로그인ตอนที่ 8
ยอมแล้วยอมทำตามหัวใจ........
วันนี้ก็เป็นเหมือนเช่นทุกวันที่ธีภพมานั่งที่ร้านอาหารใกล้กับประตูเข้าออกของห้างสรรพสินค้าเพียงเพราะหวังว่าจะเจอกับภรรยา ตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ชายหนุ่มเฝ้ารอข่าวจากบริษัทนักสืบและออกตามหาด้วยตัวเองแต่ไม่มีแม้ข่าวคราวอะไรให้เขาได้รู้เพิ่มเติม
“เอาผัดมักกะโรนีกุ้งหนึ่งจานแล้วก็เอาผัดมะโรนีหมูสับ กลับบ้านหนึ่งที่ด้วยค่ะ”
คนที่กำลังนั่งใจลอยมองผู้คนเดินผ่านไปผ่านมาอย่างสิ้นหวังรู้สึกตัวชาไปทั้งตัวเมื่อได้ยินเสียงของผู้หญิงที่นั่งอยู่ด้านหลังของเขาสั่งอาหารเพราะมันเป็นเสียงที่เขาคุ้นเคยและกำลังนั่งคิดถึงเจ้าของเสียงอยู่
ธีภพลังเลว่าตัวเองควรจะหันไปดูที่มาของเสียงที่แสนคุ้นเคยนั้นดีไหมเพราะเขากลัวว่าถ้าเป็นธิชาจริง ๆ เธออาจจะรีบหนีเขาไปและสุดท้ายเขาก็จะไม่ได้รู้ว่าเธออยู่ที่ไหนกันแน่
โทรศัพท์ถูกยกขึ้นมาให้อยู่ระดับสูงกว่าสายตาเพื่อให้สามารถเห็นภาพของคนที่นั่งหันหลังชนกับเขาถึงแม้มันจะเห็นได้ไม่ชัดแต่ธีภพก็มั่นใจว่าใช่ธิชาแน่ ๆ เพียงแค่เธอดูอวบขึ้นเท่านั้น
ชายหนุ่มนั่งฟังเสียงช้อนกระทบกับจานอย่างตื่นเต้นเพราะตอนนี้เขาอยู่ห่างภรรยาไม่ถึงฟุตแล้วหลังจากที่เฝ้าตามหา มานานแสนนาน เขาจะไม่ยอมให้โอกาสนี้หลุดมือไปแน่ ๆ
หญิงสาวด้านหลังเรียกพนักงานมาคิดเงินและกำลังจะเดินออกจากร้าน ชายหนุ่มรีบใช้โอกาสนี้เดินตามแต่ก็ไม่ลืมที่จะเว้นระยะไม่ให้อีกฝ่ายสงสัย
คนตามคิดว่าอีกฝ่ายคงต้องนั่งรถไปต่อแน่ ๆ แต่กลายเป็นว่าธิชาเดินข้ามสะพานลอยไปยังคอนโดมิเนียมที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
“ธิชาผมขอโทษ”
ชายหนุ่มตัดสินใจวิ่งไปดักด้านหน้าของอีกฝ่ายและนั่งลงคุกเข่าขวางเธอไว้ทันทีเพราะถ้าขืนปล่อยให้เธอกลับไปที่ห้อง เขาไม่มีทางตามขึ้นไปได้แน่ ๆ
“คุณธี”
หญิงสาวในชุดกระโปรงยาวคล้ายชุดนอนรีบถอยหลังทำท่าจะวิ่งหนีแต่ไม่ทันเพราะถูกมือหนาคว้ามือของเธอไว้ก่อน
“ให้โอกาสสามีคนนี้เถอะนะครับ ถ้าธิชาไม่ให้อภัย ผมจะนั่งอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน”
หญิงสาวทั้งตกใจและอายกับสายตาของทุกคนที่อยู่ชั้นล่างคอนโดเพราะต่างมองมาที่เธออย่างให้ความสนใจ
