบอกว่า...
‘ได้ยินไหมคะ...เสียงหัวใจของน้องเองค่ะ’
‘หัวใจ...หัวใจลูกฉันเต้นหรือคะ’
‘ใช่แล้วค่ะ’
คุณหมอยิ้มใจดี ไข่มุกในวัยเยาว์ยิ้มตอบ น้ำตารื้นอย่างตื้นตัน
ก่อนน้ำตาจะร่วงออกมาอีกครั้ง ไฮโซสาวรีบเก็บทุกอย่างกลับลงที่เดิม ดันกล่องเข้าไปด้านในสุดของตู้อย่างร้อนรนและรังเกียจ เด็กคนนั้นตายไปแล้ว... ไม่มีทางได้กลับมา หล่อนรู้ดีเพราะหล่อนนี่ล่ะที่เป็นคนฆ่าเด็กคนนั้นด้วยมือของตัวเอง
เมอร์เซเดส-เบนซ์ แวน รุ่นสปรินเตอร์ 419 สีดำเป็นมันเงาแล่นผ่านลานน้ำพุมาจอดหน้ามุขประตูบ้านธนกิจ เหล่าแม่บ้าน คนครัว คนสวน คนรับใช้ เกือบสิบชีวิต มายืนออรอรับผู้เป็นนายอย่างพร้อมเพรียง ประตูรถแวนเลื่อนออกอย่างอัตโนมัติ ที่ก้าวลงมาโดยมีผู้ช่วยคนสนิทยื่นมือให้ช่วยจับคือหญิงวัยประมาณ 60 เศษ ๆ ที่ยังแข็งแรง บุคลิกงามสง่า หน้าสะสวยอ่อนกว่าวัยเสื้อและผ้านุ่งสีขาวทั้งชุดนั้นดูเรียบง่ายแต่เป็นคนที่มีความรู้ด้านแฟชั่นจะรู้ว่าทั้งเนื้อผ้าและการตัดเย็บไม่ธรรมดา อย่างน้อยต้องมาจากห้องเสื้อชั้นสูงของไทยไม่แบรนด์ใดก็แบรนด์หนึ่ง“เป็นยังไงกันบ้าง ฉันไม่อยู่ตั้งเป็นเดือน ทุกอย่างเรียบร้อยดีไหม”คุณหญิงธัญญา ธนกิจ เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงดังฟังชัด ละอองที่มีอาวุโสที่สุดเป็นคนตอบ“ปกติเรียบร้อยดีค่ะคุณท่าน พวกอิฉันขอกราบอนุโมทนาสาธุด้วยนะคะคุณท่าน กลับจากปฏิบัติธรรมหนนี้ หน้าตาคุณท่านอิ่มเอิบผ่องใสมากเลยค่ะคุณท่าน”“ขอบใจ ตอนอยู่ที่วัดฉันก็อธิษฐานทำบุญเผื่อพวกเราทุกคนเหมือนกัน...”“ขอบพระคุณมากค่าคุณท่าน” แม่บ้านและเหล่าคนงานพร้อมใจกันยกมือไหว้สาธุ คนรถประจำตัวเปิดประตูด้านหลังรถแวนพลางเรียกให้ทุกคนไปรับขอ
คุณหญิงพลอยสีไม่ได้พูดเล่นตอนที่บอกว่าให้แม่ครัวทำอาหารไว้หลายจานทั้งแกงทั้งผัดจนเต็มโต๊ะรับประทานอาหาร หลายจานเป็นอาหารที่ธามโปรดปรานเป็นพิเศษ ไข่มุกอดค่อนไม่ได้“กินกันแค่สี่คนจริง ๆ หรือคะ หรือว่าพวกพี่ ๆ จะมาด้วย”“วันนี้ก็แค่สี่คนนี่แหละ พวกพี่ ๆ แกติดราชการกันทั้งสามคน ถ้ามาได้แม่คงให้ทำไว้เยอะกว่านี้ โดยเฉพาะพวกขนมนมเนย พวกหลาน ๆ แกน่ะกินทีอย่างกับพายุบุแคม”“ไม่มาน่ะดีแล้ว วิ่งโวยวายกันเป็นลิงเป็นค่าง น่ารำคาญ”หญิงสาวบ่นเบา ๆ แต่ก็ดังพอจะให้คุณหญิงพลอยสีหน้าตึง“นี่หรือเปล่าแกถึงไม่ยอมมีลูกให้ธามเขาสักที เพราะแกเกลียดเด็กหรือยังไง”คนเป็นลูกสาวที่กำลังยกแก้วน้ำเปล่าขึ้นจิบ ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะตอบกลับด้วยรอยยิ้มเยือกเย็นแต่แววตาแข็งกระด้าง“คุณแม่อยากรู้เหตุผลจริง ๆ ที่เพิร์ลไม่อยากมีลูกหรือเปล่าล่ะคะ เพิร์ลจะได้บอกว่า...