“อ๋อ...ท่านไม่ค่อยได้มาอยู่น่ะครับเลยปล่อยขายในราคาย่อมเยาอีกอย่างเงินที่ได้ท่านก็แบ่งไปทำบุญด้วยนะครับ” ชายหนุ่มที่เป็นนายหน้ามองหญิงสาวพร้อมยิ้มให้เธอและบอกว่าที่มันถูกก็เพราะเจ้าของบ้านนั้นไม่ค่อยได้มาอยู่เลยตัดสินใจขายและเงินที่ได้เขาก็ให้เอาไปทำบุญ
“อ๋อ...ค่ะเจ้าของบ้านเค้าใจดีจังเลยนะคะ” มีนชญานับถือในน้ำใจของเจ้าของบ้านหลังนี้เสียจริงแต่เธอนั้นก็ไม่ได้ถามอะไรต่อว่าเขานั้นเป็นใครอยู่ที่ไหนเพราะเธอรู้มาว่าชื่อในใบที่ดินและชื่อเจ้าของบ้านเป็นของคนไทยแต่เจ้าของที่แท้จริงน่าจะเป็นต่างชาติเธอก็ไม่ได้ใส่ใจถามเหมือนกันว่าเขานั้นชื่ออะไรในเมื่อตอนนี้มันเป็นของเธอแล้วเธอก็จะจำแค่เธอเป็นเจ้าของบ้านก็พอ
19.00 น.
กว่ามีนชญาจะกลับมาบ้านก็เป็นเวลาเย็นพอดีตอนนี้ท้องของหญิงสาวก็เริ่มที่จะร้องขึ้นอีกแล้วความหิวของเธอตอนนี้มันอยู่ที่ระดับสิบเพราะทั้งเพลียทั้งหิวบวกกันนั่นเองหญิงสาวจำต้องเดินออกจากบ้านไปนั่งที่ร้านเดิม
“เฮ้อเหนื่อยจังเลย...ป้าคะผัดไทยกุ้งสดจานนึงค่ะ” เมื่อสั่งผัดไทยกุ้งสดเมนูเดิมที่ร้านประจำมันก็พาให้เธอนั้นคิดวนไปเรื่องเดิมๆอีกก็คือวันวานที่เคยนั่งทานอยู่กับแม่ของเธอแต่ตอนนี้เธอเริ่มที่จะดีขึ้นมานิดหน่อยเพราะมีเป้าหมายในชีวิตว่าจะทำอะไรต่อไปเธอเพียงแค่ขอให้แม่ของเธอเป็นกำลังใจมองดูเธออยู่บนสวรรค์ก็พอแล้ว
สิบนาทีผ่านไปหญิงร่างท้วมที่พึ่งทำผัดไทยเสร็จก็เดินมาวางที่โต๊ะของเธอหญิงสาวจึงจัดการกับผัดไทยตรงหน้าอย่างรวดเร็วเพราะความหิว
ชีวิตนี้ของมีนชญาคิดอะไรไม่ออกก็คงจะเข้าร้านผัดไทยอย่างเดียวหญิงสาวคิดถึงตัวเองในใจพรางอมยิ้มออกมาเพราะมันเป็นเมนูเดียวที่เธอนั้นทานได้ทุกวันไม่มีเบื่อเลยจริงๆและยังมีแอบคิดว่าหากเธอนั้นย้ายไปอยู่ที่อื่นจะมีผัดไทยอร่อยถูกปากเธอแบบนี้หรือเปล่า
ติ๊งงงง
ขณะมีนชญากำลังจะเดินกลับบ้านเธอได้ยินเสียงข้อความในมือถือดังขึ้นจึงหยิบขึ้นมาดู
“แกพรุ่งนี้ไปงานเลี้ยงรุ่นกันอย่าลืมล่ะ” ข้อความในมือถือทำให้มีนชญาแทบอยากจะเอามือเขกหัวตัวเองอยู่หลายรอบเพราะเธอเกือบลืมงานเลี้ยงรุ่นพรุ่งนี้แล้วจริงๆช่วงนี้เธอค่อนข้างที่จะอาการหนักเพราะลืมโน่นลืมนี่บ่อยก่อนจะคิดว่าดีอยู่อย่างหนึ่งที่เธอนั้นยังไม่ลืมชื่อตัวเอง
“เออ...เกือบลืมแน่ะดีนะที่แกเตือน”
“ฉันว่าแล้วแกต้องลืม”
มีนชญาขอบคุณกอหญ้าเป็นการใหญ่ที่อุตส่าห์เตือนเธอเพราะเธอรู้อยู่แล้วว่ากอหญ้าคิดว่าเธอต้องลืมเป็นแน่จึงต้องเตือนเธอภูมิใจที่อย่างน้อยเธอก็ยังมีเพื่อนดีๆอยู่เพราะกอหญ้านี่แหละที่ทำให้คนซื่อบื้ออย่างเธอเรียนจบมาได้แถมยังคอยกันคนที่เข้าหาเธออย่างหวังผลประโยชน์อีกด้วยนอกจากแม่แล้วเธอคิดว่ากอหญ้านี่แหละที่จริงใจกับเธอที่สุด
โรงแรมXXX
19.30 น.