“คุณธีกลับไปเถอะค่ะ”
“ผมไม่กลับ ทุกคนครับผมอยากบอกให้ทุกคนช่วยเป็นพยานว่าผมรักภรรยาของผมที่สุดและผมอยากจะขอโทษกับสิ่งที่ผ่านมาที่ผมเคยเห็นแก่ตัว”
ชายหนุ่มนอกจากจะไม่ฟังในสิ่งที่ธิชาพูดแล้ว เขากลับตะโกนบอกรักและขอโทษเธอเสียงดังมากขึ้นจนตอนนี้มีหลายคนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายคลิปไว้
“คุณธีพอเถอะค่ะ ธิชายอมแล้วมีอะไรขึ้นไปคุยกันบนห้องดีกว่า”
หญิงสาวจำใจต้องยอมให้อีกฝ่ายรู้ว่าตอนนี้เธอพักอยู่ที่ห้องไหนเพราะไม่อาจทนสายตาของทุกคนที่จ้องมองมาได้
“คุณตั้งใจทำให้ธิชาอายเพื่อที่คุณจะได้รู้ว่าธิชาอยู่ที่ไหน คุณมันร้ายมากเลยนะคะ”
ประตูห้องปิดสนิทหญิงสาวก็ตะคอกใส่หน้าอีกฝ่ายทันทีด้วยความโกรธที่ถูกทำให้อายผู้คน
“คุณจะว่าผมอย่างไรก็ได้แต่นาทีนี้ผมยอมทำทุกอย่างเพื่อที่จะไม่ให้เสียคุณไป”
คนร่างสูงรีบเดินมาจับมือของภรรยาแต่เขากับถูกผลักออกอย่างแรงจนเกือบล้มเพราะไม่ทันได้ตั้งตัว
“คุณปล่อยฉันไปเถอะในเมื่อคุณไม่เคยรักที่ผ่านมาฉันเป็นเพียงแค่เครื่องมือที่จะทำให้พ่อของคุณมีความสุขก็เท่านั้น ความจริงที่ถูกซ่อนไว้ภายใต้ท่าทางที่แสดงว่ารักฉันรู้ความจริงหมดแล้ว”
ธิชาไม่จำเป็นต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้อีกแล้ว วันนี้เธอจะพูด ทุกอย่างที่มันอัดแค้นอยู่ในหัวใจของเธอมาตลอดหนึ่งเดือน
“ใช่ ผมหลอกคุณแต่นั่นมันก่อนที่เราจะแต่งงานกัน ตั้งแต่วันแรกที่ธิชาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว ผมพยายามบอกตัวเองว่าไม่ให้รักคุณเพราะผมไม่อยากเจ็บปวดเหมือนคุณพ่อแต่ความรักมันห้ามกันไม่ได้แม้แต่ห้ามตัวเองก็ตามกว่าที่ผมจะกล้ายอมรับกับตัวเองมันก็สายเกินไปเพราะคุณหนีผมมาแล้ว”
ธีภพทรุดตัวลงไปนั่งคุกเข่าอีกครั้งแต่ครั้งนี้กลับดูไม่เข้มแข็งเหมือนเมื่อตอนอยู่ข้างล่าง ท่าทางของชายหนุ่มเหมือนคนที่กำลังหมดแรงที่จะยืนเสียมากกว่า
“ผมยอมรับทุกความผิดและพร้อมจะทำตามทุกอย่างที่คุณต้องการขอแค่เพียงให้คุณกลับไปอยู่กับผมแล้วไม่หนีผมไปไหนอีก”
ธิชาเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาอาบแก้มใสทั้งสองข้าง เธอเตรียมคำตอบไว้แล้วเพราะตลอดเวลาเธอคิดว่าต้องมีสักวันที่สามีของเธอจะต้องมายื่นข้อเสนอแบบนี้
