คำถามของวิรัลพัชรทำให้คุณานนท์คิดตาม สำหรับเขาแล้วรู้สึกและอยากจะทำอย่างที่พูดจริงๆ แต่ไม่รู้ว่าบิดามารดาจะเห็นด้วยกับความคิดเห็นของเขาหรือเปล่า เพราะท่านเป็นคนมีหน้ามีตาและมีฐานะในสังคม ท่านเคยเปรยอยู่หลายครั้งว่าอยากจะให้เขาแต่งงานกับผู้หญิงที่เหมาะสมผู้หญิงที่เข้ามาในครอบครัวแล้วช่วยส่งเสริมซึ่งกันและกันแต่ สำหรับเขากลับคิดว่าไม่จำเป็นเลยผู้หญิงที่จะเข้ามาใช้ชีวิตด้วยต้องเป็นผู้หญิงที่เขาอยู่ด้วยแล้วสบายใจคอยอยู่ให้กำลังใจเวลาที่เขาเหนื่อย คุณานนท์คิดว่าตนเองมีความสามารถในการทำงานมากพอเขาไม่จำเป็นที่จะให้ผู้หญิงมาคอยช่วยเรื่องงานนั้นก็เป็นเพราะชายหนุ่มอยู่กับย่ามาตั้งแต่เด็กทำให้ความคิดค่อนข้างจะหัวโบราณไปสักนิดว่าผู้หญิงต้องมีหน้าที่ดูแลบ้านดูแลครอบครัวเธอไม่จำเป็นต้องออกมาทำงานนอกบ้านหรือทำงานเก่ง
“ทำไมเงียบไปล่ะคะ”
“ผมกำลังสับสน เพราะจริงๆ แล้วผมรู้สึกและอยากจะทำอย่างที่พูดนะ แต่ไม่รู้ว่าครอบครัวของผมจะเห็นด้วยกับสิ่งที่ผมทำหรือเปล่า”
“ขอโทษนะคุณอายุเท่าไหร่แล้วคะคุณนนท์”
“ก็เยอะพอประมาณแล้วล่ะ น่าจะพอมีครอบครัวได้แล้ว ว่าแต่คุณถามทำไมเหรอวิว”
“ก็ถ้าคุณอายุมากพอจะมีครอบครัวได้แล้ว ฉันก็คิดว่าคุณน่าจะมีสิทธิ์ตัดสินใจชีวิตของตัวเองได้นะ แต่ฉันไม่ได้บอกให้คุณต่อต้านพ่อกับแม่ของคุณหรอกเพียงแต่คุณต้องทำให้ท่านเห็นว่าผู้หญิงที่คุณรักจะทำให้คุณมีความสุขจริงๆ พ่อแม่ทุกคนน่ะอยากเห็นลูกมีความสุขทั้งนั้นแหละ” หญิงสาวพูดแล้วก็นึกถึงบิดาของตนเองที่ท่านเคยพูดไว้ก่อนจะเสียชีวิตว่าถ้าหากเธอจะแต่งงานกับใครสักคนก็ขอให้เลือกผู้ชายที่รักเธอเพราะเธอเป็นเธออย่าเลือกผู้ชายที่ฐานะหรือหน้าตา
“ทำไมคนเราเกิดมาจะต้องแต่งงานด้วยก็ไม่รู้เนอะ ผมว่าใช้ชีวิตเป็นโสดแบบนี้มันก็สบายดีออกคุณคิดแบบนั้นหรือเปล่า”
“ถ้าทุกคนคิดแบบคุณอีกหน่อยมนุษย์บนโลกก็คงจะสูญพันธุ์แน่”
“แล้วคุณล่ะอายุเท่าไหร่ ผมเดานะว่าน่าจะเพิ่งเรียนจบและเริ่มทำงานใช่ไหมแล้วคิดหรือเปล่าว่าจะแต่งงานมีครอบครัวตอนอายุเท่าไหร่”
“ฉันเรียนจบมาเกือบสองปีแล้ว ส่วนเรื่องแต่งงานหรือมีครอบครัว ฉันยังไม่คิดหรอกนะเพราะฉันยังเข็ดกับความรักอยู่น่ะ ก็เหมือนที่คุณพูดไง การใช้ชีวิตอยู่คนเดียวการอยู่เป็นโสดแบบนี้มันก็สบายดีมากๆ จะไปไหนจะทำอะไรไม่ต้องคอยรายงานใคร มันอิสระดี แต่บางครั้งมันก็เหงาบ้างแค่นั้นเอง”
