"ถูกต้อง ทำไมหรือ?"ฟู่จาวหนิงคิดไม่ถึงว่าคนผู้นี้จะโผล่ออกมาอีก"เจ้าไปเอาเงินมมาจากไหนตั้งสองพันตำลึง?" เถ้าแก่รองหูขมวดคิ้ว"นี่ก็น่าตลกเกินไปแล้ว เงินข้ามาจากไหนก็ต้องบอกท่านด้วยหรือ? ท่านจะสนใจมากเกินไปไหม?"ฟู่จาวหนิงถูกเขาแหย่จนสนุกเสียแล้ว"เมื่อครู่เจ้าเดิมพันกระถางดอกไม้นั่งเจี่ยหยวนไว่มาได้!""ดังนั้น?""ไปกับทางทางนั้นหน่อย พวกเราหาที่เงียบๆ คุยกันดีกว่า ข้ากับเจ้ามาเจรจาซื้อขายกัน ของเหล่านี้เจ้านำไปก็ไม่มีประโยชน์ ขายดอกไม้กับวัตถุดิบยาเหล่านี้ขายให้ข้าเถอะ"เถ้าแก่รองหูพูดแล้วยื่นมือส่งสัญญาณให้นางเดินตามไปจงเจี้ยนขวางไว้ด้านหน้าฟู่จาวหนิง มองเขาด้วยสายตาเย็นชา "อยากตายหรือไรกัน?""รู้ไหมว่าข้าเป็นใคร? ข้าคือเถ้าแก่รองจากร้านสาขาโรงยาทงฝูในเมืองหลวงนะ""ไสหัวไป" ฟู่จาวหนิงร้อยขึ้นเสียงเย็นชา "ใครจะขายของให้ท่านกัน?""เจ้ากล้าผิดใจกับข้าหรือ?""เจ้าเป็นเถ้าแก่รองจากร้านสาขาโรงยาทงฝูในเมืองหลวงสินะ ข้ารู้จักแล้ว ถ้ายังไม่หนีไปอีก ข้าจะเล่นงานเจ้าจนแม่เจ้าจำไม่ได้เลย" ฟู่จาวหนิงหมดความอดทนกับคนนี้แล้วนางหมุนตัวเดินออกมาเถ้าแก่รองหูมองจงเจี้ยน ไม่กล้าเข้ามา
ดูท่าหลี่จื่อเหยาจะถูกคุ้มตัวไว้ได้ไม่นานเท่าไร หมอเทวดาหลี่ก็ดึงนางออกมาเสียแล้วหลี่จื่อเหยาทางนี้ ยังมีเซียวเหยียนจิ่งอีกด้วยคนคุ้นเคยมารวมตัวกันหมดเลยแฮะทางนี้มีศาลาอยู่แห่งหนึ่ง ในศาลามีแคร่กับเก้าอี้วางอยู่ รอบด้ามีคนมุงอยู่ไม่น้อยตอนนี้ในศาลามีหญิงสาวที่ใบหน้าครึ่งหนึ่งกลายเป็นสีม่วงไปแล้ว หมอเทวดาหลี่กับหมออีกหลายคนกำลังล้อมดูอยู่ข้างๆผู้อาวุโสจี้บอกว่า "เห็นท่าทางภาคภูมิใจของเจ้าสกุลหลี่นั่นไหม? เขาเพิ่งจะรักษาคนป่วยโรคประหลาดไปได้สองคน! กินชื่อกินเสียงไปจนเขาแทบจะกระดกหางขึ้นมาแล้ว! แต่ข้าก็ยังสงสัย ว่าคนป่วยสองคนนั้นคือคนที่ตัวเขาหามาเอง"เรื่องเช่นนี้หมอเทวดาหลี่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยทำมีคนป่วยบางส่วน เดิมทีเขารักษาได้นานแล้ว แต่ไม่ยอมรักษามาโดยตลอด คิดจะดึงพวกเขามาจนถึงตอนนี้ แล้วพามารักษาที่นี่ต่อหน้าธารกำนัล ถึงจะทำให้คนได้เห็นความเก่งกาจด้านวิชาแพทย์ของเขามีคนป่วยที่ดึงไว้ดึงไว้ ดึงจนอาการหนักกว่าเดิม"แล้วนั่นคือผู้ป่วยคนที่สามหรือ?" ฟู่จาวหนิงถามขึ้น"ใช่ หญิงสาวคนนี้นางมาเอง นางบอกว่าครึ่งปีก่อนบนหน้าก็ม่วงขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ ตอนแรกก็ไม่ได้สนใจ คิดว่า
