"หรือว่าเสิ่นฉยงจะเป็นตัวการสำคัญในเมืองหมาน? แล้วคิดจะส่งคนกลับมาล้างแค้น?"ตอนนั้นเขาไม่ฟังคำอธิบายของเสิ่นฉยงกับคนตระกูลเสิ่น ฝืนส่งเสิ่นฉยงไปที่เมืองหมาน สำหรับบ้านตระกูลเสิ่นแล้ว ก็น่าจะเป็นความแค้นจริงๆดังนั้นเสิ่นฉยงกลับมาแก้แค้นหรือ?"เขามีความสามารถนี้ด้วยหรือ?""ฝ่าบาท ต่อให้เสิ่นฉยงจะไม่มีความสามารถนี้ ก็ไม่ใช่ว่ายังมีเสิ่นเสวียนอยู่หรือ?""เสิ่นเสวียน?""เสิ่นเสวียนปีที่แล้วออกจากต้าชื่อไปเกือบปี จะบอกว่าเขาไม่ได้ไปที่เมืองหมานเพื่อวางแผนอะไรกับพี่ใหญ่ของเขาหรือ?"หน้าขององค์จักรพรรดิขรึมลงมา"ปีที่แล้วตอนนั้น เสิ่นเสวียนป่วยจนจะตายอยู่แล้ว ตอนนั้นข้าส่งหมอไปตรวจตั้งหลายคน ไม่ผิดแน่นอน"ถ้าไม่ใช่เขาหาคนมายืนยันแล้ว เขาเองก็ไม่มีทางปล่อยให้เสิ่นเสวียนออกไปหาหมอจากที่อื่นๆ แน่องค์จักรพรรดิตอนนั้นยังรู้สึกว่าเสิ่นเสวียนต่อให้ออกจากบ้านไปหาหมอก็คงไม่ทันการแล้วแน่ๆ เขาต้องตายอยู่ข้างนอกแน่นอนให้เสิ่นเสวียนไปไปตายที่ต่างบ้านต่างเมือง มีจุดจบน่าเวทนา เขาเองก็ยินดีที่จะได้เห็นแต่คิดไม่ถึงว่าเสิ่นเสวียนจะยังไม่ตาย ซ้ำยังกลับมาอีกตอนนี้นักฆ่ายังพูดชื่อเมืองหมานออกมา
หรือว่าพวกเขาไม่เกรงกลัวความตายกัน?องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น นั่นเป็นคนที่พระพุทธเจ้าปกป้องเลยนะ!ยังมีคนบางส่วน ที่คืนนี้ไม่ว่าอย่างไรก็นอนไม่หลับ ซึ่งก็คือคนที่เกิดเรื่องเหยียบกันขึ้นมาในวันนี้นั่นเองครั้งนี้บาดเจ็บไปยี่สิบเอ็ดคน ตายไปแล้วสองคน ยังเหลืออีกเจ็ดคนบาดเจ็บหนักจวนทางการแน่นอนว่าต้องเข้ามาดูแลคนเหล่านี้ ตอนนี้คนเหล่านี้ทั้งหมดรับไปอยู่ในโรงหมอที่ใหญ่ที่สุดแล้ว ส่งหมอใหญ่ที่ดีหน่อยไปคอยดูแลในโรงหมอเองก็หลับกันไม่ลงคนเหล่านี้ไม่ค่อยพูดถึงองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น ที่พวกเขาพูดกันมากหน่อยคือคนที่ช่วยชีวิตพวกเขาวันนี้"ข้าตอนนั้น ข้าตอนนั้นรู้สึกว่าตนเองหายใจไม่ออกแล้ว รู้สึกว่าตัวเองกำลังจะตายแล้ว ต่อมาแม่นางคนนั้น คนที่สวมหน้ากาก นางก็ประคองข้าขึ้นมา ใช้เข็มแทงไปที่หน้าอกข้าสองเข็ม แล้วก็เหมือนลมมันระบายออกทันที ข้าถึงหายใจได้ขึ้นมา!"มีประชาชนที่เจ็บน้อยหน่อยบอกสถานการณ์ตอนนั้นกับคนที่บ้านพวกคนที่เจ็บน้อยหน่อยล้วนอยู่ในห้องเดียวกัน เตียงหลายเตียงรวมอยู่ด้วยกัน นอนกันไม่หลับ เอาแต่พูดคุยกับคนในบ้านที่ได้รับแจ้งให้มาดูแล"ใช่ใช่ใช่ ข้าเองก็ด้วย ข้าตอนนั้นคอข้าบิด ถูกคนทับล