“เหมือนอย่างวันนี้ใช่ไหมล่ะ คุณมาเที่ยวกับเพื่อนแต่เพื่อนมากับแฟนมันก็เลยทำให้คุณเหงาและรีบออกมาจากงาน”
“ก็ประมาณนั้นแหล่ะค่ะ จริงๆ แล้วเรานัดกันมาเที่ยวสี่คนฉันจะต้องค้างกับเพื่อนผู้หญิงอีกคนหนึ่งแต่บังเอิญเธอไม่สบายน่ะ ทำให้ฉันต้องมาพักคนเดียวแบบนี้”
“แล้วเพื่อนคุณพักที่ไหนล่ะไม่ได้พักบ้านเดียวกันเหรอ”
“เขาพักบ้านอีกหลังนะอยู่ห่างออกไป ฉันเข้าใจว่าเขาน่าจะต้องการความเป็นส่วนตัว จริงๆ ฉันก็อยากจะยกเลิกการมาเที่ยวครั้งนี้หรอกนะ แต่คิดไปคิดมาก็เสียดายเงินน่ะและโอกาสที่ฉันจะ มาเที่ยวที่นี่มันก็คงมีไม่บ่อยหรอก”
“แปลกจังที่พ่อแม่คุณปล่อยให้คุณมาเที่ยวสถานที่แบบนี้ตามลำพังท่านฉันไม่ห่วงคุณเลยเหรอ ขอโทษนะที่ผมต้องถามแบบนี้เพราะปกติแล้วไม่ค่อยมีผู้หญิงมาเที่ยวตามลำพังเหมือนคุณหรอกนะ”
“ฉันก็อยากให้เป็นเหมือนที่คุณพูดนะ อยากให้พ่อกับแม่ห่วงฉัน แต่มันเป็นไปไม่ได้พ่อฉันตายแล้วนะ ส่วนแม่ก็แต่งงานใหม่แม่ไม่สนใจหรอกว่าฉันจะไปทำอะไรอยู่ที่ไหนฉันหรอก แม่ก็รอแค่วันที่ฉันเงินเดือนออกแค่นั้นแหละ”
“ผมไม่ได้ดูถูกคุณนะแต่คุณเพิ่งบอกว่าเรียนจบ แล้วเงินเดือนจะมากแค่ไหนกันเชียวไหนจะต้องแบ่งให้แม่ด้วย คุณไม่คิดว่ามันเป็นภาระเหรอ”
“ฉันคิดว่ามันเป็นหน้าที่ค่ะ ถึงแม้ท่านจะแต่งงานไปมีครอบครัวใหม่ มีลูกใหม่แต่ฉันก็ถือว่าตอนเด็กๆ ท่านเคยเลี้ยงมาและท่านก็อุ้มท้องฉันมาเงินที่ฉันให้แม่ก็ไม่มากเท่าไหร่หรอกค่ะ สำหรับบางคนมันอาจจะเป็นแค่เศษเงินด้วยซ้ำ แต่สำหรับมนุษย์เงินเดือนที่เพิ่งเริ่มทำงานมันก็ค่อนข้างมากอยู่เหมือนกัน คุณรู้มั้ยทำไมฉันถึงได้มาเที่ยวที่นี่ทั้งที่ค่าใช้จ่ายค่าโรงแรมช่วงนี้มันแพงมากๆ”
“ทำไมล่ะ มีคนจ่ายให้คุณเหรอ”
“เปล่าหรอกค่ะ ฉันจะบอกความลับให้ก็ได้ฉันถูกหวยน่ะ”
“ถูกหวยเหรอ ผมไม่รู้ว่าถูกครั้งหนึ่งมันได้เท่าไหร่ แต่เท่าที่เห็นในข่าวก็น่าจะหลายล้าน คุณเป็นคนโชคดีมากๆ เลยนะวิว”
“ฉันไม่ได้ถูกหลายล้านหรอกค่ะถูกแค่สี่แสนเองแต่มันก็ถือว่าเป็นเงินจำนวนมากสำหรับฉัน”
“คุณพูดเหมือนถ้าไม่ถูกหวยคุณจะไม่มาเที่ยวที่นี่ค่ะ”
“ก็ใช่ค่ะ ค่าโรงแรมช่วงนี้มันแพงนะคะ ไหนในจะค่าตั๋วเครื่องบินอีก ลำพังแค่เงินเดือนฉันคงไม่พอมาเที่ยวหรอกค่ะ” หญิงสาวเล่าออกมาอย่างไม่มีปิดบง
