เข้าสู่ระบบตอนที่ 9
มากกว่าคำว่ารัก........
“คุณธิมีเงินอะไรก็ไม่รู้ค่ะโอนเข้าบัญชีของธิชา”
หญิงสาวตกใจมากที่มีเงินจำนวนหลายแสนบาทโอนเข้าบัญชีของเธอ
“เงินค่าเช่าคอนโดมิเนียมทั้งหมดเลขาของผมโอนให้คุณเอง”
หญิงสาวคิดแต่จะเอาทุกอย่างมาเพื่อใช้ต่อรองถ้าเกิดวันใดที่เธอกับสามีต้องเลิกกันจึงไม่ได้สนใจเรื่องค่าเช่าใด ๆ ในแต่ละเดือน
“คุณให้ธิชาทำไม”
“ก็คอนโดเป็นของคุณค่าเช่าผมก็ต้องให้เจ้าของไม่เห็นแปลกเลย เป็นอะไรหรือเปล่าทำไมดูเหมือนแปลกใจสงสัยจะลืมไปแล้วว่าตัวเองมีคอนโดให้เช่าหลายห้องเลยนะ”
ชายหนุ่มลุกขึ้นจากเก้าอี้ทำงานในห้องนอนตรงเข้ามากอดภรรยาจากทางด้านหลังสองมือของเขาลูบไปที่ท้องของคนตัวเล็กเหมือนกำลังค้นหาอะไรบางอย่าง
“เดี๋ยวนี้ภรรยาผมอ้วนลงพุงจังหรือว่าในนั้นไม่ใช่ไขมันแต่เป็นตัวน้อย”
“ไม่ใช่ค่ะ ธิชาอ้วนขึ้น”
คนในอ้อมกอดรีบแกะมือของสามีออกทั้งสองข้างเพราะกลัวว่าถ้าอีกฝ่ายกอดเธอนานกว่านี้มีหวังความลับที่เธอยังไม่พร้อมจะเปิดเผยต้องมาแตกก่อนเวลาแน่ ๆ
ค่ำคืนที่สามของการกลับเข้ามาอยู่ในครอบครัวของสามี ธิชายังคงนอนไม่หลับเพราะเธอยังตัดสินใจไม่ได้ว่าควรจะบอกคนอื่นเรื่องที่เธอกำลังท้องดีไหม หญิงสาวจึงลงมานั่งเล่นที่สวนหน้าบ้านหวังนั่งคิดอะไรเพลิน ๆ
“อื้อ..ปล่อย ใคร..อะ”
หญิงสาวได้ยินเหมือนมีเสียงคนเดินอยู่ที่ข้างห้องทำงานของพ่อสามีเธอจึงลุกไปดูแต่ยังไม่ทันถึงกลับถูกมือหนามาปิดปากและพยามกอดเธอไว้แน่น
คนตัวเล็กพยายามดิ้นสุดแรงแต่ก็ไม่สามารถเอาตัวเองหลุดมาจากคนร่างใหญ่ที่จับเธอไว้แน่น มือทั้งสองขั้งถูกมัดไพล่หลังไว้ ปากก็ถูกปิดไว้ด้วยกระดาษกาว ธิชาพยายามองหน้าผู้ชายที่เข้ามาทำร้ายแต่ก็ไม่รู้จักและไม่เคยแม้แต่จะเห็นหน้ามาก่อน
“เอาไงพี่ กลับไหม”
ชายร่างเล็กกว่าที่ยืนแอบอยู่ในมุมมืดเดินออกมาพร้อมด้วยเหล็กยาวและกล่องเครื่องมือช่าง
“อะไรกันแค่อีนี่มาเจอทำไมต้องกลับ มัดมันไว้แล้วกว่าจะมีคนมาเจอก็เช้านู่นแหละลงมือเลยตู้เซฟอยู่ในห้อง”
หญิงสาวฟังบทสนทนาก็พอเดาได้ว่าผู้ชายสองคนนี้ต้องการมาเอาของมีค่าในตู้เซฟ
คนถูกมัดมองไม่เห็นแล้วว่าทั้งสองคนกำลังทำอะไรเพราะตอนนี้เธอถูกจับให้นั่งลงกับพื้นดินและมัดไว้อย่างแน่นเท่าที่ทำได้คือพยายามพาตัวเองไปให้ไกลจากตรงนี้แต่ด้วยความเป็นห่วงลูกในท้องจะกระทบกระเทือน ธิชาจึงตัดสินใจที่นั่งให้นิ่งที่สุด
“ธิชา ธิชา”
ธีภพเปิดประตูบ้านออกมาตามหาภรรยาเพราะตื่นมาแล้วไม่เห็นเธอ สองคนนั้นยังไม่ไป หญิงสาวได้แต่ภาวนาอย่าให้ ชายหนุ่มเดินมาตรงนี้แต่มันก็ไม่เป็นผล
“ธิชา เกิดอะไรขึ้น ใครอยู่แถวนี้มีโจรเข้าบ้าน”
ธีภพรีบแกะเชือกที่มัดแขนของภรรยาและตะโกนให้คนสวนได้ยินเพื่อให้ช่วยกันออกมาจับขโมย
“โวยวายเชียวนะมึง !”