ฟู่จาวหนิงแค่กวาดตามองพวกเขา มุมปากยกขึ้น ไม่สนใจหมอเทวดาหลี่ตอนนี้กำลังเต็มไปด้วยความทะเยอทะยานเขารู้สึกว่าคนทั้งหมดนี้ล้วนรักษาหญิงสาวคนนี้ไม่ได้แต่ว่าตัวเขาเองก็ยังไม่มั่นใจ ถึงอย่างไรโรคประหลาดบนใบหน้าหญิงสาวคนนี้เขาก็ไม่เคยเห็นมาก่อน"เป็นปานตำหนิตั้งแต่เกิดหรือเปล่า?" มีคนถามขึ้นหมอเทวดาหลี่จุ๊ปาก "คำพูดแบบนี้เจ้าก็ยังพูดออกมาได้หรือ? ปานตำหนิอะไรกัน? มันต้องออกมาพร้อมกับในครรภ์สิถึงจะเป็นปานตำหนิ ฮูหยินคนนี้ใบหน้าเพิ่งจะมีสีม่วงโผล่ขึ้นมาเมื่อสองปีก่อนเอง ปานตำหนิอะไรถึงจะปรากฎออกมาหลังจากผ่านไปตั้งหลายปี?"นี่มันพูดจาเหลวไหลชัดๆหมอหม่าลูบคาง ทำหน้าลึกซึ้ง "ข้ารู้สึกว่านี่น่าจะเป็นพิษ"ฟู่จาวหนิงไม่รู้เพราะอะไรจู่ๆ จึงหันมองไป ใต้ร่มเงาไม้มองเห็นเซียวหลันยวน เขายืนอยู่ที่เงามืด ข้างๆ มีกำแพงดอกไม้อยู่ผืนหนึ่ง มองไปแล้วก็แทบไม่เห็นเลยว่าตรงนั้นมีคนยืนอยู่คนหนึ่งอ๋องเจวี้ยนกำลังทำตัวลึกลับหรือไรกัน?ฟู่จาวหนิงมองไปทางหญิงสาวคนนี้อีก นางจู่ๆ ก็รู้สึกว่า เซียวหลันยวนเป็นไปได้มากว่าเข้ามาดูหญิงสาวคนนี้ถึงอย่างไรหน้าของเขาก็มีรอยพิษขึ้นมารอยหนึ่งด้วยล่ะนะ และหญิงสาวค
"เช่นนั้นหมอเทวดาหลี่รู้ว่านี่เกิดอะไรขึ้นหรือ?"คนในนี้ก็ไม่สนใจหมอหม่าหมอเฉียนแล้ว ความสนใจทั้งหมดตกไปอยู่บนตัวหมอเทวดาหลี่"ข้ารู้สึกว่า นี่เป็นไปได้ว่าจะเกี่ยวข้องกับการนอนของฮูหยิน" หมอเทวดาหลี่ถามหญิงสาว "ท่าชอบนอนตะแคงข้างไปทางหน้าซีกนี้ใช่ไหม?"หญิงสาวตกตะลึง ย้อนคิดอย่างละเอียด "ก็จริง""หมอที่พวกเจ้าใช้ เป็นของที่เย็บเองแล้วใส่พวกกากยาหรือใบชาอะไรลงไปใช่ไหม" หมอเทวดาหลี่ถามมอีก"ใช่ๆๆ ก่อนหน้านี้นอนไม่ค่อยหลับ ได้ยินคนบอกว่าพวกกากยาที่ทำให้ใจสงบถ้าตากแห้งแล้วไว้ในหมอน ทุกคืนถ้านอนกับวัตถุดิบยาเหล่านี้ก็จะทำให้หลับได้ดีขึ้น" หญิงสาวพยักหน้าหมอเทวดาหลี่พูดตรงประเด็นเแล้ว ระดับความเชื่อมั่นต่อหมอเทวดาหลี่ของนางพุ่งขึ้นมาเลยทีเดียว"แล้วนอนหลับได้ดีขึ้นไหม?" หมอเทวดาหลี่ถาม"ก็ดีกว่าก่อนหน้านี้จริงๆ""แต่ว่าข้าตอนนี้ยังสงสัย ว่าใบหน้านี้ของเจ้าน่าจะเป็นวัตถุดิบยาสร้างขึ้นมา ดังนั้นยังต้องมาดูที่หมอนของเจ้าด้วย"หมอเทวดาหลี่ยืดเอว รู้สึกว่าการพิจารณาของตนเองไม่มีปัญหาเลยแม้แต่น้อย"หมอน ข้าจะให้เพื่อนบ้านข้าไปนำมา นางมาด้วยกันกับข้า"หญิงสาวพูดกับผู้หญิงข้างๆ ไม่กี่คำ