ทำไม”คุณหญิงพลอยสีหน้าตึงทันที ธามเองก็ยังรู้สึกแปลกใจพล.อ.เขมราชรีบเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเข้ม“พอเถอะคุณหญิง มาพูดเรื่องเครียด ๆ ตอนนี้ อาหารจะไม่อร่อยกันพอดี... กินข้าวกันดีกว่า ธาม...คุณหญิงแม่เขาสั่งให้ทำยำถั่วพูไว้ให้ ถั่วพูพ่อปลูกเองอยู่ในสวนข้างบ้านน
ตอนที่ 13 ลูกณ บ้านศศินทร์เดชาคุณหญิงพลอยสีท่าทางดีอกดีใจที่วันนี้ลูกสาวคนเล็กมาหาพร้อมกับลูกเขย นางรีบเดินเข้าไปทักทายธาม แต่กลับแทบไม่ปรายตาไปยังลูกสาวที่มาด้วยกัน“ธาม...เป็นอย่างไรบ้างลูก ทำไมหมู่นี้ไม่ค่อยมาหาแม่เลย”“ผมขออภัยครับ”ชายหนุ่มตอบสั้น ๆ อย่างสุภาพ เขาไม่อธิบายเพราะไม่อยากจะโกหก... ปล่อยให้แม่ยายเข้าใจไปเองว่าลูกเขยงานยุ่งมากจนไม่มีเวลามาเที่ยวหาไข่มุกปรายตามองอย่างหมั่นไส้แต่ไม่เอ่ยอะไร... เมื่อกลับมาบ้าน บ้านที่มีพ่อกับแม่ของหล่อนอยู่ ดูเหมือนไข่มุกคนเจ้าอารมณ์ก็กลายเป็นผู้เป็นคนเหมือนคนปกติขึ้นมาได้บ้าง“คุณพ่ออยู่ไหมครับ”“อยู่สิจ๊ะ เข้ามาเถอะ พ่อเขารอเจอธามอยู่ที่ห้องหนังสือแน่ะ”“รอเจอแค่ลูกเขยหรือคะ แล้วลูกสาวไม่อยากเจอด้วยหรือไง”ทั้งที่บอกตัวเองว่าจะไม่พูด แต่ไข่มุกก็พูดออกไปจนได้คุณหญิงพลอยสีจึงหันมามอง ทั้งสายตาและวิธีที่มองจิกก็ยังเหมือนกันสมกับเป็นแม่เป็นลูก แต่ไม่รู้ทำไมจึงพูดจากันดี ๆ ไม่ค่อยได้“เธอน่ะฉันจะเจอเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่เหมือนนายธาม... ลูกเขยของฉันเป็นถึงนักธุรกิจใหญ่ นาน ๆ จะปลีกตัวมาหาฉันได้ฉันก็ต้องดีใจเป็นธรรมดา”ไข่มุกเบ้ปาก ธามจับมือแม
ตอนที่ 12 คำตอบถ้าคนของธามไปช้าอีกนิดเดียว ในห้องที่ศักดิ์สยามพักรักษาตัวอยู่ตอนนั้นคงจะเกิดการนองเลือด เพราะไข่มุกกรีดร้องคลุ้มคลั่งพุ่งใส่ชายหนุ่มอย่างไม่เกรงกลัวว่ากำลังอยู่ในโรงพยาบาล ศักดิ์สยามยกมือปัดป้องเป็นพัลวันแต่กระนั้นเขาก็ได้รอยเล็บจนเลือดซิบมาหลายแผล