“นายครับพรุ่งนี้นายจะไปไหนไหมครับเพราะตารางงานว่าง...เอ่อนายหน้าที่ขายบ้านแจ้งผมมาว่ามีคนซื้อบ้านไปแล้วนะครับ” เมื่อเสร็จสิ้นจากงานของวันนี้แล้วชอวจึงเข้ามารายงานกับเจ้านายหนุ่มของเขาว่าพรุ่งนี้เป็นวันว่างหากเจ้านายหนุ่มของเขาอยากจะไปที่ไหนให้สั่งมาได้เลยเพื่อเขานั้นจะได้เตรียมตัวและเตรียมทุกอย่างให้พร้อมและรายงานเรื่องการขายบ้านที่เจ้านายหนุ่มของเขาเปิดขายไปว่าบ้านหลังนั้นได้มีคนติดต่อซื้อไปแล้ว
“พรุ่งนี้ฉันว่าจะพักผ่อนนายจะได้พักด้วย..ส่วนเงินจากการขายบ้านก็บริจาคให้กับมูลนิธิที่ช่วยเหลือเด็กกำพร้าให้หมด”
“ครับนาย”
โดมินิคเห็นว่าเขาเดินทางมาที่ประเทศไทยก็มาทำแต่งานยังไม่ได้มีเวลาพักผ่อนร่างกายเขาเองจึงอยากจะพักและให้ลูกน้องของเขาพักผ่อนไปด้วยเพราะร่างกายคนเราต่อให้แข็งแรงแค่ไหนก็ต้องการการพักผ่อนกันทั้งนั้น
ส่วนเงินที่ได้จากการขายบ้านเป็นปกติแทบทุกที่ที่ชายหนุ่มไปทำงานต่างประเทศเขาก็จะสร้างบ้านไว้และไม่ได้ใส่ชื่อเป็นเจ้าของบ้านเพราะเขานั้นอยู่ไม่นาน
และหลังจากการใช้งานแล้วเขาก็จะขายในราคาถูกๆเพื่อให้ขายออกได้เร็วและเงินที่ได้ก็จะไปช่วยเหลือมูลนิธิต่างๆในประเทศนั้นๆเขาช่วยเหลือแทบทุกมูลนิธิแต่ที่เขาสงสารมากที่สุดเห็นจะเป็นมูลนิธิของเด็กกำพร้าเพราะเขาไม่ชอบเห็นภาพเด็กที่ถูกทอดทิ้งสักเท่าไรเขาอยากให้เด็กๆนั้นได้มีการเป็นอยู่ที่ดีขึ้นเมื่อเขามีโอกาสช่วยได้เขาก็จะช่วยเสมอโดยที่ไม่ประสงค์จะออกนามอีกด้วย
เช้าวันต่อมา
07.00 น.
