Share

บทที่ 12 ที่พักใจ

Author: Mochi Sa
last update Last Updated: 2024-12-18 14:35:23

แม่ทัพเหวินซูแต่งกายด้วยชุดลำลองอย่างชาวบ้าน เสื้อผ้าเนื้อหยาบสีดำสนิท สวมปลอกแขนทำจากผ้าเนื้อนุ่ม สวมรองเท้าเช่นชนชั้นแรงงาน พ่อบ้านจวนแม่ทัพได้แต่กลอกตาไปมาเมื่อเห็นผู้เป็นนายแต่งกายเช่นนั้น

แม่ทัพเหวินซูออกมาจิบชา รับประทานอาหารเช้าอยู่หน้าเรือนใหญ่ เรือนย่อยว่างเปล่าอีกห้าเรือนล้วนถูกทำความสะอาดอย่างดี บ่าวไพร่สาวใช้ไม่มากไม่น้อยราวยี่สิบคนช่วยดูแลจวนใหญ่ขนาดหกเรือนนอนได้อย่างสะอาดเอี่ยม

พ่อบ้านฮงซื่อถงลอบมองแม่ทัพตั้งแต่หัวจรดเท้า

"ท่านแม่ทัพจะไปที่ใดรึขอรับ เหตุใดจึงแต่งกายเช่นนี้"

"ข้าจะไปโรงเลื่อย"

"ท่านจะไปทำอะไร" พ่อบ้านถามไปอย่างนั้น พ่อบ้านฮงรู้อยู่แล้วว่าแม่ทัพจะไปทำอะไร เขาเองเป็นคนขับรถม้าพาแม่ทัพเหวินซูไปแอบดูสามีภรรยาหยอกเย้ากันถึงที่ดินรกร้างของลี่ชิง

"ข้าจะไปเอาไม้ที่เฉินเซียวหลางสั่งเลื่อยไว้ ไปช่วยลี่ชิงสร้างเรือนพัก"

"เอ่อ...ได้ข่าวว่านางสูญเสียความทรงจำ แล้วท่านจะไปในฐานะอะไรขอรับ นางคงจำท่านไม่ได้" พ่อบ้านฮงขยับไปอีกสองก้าวเมื่อกล่าวประโยคนี้ เกรงว่าผู้เป็นนายจะฟาดหลังมือใส่บนกบาล

"ก็ไปในฐานะหัวหน้าคนงานอย่างไรเล่า"

พ่อบ้านถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง พ่อบ้านวัยหกสิบปีส่ายหัวเล็กน้อยกับการกระทำอันซับซ้อนของแม่ทัพ เหตุใดต้องปลอมตัวเป็นหัวหน้าคนงาน ไม่เดินเข้าไปบอกลี่ชิงตามตรง เรื่องราวระหว่างแม่ทัพเหวินซูกับลี่ชิง พ่อบ้านฮงรู้ดียิ่งกว่าใคร เขาให้ความช่วยเหลือแม่ทัพเรื่องดูแลนางเมื่อครั้งบาดเจ็บจากหอนางโลม

ฮงซื่อถงหยิบตั๋วเงินออกมาจากกล่องไม้แกะสลักราวสิบใบ

"นี่เป็นตั๋วเงินที่ท่านแม่ทัพมอบหมายให้ข้านำไปให้นางใช้จ่ายทุกเดือน ระหว่างท่านไปรบหัวเมืองซางเจี่ยน"

"เหตุใดนางจึงไม่รับไว้"

"หลังจากท่านไปรบได้สองเดือน ไม่ทราบนางตัดสินใจอย่างไรจึงย้ายไปอยู่ในจวนสกุลเฉิน"

"เจ้าไม่ได้ไปพบนางตามที่ข้าสั่งหรอกรึ"

"ข้าไปขอพบนาง แต่เฉินเซียวหลางไม่ให้ข้าเข้าพบ บอกว่านางกำลังตั้งครรภ์ สุขภาพครรภ์อ่อนแอ ไม่สะดวกออกมาพบ"

เหวินซูกระตุกยิ้มมุมปาก นึกไปถึงบุรุษนามว่าเฉินเซียวหลาง เขารู้จักเฉินเซียวหลางดียิ่งกว่าใคร 