หนึ่งในโจรเล็งปืนมาทางคนทั้งคู่ ธีภพรีบกางแขนของเขาบังตัวภรรยาไว้ทันที
“แกเป็นใคร” ชายหนุ่มถามเพื่อถ่วงเวลา
“พ่อ ! มึงมั้ง อยากดวงซวยมาขวางทางก็ตายไปเถอะ”
ปัง !
ธิชาสองมืออุดหูด้วยความกลัวทันที หลังเสียงปืนดังแค่เพียงนัดเดียวไฟทุกดวงในบ้านถูกเปิดคนสวนและคนขับรถทั้งห้าคนวิ่งมาตามเสียงปืน เมื่อพวกโจรเห็นว่ามีคนกำลังวิ่งมาจึงรีบหนีไปพร้อมถุงที่ใส่ทรัพย์สินที่ได้จากตู้เซฟไป
“คุณธี คุณธีอย่าเป็นอะไรนะคะ”
หญิงสาวรีบเอาตักของตัวเองเข้าไปรองศีรษะของสามีสองมือจับไปที่เสื้อชุดนอนที่ตอนนี้มีแต่เลือดเต็มไปหมด
“ธิชาคุณเป็นอะไรไหม มันยิงโดนคุณหรือเปล่า”
ธีภพพูดด้วยเสียงเบาเหมือนคนจะขาดใจแต่ยังไม่ทันที่ภรรยาจะตอบเขาก็หมดสติลง คนรถรีบเอารถออกทันทีโชคยังดีที่โรงพยาบาลอยู่ห่างขากบ้านไม่มากและเวลานี้ท้องถนนโล่งไม่ค่อยมีรถ ชายหนุ่มจึงไปถึงโรงพยาบาลได้เร็ว
เทวนาถโทรศัพท์แจ้งตำรวจและรีบโทรตามให้ณภัทรมาอยู่เป็นเพื่อนลูกสะใภ้เพราะตอนนี้เทวนาถเองก็ไม่ค่อยมีสติเต็มร้อยทั้งตกใจและเป็นห่วงลูกชาย ส่วนธิชาเองไม่ต้องพูดถึงนั่งนิ่ง น้ำตาไหลช็อคกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“คุณจะพาสามีฉันไปไหนคะ”
หญิงสาวลุกจากเก้าอีกหน้าห้องฉุกเฉินทันทีเมื่อทางโรงพยาบาลเข็นเตียงของธีภพออกมาจากห้องฉุกเฉิน
“เราต้องทำการผ่าตัดโดยด่วนค่ะ” นางพยาบาลชี้แจง
คุณหมอรีบเดินมาอธิบายถึงอาการและการรักษาที่ต้องทำโดยเร่งด่วนทันทีเพราะต้องให้ทางญาติเซ็นชื่ออนุญาตยินยอมให้ผ่าตัดเวลานี้ธิชายอมทุกอย่างขออย่างเดียวอย่าให้สามีของเธอเป็นอะไร
“คุณธีคุณต้องตื่นขึ้นมาอยู่กับธิชาและลูกนะคะ”
หญิงสาวบีบมือสามีแน่นก่อนที่ทางโรงพยาบาลจะกันตัวเธอออกมาเพราะต้องทำการผ่าตัดทันที
“เธอท้องแล้วทำไมไม่บอกธี”
ณภัทรเดินตามภรรยาเพื่อนมาตั้งแต่ห้องฉุกเฉิน เขาได้ยินทุกคำที่ธิชาพูดกับคนเจ็บจึงตัดสินใจถามทันที
“ฉันกลัว กลัวว่าถ้าคุณธีรู้ว่าฉันท้องแล้วเขาจะมาพรากลูกไป”
“ทำไมเธอถึงคิดแบบนั้นธิชา” คนถามส่ายหัวอย่างเสียอารมณ์