“ที่ผ่านมาคุณเห็นความรักของธิชาไร้ค่า วันนี้ความรักมันมีราคาค่ะ ถ้าคุณอยากให้เรากลับไปเป็นครอบครัวเหมือนเดิมต้องแลกกับเงินสดสิบล้านบาทและคอนโดมิเนียมในส่วนที่เป็นของคุณทั้งหมดให้โอนเป็นชื่อของธิชา แค่นี้คุณทำได้ไหม”
หญิงสาวไม่ได้หน้าเลือดแต่ที่เธอยื่นข้อเสนอแบบนี้เพราะเธอต้องการให้ตัวเองมีฐานะมากกว่านี้ถ้าเกิดวันหนึ่งที่เธอกับธีภพต้องแย่งลูกกันขึ้นมาจริง ๆ เธอกลัวว่าด้วยเรื่องฐานะจะทำให้เธอแพ้เขา
“ได้ ผมจะยกคอนโดมิเนียมที่เป็นชื่อของผมทั้งหมดยี่สิบห้องให้เป็นของคุณและเงินสดจะโอนเข้าบัญชีคุณภายในพรุ่งนี้เช้า”
ชายหนุ่มมองหน้าภรรยาเหมือนพยายามค้นหาคำตอบว่าเพราะอะไรผู้หญิงที่ไม่เคยอยากได้อะไรในตัวเขาถึงได้ยื่นข้อเสนอแบบนี้แต่มันก็ดูจะมีแต่น้ำตาเท่านั้นที่ปกปิดความงดงามของดวงตาคู่สวยอยู่
คืนนี้ชายหนุ่มขอนอนที่นี่และเขาได้โทรศัพท์ไปสั่งเลขาให้เตรียมทำทุกอย่างตามที่ธิชาเสนอ
อ้อมกอดที่ทั้งคู่ต่างโหยหากันมานานมันช่างอบอุ่นยิ่งนัก ธิชาถึงแม้จะรู้สึกมีความสุขแค่ไหนแต่เธอก็บอกตัวเองให้เผื่อหัวใจไว้เจ็บเสมอ เธอจะไม่กลับไปรักผู้ชายที่กำลังกอดเธอทั้งหัวใจตราบใดที่เขายังไม่ได้พิสูจน์ตัวเองมากพอ
เช้าวันใหม่ทุกอย่างถูกจัดแจงอย่างเรียบร้อย เอกสารเตรียมพร้อมสำหรับการโอน เช็คเงินสิบล้านถึงมือของธิชาเรียบร้อย
ธีภพใจร้อนกว่าคนยื่นข้อเสนอเสียอีกเขารีบทำทุกอย่างให้เสร็จภายในวันนี้เพราะต้องการให้ภรรยากลับไปอยู่กับเขาเหมือนเดิม
“ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะลูก”
เทวนาถยืนรอลูกสะใภ้อยู่ที่ประตูหน้าบ้านด้วยรอยยิ้มที่มีความสุขที่เขาเองก็ไม่ได้ยิ้มแบบนี้มานานแล้ว
“ขอบคุณนะคะคุณพ่อที่ไม่โกรธธิชา” ลูกสะใภ้รู้สึกผิดที่ทำให้คนที่ดีกับเธอทุกอย่างต้องเสียใจ
“ไม่มีอะไรที่พ่อต้องโกรธ ธีภพผิดจริงสมควรแล้วที่จะได้รับบทเรียน กลับมาอยู่บ้านของเรานะลูก”
หญิงสาวโผกอดพ่อของสามีเธอพยายามที่จะกลั้นน้ำตาไว้เพราะตั้งแต่ท้องธิชาร้องไห้บ่อยมากจนกลัวว่าลูกที่เกิดมาจะกลายเป็นเด็กเจ้าน้ำตา
ธีภพมองภรรยาอยู่นานด้วยความสงสัยจริง ๆ แล้วเขาแปลกใจตั้งแต่เมื่อคืนที่ได้นอนกอดเจ้าสาวตัวเล็กที่ตอนนี้ดูมีพุงมากกว่าที่เคยมีและมันดูไม่ใช่การอ้วนขึ้นแบบธรรมดา