"ยามนี้เฉินเซียวหลางไม่อยู่ที่ตระกูลเฉิน อีกหลายวันกว่าจะกลับ" เหวินซูให้หน่วยเหยี่ยวเงินสืบข่าวความเคลื่อนไหวของสกุลเฉิน รู้มาว่าเฉินเซียวหลางออกไปตรวจสาขาร้านค้าทางภาคกลาง ใช้เวลาเดินทางไปกลับราวหกวัน 

"ขอรับ วันนี้แม่นางลี่ชิงจะออกไปดูการปลูกเรือนพักตามแบบที่นางร่างไว้"

"ดี ดียิ่ง ข้าจะออกไปช่วยนางคุมงานทำเรือนพัก"

"เหตุใดท่านจึงไม่พูดกับนางตามตรง"

"พ่อบ้านฮงบอกข้าเองใช่หรือไม่ว่านางความจำเสื่อม จะพูดกับนางให้มันได้อันใดขึ้นมาเล่า"

".........." ฮงซื่อถงไร้คำจะกล่าว สิ่งที่แม่ทัพทำอยู่ก็ไร้ประโยชน์เช่นกัน

'บางครั้งหัวใจก็สั่งให้ผู้คนทำการอันโง่เขลา และไม่รู้เหตุผลด้วยซ้ำว่าทำสิ่งนั้นไปเพื่ออะไร'

เหวินซูกำตั๋วเงินจำนวนหนึ่งใส่ในอกเสื้อ เงินจำนวนมากพอจะซื้อไม้สร้างเรือนให้คนทั้งหมู่บ้าน เขากระโดดขึ้นม้าควบออกไปทางโรงเลื่อย

เมื่อถึงโรงเลื่อย แม่ทัพใหญ่สั่งการให้เกวียนเทียมม้าเข้ามาจอดรออยู่ห้าคัน เหล่าทหารที่แต่งกายเช่นแรงงานก่อสร้างต่างช่วยกันขนไม้ที่เลื่อยเสร็จเรียบร้อยขึ้นรถ

เหวินซูมองแผ่นไม้ที่ลี่ชิงสั่งให้เลื่อยแบบพิเศษพร้อมขัดเงาไม้หลี่ทุกแผ่น รูปแบบแผ่นไม้ช่างประหลาดตายิ่งนัก

"ตั๋วเงินหนึ่งพันตำลึง คงเพียงพอสำหรับไม้เหล่านี้" เขายื่นตัวเงินให้เจ้าของโรงเลื่อย

"ไม้หลี่เหล่านี้เป็นของคุณชายเฉิน"

"ข้าเป็นสหายกับคุณชายเฉิน ไม้เหล่านี้จะนำไปสร้างเรือนพักบนที่ดินของลี่ชิง ถูกต้องหรือไม่"

"อย่างนั้นเองรึ เชิญคุณชายขนไม้เหล่านี้ไปได้เลย หากคุณชายเฉินกลับมาให้บอกว่าอย่างไร หากมีผู้จ่ายเงินซื้อแผ่นไม้ไปล่วงหน้าก่อนเช่นนี้"

"ไม่ต้องบอกอะไร บอกเพียงสหายของคุณชายเฉินซื้อไปก็พอแล้ว"

"ขอรับ"

เจ้าของโรงเลื่อยรับตั๋วเงินจำนวนมากมาถือไว้ในมือ ตามองเกวียนเทียมม้าลากแผ่นไม้หลี่เหล่านั้นไปทางที่ดินของฮูหยินน้อยตระกูลเฉิน เงินจำนวนมากขนาดนี้สามารถซื้อไม้หลี่จำนวนเท่ากันได้อีกสามเท่า กำไรเห็น ๆ หากเฉินเซียวหลางโวยวาย เจ้าของโรงเลื่อยคิดแผนการไว้แล้วว่าจะนำไม้หลี่ในโรงเลื่อยทดแทนให้เพียงเท่านี้ก็ได้กำไรอีกมากโข

แม่ทัพเหวินซูในอาภรณ์เช่นชาวบ้านควบม้านำหน้าขบวนเกวียนขนแผ่นไม้ไปทางแผ่นดินของลี่ชิง ยิ่งใกล้ถึงที่ดินของนาง หัวใจของเขายิ่งเต้นกระหน่ำจนผิดจังหวะ เกือบหนึ่งปีที่เขาไม่ได้กอดนางในอ้อมแขน กลับมาครานี้ยิ่งดูเหมือนอ้อมกอดของนางยิ่งลอยห่างไปสุดสายตา