ฟู่จาวหนิงเดิมทีคิดว่าตนเองจะตื่นไว ถึงอย่างไรก็ห่างกันไปครึ่งปีแล้วเพิ่งกลับมานอนร่วมห้องกับเซียวหลันยวน ดังนั้นจะอย่างไรก็คงหลับไม่ลึกนักคิดไม่ถึงว่าตอนนางลืมตาขึ้นมา ด้านนอกฟ้าก็สว่างโล่งเสียแล้วนอนหลับแบบนี้ลึกกว่าที่นางนอนตามปกติเสียอีกนางเหมือนคิดอะไรออก ลุกลงจากเตียงทันที เหลือบมองไปยังแคร่นิ่มทางนั้นผ้าห่มถูกพับไว้อย่างดีตรงนั้น เป็นระเบียบเรียบร้อย แต่ก็ไม่เห็นเงาเซียวหลันยวนเลยฟู่จาวหนิงร้องเรียกขึ้นมา "เสี่ยวชิ่น?"เสี่ยวชิ่นผลักประตูเข้ามาทันที"คุณหนู ท่านตื่นแล้ว?""เขาล่ะ?""อ๋องเจวี้ยนหรือ? ข้าน้อยก็ไม่รู้ ข้าน้อยตอนเช้าตรูเข้ามา ท่านอ๋องก็ไม่อยู่ที่นี่แล้ว"นางรู้ว่าเซียวหลันยวนไม่อยู่ในห้อง เพราะประตูแง้มไว้อยู่ นางมองเข้าไปด้านใน ขณะที่กำลังคิดว่าอ๋องเจวี้ยนอยู่ด้านในไหม สืออีก็เข้ามาบอกว่า ท่านอ๋องตื่นแล้วนางเองก็ไม่กล้าถามอะไรมากเช่นนั้นเมื่อคืนนี้อ๋องเจวี้ยนก็น่าจะนอนอยู่ในห้องคุณหนูกระมังเสี่ยวชิ่นเห็นผ้าห่มบนแคร่นิ้ม ก็คาดเดา อ๋องเจวี้ยนเมื่อคืนคงไม่ได้นอนอยู่บนแคร่นิ่มนี้ใช่ไหม? อ๋องเจวี้ยนตัวสูงเสียขนาดนั้น แคร่นี้ก็ไม่ได้ยาวนัก ถ้าเขานอนท
ถ้าเป็นเช่นนี้จริง เสิ่นฉยงก็จะยิ่งลบความผิดได้ยากขึ้นน่ะสิ แล้วกลับมาที่บ้านตระกูลเสิ่นได้ยากขึ้นไปอีกมิน่าเสิ่นเสวียนวันนี้สีหน้าถึงปั้นยากนัก"ใช่แล้ว"เสิ่นเสวียนคีบซาลาเปาลูกหนึ่งให้นาง "ยังไม่ต้องคิดมากขนาดนั้น เรื่องนี้มีข้าอยู่นะ เจ้ากินข้าวเช้าไปก่อนเถอะ""จากที่ท่านลุงเห็น ลุงคนโตเป็นไปได้ไหม...""ไม่มีทาง"เสิ่นเสวียนยังไม่ฟังนางพูดจนจบ ก็ปฏิเสธออกมาแล้ว"ข้าเองก็ไม่ได้จะบอกว่าท่านลุงคนโตจะทำเรื่องอะไร แต่จะบอกว่าเขามีแผนการจะช่วยตัวเองหรือเปล่า เข้าน่าจะอยากกลับบ้านตระกูลเสิ่นมากกระมัง"ถ้าหากเสิ่นฉยงทำเรื่องอะไรไป แม้จะไม่ใช่เพื่อรับมือกับองค์จักรพรรดิ แต่แค่จะเพื่อลบล้างความผิด ทว่าหากลับมาเมืองหลวงจักรพรรดิ ก็เป็นไปได้มากว่าจะถูกมองเป็นความผิดนักฆ่าพูดชื่อเมืองหมานออกมา ถ้าหากมีปฏิบัติการอะไรที่เชื่อมเข้ากับเสิ่นฉยงขึ้นมา เช่นนั้นเสิ่นฉยงก็จะยิ่งล้างความผิดไม่ได้อีกถึงอย่างไรองค์จักรพรรดิเดิมทีก็ไม่อยากให้เขากลับมาอยู่แล้วเป็นไปได้มากว่าตอนนั้นกระทั่งชีวิตก็คงจะหาไม่ด้วย"เข้าไม่ทำหรอก" เสิ่นเสวียนส่ายหัว "เจ้าไม่เข้าใจตัวลุงคนโตของเจ้า เขาไม่ใช่คนเช่นนั้