“คุณธีสงสัยอะไร ทำไมมองธิชาแบบนั้น”
“เปล่าไม่มีอะไรครับแค่รู้สึกเหมือนภรรยาของผมจะดูมีน้ำมีนวลขึ้นมากแต่ถึงจะดูอวบก็ยังคงน่ารักเหมือนเดิม”
สามีที่ตอนนี้ไม่กล้าจะพูดอะไรให้ผิดหูภรรยารีบเดินมาประคองธิชาขึ้นไปบนห้องนอน
คืนนี้ธีภพตั้งใจจะหาคำตอบให้ได้ว่าที่เขากำลังสงสัยมันจะเป็นอย่างที่คิดไหม ภรรยาของเขาไม่น่าจะอ้วนขึ้นแต่เธอน่าจะกำลังมีข่าวดีให้เขาแน่ ๆ
ตอนที่2งานวิวาห์ของคุณหนู งานแต่งานถูกจัดขึ้นหลังจากที่หนูนายอมตกลงไม่ถึงเดือน เพราะทางภูษิตยินยอมพร้อมใจตั้งแต่แรก เพราะแอบชอบหนูนามาตั้งนาน โดยที่ตัวหญิงสาวไม่เคยรู้เลย กนกวรรณไม่คิดว่าข่าวการแต่งงานของลูกสาวเธอจะโด่งดังไปทั่วภาคเหนือ บรรดาเชื้อเจ้าเก่า พ่อเลี้ยงจากจังหวัดต่าง นักการเมืองท้องถิ่นต่างก็ถูกพ่อเลี้ยงเชิญมาร่วมงาน กนกวรรณอดคิดไม่ได้ ว่านี่คือการประกาศตัวว่าพ่อเลี้ยงชนินทร์กำลังมีใบเบิกทางในวงราชการ “ตื่นเต้นเหรอ” เจ้าบ่าวที่สาวๆทั้งจังหวัดต่างหมายปอง ถามเจ้าสาวเพราะสัมผัสได้ถึงมือที่สั่นของหนูนาเมื่อเขาจับมือเธออยู่กลางเวที “พี่ภูคะ หนูนาตาลายไปหมดเลย” ปกติก็ไม่ใช
ตอนที่5มาทีหลังแต่ถูกต้อง “ได้กี่หน้าแล้ว พี่เห็นเราทำงานเลยยังไม่อยากขึ้นมากวน” ภูษิตคิดแบบที่พูดด้วยส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนหนึ่ง เขายังไม่กล้าเจอหน้าภรรยาเพราะรู้สึกว่าตัวเองผิดที่ไปแอบคุยโทรศัพท์กับคนรักเก่า “ได้นิดหน่อยค่ะ ยังไม่ค่อยมีสมาธิ” พูดจบหนูนาก็ลุกจากโต๊ะทำงานลงมานอนบนเตียง พร้องกับทำท่ากระดิกนิ้วให้อีกฝ่ายตามมานอนข้าง ๆ เธอ ถึงแม้จะรู้สึกงง ๆ แต่ก็ภูษิตก็ยอมทำตาม เพราะใจจริงก็อยากนอนกอดภรรยาให้รู้สึกดีขึ้นมาบ้างอยู่แล้ว “หนูนาแค่เรียกมานอนเฉยๆ แต่มาถึงมานอนกอดได้อย่างไรกันคะ” ยิ่งคนตัวเล็กในอ้อม