“ทำไมจะกลัวไม่ได้ คุณก็รู้ว่าที่คุณธีแต่งงานเพราะอะไรอย่าพยายามเล่นบทเพื่อนที่แสนดีในเวลานี้เลยค่ะ ธิชาเห็นข้อความที่คุณคุยกับคุณธีแล้ว”
หญิงสาวรู้สึกโล่งทันทีที่ได้พูดเรื่องที่ค้างคาเธอจมาหลายเดือน
“แต่...ช่างมันเถอะค่ะ ตอนนี้ฉันขอให้คุณธีปลอดภัย ฉันยอมทุกอย่างแล้ว”
ณภัทรได้แต่มองหน้าภรรยาเพื่อน เขาไม่รู้จะพูดอะไรดีความจริงส่วนหนึ่งเขาก็มีส่วนผิดที่ปกปิดเรื่องนี้แต่อีกใจเขาก็อยากจะบอกว่าทุกอย่างมันเป็นแค่ความรู้สึกในช่วงนั้นตอนนี้เพื่อนของเขาไม่ได้คิดเหมือนที่ธิชาเข้าใจ
“ธิชา คือ..ตอนนี้”
“คุณไม่ต้องพูดอะไรแล้วค่ะ” หญิงสาวร้องห้าม
บรรยากาศหน้าห้องผ่าตัดเงียบสงบเพราะทั้งธิชาและณภัทรต่างไม่พูดอะไรกัน เทวนาถก็กำลังให้การกับตำรวจอยู่ที่หน้าห้องฉุกเฉิน ไม่มีใครเดินผ่านแถวนั้นเลยสักคน
“ธิชาไม่สนใจแล้วนะว่าคุณธีจะแต่งงานเพราะอะไรขอแค่ให้เขาปลอดภัยกลับมาก็พอ ธิชากับลูกจะไม่หนีไปไหนอีกแล้ว คุณก็ไม่ต้องคิดมากธิชาเข้าใจค่ะ”
คนตัวเล็กพูดออกมาท่ามกลางความเงียบ ณภัทรรู้ใจเสียคิดว่าหญิงสาวจะพูดอะไรที่เป็นการต่อว่าเขากับเพื่อน พอได้ยินแบบนี้คนฟังค่อยสบายใจขึ้นมาก็จะเหลือแต่ช่วยกันภาวนาให้เพื่อนของเขาปลอดภัยเท่านั้น
ธิชานอนรออยู่ที่เก้าอี้หน้าห้องผ่าตัดเกือบหกชั่วโมง หญิงสาวสะดุ้งตื่นเมื่อเพื่อนของสามีมาปลุกว่าทางโรงพยาบาลจะพาธีภพไปยังห้องไอซียูจนกว่าเขาจะฟื้น
“ธิชากลับไปบ้านก่อนไหม”
“ไม่ค่ะ คุณณภัทรกลับไปพักก่อนก็ได้ค่ะ ธิชาจะอยู่ดูคุณธี”
เทวนาถเดินมาพอดีพร้อมกับกระเป๋าใบใหญ่และผ้าห่มอีกหนึ่งผืน
“พ่อกลับไปเอาของมาให้คว้าอะไรมาได้ก็เอามาก่อนไปนอนรอที่ห้องพักข้าง ๆ พ่อติดต่อไว้ให้แล้ว”
โรงพยาบาลมีห้องพักสำหรับญาติที่ต้องการเฝ้าผู้ป่วยที่อยู่ห้องไอซียูถึงจะราคาแพงแต่เทวนาถก็ยินดีจ่าย
“นอนพักนะลูก หลานพ่อจะได้แข็งแรง”
ธิชามองพ่อสามีด้วยความตกใจเพราะเธอยังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับเขาเลยทำมเขาถึงรู้
“ไม่ต้องตกใจไป พ่อได้ยินที่ลูกบอกธีหน้าห้องฉุกเฉิน ห่วงเจ้าธีได้แต่อย่าลืมห่วงตัวเองนะ”