ลี่ชิงพร้อมสาวใช้เสี่ยวหยุนยืนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่เหลือไว้เพียงต้นเดียวเพื่อทำเป็นร่มเงา นางยืนมองขบวนรถลากแล่นเข้ามาในบริเวณที่ดินของนางจนฝุ่นตลบ สายตาของลี่ชิงจับจ้องอยู่ที่ชายร่างสูงแกร่ง แต่งกายด้วยอาภรณ์เนื้อหยาบสีดำ เขารวบผมขึ้นผูกผมด้วยผ้าสีเดียวกัน ใบหน้าหล่อเหลาเนียนละเอียด ดวงตาดุดันคมกล้าอย่างดวงตาอินทรีย์ ท่าทีองอาจห้าวหาญมีรัศมีผู้นำ มีกลิ่นไอฆ่าล้างอำมหิตเจืออยู่ในแววตาคมดุคู่นั้น เขาควบม้าเข้ามาหยุดตรงหน้านางห่างไปเพียงสามจั้ง ร่างสูงกระโดดลงจากหลังม้า เดินเข้ามาหาลี่ชิงกับเสี่ยวหยุน

"เจ้าคงเป็นแม่นางลี่ชิง"

"ข้าเอง" ลี่ชิงมองสำรวจบุรุษผู้สง่างามตรงหน้า

'โอยยยย โคตรหล่อเลย ทำไมบุรุษยุคโบราณนี่มีแต่คนหล่อๆ หล่อลากวัวตาย ลากควายล้ม หล่อแบบไม่บันยะบันยัง ' 

เหวินซูมองสำรวจใบหน้าและเรือนร่างของหญิงสาว มองดวงตากลมโตที่ไร้แววห่วงหาอาทรดังเดิม นางจ้องมองหน้าเขาเหมือนเห็น 'คนอื่น'

ลี่ชิงยิ้มให้เขาครั้งหนึ่ง 'ยิ้มให้คนหล่อถือว่าไม่ผิด' 

เหวินซูเก็บอารมณ์ทั้งหมดไว้ภายใต้สีหน้าเรียบเฉย แม้คิดถึงรอยยิ้มนั้นแทบบ้า

"ข้าเป็นหัวหน้าคนงาน ข้าขนไม้หลี่ที่เลื่อยเสร็จมาช่วยเจ้าสร้างเรือนพัก"

"สามีของข้าสั่งไว้ใช่หรือไม่ ถ้าเช่นนั้นก็ดียิ่ง ข้าได้รับจดหมายตั้งแต่เมื่อวานยามเซินว่าจะมีผู้มาช่วยสร้างเรือนพักเป็นพวกเจ้าเองรึ"

"สายแล้วรีบลงมือเถิด ขอข้าดูแบบแปลนที่เจ้าวาดได้หรือไม่" เขาไม่ตอบรับว่าผู้ใดสั่งการมา เหวินซูปรับสีหน้าให้เป็นปกติเมื่อได้ยินลี่ชิงเรียกเฉินเซียวหลางว่าสามี

ลี่ชิงเดินเข้ามาใกล้ ยื่นแบบแปลนบ้านไม้ทรงโมเดิร์นในกระดาษให้เหวินซู 

"แบบเรือนพักอาจดูประหลาดไปบ้าง แต่ง่ายต่อการก่อสร้าง สามารถสร้างเสร็จภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์"

"เจ้ามีความรู้ด้านการก่อสร้างด้วยรึ"

"อ่อ พอมี แต่ข้ามีความรู้ด้านการเพาะปลูกมากกว่า"

ป้าสมหญิงคุมการก่อสร้างบ้านหลังเล็กของตนในภพก่อนตามประสาคนไม่มีผัว หินกี่คิว ปูนกี่คิว ไม้ฝาหนาบาง ตะปูกี่ตัวแทบจดจำได้ขึ้นใจ เพราะงกเค็มคุมช่างเองเสร็จสรรพ ชาตินี้จึงมีความรู้ติดตัวมาบ้าง นางสั่งให้เลื่อยไม้ตามแบบที่ต้องการ