“ห๊าววว...นี่วันนี้เราตื่นเช้าผิดปกติหรือเปล่าเนี่ยย” มีนชญาตื่นขึ้นมาบิดขี้เกียจพรางมองไปที่นาฬิกามันพึ่งจะเจ็ดโมงเธอรู้สึกว่าวันนี้มันช่างแปลกๆสำหรับตัวเธอเองเพราะว่าตื่นเช้ากว่าปกติแต่ก็ไม่ได้นอนต่อแต่อย่างใดเพราะวันนี้เธอคิดว่าจะออกไปข้างนอกเพื่อหาซื้อของเข้าครัวเสียหน่อยอีกอย่างเธอก็จะหาซื้อรองเท้าเพื่อที่จะใส่ไปงานคืนนี้ด้วยตอนนี้ก็เหลือแค่เธอไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วก็นั่งรถออกไปเธอกะเวลาคร่าวๆแล้วเมื่อไปถึงก็น่าจะเป็นเวลาที่ห้างเปิดพอดี
สวนสาธารณะใจกลางเมือง
โดมินิคเห็นว่าวันนี้เป็นวันหยุดเขาเลยเดินออกมาออกกำลังกายที่สวนสาธารณะใกล้ๆกับที่พักเขาเสียหน่อยโดยที่ไม่ได้บอกให้พวกลูกน้องของเขาตามมาแต่อย่างใดเพราะเขาต้องการความเป็นส่วนตัวและอีกอย่างที่นี่ก็คงจะไม่อันตรายเพราะไม่ค่อยมีคนรู้จักเขานั่นเอง
ชายหนุ่มวิ่งอยู่ได้ประมาณครึ่งชั่งโมงเขาก็มานั่งจิบน้ำที่เก้าอี้ของสวนสาธารณะเขาสังเกตเห็นว่าคนที่นี่ค่อนข้างที่จะรักสุขภาพอยู่เหมือนกันเขาจึงคิดว่าการที่จะลงทุนในเรื่องธุรกิจสุขภาพน่าจะเป็นผลดีเมื่อสามสี่ปีที่แล้วเขาเคยมาดูงานที่นี่พักโรงแรมที่เดียวกับตอนนี้และเขาก็จะหาเวลามาที่นี่เวลาว่างตอนนั้นเขายังไม่เห็นคนใส่ใจในการออกกำลังกายมากเท่านี้มาก่อน
ตอนนี้เขาจึงคิดเรื่องการทำธุรกิจอะไรใหม่ๆออกและคิดว่าเขาน่าจะทำมันได้ดีอีกด้วยเพราะเขาก็เป็นอีกคนที่รักสุขภาพเหมือนกันแต่เขาคงต้องใช้เวลาอีกสักพักถึงจะลงมือทำเรื่องนี้เพราะเขาพึ่งจะร่วมหุ้นกับคนที่นี่เพื่อทำธุรกิจอสังหาไปหมาดๆเองเขาจึงต้องรอดูผลกำไรที่จะได้มาก่อนไม่ใช่ว่าเขาไม่มีเงินที่จะลงทุนแต่คนอย่างเขานั้นต้องศึกษาให้แน่ใจและละเอียดรอบคอบก่อนจึงลงมือทำเพราะเขาไม่อยากสูญเงินโดยเปล่าประโยชน์
โดมินิคนั่งพักให้เหงื่อแห้งแล้วจึงเดินกลับมาอาบน้ำที่โรงแรมและแต่งตัวด้วยชุดธรรมดาเสื้อยืดกางเกงขาสั้นรองเท้าผ้าใบสลัดคราบนักธุรกิจไปหมดสิ้นเพราะเขาต้องการจะไปหาซื้อหนังสือในห้างสรรพสินค้าแถวนี้อ่านเสียหน่อยถึงวันนี้จะเป็นวันหยุดของชายหนุ่มแต่เขาก็ไม่ได้อยากทำตัวว่างสักเท่าไรนัก