“ผมดีใจด้วยนะที่คุณถูกหวยเลยทำให้คุณได้มาเที่ยวที่นี่ ทำให้เรามาเจอกันได้คุยกัน”
“ฉันก็ดีใจมากๆ ที่มีโอกาสได้มาเที่ยวที่นี่ แต่ตอนนี้ฉันขอตัวไปนอนก่อนนะ”
“ง่วงแล้วเหรอ”
“ไม่ง่วงหรอก แต่ฉันคิดว่าตอนนี้ฉันเมามากๆ คุณจะนั่งดื่มต่ออยู่ตรงนี้ไหม”
“ผมว่าจะนั่งดื่มอยู่อีกสักพัก ยินดีที่ได้รู้จักนะวิวให้ผมเดินไปส่งหน้าบ้านพักนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ เดินแค่ไม่กี่ก้าวก็ถึงแล้ว ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันนะคะคุณนนท์”
เมื่อวิรัลพัชรเดินกลับไปแล้วคุณานนท์ก็ยังนั่งดื่มต่ออยู่บริเวณหน้าบ้านเขารู้สึกแปลกใจกับตนเองมากที่นั่งคุยกับคนเพิ่งรู้จักกันได้นานมากขนาดนี้ หญิงสาวเป็นคนที่มีอะไรน่าสนใจมากจริงๆ เธอเป็นคนพูดตรงมากๆ เล่าเรื่องทุกอย่างออกมาอย่างไม่อายเลยสักนิด
ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นก็คงไม่กล้าเล่าว่าตัวเองเอาเงินถูกหวยมาเที่ยวหรือไม่ก็เล่าเรื่องครอบครัวของตัวเอง แต่ดูเหมือนผู้หญิงคนนี้จะไม่คิดแบบนั้นเธอเป็นคนค่อนข้างเปิดเผยเขาไม่รู้ว่าที่เธอพูดออกมาทั้งหมดเป็นเรื่องจริงหรือเป็นเรื่องโกหกกันแน่แต่ได้ฟังแล้วก็รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่น่าสนใจคนหนึ่ง เขาดื่มต่อจนเครื่องดื่มขวดที่สองหมดก็กำลังจะเดินกลับบ้านแต่ยังไม่ทันลุกก็ได้ยินเสียงกรี๊ดดังมาจากในบ้านพักของหญิงสาว
คุณานนท์รีบวิ่งตรงไปยังหน้าบ้านและนับว่าโชคดีมากที่เธอไม่ได้ล็อกประตู
“คุณเป็นอะไร” เขาตะโกนถามเข้าไป
“คุณช่วยฉันด้วยในห้องฉันมีแมลงสาบ”
“คุณอยู่ตรงไหน”
“ฉันอยู่ในห้องนอน” เสียงตะโกนตอบกลับ
เขาเปิดไฟจนสว่างบ้านก่อนจะเดินไปหาหญิงสาวที่ตอนนี้นุ่งแค่ผ้าเช็ดตัวกระโดดอยู่บนเตียง
“หนูวิวเข้าไปในห้องผ่าตัดนานหรือยังลูก” คุณสุนันทาถามนันนภัสด้วยความเป็นห่วง ตั้งแต่รู้ว่าจะได้หลานชายเธอก็เปิดใจยอมรับวิรัลพัชรและดูเหมือนว่าจะเป็นคนที่เห่อหลานในท้องมากกว่าใครทั้งมด“เข้าไปเกือบยี่สิบนาทีแล้วครับแม่” คุณานนท์ที่ยืนจับเวลาอยู่บอกกับมารดา“ต้องใช้เวลาผ่าตัดนานแค่ไหนนัน”“ส่วนใหญ่ก็ประมาณสี่สิบถึงหนึ่งชั่วโมง ชั่วโมงถ้าไม่มีอาการแทรกซ้อน”“อาการแทรกซ้อนอะไรครับพี่นัน