"ท่านเป็นหัวหน้าคนงานที่หล่อมาก" นางเอ่ยชมเขา

"เจ้าก็งดงามมาก" แม่ทัพเหวินซูหน้าแดงก่ำ 

"ที่ข้าชมเจ้าเพราะเจ้าต้องช่วยข้าทำงานหนักทั้งวัน ทำงานให้ข้าดี ๆ ด้วยเล่า" ลี่ชิงเดินไปกลางแดด มองคนงานเริ่มขุดหลุมฝังเสาเรือน

"แล้วลูกๆ สบายดีหรือ" เหวินซูเอ่ยถาม

"หมายถึงลูก ๆ ของข้าน่ะรึ" ลี่ชิงเอ่ยตอบด้วยสายตาเป็นประกาย ยังไม่ได้ฉุกคิดว่าเหตุใดหัวหน้าคนงานจึงรู้เรื่องของนางมากขนาดนี้

"ใช่ ข้าหมายถึงลูกทั้งสองคน"

"เจ้าก้อนแป้งยักษ์น่ารักมาก ลูกข้าน่ารักที่สุด ข้ารอวันที่ลูกเรียกพ่อกับแม่ได้" นางคุยไปเรื่อยเปื่อย

"......" เหวินซูทำหน้าครุ่นคิดบางสิ่ง

"หลุมให้ขุดกว้างและลึกกว่านี้หน่อย ข้าจะให้ก่ออิฐเผาด้วย ทั้งเสาทั้งคานต้องรับน้ำหนักได้ดี" ลี่ชิงเอ่ยสั่งการ

"เจ้าไปพักเถิด อธิบายแบบแปลนที่เจ้าต้องการให้ข้าฟัง ข้าจะคุมงานต่อให้เอง"

ลี่ชิงอธิบายสิ่งที่อยู่ในกระดาษให้แม่ทัพเหวินซูฟัง แม่ทัพผู้กลายเป็นหัวหน้าคนงานชั่วคราวฟังรอบเดียวก็สามารถจดจำได้ เขามองแบบเรือนพักที่นางวาด มองกองอิฐกับรูปแบบไม้หลี่ ลี่ชิงเดินเข้าไปนับก้อนอิฐ เดินตรวจตราดูจำนวนแผ่นไม้

เขารู้สึกได้ว่านางไม่เหมือนเดิม

ร่างสูงสง่าคุมงานก่อสร้างกลางแดดแทนนาง เรือนพัก (ใจ) อย่างน้อยเมื่อนางมาพักที่เรือนนี้คราใดอาจนึกถึงคนช่วยสร้างมันขึ้นมา

ลี่ชิงหันมายิ้มหวานพร้อมส่งแก้วน้ำเปล่าให้แก้วหนึ่ง คุณป้าลี่ชิงสมหญิงยกนิ้วโป้งธัมบ์อัพ สื่อความหมายว่าเยี่ยมมาก ทำให้เหวินซูถึงกับงงเล็กน้อย

"มันหมายความว่าดีมาก" ลี่ชิงอธิบาย

"....."

คนตัวสูงไม่ตอบสิ่งใดเพียงแต่ลอบมองหน้าหวานนวล บนกรอบหน้าของนางมีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นตามกรอบหน้า 

เหวินซูทำหน้าเฉยชาเช่นเดิม ทั้งที่ใจอยากเอื้อมมือไปใช้แขนเสื้อเช็ดเหงื่อบนหน้านาง

เขาได้แต่มองลี่ชิง..เพียงได้แค่มองเท่านั้น...

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • อ้อนรักเจ้าลูกหมู   บทที่ 34  Fairy Tale Ending