ต้องใช้บุรุษพยาบาลกับลูกน้องของธามรวมเป็นสามคนจึงจะรวบมือเท้าแขนขาของไข่มุกเอาไว้ได้เพื่อจะให้พยาบาลใช้เข็มฉีดยาปักเข้าเส้นเลือด ให้เธอสงบและหลับไปภายในเวลาไม่ถึงนาทีเมื่อธามรีบตามมาถึง จึงพบว่าภรรยาของเขานอนหลับไปแล้ว แต่เพื่อความปลอดภัยของทุกคน มีผ้ารัดข้อมือของเธอติดไว้กับราวขอบเตียงทั้งสองข้าง“เป็นยังไงบ้าง... ศักดิ์สยาม”แปลกที่ชายหนุ่มกลับดูจะเป็นห่วงศักดิ์สยามมากกว่าภรรยาตัวเอง ดูเขาไม่ตกใจเลยที่ได้ยินเลขาฯ บอกว่าเมื่อชั่วโมงก่อนไข่มุกมีอาการเช่นไร...ศักดิ์สยามเองเสียอีกที่ยังช็อกไม่หาย“ผม...ผมไม่เป็นไรครับ”“แต่ดูท่านายจะได้แผลเยอะเลยนี่”ธามหมายถึงรอยแผลสดเลือดซิบที่ถูกทายาไปทั่วตัว นักบัญชีหนุ่มฝืนยิ้ม“แค่แมวข่วนน่ะครับ ไกลหัวใจ... แต่ว่า... ผมไม่เคยเห็นคุณเพิร์ลเธอเป็นอย่างนี้เลย เธอคงจะโกรธผมมาก”“เพิร์ลไม่เ
“โดนตบไปแล้วครั้งนึงยังไม่เข็ดใช่ไหมอีนังเด็กนี่” “ก็ลองเข้ามาอีกทีสิ วันนี้ไม่มีผัวป้าคอยห้าม รับรองว่าฉันไม่ยอมให้โดนตบฟรีอีกแน่” ศักดิ์สยามที่ยังตกตะลึง มองหน้าน้องสาวกับอดีตชู้รักสลับไปมา ลืมความเจ็บปวดของตัวเองไปทันที “เดี๋ยว! นี่อะไรกัน ตาลเคยเจอคุณเพิร์ลแล้วเหรอ” ศีตลาไม่ยอมตอบ อีกฝ่ายจึงตอบแทน “แกแกล้งไม่รู้หรือไม่รู้จริง ๆ นายต้น” “ผม...ผมต้องรู้เรื่องอะไร” “ก็เรื่องที่น้องสาวแกคนนี้มันแร่ดเอาตัวไปเสนอให้ธามถึงบ้าน เพื่อแลกกับการยอมความ ให้แกไม่ต้องติดคุกไง” ศักดิ์สยามหันกลับมามองหน้าน้องสาว ไม่เชื่อว่ามันจะเป็นไปได้ ผู้หญิงใจดำอย่างไข่มุกย่อมจะพูดอะไรก็ได้... แต่ศีตลากลับไม่ยอมสบตาเขา เธอเอาแต่มองไปทางอื่น... “ตาล ลูกตาล...” “จะอ้ำอึ้งทำไมนังเด็กแร่ด ยอมรับไปสิว่าแกจะขายตัวเพื่อแลกกับการยอมความจริง ๆ” “หนูเปล่าขายตัว อย่าพูดอะไรมั่ว ๆ นะป้า” “ขืนเรียกฉันว่าป้าอีกคำเดียว ฉันจะเอาแกหน้าแหกแน่” ไฮโซสาวลูกสาวนายพลลืมกิริยาผู้ดีไปสิ้น กางมือร่าเตรียมจะโผเข้าหาเด็กสาวที่ยืนตั้งรับอยู่อีกฟากของห้อง แต่ทนายกับผู้ช่วยสาวที่มาด้วยกันนั้นรีบสะกิดห้ามไว้เสียก่อน “เอ่อ คุณเ