“เรื่องทั่วไปนั่นแหละ” แน็ทตี้เห็นกอหญ้าเดินเข้ามาก็ตอบคำถามเพื่อนสาของเขาว่าที่คุยกันมันก็เป็นเร่องทั่วไปตามประสาเพื่อนที่นานๆเจอกันและจะมีเวลาคุยกันแบบนี้นานๆเสียทีเมื่อกลุ่มเพื่อนนั่งคุยกันได้พักใหญ่ต่างก็แยกย้ายกันไปเดินชมวิวทะเลยามค่ำคืนเพราะงานแต่งของหญิงสาวจัดเป็นคบเพลิงปักอยู่เต็มอ่าวทุกคนเลยเดินไปถ่ายรูปกันตอนนี้ก็เหลือแต่กอหญ้าที่นั่งอยู่กับแน็ทตี้และมีนชญา“ได้คุยกันแบบนี้ก็ดีนะมีนยินดีด้วยนะฉันดีใจที่เห็นแกมีวันนี้นะ” กอหญ้าเองเห็นเพื่อนสาวของเธอมีวันนี้ก็ดีใจที่เรื่องวุ่นๆมันจบลงด้วยดีแถมเพื่อนของเธอก็มีครอบครัวที่มีความสุขอีกด้วย“ขอบใจนะกอหญ้า...ต้องขอบคุณแน็ทตี้ที่ช่วยฉันทำแผนนั้นขึ้นมา”“อุ้ยย”มีนชญาพูดแซวไปถึงวีรกรรมที่ตัวเองและแน็ทตี้รวมกันทำเอาไว้พร้อมหัวเราะออกมาที่ตอนนี้เธอนั้นเห็นว่ามันเป็นเรื่องตลกที่เธอเองนั้นสร้างวีรกรรมสุดน่าปวดหัวนี้มาแน็ทตี้เองได้ยินเรื่องนี้ก็หันหน้าหนีทันทีเพราะเขาก็ไม่ได้อยากร่วมวีรกรรมนี้สักเท่าไรถ้าตอนนั้นไม่เห็นแก่เงิน“อย่าพูดถึงเรื่องนี้นะมีน...ยิ่งพูดฉันก็ยิ่งอยากจะตีแกเล่นอะไรบ้าๆจนวุ่นวายไปหมดดีนะที่วันนี้เรื่องทุกอย่างจบล
เช้าวันต่อมามีนชญากำลังทำอาหารเช้าอยู่ในครัวส่วนสองพ่อลูกก็พากันไปนั่งเล่นที่ในสวนหลังบ้านวันนี้นีน่าไม่ได้ไปโรงเรียนเพราะยังต้องดูอาการก่อนว่าไข้จะไม่ขึ้นมาอีก“อะไรกันเนี่ย” หลังจากที่ทำอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้วหญิงสาวก็หยิบหนังสือพิมพ์มาอ่านเป็นแบบนี้ทุกวันแล้วเธอก็ต้องเจอข่าวที่ทำให้เธอตกใจเพราะมีรูปของเธอกับนีน่าอยู่ในหนังสือพิมพ์อีกด้วย“นักธุรกิจหนุ่มหล่อโปรไฟล์ดีแอบซุกลูกกับเมียมาสามปีเต็มๆทำไฮโซสาวหน้าแหกที่เกือบจะเป็นเมียน้อยโดยไม่รู้ตัวโดยชายหนุ่มให้สัมภาษณ์กับทุกสื่อว่าเขาเป็นเพียงเพื่อนร่วมงานกับไฮโซสาวเท่านั้นและกำลังจะจัดงานแต่งกับภรรยาของเขาเร็วๆนี้อีกด้วย” เมื่อมีนชญากวาดสายตาอ่านข้อความอย่างรวดเร็วเธอถึงกับต้องรีบวิ่งไปหาชายหนุ่มที่หลังบ้านทันทีเพราะค่อนข้างตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นที่เรื่องของเธอไปเป็นข่าวได้อย่างไร“คุณนิคคะ...ข่าวนี้มันมาได้ยังไงคะแล้วทำไมมีรูปเราเมื่อวานด้วย” มีนชญารีบยื่นหนังสือพิมพ์ให้ชายหนุ่มอ่านอย่างเร่งรีบเพราะเธอคิดว่าเขาอาจจะตกใจกับข่าวนี้เหมือนกันเพราะมันทำให้ภาพพจน์ของเขาเสียหายอีกอย่างในข่าวก็แอบอ้างว่าเขาเป็นคนให้สัมภาษณ์เองทั้งที่มั