หมอเทวดาหลี่ถูกนางคว้า คนก็ร้อนขึ้นมาเลย อยากจะสะบัดเจ้าคนสารเลวนี้ทิ้งไปเสียเหลือเกิน"ข้ายังจะรักษาเจ้า แค่ต้องการเวลาหน่อยเท่านั้น ที่นี่ไม่มีใครที่มีวิธีรักษาหน้าเจ้าแล้ว!"หมอเทวดาหลี่ร้องขึ้นมาประโยคนี้เป็นการผิดใจกับหมอคนอื่นในที่นี้อย่างมาก แต่ว่าหมอเทวดาหลี่ก็ไม่สนใจเรื่องเหล่านี้เลย ถึงอย่างไรวิชาแพทย์ของพวกเขาก็สู้เขาไม่ได้จริงๆ แล้วจะมาทำอะไรเขาได้ผู้อาวุโสจี้ที่แย้งกับเขามาตลอดมองเขาแล้วอดร้องเชอะขึ้นมาเสียงหนึ่งไม่ได้"ในนี้จะไม่มีหมอคนไหนที่มีความเห็นไม่ตรงกับเจ้าเลยหรือไรกัน? เจ้าก็แค่หลีกทาง แล้วให้คนอื่นเข้าไปลองหน่อย"หมอเทวดาหลี่มองมาตามเสียง เห็นผู้อาวุโสจี้ ก็หัวเราะเย็นชาขึ้นทันที "ผู้อาวุโสจี้เอ๋ย ท่านไม่ไปเดิมพันวัตถุดิบยาข้างหน้าเล่า วางตัวอวดอ้างว่ารู้จักหญ้าสมุนไพรเหล่านั้น แล้ววิ่งมาดูมหรสพทำไมถึงที่นี่กัน?"เขาเองก็มองเห็นฟู่จาวหนิงข้างกายผู้อาวุโสจี้ด้วย"คิดไม่ถึงเลยว่าตาเฒ่าจี้ยังอยู่ด้วยกันกับพระชายาอ๋องเจวี้ยนที่ช่วงนี้ชื่อเสียงเลื่องลือไปทั้งเมืองหลวงด้วย พวกเจ้าทั้งสองคนมีความสัมพันธ์อะไรกัน?""พระชายาอ๋องเจวี้ยน?""อะไรนะ แม่นางคนนั้นคื
"ผู้อาวุโสจี้ มีควงามสามารถก็ให้ศิษย์รับใหม่ของท่านมาดูฮูหยินคนนี้เสียสิ"นางคิดจะกระตุ้นฟู่จาวหนิง และจะตบฉาดเข้าไปที่หน้าผู้อาวุโสจี้"เจ้าที่เป็นเด็กสาว ตอนผู้ใหญ่เขาคุยกันแล้วสอดปากสอดคำเข้ามาได้ด้วยหรือ? พ่อของเจ้าไม่สั่งสอนมารยาทมาเลยหรือไร?" ผู้อาวุโสจี้ตำหนิใส่หลี่จื่อเหยาอย่างโกรธขึ้งสอดปากก็สอดปากสิ เด็กสาวคนหนึ่งยังมาพูดบีบคั้นผู้อาวุโสคนหนึ่งปาวๆ แบบนี้ ตระกูลหลี่สั่งสอนมาได้ดีจริงๆ!"ท่านไม่ใช่ผู้อาวุโสตระกูลข้าเสียหน่อย พูดแล้วก็ตลกเสียจริง ไม่มีความสามารถก็คือไม่มีความสามารถ จะมาโกรธทำไมกัน?" หลี่จื่อเหยากลอกตาขาวใส่ฟู่จาวหนิง เบียดเขาหาตัวเซียวเหยียนจิ่ง"พี่เซียว ท่านถอยออกไปหน่อย อย่าให้คนบางส่วนมาเกาะแกะท่าน!"หลี่จื่อเหยาตอนที่พูดก็เข้ามาขวางหน้าเซียวเหยียนจิ่งด้วยสัญชาตญาณ"ท่านบอกว่าใครมาเกาะแกะเขา?" เสี่ยวเถาเองก็โมโหขึ้นแล้วเดิมทีก่อนหน้านี้นางก็รู้สึกว่ารัททายาทเซียวไม่ได้อะไรเท่าไร ไม่ได้ดีกับคุณหนูเลยสักนิดเดียว คอยเตือนคุณหนูอยู่ตลอดว่าอย่าเอาแต่ไล่ตามรัฐทายาทเซียวเลย แต่คุณหนูสมัยก่อนก็ไม่ฟังเลยสักนิดคุณหนูบอกว่ากรแต่งงานเข้าจวนชินอ๋องเซียวถือเป