แล้ววิวจะมีอาหารแทรกซ้อนไหม” คุณานนท์รีบถามเพราะตอนนี้เขาห่วงคนที่อยู่ในห้องผ่าตัดมากห่วงทั้งคนเป็นแม่และลูกที่กำลังจะเกิดมา“ก็เช่นรกลอกตัวไม่ดีมีเลือดออกเยอะอะไรประมาณนั้น แต่พี่ว่าวิวคงไปไม่เป็นแบบนั้นหรอกนนท์อย่าห่วงไปเลยนะ”“ผมเป็นห่วงวิวกับลูก”“ใจเย็นนะนนท์ ทุกคนก็เป็นห่วงหนูวิวกันทั้งนั้นแหละ” คุณย่าชมนาดที่นั่งมองหลานชายกระวนกระวายใจเดินไปเดินมาก็พูดขึ้น“ถ้านนท์เป็นห่วงมากๆ เดี๋ยวพี่จะไปดูกล้องห้องผ่าตัดให้ก็แล้วกันนะ ว่าตอนนี้ผ่าตัดไปถึงขั้นตอนไหนแล้ว” นันนเห็นอาการน้องชายแล้วก็ที่ดูกังวลก็เลยอาสาจะไปดูก็ภาพจากกล่องให้เธอหายเข้าไปในห้องที่อยู่ติดกับห้องผ่าตัดไม่นานก็ออกมาพร้อมกับรอยยิ้ม“ว่ายัง
ตอนนี้อายุครรภ์ของวิรัลพัชรเข้าสัปดาห์ที่สามสิบเก้าแล้วการไปอัลตราซาวด์มาครั้งล่าสุดกับอาจารย์หมอวัลลภอาจารย์หมอบอกให้เธอเตรียมตัวในการผ่าคลอดเพราะดูแล้วการคลอดตามธรรมชาติน่าจะเป็นไปได้ยากเนื่องจากอายุครรภ์เริ่มมากขึ้นแต่ศีรษะเด็กก็ยังไม่ลงมาอยู่ในอุ้งเชิงกราน คุณหมอแนะนำว่าถ้าหากจะผ่าคลอดตอนนี้ก็สามารถผ่านได้เลยแต่เธอก็อยากจะรอให้อายุครรภ์ครบสี่สิบสัปดาห์ก่อนจึงจะตัดสินใจผ่าคลอดช่วงนี้หญิงสาวไม่ได้ไปทำงานที่โรงพยาบาลเพราะคุณานนท์เป็นห่วงส่วนตัวเขาเองก็เอางานกลับมาทำที่บ้านเพราะอยากจะอยู่ใกล้ชิดกับหญิงสาวเขาก็ว่าเธอจะปวดท้องคลอดระหว่างที่ตัวเองไปทำงาน“วันนี้งานยุ่งหรือเปล่าคะคุณนนท์” หญิงสาวเดินมาถามสามีเมื่อเห็นเขาหน้าเครียดอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์อยู่ค่อนข้างนานแล้วเธอเลยเดินเข้ามาถาม“ยุ่งนิดหน่อยครับแต่ผมคิดว่าจะเคลียร์ทุกอย่างให้เสร็จวันนี้”“ทำไมล่ะคะ”“ก็ผมอยากมีเวลาให้คุณกับลูกอย่างเต็มที่ไงนี่ก็ใกล้ครบกำหนดสี่สิบสัปดาห์แล้วนะวิว คุณตื่นเต้นไหม”“ตื่นเต้นสิวิวทั้งตื่นเต้นทั้งเครียดเลยค่ะ”“ผมเองก็ไม่รู้จะปลอบใจวิวยังไงเลยเพราะนี่มันเป็นลูกคนแรกของเรา ผมก็ได้แต่หวังว่าทุกอย่างมั