คำพูดที่เสิ่นเสวียนบอก ฟู่จาวหนิงก็ฟังอยู่แต่ว่าตอนนี้ความคิดนางไม่ได้อยู่ที่นี่ เซียวหลันยวนถ้ายังคิดจะหลบหน้าต่อ นางก็จะตัดขาดกับเขาเสีย บอกขอหย่ากับเขาไปเลยตรงๆเพียงแต่ในฐานะหมอคนหนึ่ง นางก็อยากจะหาเอ็นมังกรหยกให้พบ จัดการขจัดพิษให้เขาเสียก่อน ให้เขาได้หายดีนี่เป็นความรับผิดชอบต่อคนไข้ของนางและมีเพียงการขจัดพิษของเขาให้หมดเท่านั้น หลังจากนี้หากนางจะจากไปถึงจะจากไปได้อย่างไม่ต้องกังวล การรักษาครึ่งๆ กลางๆ ไม่ใช่ลักษณะของตัวนางกินข้าวเช้าเสร็จแล้ว ฟู่จาวหนิงจะกลับไปสกัดยาต่อแล้วนางเริ่มค้นคว้าเรื่องการกำจัดรอยแผลเป็นยังดีที่มีคลังข้อมูลที่สุดยอดอยู่ในห้องเภสัช นางสามารถนำวิทยานิพนธ์กับการค้นคว้าของหมอมีชื่อเสียงด้านนี้ในอดีตมาพลิกอ่านได้ แล้วยังสามารถหาข้อมูลที่ยอดเยี่ยมที่สุดในด้านนี้ได้ด้วยเท่ากับว่านางเริ่มค้นคว้าข้อมูลอีกด้านขึ้นมาแล้วเพื่อเซียวหลันยวนพอเข้าไปในทะเลการค้นคว้า เวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็วพอถึงช่วงกลางวันที่เสี่ยวชิ่นเข้ามาเรียกนางไปทานข้าวเที่ยว ฟู่จาวหนิงจึงเงยหน้าขึ้นมา และออกมาจากห้องเภสัช ยืดเส้นยืดสายร่างกายเสียหน่อยนั่งมาตลอดทั้งเช้า ร่างกาย
"มีเรื่องนี้ด้วยหรือ?" ฟู่จาวหนิงประหลาดใจ"ขอรับ ดังนั้นวันนี้เหล่าประชาชนจึงล้วนชื่นชมกับความเมตตาและทรงคุณธรรมขององค์หญิงใหญ่กัน"ฟู่จาวหนิงคิดๆ นี่น่าจะไม่ใช่เพราะเมื่อวานเกิดเรื่องเหยียบกันขึ้นมา มีคนบาดเจ็บล้มตาย กลัวว่าจะส่งผลกระทบกับความรุ่งโรจน์แห่งโชคลาภขององค์หญิงใหญ่ ดังนั้นนางจึงรับมือออกมาแบบนี้ใช่ไหม?แต่นางก็ส่ายหัวทันทีมาคาดเดาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเช่นนี้ก็เหมือนจะไม่คอ่ยดี บางทีองค์หญิงใหญ่ฝูอิว้นอาจจะเป็นคนที่มีเมตตาทรงคุณธรรมจริงๆ ก็ได้"ในเมื่อได้รับวัตถุดิบยาบางส่วนมา นางทำไมไม่ส่งมอบให้องค์จักรพรรดิไปเลยล่ะ" สืออีไม่ค่อยเข้าใจสือซานเองก็รีบตอบมา "ให้องค์จักรพรรดิไปแล้วจะได้ชื่อเสียงแบบตอนนี้ที่ไหนกัน?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะที่แท้สือซานเองก็คิดเช่นนี้"นายท่านบอกว่าเรื่องนี้ไม่อยากให้อาจารย์ไปเข้าร่วม ดังนั้นจึงไม่ได้บอก" ไป๋หู่รู้สึกกังวล "ท่านอาจารย์ตอนนี้อยากจะไปดูหน่อยไหม?""ในเมื่อมีวัตถุดิบยา เช่นนั้นก็ต้องไปดู"ฟู่จาวหนิงเดิมทีก็จะออกไปหาวัตถุดิบยาอยู่แล้ว ถ้าหากองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นทางนั้นได้เอ็นมังกรหยกมาพอดีล่ะ?เรื่องนี้ องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเดิมที
"ชิ่งอวิ๋นเซียวเห็นนางเดินเข้าไป ก็ตามติด"พวกเขาถูกขวางเอาไว้"ป้ายอนุญาตหมอ หมอใหญ่คนหนึ่งพาเข้าไปได้แค่สองคน"ฟู่จาวหนิงหยิบป้ายอนุญาตหมอออกมาป้ายตราสีม่วงชิ้นหนึ่งพอหยิบออกมา คนที่ตรวจสอบป้ายก็ตกตะลึงไป เงยหน้าขึ้นมองฟู่จาวหนิง ท่าทีเปลี่ยนเป็นยิ้มละไมหน้าแป้น"ป้ายอนุญาตหมอสีม่วง หมอเทวดาท่านนี้สกุลใดหรือ?""สกุลหนิง""ผู้อาวุโสหนิง เชิญด้านใน"พอเป็นป้ายอนุญาตสีม่วงการต้อนรับก็ต่างออกไปแล้วฟู่จาวหนิงพาไป๋หู่กับสืออีไปด้วย ให้สือซานรอด้านนอกชิ่งอวิ๋นเซียวร้อง "ท่านลุงท่านพาข้าไปด้วยสิ!"ฟู่จาวหนิงไม่สนใจเขา รีบเดินเข้าไปในโรงหมอใหญ่"ทำไมไม่มีมิตรบ้านคนบ้านเดียวกันเลย? เป็นคนแคว้นเจาด้วยกันแท้ๆ" ชิ่งอวิ๋นเซียวพูดอย่างจนใจกับสือซานสือซานเดินไปข้างๆ ไม่สนใจเขาชิ่งอวิ๋นเซียวอยู่ที่นี่ ท่านอ๋องจะอยู่ที่นี่ด้วยไหมนะ?พูดจริงๆ สือซานเองก็กังวลหน่อยๆ ถ้าหากท่านอ๋องไม่บอกพระชายา แล้วตรงมาพบองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น พระชายาต้องโกรธมากแน่ๆยังดีที่เขารอไปพักหนึ่งก็ยังไม่เห็นเซียวหลันยวนท่านอ๋องน่าจะไม่ได้มาแต่เขาไม่รู้ ว่าพอฟู่จาวหนิงขึ้นหอ ก็มองเห็นเซียวหลันยวนในชุดคลุมผ
ยังมีอีกคนหนึ่ง อายุราวสามสิบเจ็ดสามสิบแปด รูปร่างราวต้นหลิว มีผ้าบางปิดใบหน้าฟู่จาวหนิงตอนที่มองไป นางก็กำลังมองมาพอดี สายตาทั้งสองคนประสานกันกลางอากาศพริบตานี้ ฟู่จาวหนิงจู่ๆ ก็รู้สึกในใจแปลกประหลาดดวงตาทั้งสองของหญิงสาวคนนั้นราวกับสายน้ำฤดูใบไม้ร่วงอันอุดม เปล่งประกายส่องแสง งดงามจับตานางรู้สึกว่าพอมองดวงตาคู่นี้แล้วรู้สึกคุ้นเคยหญิงสาวคนนั้นมองๆ นาง จากนั้นก็เอนไปด้านหลัง ฟู่จาวหนิงมองไปข้างๆ นางๆ ก็เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังตบลงเบาๆ ที่บ่าของนาง ราวกับกำลังปลอบโยนชายหนุ่มคนนี้ผอมแห้ง ก้มหน้าอยู่จนไม่เห็นหน้าตาดูแล้วน่าจะเป็นสามีภรรยากันแต่นางก็เอาแต่รู้สึกว่าสามีภรรยาคู่นี้ทำเอาใจของนางรู้สึกแปลกๆตอนที่นางเก็บสายตากลับ หางตาก็เหลือบไปเห็นเซียวหลันยวนกำลังมองที่สามีภรรยาคู่นั้นเช่นกันเขาทำไมจึงจับตาสามีภรรยาคู่นั้นกันล่ะ?ฟู่จาวหนิงขณะที่กำลังคิด ก็มีเสียงหนึ่งดังลอดเข้ามา..."องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมาถึงแล้ว"พอกลิ่นหอมดอกบัวจางๆ ที่เหมือนมีเหมือนไม่มีลอยเข้ามา องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็เข้ามาแล้วนางอยู่ในชุดวังสีเหลืองอ่อน ใบหน้าขาวสะอาด เดินผ่านเบื้องหน้าคนทั้งหมดไ
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