    ราชโองการสมรสพระราชทานประกาศออกไปทั่วเมืองหลวง จวนพระราชทานหลังใหญ่มีแปดห้องนอนพร้อมเรือนย่อยอีกสี่เรือน พระสนมเฟยฉางให้ชื่อจวนนี้ว่าอ้ายหนี่ แรงงานมากมายถูกเกณฑ์มาสร้างจวนอ้ายหนี่ขึ้นอย่างเร่งด่วนให้แล้วเสร็จทันงานสมรสพระราชทาน จวนขนาดใหญ่สีขาวสะอาดตกแต่งด้วยคิ้วไม้หลี่สีน้ำตาลทอง เป็นจวนที่ถอดประกอบมาจากเมืองอื่นคล้ายกับเป็นการซื้อสำเร็จมาตั้งบนที่ดินที่เตรียมไว้ แล้วทาสีตกแต่งใหม่เพื่อให้ทันวันงาน ด้วยความที่ต้องสร้างจวนนี้ให้แล้วเสร็จภายในสองสัปดาห์ ช่างไม้ทั่วสารทิศรวมถึงช่างไม้หลวงรวมกับช่างไม้ที่ร้านของท่านราชครูแทบไม่ได้หลับได้นอน จวนอ้ายหนี่แล้วเสร็จในเวลาเพียงสิบวัน ใช้งบการสร้างส่วนพระองค์ประทานให้แก่แม่ทัพเหวินซูเป็นรางวัลทำศึก ส่วนเฉินเซียวหลางถูกองค์ฮ่องเต้กึ่งบังคับให้กลับไปรับตำแหน่งเดิมที่เคยสอบได้คือตำแหน่งจอหงวนหรือจ้วงหยวน รับหน้าที่ดูแลกรมการค้า ระดับขุนนางขั้นสาม บัญชีรายชื่อของเขายังอยู่ในระยะเวลาสองปีเพื่อเรียกมารายงานตัว พระสนมเฟยฉางรับเด็กฝาแฝดเป็นบุตรบุญธรรม พระสนมทูลเสนอให้เฉินเซียวหลางกลับไปรับตำแ

  • อ้อนรักเจ้าลูกหมู   บทที่ 33 จบปัญหา

    ลี่ชิงให้นมบุตรเรียบร้อย เด็กทั้งสองอิ่มจนหลับไป ญาติผู้ใหญ่ฝั่งแม่ทัพเหวินซูเอาเด็กน้อยทั้งสองไปอุ้มเล่น ผลัดกันอุ้มกับฮูหยินใหญ่ เสนาบดีเหวินหลางเยี่ยบิดาของแม่ทัพดีใจมาก อุ้มหลานชายไม่ยอมปล่อย ท่านราชครูอี้ชวนเข้ามาแย่งอุ้มพร้อมสวมกำไลข้อเท้าทำจากทองคำลายอินทรีย์ให้เด็กชายน้อย ท่านราชครูมอบกำไลข้อเท้าให้เด็กหญิงน้อยเช่นกัน เมื่อเหล่าคนแก่เห็นรอยยิ้มอันบริสุทธิ์ของเด็ก ยิ่งหลงใหลกว่าคราวที่ตนมีลูกเสียอีก ลี่ชิงนั่งหน้ามุ่ยเป็นกังวลเรื่องของตนเอง นางกลัวว่าทุกคนจะแย่งเจ้าลูกหมูน้อยไปจากอ้อมอก ลี่ชิงทั้งหวาดกลัวทั้งกังวลกับทุกเรื่องจนร้องไห้ออกมา เหวินซูกับเฉินเซียวหลางได้แต่เข้ามาปลอบนาง ช่วยเช็ดน้ำตาให้ไม่ห่าง ฮ่องเต้เสด็จ! ขันทีกล่าวด้วยเสียงแหลมเสียดแก้วหูดังขึ้นด้านนอก องค์ฮ่องเต้เสด็จมาจากทางตำหนักใหญ่ พระองค์อยากใช้ความคิดเพียงลำพังเกี่ยวกับเรื่องนี้ แม่ทัพคนโปรดคู่บัลลังก์หาเรื่องยุ่งยากซับซ้อนมาให้พระองค์ปวดหัวในรอบสิบปี ไหนจะเรื่องรางวัลทำศึกที่ขอไว้อีก มีอย่างที่ไหน อยากได้สตรีในจวนผู้อื่นเป็นรางวัลทำศึก