วันนี้วิรัลพัชรรู้สึกมีความสุขมากกว่าทุกวันที่ผ่านมาเพราะการแสดงออกของคุณสุนันทาที่มีต่อเธอนั้นมันเปลี่ยนไป ตอนนี้ท่านยอมรับเธอในฐานะลูกสะใภ้ซึ่งเธอไม่คิดเลยว่าจะมีวันนี้ หญิงสาวแทบจะหุบยิ้มไม่อยู่ เธอลงมารอคุณานนท์ที่หน้าโรงพยาบาลโดยที่เขายังไม่โทรมาบอกเหมือนกับทุกวันเพราะอยากจะเล่าเรื่องวันนี้ให้กับชายหนุ่มฟัง เมื่อรถเขามาจอดหญิงสาวก็รีบขึ้นไปนั่งอย่างรวดเร็ว“คุณนนท์คะวิวมีเรื่องจะบอกคุณนนท์ด้วยค่ะ” หญิงสาวพูดด้วยความตื่นเต้นหลังจากเปิดประตูรถเข้ามานั่งข้างคนขับ“เรื่องอะไรดูท่าทางน่าจะเป็นเรื่องดีใช่มั้ยล่ะ”“ค่ะเรื่องดีมากๆ วิวไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะเป็นแบบนี้”“เล่ามาสิผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าเรื่องดีๆ ของวิวมันคือเรื่องอะไร”“คุณรู้มั้ยวันนี้วิวได้เปลี่ยนเก้าอี้ใหม่ที่ทำงานด้วยค่ะ”“เปลี่ยนเก้าอี้ใหม่ต้องดีใจขนาดนั้นเลยเหรอครับ” เขามองหน้าคนรักด้วยความไม่เข้าใจเท่าไหร่ เพราะปกติแล้วในทุกบริษัทก็จะมีการเปลี่ยนเก้าอี้ใหม่ให้กับพนักงานตามอายุการใช้งานอยู่แล้ว“ใช่ค่ะ เพราะเก้าอี้ของวิวมันพิเศษกว่าคนอื่น” หญิงสาวพูดไปยิ้มไปทำให้คุณานนท์ยิ่งอยากจะรู้มากขึ้นว่ามันพิเศษยังไง“มันพิเศษยังไ
เนื่องจากได้หยุดสองวันและพักผ่อนอยู่ที่บ้านกับครอบครัวทำให้วันนี้วิรัลพัชรมาทำงานด้วยความสดชื่น วันนี้หญิงสาวก็มาทำงานตามปกติแต่เมื่อมาถึงที่แผนกบัญชีเธอก็ต้องตกใจเพราะตอนนี้เก้าอี้ทำงานของเธอมันเปลี่ยนไป“พี่นิดคะเกิดอะไรขึ้นทำไมเก้าอี้ทำงานของวิวไม่เหมือนคนอื่นเลย” หญิงสาวถามหัวหน้าแผนกที่มักจะมาทำงานก่อนทุกคนเสมอ“คุณสุนันทาสั่งให้คนเอามาเปลี่ยนให้น่ะ”“อะไรนะคะ พี่นิดบอกว่าใครสั่งให้คนเอามาเปลี่ยนให้นะคะ” เธอไม่แน่ใจกับชื่อที่หัวหน้าแผนกเอ่ยออกมา“คุณสุนันทาแม่คุณนนท์ไงล่ะ”“เป็นไปได้ยังไงเขาจะเอาเก้าอี้มาเปลี่ยนทำไม” วิรัพัชรนึกหาเหตุผลไม่ออกเลยว่ามารดาของคุณานนท์จะทำแบบนี้ทำไม“อย่าเพิ่งนั่งนะวิว ปอนด์ขอนั่งก่อน” นัยนาที่เดินเข้ามาได้ยินก็รีบร้องบอก“ทำไมล่ะปอนด์”“ก็เผื่อเขาทำเก้าอี้ที่นั่งแล้วล้มลงไป วิวจะได้ไม่เป็นอะไรไงล่ะปอนด์ขอนั่งก่อนนะ” หญิงสาวพูดด้วยความเป็นห่วง“คงไม่มีใครทำอะไรแบบนั้นหรอกมั้งปอนด์”“ไม่รู้สิปอนด์ดูละครมาเยอะแม่สามีที่ไม่ชอบลูกสะใภ้ก็อยากจะทำให้ลูกสะใภ้แท้งก็ได้นะ”“คิดมากเกินไปหรือเปล่าปอนด์” พนิดามองหน้าลูกน้องของตัวเองแล้วส่ายศีรษะเพราะคิดว่าคุณสุนั