ศีตลาตื่นแต่เช้า แต่งตัวชุดนักศึกษาแล้วก็สะพายกระเป๋าออกจากหอ แต่สถานที่ที่จะไปยังไม่ใช่วิทยาลัย เด็กสาวพิมพ์ส่งข้อความไปบอกลลิตาทางแชตไลน์ - วันนี้จะไปสาย คาบแรกฝากลาอาจารย์ด้วย –ไม่ถึงสามวินาที ลลิตาก็ส่งสติ๊กเกอร์กลับมา เป็นตัวการ์ตูนชูนิ้วว่า - OK- นี่ก็เป็นอีกเหตุผลที่ศีตลาคบหาเป็นเพื่อนกับลลิตาหรือลิลลี่ได้ยาวนานมาเกินเกือบสิบปี เพราะเพื่อนคนนี้ไม่ใช่คนชอบซักไซ้ซอกแซก นอกจากไม่ใช่คนชอบจับผิด ลลิตาก็ยังเป็นคนสดใส ใจกว้าง เธอจึงสบายใจที่ได้อยู่ใกล้ ๆศีตลาโดดเรียนวิชาแรกของเช้านี้ เพราะจะไปหาศักดิ์สยามที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง...ทนายความของธามโทรศัพท์มาบอกเธอตั้งแต่เมื่อวานว่าย้ายโรงพยาบาลให้พี่ชายของเธอ และเพื่อความปลอดภัยของเขา ก็ห้ามเธอไม่ให้บอกเรื่องนี้ให้ใครรู้ โดยเฉพาะคุณไข่มุกถ้าไม่เพราะโดนฝ่ามือของนางปีศาจนั่นมาแล้วรอบนึง ศีตลาก็คงนึกไม่ออกเลยว่าผู้หญิงสวยสง่า ภาพลักษณ์ภายนอกดูดีตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างไข่มุก เนื้อแท้จะเป็นคนโหดร้ายใจดำได้ขนาดไหน ก็คงไม่แปลกที่แม้แต่ทนายความฝั่งสามียังไม่อยากเปิดเผยที่อยู่ของศักดิ์สยามให้นางรู้ คงกลัวพี่ชายของเธอจะไม่ปลอดภัยเสียล่ะกระม
“เราคุยเรื่องนี้กันไม่รู้กี่รอบแล้วนะเพิร์ล ถ้าคุณยังไม่มีทางออกใหม่ ๆ มาให้เราสองคน ก็กลับไปเถอะ ที่นี่ที่ทำงาน ผมจะทำงาน...”“ฮึ ไล่ไปเถอะ ต่อให้คุณจะไล่หรือจะทำเย็นชาใส่ฉันยังไง คุณก็กำจัดฉันออกไปจากชีวิตคุณไม่ได้หรอกนะธาม จำเอาไว้ก็แล้วกัน”หญิงสาวประกาศก่อนจะหันหลังกลับออกจากห้อง โดยไม่ลืมเหวี่ยงกระเป๋าถือในมือใส่แจกันดอกไม้ที่ตั้งบนโต๊ะรับแขกกลางห้องจนแตกกระจาย สักพักใหญ่ ๆ เมื่อแน่ใจว่าไข่มุกกลับไปแน่แล้ว อังคณาเลขาฯ ของเขาจึงค่อยโทรเรียกแม่บ้านให้เข้ามาเก็บกวาดทำความสะอาดเศษแก้ว“วันนี้กลับบ้านได้เลยนะอังคณา ผมคงไม่มีธุระอะไรจะให้คุณทำแล้ววันนี้”ธามเอ่ยกับเลขา อังคณารับคำ เดาได้ว่าเจ้านายคงรู้สึกเหนื่อยใจจนไม่มีแก่ใจจะอยู่ที่ทำงานต่อแต่ธามก็ไม่ได้ไปปลดปล่อยอารมณ์ที่ไหนอย่างที่ใครคาดเดา เขาแค่ตรงดิ่งกลับบ้าน บ้านที่เงียบเหงาเพราะแม่ของเขาพาเด็กรับใช้อีกสองคนไปปฏิบัติธรรมกับท่านด้วยที่เชียงใหม่ อีกหลายวันกว่าจะกลับแต่อย่างน้อยก็ยังมีป้าละออง...คนเก่าแก่อีกคนที่รับใช้แม่ของเขามานาน เมื่อชายหนุ่มกลับถึงบ้าน ป้าละอองก็รีบยกน้ำหวานใส่น้ำแข็งมาเสิร์ฟเขาทันที“ขอบคุณครับป้า”ชายหนุ