  • อ้อนรักเจ้าลูกหมู   บทที่ 32 ทั้งแม่ทั้งลูก

    ทั้งแม่ทัพเหวินซูและเฉินเซียวหลางรวมถึงทุกคนทำหน้าเหมือนเห็นผี เจ้าลูกหมูก็ร้องโยเยขึ้นมา ลี่ชิงเดินไปอุ้มลูก ฮูหยินใหญ่เดินเข้ามาช่วยนางโอ๋เด็กน้อยทั้งสองให้เงียบเสียงลง เมื่อเจ้าลูกหมูถูกลี่ชิงอุ้มไว้ในอ้อมแขน เด็กน้อยซุกหน้าเข้าหาอ้อมอกมารดาอย่างคุ้นเคย ฮูหยินใหญ่อุ้มเด็กหญิงน้อยไว้ในอ้อมแขน เด็กหญิงดันกายออกจากอก ยื่นมือน้อยไปทางมารดา ลี่ชิงจำต้องนั่งลง อุ้มบุตรทั้งสองไว้ในอ้อมกอด “ข้าขออธิบายทีหลัง ที่นักพรตกล่าวเป็นความจริง ข้าไม่ใช่ลี่ชิง” คุณป้าสมหญิงถอนหายใจ กลัวอย่างเดียวว่าจะถูกแย่งลูกหมูไป แล้วคนพวกนี้ก็จับคุณป้าไปทรมานเหมือนในภาพยนตร์สยองขวัญ “พิสูจน์เลือดบุตรให้เสร็จสิ้นก่อนเถิด” เหวินซูกล่าวออกมา เขายังมองไปทางร่างบางกอดบุตรไว้ในอ้อมแขน นักพรตเริ่มพิธีกรรมอีกครั้ง นำจอกเลือดทั้งสองจอกมาวางตรงหน้าเหวินซู จอกเลือดอีกสองจอกมาวางตรงหน้าเฉินเซียวหลาง สองบุรุษลุ้นจนแทบขาดอากาศหายใจ เลือดของแม่ทัพเหวินซูรวมกับเลือดของเด็กชาย ส่วนเลือดของเด็กหญิงรวมกับเลือดของเฉินเซียวหลาง “เด็กชายเป็นบุตร

  • อ้อนรักเจ้าลูกหมู   บทที่ 31 สายโลหิต

    องค์ฮ่องเต้ประทับที่เก้าอี้ตำแหน่งประธาน ด้านข้างมีองค์สนมกุ้ยเฟยประทับเยื้องอยู่ทางด้านซ้าย ตำแหน่งรองลงมาคือราชครูอี้ชวนผู้เป็นท่านตาของแม่ทัพ เสนาบดีเหวินหลางเยี่ยบิดาแม่ทัพกับฮูหยินผู้เป็นมารดาแม่ทัพนามว่าอี้ฟางเจิน บุตรสาวราชครูอี้ชวน “ถวายพระพรฝ่าบาท ขอจงทรงพระเจริญหมื่นปีพ่ะย่ะค่ะ คารวะเสด็จอาหญิง คารวะท่านพ่อท่านแม่” แม่ทัพเหวินซูคารวะองค์ฮ่องเต้ พร้อมด้วยญาติผู้ใหญ่ทุกคน แม่ทัพเหวินซูไม่ได้คาดคิดว่าญาติผู้ใหญ่ฝ่ายตนจะแห่กันมามากมายขนาดนี้ ดูหน้าบิดามารดากับท่านตาของเขานั่นเล่า เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง เขาแอบเห็นมือท่านตาถือกำไลข้อเท้าเด็กทองคำ นักพรตราชวงศ์แต่งกายด้วยอาภรณ์สีเขียวขลิบเทา กำลังนำกระดานชนวนออกมาขีดเขียนอักขระ แพทย์หลวงต่างเข้ามายืนด้านข้างเพื่อช่วยการตรวจพิสูจน์ไม่ให้บิดพลิ้วได้ “ถึงเวลาแล้วพ่ะย่ะค่ะ ให้ทำพิธีที่กรมพิธีการหรือทำที่นี่พ่ะย่ะค่ะ” หัวหน้านักพรตกล่าวกับองค์ฮ่องเต้ “ทำที่นี่ เจิ้นขี้เกียจเดิน” องค์ฮ่องเต้อยากรู้เต็มทน เช่นเดียวกับทุกคนในห้องนี้ หากจะเดินย้อนกลับไปที่กรมพิธีการก็ใช้เวลาอีกไม