เทวนาถแวะคุยกับหมอมาแล้ว เขาจึงสบายใจขึ้นกับอาการลูกชายเพราะกระสุนไม่โดนจุดอันตรายแต่เสียเลือดไปมากต้องใช้เวลาพักฟื้นสักพักก็จะกลับมาเป็นปกติได้เหมือนเดิม
ตอนที่2งานวิวาห์ของคุณหนู งานแต่งานถูกจัดขึ้นหลังจากที่หนูนายอมตกลงไม่ถึงเดือน เพราะทางภูษิตยินยอมพร้อมใจตั้งแต่แรก เพราะแอบชอบหนูนามาตั้งนาน โดยที่ตัวหญิงสาวไม่เคยรู้เลย กนกวรรณไม่คิดว่าข่าวการแต่งงานของลูกสาวเธอจะโด่งดังไปทั่วภาคเหนือ บรรดาเชื้อเจ้าเก่า พ่อเลี้ยงจากจังหวัดต่าง นักการเมืองท้องถิ่นต่างก็ถูกพ่อเลี้ยงเชิญมาร่วมงาน กนกวรรณอดคิดไม่ได้ ว่านี่คือการประกาศตัวว่าพ่อเลี้ยงชนินทร์กำลังมีใบเบิกทางในวงราชการ “ตื่นเต้นเหรอ” เจ้าบ่าวที่สาวๆทั้งจังหวัดต่างหมายปอง ถามเจ้าสาวเพราะสัมผัสได้ถึงมือที่สั่นของหนูนาเมื่อเขาจับมือเธออยู่กลางเวที “พี่ภูคะ หนูนาตาลายไปหมดเลย” ปกติก็ไม่ใช
ตอนที่5มาทีหลังแต่ถูกต้อง “ได้กี่หน้าแล้ว พี่เห็นเราทำงานเลยยังไม่อยากขึ้นมากวน” ภูษิตคิดแบบที่พูดด้วยส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนหนึ่ง เขายังไม่กล้าเจอหน้าภรรยาเพราะรู้สึกว่าตัวเองผิดที่ไปแอบคุยโทรศัพท์กับคนรักเก่า “ได้นิดหน่อยค่ะ ยังไม่ค่อยมีสมาธิ” พูดจบหนูนาก็ลุกจากโต๊ะทำงานลงมานอนบนเตียง พร้องกับทำท่ากระดิกนิ้วให้อีกฝ่ายตามมานอนข้าง ๆ เธอ ถึงแม้จะรู้สึกงง ๆ แต่ก็ภูษิตก็ยอมทำตาม เพราะใจจริงก็อยากนอนกอดภรรยาให้รู้สึกดีขึ้นมาบ้างอยู่แล้ว “หนูนาแค่เรียกมานอนเฉยๆ แต่มาถึงมานอนกอดได้อย่างไรกันคะ” ยิ่งคนตัวเล็กในอ้อม
ตอนที่1คุณหนูจะแต่งงาน “ป้าศรีฉันล่ะเหนื่อยกับการสอนหนูนาจัง ยังเล่นอะไรเป็นเด็ก ๆ แล้วเมื่อไหร่จะโตกับเขาเสียที” กนกวรรณระอากับกนิษฐาลูกสาวคนเล็กของเธอเหลือเกินที่วันๆเอาแต่นั่งเขียนนิยายและวิ่งเล่นเหมือนเด็กๆทั้งที่อายุก็ยี่สิบสามแล้ว “คุณหนูเธอก็ยังไม่โตนะคะ ป้ามองดูกี่ทีก็ยังเป็นเด็กตัวน้อยๆ ตัวเล็กๆ ที่ชอบวิ่งตามคุณท่านไปทำงานตลอด” ป้าศรีเป็นคนเก่าแก่ของบ้าน ตั้งแต่สมัยมารดาของกนกวรรณอีกทีและยังเป็นคนเลี้ยงหนูนามาตั้งแต่เกิดอีกด้วย“ก็เข้าข้างกันแบบนี้ ถึงได้ไม่ยอมฟังฉันเลย” กนกวรรณไม่เคยเถียงสองคนนี้ชนะ เพราะป้าศรีกับหนูนาจะอยู่ฝ่ายเดียวกันตลอด “คุณท่านคะแล้วเรื่องที่พ่อเลี้ยงชนินทร์อยากจะให้ลูกชายของ