'ไม่ใช่เพราะกลัวพี่จะส่งเรียนไม่ไหวหรอกหรือ' ศักดิ์สยามถามตรง ๆ ตั้งแต่แม่จากไป เขากลายเป็นคนไม่เกี่ยงงาน รับจ้างทำทุกอย่างที่ไม่ผิดกฎหมายเพื่อให้มีเงินมาจุนเจือชีวิตของสองพี่น้อง แล้ววันนี้เขาอยู่ในจุดที่ดีกว่าตอนเป็นวัยรุ่นด้วยซ้ำ มีหน้าที่การงานทำที่มั่นคง เรื่องจะส่งเสียน้องสาวที่เขาเลี้ยงเหมือนลูก ให้สำเร็จการศึกษาชั้นสูงสุดเท่าที่ใจอยากเรียน เขาจึงมั่นใจว่าตัวเองก็จะต้องทำได้ แต่สุดท้ายศีตลาก็ไม่ยอมเปลี่ยนใจ เพราะเธอได้ตัดสินใจไปแล้ว 'หนูรู้ว่าพี่ต้นส่งไหว แต่มันก็ถึงเวลาที่ตาลจะต้องช่วยแบ่งเบาภาระของพี่ต้นด้วยแล้วเหมือนกัน อีกอย่างนะ ตาลก็อยากมีเงินของตัวเองเอาไปดูหนังกินไอติมกับลิลลี่บ้างสิ จะให้ขอพี่ต้นทุกวันก็เกรงใจแย่' เด็กสาวยืนยัน เอ่ยถึงลิลลี่ ศีตลาก็คล้ายจะได้ยินเสียงเพื่อนรักแว่วมาจากไหนไกล ๆ"ตาล ลูกตาล...ไอ้ลูกตาล!" ศีตลากระพริบตาถี่ งุนงงอยู่ครู่ก่อนจะรู้ตัวว่าตอนนี้กำลังนอนบนเตียงพยาบาล ในห้องพยาบาลของวิทยาลัย เมื่อเห็นเพื่อนฟื้นตื่น ทั้งลลิตาและแก้วขวัญก็ยิ้มดีใจ โล่งอก "ใครพาฉันมาที่นี่น่ะ" คนนอนเตียงถามเสียงแหบแห้ง ลลิตารีบล้วงหยิบขวดน้ำมาเปิดตอนที่แก้วขว
"ก็ไม่ปกติหรอก เพราะปกติเพิร์ลเป็นคนรักษาภาพลักษณ์""อ้อ วันนี้ไม่ปกติสินะ"ศีตลาพึมพำ เริ่มนึกอยากให้คุณไข่มุกเสียงวิทยุแปดหลอดนั่นเดินกลับมา เพราะตอนนี้เธอเริ่มรู้สึกกระอักกระอ่วนแปลก ๆ ที่ต้องนั่งอยู่กับธามสองต่อสองหลังเพิ่งคุยกันเรื่องมีลูกทำลูกอะไรนั่นแต่เขาก็ไม่ทำให้เธออึดอัดใจนาน เพราะชายหนุ่มร่างสูงลุกขึ้นยืน สีหน้าของเขากลับมาเป็นการเป็นงานอีกครั้ง"ถึงคุณจะตอบตกลงทันทีแบบไม่เสียเวลาคิด แต่เรื่องนี้ก็ใหญ่โตเกินกว่าจะตัดสินใจปุบปับ ผมจึงจะขอให้คุณกลับไปคิดทบทวนอีกสักรอบ... หลาย ๆ รอบ ระหว่างนี้ไม่ต้องห่วงเรื่องศักดิ์สยาม ผมจะให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องดูแลเขาเองรวมถึงเรื่องที่เขาต้องนอนโรงพยาบาลด้วย...""ขอบคุณนะคะ""ส่วนเรื่องอุ้มบุญ...ผมอยากให้คุณกลับไปคิดดูอีกสักหนึ่งสัปดาห์ ถ้าเวลาน้อยไปก็คิดต่อจนกว่าคุณจะได้คำตอบที่่ตัวเอวจะไม่ต้องมานั่งเสียใจทีหลัง ผมไม่อยากใช้่เรื่องคดีของพี่ชายคุณมาบีบให้คุณทำเรื่องอะไรที่ยิ่งใหญ่และสำคัญแบบนั้น ตกลงนะครับ กลับไปคิดดูก่อน..."เด็กสาวสูดลมหายใจลึก ก่อนพยักหน้า"ค่ะ แล้วฉันจะกลับไปคิดดู"* * * * *"อะไรนะ! มีคนย้ายนายศักดิ์สยามไปอยู่ที่อื่น