“ฉันอยากให้เธอเรียกฉันเหมือนที่เรียกไอ้หมอนั่น” เมื่อดึงหญิงสาวออกมานอกห้องได้แล้วโดมินิคก็พูดเรื่องความต้องการของเขาทันทีเขาอยากให้เอเรียกเขาแบบสนิทสนมเหมือนกับที่เธอนั้นเรียกหมอรวิชเพราะเขาไม่อยากให้เธอนั้นดูสนิทกับผู้ชายคนไหนมากไปกว่าตัวเขาเอง“หมอนั่น...พี่หมอน่ะเหรอคะ...มีนเรียกคุณนิคแบบนี้ก็ดีอยู่แล้วค่ะ” มีนชญาไม่เข้าใจว่าชายหนุ่มนั้นจะมาหาเรื่องอะไรเธอกับเรื่องที่มันไม่เป็นเรื่องด้วยจู่ๆชายหนุ่มก็มาอยากให้เธอเรียกเขาแบบที่เธอเรียกหมอรวิชเสียแบบนั้นเธอรู้สึกว่าเธอเรียกเขาแบบเดิมมันก็ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไรนอกจากตอนนี้ชายหนุ่มจะทำให้มันเป็นปัญหาเสียเอง“ไม่ได้เธอต้องเรียกฉันว่าพี่นิค” โดมินิคต้องใช้ลูกบังคับเมื่อเห็นว่าหญิงสาวนั้นไม่ยอมทำตามที่เขาสั่งแต่โดยดี“ทำไมต้องบังคับมีนด้วยคะ” มีนชญาไม่เห็นว่าเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องแบบนี้เขาจะต้องมาบังคับเธอด้วยตอนนี้เธอเลยมีสีหน้าที่ไม่พอใจอยู่เหมือนกัน“จะเรียกไหม” เมื่อเห็นว่าหญิงสาวยังไม่ยอมทำตามที่เขาบอกแถมยังถียงเขาไม่ขาดคำเขาจึงต้องใช้ไม้เด็ดในการทำให้เธอยอมแต่โดยดีโดยการใช้มือทั้งสองของเขาจับไปที่ใบหน้าของหญิงสาวรั้งให้ใบหน้าเ
“แล้วคุณ....” รวิชแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นชายหนุ่มฝรั่งร่างสูงยืนอยู่ที่หลังของหญิงสาวว่าเขานั้นเป็นใคร“เอ่อ...ผมเป็นพ่อของนีน่าสามีของมีนครับ” โดมินิคถือโอกาสแนะนำตัวเองกับหมอหนุ่มโดยการดึงไหล่ของหญิงสาวเข้าไปกอดแสดงความเป็นเจ้าของเพราะเขานั้นไม่ชอบใจในสรรพนามที่ทั้งสองเรียกแทนตัวเองกันสักเท่าไรมันดูสนิทสนมกันเกินหน้าเกินตา“อ่อ...ครับยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”“เช่นกันครับ”รวิชเองดูอาการของอีกฝ่ายออกว่ากำลังหึงภรรยาสาวอยู่เป็นแน่แต่เขาก็ทำตัวทักทายอีกฝ่ายปกติเพราะเขาไม่ได้คิดอะไรกับหญิงสาวเขาเห็นเธอเป็นน้องสาวคนนึงเพราะตั้งแต่ที่มีนชญาท้องก็มาหาปรึกษาเขาตลอดจึงทำให้เขากับเธอนั้นสนิทกัน5นาทีต่อมา“นีน่าไข้สูงเหมือนกันนะ...เอาเป็นว่าเดี๋ยวพี่ฉีดยาให้แล้วก็เช็ดตัวดูอาการอยู่ที่นี่สักครึ่งชั่วโมง”“ค่ะพี่หมอ”เมื่อดูอุณหภูมิร่างกายของหนูน้อยที่นอนอยู่บนเตียงแล้วหมอนุ่มเองคิดว่าจะต้องฉีดยาเพราะให้ทานยากับเช็ดตัวคงไม่ทันแน่เพราะว่าอุณหภูมิสูงขนาดนี้อาจจะทำให้ชักได้“คุณแม่ขาไม่ฉีดยา...ฮือๆๆๆ”“ไม่ฉีดไม่ได้หรือไงครับหมอ” เด็กหญิงตัวกลมที่นอนซึมอยู่บนเตียงได้ยินเสียงของลุงหมอของเธอบอกว่าต