ตอนที่3เพื่อนหญิงคนสนิท วันนี้ภูชิตตั้งใจจะพาหนูนากลับบ้านไปหาแม่ของเธอ เพื่อค่อยๆให้เธอหายคิดถึง เพราะชายหนุ่มเข้าใจดีว่าภรรยาของเขาเป็นคนอ่อนไหว “แม่ฝากขนมไปให้กนกวรรณด้วยนะ เมื่อเช้าแม่ไปตลาดมาเจอขนมโบราณหลายอย่าง” ภาวิณีมารดาของภูชิตเธอเป็นแม่บ้านตัวจริง ที่ชีวิตมีแต่งานบ้านดูแลลูกและสามี ส่วนเรื่องนอกบ้านต่าง ๆพ่อเลี้ยงชนินทร์ไม่เคยให้เธอเข้าไปยุ่งเกี่ยวเลย “ขอบคุณนะคะ” ลูกสะใภ้ยกมือไว้อย่างนอบน้อม “คุณแม่ครับน้องล่ะ” ภูชิตถามหาสมิตา เพราะตั้งแต่ตื่นเช้ามายังไม่เห็นน้องสาวเลย “น้องกลับไปมหาวิทยา
ตอนที่6คนที่ถูกต้อง “ภู ในที่สุดคุณก็มาเยี่ยมเมย์” หญิงสาวหน้าตาสวยในชุดคนป่วย รีบลุกจากที่นอนขึ้นมานั่งเมื่อเห็นอดีตคนรักมาเยี่ยม “เป็นอย่างไรบ้างจ๊ะหนูเมย์” ยังไม่ทันที่ภูษิตจะได้ตอบอะไร ภาวิณีก็ทำหน้าที่แม่สามีที่ดี ส่งเสียงตามมา “สวัสดีค่ะคุณแม่ เมย์คิดว่าภูมาคนเดียว” คนป่วยชักสีหน้าไม่พอใจ “เข้ามาเลยหนูนา” ภาวิณีหันไปข้างหลังและกวักมือเรียกลูกสะใภ้ที่กำลังถอดรองเท้าอยู่ “มากันหมดเลยทั้งแม่และเมียตาภู ตอนงานแต่งงานหนูเมย์ไม
ตอนที่4เมื่อคนเก่าอยากมีบทบาท “ขนของอะไรเยอะเลย” ภาวิณีรีบเดินออกมาที่หน้าบ้าน เมื่อได้ยินเสียงรถของลูกชายวิ่งเข้ามาจอดที่โรงรถ “หนังสือนิยายของหนูนาเองค่ะ” ลูกสะใภ้ส่งยิ้มหวานให้แม่สามี เพราะเธอคิดว่า ภาวิณีคงรู้สึกขำที่เธอขนนิยายมาเสียหลายลัง “เป็นนักเขียนก็ต้องชอบอ่านก่อนใช่ไหม ไว้วันหลังแม่จะขออ่านผลงานของหนูนาบ้างนะลูก” บ้านของครอบครัวพ่อเลี้ยงชนินทร์ วันทั้งวันแทบจะดูเงียบเหงา หนูนาแอบคิดไม่ได้ว่า ถ้าเธอไม่เข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ ช่วงกลางวันคงมีแค่ภาวิณีกับแม่บ้านเท่านั้นที่อยู่ด้วยกัน&nb