  • อ้อนรักเจ้าลูกหมู   บทที่ 30 พิสูจน์เลือดบุตร 2

    รถม้าคันงามตีตราสัญลักษณ์อินทรีย์ ทำจากไม้หลี่เนื้อดีสลักลายอินทรีย์กรุด้วยทองคำแผ่นบาง รถม้าแล่นไปตามถนนสายหลักของเมืองหลวง แม่ทัพเหวินซู เฉินเซียวหลางและลี่ชิงนั่งอยู่ภายในรถม้าคันเดียวกัน เฉินเซียวหลางรินชาให้ศิษย์พี่ เขารินให้ตนเองกับลี่ชิงทีหลัง “ข้าผิดเอง” เฉินเซียวหลางถอนหายใจ “เรื่องนี้คงไม่ถือว่าเจ้าเป็นคนผิด เจ้าเองก็ดูแลลี่ชิงเป็นอย่างดี ทั้งช่วงนางตั้งครรภ์จนเด็กทั้งสองคลอดออกมา” “แล้วหากเด็กทั้งสองเป็นบุตรของท่าน” เฉินเซียวหลางมองหน้าศิษย์พี่เหวินซู “ข้าต้องรับเด็กทั้งสองไปเลี้ยงดูในฐานะบุตรข้า”เหวินซูตอบ เขาลอบมองหน้าลี่ชิง อยากรู้ว่านางคิดอย่างไรกับเรื่องนี้ “แล้วเจ้าเล่าลี่ชิง จะทำอย่างไรต่อ” เฉินเซียวหลางหันไปถามลี่ชิง เฉินเซียวหลางนึกถึงคราวที่เขาขอนางแต่งงาน เขามองสร้อยข้อมือที่เคยใช้ขอนางแต่งงาน นางยังสวมอยู่บนข้อมือไม่เคยถอด แต่เมื่อนึกถึงเรื่องราชโองการ เฉินเซียวหลางถึงกับถอนหายใจออกมา “ข้าตกลงแต่งให้คุณชายเฉิน” ลี่ชิงเงยหน้าขึ้นสบตาแม่ทัพเหวินซู “แล้วข้าเล่า” แม่

  • อ้อนรักเจ้าลูกหมู   บทที่ 29 พิสูจน์เลือดบุตร 1

    ยามเหม่า ณ จวนสกุลเฉิน บ่าวไพร่สาวใช้ในจวนสกุลเฉินคึกคักตั้งแต่ต้นยามเหม่า ฟ้ายังไม่ทันสางดีเสียด้วยซ้ำ ทุกคนวิ่งวุ่นกันจ้าละหวั่น สาวใช้ตระเตรียมอาภรณ์งดงามและเครื่องประดับให้ฮูหยินน้อยอย่างสมฐานะ อาภรณ์ไหมตัวนอกถูกส่งมาจากจวนแม่ทัพเหวินซู พร้อมเครื่องประดับทำจากปะการังแดง ฮูหยินใหญ่เลือกเครื่องประดับผมให้ลี่ชิง ฮูหยินใหญ่หลี่เฟยปักปิ่นทำจากทับทิมบนมวยผมของลี่ชิง “เจ้างามมากลี่ชิง” “ขอบคุณท่านแม่เจ้าค่ะ” “วันนี้ผลจะเป็นอย่างไร พวกเราคงต้องยอมรับความจริง” ฮูหยินใหญ่แววตาหม่นเศร้า เมื่อนึกถึงผลตรวจพิสูจน์โลหิตเด็กน้อยทั้งสอง หากเป็นบุตรแม่ทัพเหวินซูจริง สกุลเฉินต้องคืนทั้งแม่ทั้งลูกให้กับเหวินซูตามราชโองการ เฉินเซียวหลางมองลี่ชิงแต่งกายอย่างงดงาม ผิวขาวอมชมพูตัดกับอาภรณ์ไหมสีส้มแดง เครื่องประดับเข้าชุดขับเน้นความงามของผิวพรรณสตรีตรงหน้า เฉินเซียวหลางถึงกับลืมหายใจเมื่อเห็นลี่ชิงเดินออกมาหน้าเรือน หลากหลายความรู้สึกถาโถมเข้ามาในห้วงอารมณ์ ทั้งกลัวสูญเสียนางกับลูกไป ทั้งรู้สึกโดดเดี่ยวอ้างว้าง เมื่อนึกถึงความเป็นจริงที

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status