ฮูหยินเฉิงถึงอย่างไรก็ไม่สบอารมณ์ฟู่จาวหนิงจริงๆนี่เป็นหญิงสาวที่เกินความเข้าใจที่นางเคยรู้จักมาจริงๆ กิริยาท่าทางก็ตรงไปตรงมา ชอบก้าวเท้ายาวๆ เหมือนสายลม เวลาหัวเราะก็เห็นฟัน เสียงหัวเราะก็ไม่มีปิดบังตอนที่กินก็ไม่มีการยับยั้งควบคุม ปริมาณการกินของฟู่จาวหนิงยังมากกว่านางและองค์หญิงใหญ่รวมเข้าด้วยกันอีก บางครั้งกระทั่งแอบใช้มือขโมยกินด้วย พอถูกเซียวหลันยวนจับได้ก็ทำหน้าทะเล้นใส่ยิ่งไปกว่านั้น ระหว่างทางพอเห็นอะไรที่นางสนใจก็จะหยุดลง บางครั้งก็หายเข้าไปในป่าครึ่งค่อนวันไม่รู้ไปทำอะไรทั้งที่บอกว่าจะเร่งเดินทาง แต่กลับถูกนางถ่วงเอาไว้หลายวันเซียวหลันยวนเองก็ยังตามใจนาง"ไม่รู้ว่าพระชายาอ๋องเจวี้ยนเคยเห็นของทะเลพวกนั้นจริงไหม"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นกลับรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากถึงอย่างไรนางก็ไม่เคยเห็นมาก่อน เมื่อครู่ตอนได้กลิ่นคาวทะเล นางยังรู้สึกรับไม่ค่อยได้เลยของที่เหม็นขนาดนั้นจะเอาเข้าปากได้อย่างไรกัน?นางรู้สึกคาดหวังให้อ๋องเจวี้ยนเห็นฟู่จาวหนิงตอนที่ทำของเหล่านี้ แล้วเกิดความรังเกียจและตกใจขึ้นมาฮูหยินเฉิงระหว่างทางก็ดูไม่สบอารมณ์ฟู่จาวหนิงมาก แต่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นด
ชื่อเสียงของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋น เหตุผลสำคัญส่วนใหญ่มาจากเจ้าของอุทยานคนก่อนสร้างไว้ หรือก็คือสามีของฮูหยินเฉิงนั่นเองพูดได้ว่า ทั้งเมืองจื่อซวีตอนนี้ที่คึกคักได้ขนาดนี้ ถือว่าเป็นผลงานของเจ้าอุทยานเช่นกัน"ตอนที่ท่านลุงเจ้าอุทยานยังมีชีวิตอยู่ ทุกปีจะออกทั้งเงินลงทั้งแรง พาคนไปสร้างถนนสร้างสะพานไปทั่วเมือง ยิ่งไปกว่านั้นตอนที่มีขบวนพ่อค้าเดินทางมา ก็มักจะเชิญพวกเขากินข้าวร่ำสุรา พยายามแนะนำเมืองจื่อซวีนี้อย่างเต็มที่ และก่อนที่พวกเขาจะจากไปก็ยังมอบของขวัญให้พวกเขาอีกไม่น้อย หวังว่าหลังจากพวกเขาออกไปแล้ว จะบอกเล่าเรื่องเมืองจื่อซวีให้กับคนภายนอกได้ฟังบ้าง"เซียวหลันยวนเล่าเรื่องอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นกับเมืองจื่อซวีให้ฟู่จาวหนิงฟัง"การค้าของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นเองก็ทำไปถึงภายนอกด้วย ด้านนอกเองก็พูดถึงเมืองจื่อซวีอยู่ไม่น้อย ดังนั้นจึงค่อยๆ มีชื่อเสียงขึ้นมา บวกกับยอดเขาโยวชิง ความนิยมก็มากขึ้นเรื่อยๆ คนในเมืองล้วนรู้ถึงคุณูปการที่อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นทำไว้ จึงได้เคารพต่ออุทยานเขาเฉิงอวิ๋นกัน"ฟู่จาวหนิงฟังถึงตรงนี้ ก็ครุ่นคิดแล้วถามขึ้น "หรือก็คือ คนในเมืองตอนนี้ดีกับฮูหยินเฉิงมาก...""ส่ว