ตอนที่1คุณหนูจะแต่งงาน “ป้าศรีฉันล่ะเหนื่อยกับการสอนหนูนาจัง ยังเล่นอะไรเป็นเด็ก ๆ แล้วเมื่อไหร่จะโตกับเขาเสียที” กนกวรรณระอากับกนิษฐาลูกสาวคนเล็กของเธอเหลือเกินที่วันๆเอาแต่นั่งเขียนนิยายและวิ่งเล่นเหมือนเด็กๆทั้งที่อายุก็ยี่สิบสามแล้ว “คุณหนูเธอก็ยังไม่โตนะคะ ป้ามองดูกี่ทีก็ยังเป็นเด็กตัวน้อยๆ ตัวเล็กๆ ที่ชอบวิ่งตามคุณท่านไปทำงานตลอด” ป้าศรีเป็นคนเก่าแก่ของบ้าน ตั้งแต่สมัยมารดาของกนกวรรณอีกทีและยังเป็นคนเลี้ยงหนูนามาตั้งแต่เกิดอีกด้วย“ก็เข้าข้างกันแบบนี้ ถึงได้ไม่ยอมฟังฉันเลย” กนกวรรณไม่เคยเถียงสองคนนี้ชนะ เพราะป้าศรีกับหนูนาจะอยู่ฝ่ายเดียวกันตลอด “คุณท่านคะแล้วเรื่องที่พ่อเลี้ยงชนินทร์อยากจะให้ลูกชายของ
ตอนที่3เพื่อนหญิงคนสนิท วันนี้ภูชิตตั้งใจจะพาหนูนากลับบ้านไปหาแม่ของเธอ เพื่อค่อยๆให้เธอหายคิดถึง เพราะชายหนุ่มเข้าใจดีว่าภรรยาของเขาเป็นคนอ่อนไหว “แม่ฝากขนมไปให้กนกวรรณด้วยนะ เมื่อเช้าแม่ไปตลาดมาเจอขนมโบราณหลายอย่าง” ภาวิณีมารดาของภูชิตเธอเป็นแม่บ้านตัวจริง ที่ชีวิตมีแต่งานบ้านดูแลลูกและสามี ส่วนเรื่องนอกบ้านต่าง ๆพ่อเลี้ยงชนินทร์ไม่เคยให้เธอเข้าไปยุ่งเกี่ยวเลย “ขอบคุณนะคะ” ลูกสะใภ้ยกมือไว้อย่างนอบน้อม “คุณแม่ครับน้องล่ะ” ภูชิตถามหาสมิตา เพราะตั้งแต่ตื่นเช้ามายังไม่เห็นน้องสาวเลย “น้องกลับไปมหาวิทยา
ตอนที่6คนที่ถูกต้อง “ภู ในที่สุดคุณก็มาเยี่ยมเมย์” หญิงสาวหน้าตาสวยในชุดคนป่วย รีบลุกจากที่นอนขึ้นมานั่งเมื่อเห็นอดีตคนรักมาเยี่ยม “เป็นอย่างไรบ้างจ๊ะหนูเมย์” ยังไม่ทันที่ภูษิตจะได้ตอบอะไร ภาวิณีก็ทำหน้าที่แม่สามีที่ดี ส่งเสียงตามมา “สวัสดีค่ะคุณแม่ เมย์คิดว่าภูมาคนเดียว” คนป่วยชักสีหน้าไม่พอใจ “เข้ามาเลยหนูนา” ภาวิณีหันไปข้างหลังและกวักมือเรียกลูกสะใภ้ที่กำลังถอดรองเท้าอยู่ “มากันหมดเลยทั้งแม่และเมียตาภู ตอนงานแต่งงานหนูเมย์ไม
ตอนที่4เมื่อคนเก่าอยากมีบทบาท “ขนของอะไรเยอะเลย” ภาวิณีรีบเดินออกมาที่หน้าบ้าน เมื่อได้ยินเสียงรถของลูกชายวิ่งเข้ามาจอดที่โรงรถ “หนังสือนิยายของหนูนาเองค่ะ” ลูกสะใภ้ส่งยิ้มหวานให้แม่สามี เพราะเธอคิดว่า ภาวิณีคงรู้สึกขำที่เธอขนนิยายมาเสียหลายลัง “เป็นนักเขียนก็ต้องชอบอ่านก่อนใช่ไหม ไว้วันหลังแม่จะขออ่านผลงานของหนูนาบ้างนะลูก” บ้านของครอบครัวพ่อเลี้ยงชนินทร์ วันทั้งวันแทบจะดูเงียบเหงา หนูนาแอบคิดไม่ได้ว่า ถ้าเธอไม่เข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ ช่วงกลางวันคงมีแค่ภาวิณีกับแม่บ้านเท่านั้นที่อยู่ด้วยกัน&nb