เช้าวันต่อมาตั้งแต่เมื่อคืนมีนชญาก็ตึงใส่โดมินิคอยู่ตลอดจนชายหนุ่มนั้นเริ่มอึดอัดแต่เขาเองก็ยังท้อไม่ได้ตอนเช้าเมื่อถึงเวลาอาหารเขาจึงออกมานั่งที่หลังบ้านเพราะไม่อยากให้หญิงสาวทานข้าวไม่อร่อยเมื่อเห็นหน้าของเขา“แดดดี๊ขาคุณแม่บอกให้นีน่ามาตามแดดดี๊ไปทานข้าวเช้าค่ะ”“โอเคค่ะ” เมื่อได้ยินเสียงแหลมๆของลูกสาวตัวกลมของเขาชายหนุ่มก็ถึงกับยิ้มออกที่อย่างน้อยถึงหญิงสาวจะไม่คุยกับเขาก็ยังมีลูกสาวของเขานี่แหละที่คอยเป็นตัวกลางได้และตอนนี้เขาก็รู้ว่าหญิงสาวนั้นยังมีแอบเป็นห่วงเขาอยู่บ้างถึงแม้จะใช้ลูกมาก็เถอะ“ข้าวต้มฝีมือคุณแม่อร่อยมากเลยนะคะนีน่า”“ใช่ค่ะแดดดี๊”“เอ..ข้าวต้มนี้ใส่อะไรลงไปบ้างน้า”“ใส่กุ้ง...ไงคะแดดดี๊”โดมินิคมานั่งร่วมโต๊ะอาหารเช้าแต่เขาเองก็ได้ยินแต่เสียงของนีน่าลูกสาวของเขาอยู่คนเดียวส่วนคนเป็นแม่นั้นก็เอาแต่นั่งเงียบไม่พูดไม่จาขนาดหน้าของเขาเธอยังไม่คิดที่จะหันมามองเลยสักนิดเดียวเขาจึงต้องหาเรื่องคุยกับนีน่าเพื่อที่จะให้หญิงสาวนั้นได้ร่วมวงสนทนาด้วยแต่กลับเป็นลูกสาวของเขาพูดทุกอย่างเสียเองมีนชญาเห็นสีหน้าของชายหนุ่มเธอเองก็อดขำในใจไม่ได้พร้อมบอกตัวเองว่าห้ามขำออกมาเด
“ที่นี่ยังเหมือนเดิมเลยนะแถมร่มรื่นกว่าเดิมอีก” โดมินิคขับรถเลี้ยวเข้ามาในรั้วบ้านที่เปิดเป็นร้านดอกไม้เขาก็จำได้ทันทีว่าที่นี่นั้นเคยเป็นบ้านของเขามาก่อนเมื่อลงจากรถสำรวจดูรอบๆเขาก็รู้สึกชอบที่นี่มากกว่าเดิมเสียอีกเพราะมันทั้งร่มรื่นและมีดอกไม้ต่างๆปลูกรอบๆบ้านเป็นภาพที่สวยงามเป็นอาหารตาแก่เขามากที่ได้มาเห็นอะไรแบบนี้ในตอนเช้าๆ“คุณนิคเคยมาที่ด้วยเหรอคะ” มีนชญาเห็นว่าชายหนุ่มพูดจาแปลกๆเหมือนเคยมที่นี่ยังไงยังงั้นจึงถามเขาขึ้นให้คลายสงสัย“บ้านหลังนี้เป็นของฉันเอง...ฉันปล่อยขายเมื่อห้าปีที่แล้วโลกกลมจังเลยเนอะ” โดมินิคหันมายิ้มให้กับหญิงสาวพร้อมบอกกับเธอว่าบ้านหลังนี้เป็นของเขาเองและคนที่ซื้อในตอนนั้นก็เป็นหญิงสาวตรงหน้าเขาคนนี้เขาไม่แปลกใจที่ทำไมหญิงสาวไม่รู้ก็เพราะว่าเขาไม่ได้ใช้ชื่อของเขาเองเป็นเจ้าของบ้านเขาคิดว่าโลกนี้มันช่างกลมเหลือเกินหรือไม่มันก็เป็นพรหมลิขิตที่ขีดมาให้เขาและเธอได้เจอกันที่ทำให้คนสองคนที่แสนจะแตกต่างกันมาเติมเต็มกันและกันได้“บังเอิญจังเลยนะคะ” มีนชญารู้สึกว่าเรื่องนี้มันช่างเป็นเรื่องบังเอิญเสียจริงเธอซื้อบ้านหลังนี้ก่อนที่จะวางแผนไปทำงานที่บ้านของเข