“มันแน่นมากวิว เสียวใช่ไหม”หญิงสาวพยักหน้าแทนคำตอบก่อนจะตามมาด้วยเสียงครางหวานเมื่อสะโพกของคุณานนท์ขยับจังหวะเร็วขึ้น มือหนึ่งช้อนใต้ข้อพับยกขึ้นสูงเพื่อให้ตนเองเข้าได้ลึกสุด อีกมือสอดใต้ร่างมาบีบขยี้หน้าอกของเธอยังไม่ปรานี จังหวะรักไม่รุนแรงแต่เต็มไปด้วยความสุขและความเสียวซ่าน ต่างฝ่ายต่างโหยหาความรู้สึกและอารมณ์แบบนี้มานานหลายเดือน“คุณนนท์...อื้อ....วิวเสียว”“เสียวก็ปล่อยออกมาเลยวิว”ยิ่งได้ยินเขาพูดแบบนี้วิรัลพัชรก็ยิ่งเสียวมากขึ้นฝ่ามือร้อนยังคงหน้าอกอิ่มริมฝีปากจูบไปบนไหล่มน ก่อนจะก้มลงจูบบนริมฝีปากบางที่กำลังหันไปหาเขาอย่างรู้งาน จูบเร่าร้อนหนักหน่วงจนหญิงสาวแทบจะขาดอากาศหญิงสาวสั่นสะท้านไปทั้งตัวที่ ความเสียวซ่านมากยิ่งขึ้นชายหนุ่มผละมือออกจากหน้าอกแล้วลูบฝ่ามือไปตามหน้าท้องนูนเด่นก่อนจะใช้ปลายนิ้วกดเน้นไปบนเกสรสวาททำเอาหญิงสาวสั่นสะท้านไปทั่วทั้งตัว“อื้อ....อ่า คุณนนท์ขา อย่าทำแบบนั้น”“ไม่ชอบเหรอ ถ้างั้นผมหยุดน่ะ”“เปล่านะ วิวเสียวมากมันจะเสร็จ”หญิงสาวรีบปฏิเสธเพราะกลัวเขาจะหยุดอย่างที่พูด“ผมก็อยากให้วิวเสร็จเพราะตอนวิวเสร็จร่องวิวตอดแน่นมาก ลองก้มดูสิว่าตอนนี้ร่องของว
“วิวผมรู้แล้วว่าคุณยังไม่หลับ”“ก็คุณนนท์ยังคุยอยู่แบบนี้วิวจะหลับล่ะคะ”“เรายังคุยกันไม่จบเลยนะวิว”“แต่วิวคิดว่าวิวจบแล้วค่ะ”“วิวไม่ต้องการจริงเหรอ” ชายหนุ่มขยับเข้ามาใกล้กอดเธอจากทางด้านหลัง ฝ่ามือลูบไล้บนหน้าท้องของเธอเบาๆ“ลูกจ๋าขอพ่อมีความสุขกับแม่ได้ไหม” เขากระซิบข้างหูจนหญิงสาวรู้สึกขนลุกไปทั้งตัว“คุณนนท์ใครเขาให้พูดกับลูกแบบนั้นกันคะ”“ผมต้องการคุณนะวิวมันนานแล้วที่เราไม่ได้นอนด้วยกันและผมนอนกับคุณเกือบทุกคืนแต่ก็ได้แค่กอดผมรู้สึกทรมานมากๆ”“คุณนนท์คะ วิวท้องอยู่นะ”“ผมปรึกษาเรื่องนี้กับคุณหมอแล้วนะ”ชายหนุ่มพูดขณะที่ฝ่ามือก็ลูบไปบนต้นขาขาวเนียนและสอดเข้าใต้ชุดนอนแบบกระโปรงไล้ฝ่ามือไปบนหน้าท้องที่โตขึ้นกว่าเดิม“คุณนนท์ไม่นะคะ”“อย่าห้ามเลยผมทรมานมากจริง ให้ผมนะวิว”เขากระซิบแหบพร่าแล้วฝ่ามือร้อนก็กอบกุมหน้าอกอิ่มที่มันขยายขนาดขึ้นกว่าเดิม“คุณนนท์....”เธอครางแผ่วเบาเมื่อสัมผัสจากฝ่ามือร้อยทำให้ร่างกายอารมณ์ปรารถนาของเธอถูกปลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว“หน้าอกคุณใหญ่ขึ้นใช่ไหม”“มันก็เป็นอาการปกติของคนท้อง”“ดีจัง”เขาเพิ่มแรงบีบบนอกอิ่มปลายนิ้วสะกิดยอดถันปลุกเร้าอารมณ์ของหญิงสาวจน