พรวด!คำว่าอาสะใภ้อ๋องเจวี้ยนนี่ ทำเอาเซียวเหยียนจิ่งสำลักจนไอเลยเขาไม่เคยคิดทางด้านนี้มาก่อนเพราะเขาไม่เคยคิดจะมองฟู่จาวหนิงเป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยนจริงๆ เลย เข้าไปขวางรถม้าแล้วก็แต่งงานด้วย จะอยู่ได้นานสักแค่ไหนกัน?"ข้าไม่มีความคิดจะให้เซียวเหยียนจิ่งมาเรียกข้าว่าเสด็จอาเสียหน่อย" ใต้เงาไม้ทางนั้น อ๋องเจวี้ยนสีหน้ารังเกียจ ขณะเดียวกันก็รู้สึกชื่นชมกับความหน้าหนาของฟู่จาวหนิงด้วยนี่ถึงกับจะให้คู่หมั้นคนที่แล้วเรียกนางว่าอาสะใภ้เลยหรือ?ชิงอีมุมปากกระตุก อยากจะยิ้มแต่ก็ไม่กล้าพระชายายอดจริงๆ แต่งกับรัฐทายาทเซียวไม่ได้ แต่มาเป้นอาสะใภ้เขาแทน? นี่มันความสัมพันธ์ตะลึงฟ้าดินอะไรกันเนี่ย แต่ทำไมเขาถึงอยากจะหัวเราะนักนะ?ทางนั้น เซียวเหยียนจิ่งถูกฟู่จาวหนิงประโยคนี้เล่นงานจนว้าวุ่นไปหมด"ฟู่จาวหนิง เจ้า เจ้านี่มันไร้ยางอายเสียจริง""จงเจี้ยน ถ้าข้าทำให้ไปตบปากรัฐทายาทเซียว เจ้าจะกล้าไหม?" ฟู่จาวหนิงจู่ๆ ก็หันหน้ามองจงเจี้ยนจงเจี้ยนสีหน้าตั้งใจ วิเคราะห์อย่างจริงจัง "พระชายา ถ้าหากพึ่งบารมีของท่านอ๋อง ข้าน้อยก็กล้าทำ ถึงอย่างไรต่อให้ฟ้าถล่มลงมาก็ยังมีท่านอ๋องแบกรับไว้ได้"ชิง
หลี่จื่อเหยาถ้าตอนนี้พุ่งเข้าไป ถึงตอนนั้นไฟโกรธของอ๋องเจวี้ยนจะสาดมาที่นางด้วยแน่นอน"เจ้ากล้านัก"เซียวเหยียนจิ่งไม่ไหวแล้ว เขาคิดไม่ถึงเลยว่าครั้งนี้ที่เขาเตรียมตัวเรียบร้อย แต่ฟู่จาวหนิงก็ยังตบเขาได้อีกครั้ง!เขาคิดจะเรียกชื่อฟู่จาวหนิงออกมาอีกครั้งด้วยสัญชาตญาณ แต่พอเจอกับสายตาฟู่จาวหนิงก็กลืนมันกลับลงไปถ้าเขาตะโกนเรียกขึ้นอีกครั้ง ฟู่จาวหนิงคงได้ตบเขาอีกฉาดแน่!ให้ตายเถอะ เขารู้สึกได้เลยว่านางจะตบเขาอีกครั้ง!ก่อนหน้านี้เขาทำไมจึงไม่รู้เลยว่าฟู่จาวหนิงมีความสามารถเช่นนี้? ก่อนหน้านี้นางดูโง่โง่ บื้อบื้อจะตาย ทำอะไรก็ไม่เป็น ดูท่าทางเป็นคนโง่เขลาอยู่คนที่อยู่ที่นี่แต่ละคนล้วนนิ่งอึ้งเป็นไก่ไม้สลักฟู่จาวหนิงเป็นถึงพระชายาอ๋องเจวี้ยนไปแล้ว คนที่เปลี่ยนคนแต่งงานกลางถนนที่พวกเขาซุบซิบนินมาแล้วตั้งหลายวันคนนั้น!ยิ่งไปกว่านั้น อ๋องเจวี้ยนไม่ใช่พระโอรส แต่เป็นเสด็จอา!เดิมทีฟู่จาวหนิงที่เกือบจะแต่งงานกับรัฐทายาทเซียวไปแล้ว เพียงพริบตาก็เปลี่ยนมาเป็นอาสะใภ้ของเขา!ฟู่จาวหนิงก็ยังกล้าหาญชาญชัย ตบฉาดใส่รัฐทายาทเซียวไปถึงสองครั้งแบบนี้!ให้ตายเถอะ คนที่ล้อมดูรู้สึกว่าหูตาของต
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