ฮูหยินเฉิงมองออกว่าตอนนี้ผ่อนคลายลงแล้วจริงๆ ดูดีอกดีใจมากหลังจากพูดเหล่านี้กับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นแล้ว ก็หันไปทางเซียวหลันยวนกับฟู่จาวหนิง แล้วก็แตกต่างไปอย่างเห็นได้ชัด"อายวน เจ้าเองก็ด้วยนะ ที่นี่ก็เหมือนบ้านตัวเอง ที่นี่เจ้าเองก็คุ้นเคยดีอยู่แล้ว ไม่ต้องให้ข้ามาต้อนรับหรอก เจ้าพาพระชายาไปพักผ่อนได้เลย"พอพูดกับเซียวหลันยวน ก็หันมายิ้มพยักหน้าให้ฟู่จาวหนิงเบาๆ ดูสุภาพแต่ห่างเหินมากฟู่จาวหนิงรู้สึกอยากจะขำฮูหยินเฉิงที่เป็นแบบนี้ สำหรับนางแล้วไม่เท่าไรหรอกน่าจะเพราะฮูหยินเฉิงคิดว่าทำแบบนี้แล้วจะทำร้ายนางได้ ทำให้นางรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองไม่ค่อยสบายใจ จากนั้นก็จะทะเลาะกับเซียวหลันยวนแบบนั้นหรือ?แต่อันที่จริง ตอนนี้นางก็ไม่ได้มองฮูหยินเฉิงเป็นคนของตนเอง ในเมื่อเป็นคนนอก แล้วนางจะเรียกร้องให้คนอื่นมากระตือรือร้นกับนางได้อย่างไรกัน?นางไม่ใช่ทองเสียหน่อย จะมีคนชอบหรือมีคนไม่ชอบมันก็เรื่องปกติ"ท่านน้าเฉิง เข้าไปก่อนไหม?""ใช่ๆๆ ทุกคนเข้าไปกันก่อน เข้าไปก่อนเถอะ"ทั้งกลุ่มเข้าไปอุทยานเขาเฉิงอวิ๋น ในอุทยานเขาก็คึกคักกันขึ้นมาทีเดียวฮูหยินเฉิงอยากจะจัดให้เซียวหลันยวนไปอย
"หลีกทางหน่อย ยืนอยู่ตรงนี้ทำไมกัน? ยืนนิ่งอย่างกับท่อนไม้!"มีคนรีบเดินเข้ามาจากด้านหลัง คิดจะชนฟู่จาวหนิงให้หลีกทางแต่ยังไม่ทันเข้าใกล้ ก็ถูกเสี่ยวเยว่ยื่นมือขวางไว้ จนปูที่หิ้วอยู่ในมือไป๋หู่ แอบจะตบเข้าไปบนหน้าของอีกฝ่ายพฤติกรรมหยาบคายนี้ ดูแล้วเหมือนจงใจอยู่หน่อยๆยิ่งไปกว่านั้นบนตัวคนที่เข้ามาก็มีกลิ่นคาวเลือดแรงมาก"ทำอะไรน่ะ?"สืออีถลึงตาออกไปด้วยความโกรธคนที่รีบเข้ามา เป็นชายสองคนสวมเสื้อคลุมสั้นสีน้ำเงิน บนตัวเปื้อนเลือด ในมือหิ้วไก่ที่หักคอแล้ว อีกคนยังหิ้วของที่ดูเหมือนกวางอีกตัวหนึ่ง เลือดยังหยดอยู่เลยกลิ่นคาวเลือดมาจากตัวพวกเขาตอนที่คนผู้นี้จะชนเข้ามาเมื่อครู่ หยดเลือดจากกวางนั้นก็กือบสะบัดไปโดนตัวฟู่จาวหนิงแล้วเสี่ยวเยว่เองก็มองพวกเขาอย่างเคืองๆพวกเขาเพิ่งมาถึง กำลังจะเข้าห้องครัว ดังนั้นจึงยืนกันอยู่ที่ประตูแต่อีกฝ่ายทั้งสองคนกลับวิ่งเข้ามา ต้องมองเห็นนานแล้วว่าทางนี้มีคน สามารถตะโกนมาแต่ไกลได้ ต้องรีบเบียดรีบชนเข้ามาเสียที่ไหนกัน?แต่พวกเขาเองก็เพิ่งจะมาถึงอุทยานเขาเฉิงอวิ๋น ยังไม่ได้ผิดใจกับคร ยิ่งไปกว่านั้นยังอยู่กับอ๋องเจวี้ยนด้วย คิดแล้วก็ไม่น่
เพียงไม่นาน ก็มีคนหนึ่งคนหนึ่งเดินออกมา แต่งตัวทะมัดทะแมงด้วยเช่นกันเขาเหลือบมองฟู่จาวหนิงอย่างอยากรู้อยากเห็น หน้าแดงเล็กน้อย จากนั้นก็หันไปมองสืออีกับไป๋หู่ "พวกท่านตามข้าเข้ามาเถอะ ด้านในมีถังน้ำใบใหญ่อยู่ เอาของพวกนี้ใส่ทิ้งไว้ได้ แต่ขอบอกไว้ก่อน ไม่รับประกันว่าพรุ่งนี้จะยังกระโดดโลดเต้นได้อยู่ไหม"เขาชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็เสริมเข้ามาว่า "แต่ไม่เป็นไร ถึงอย่างไรต่อให้ตาย พรุ่งนี้ลุงเหล่าว่านก็จะปรุงให้พวกท่านเอง ถ้ายังตายไม่นานนักรสชาติก็ยังใกล้เคียงกันอยู่ กินได้"สืออีหน้าขรึมไปแล้ว"ในเมื่อตอนนี้ที่พวกเราซื้อมายังสดอยู่ ก็ไม่กินตอนนี้เลยล่ะ ต้องมารอให้มันตายแล้วกินของไม่สดวันพรุ่งนี้แทนหรือ?"นี่มันตรรกะอะไรกัน?"ใช่เลย ของพวกนี้ซื้อมาตั้งห้าสิบตำลึงนะ" เสี่ยวเยว่เองก็เอ่ยขึ้นด้วยชายหนุ่มคนนั้นดูจนใจหน่อย ผายมือออก "ถ้างั้นแล้วจะทำยังไงล่ะ? ของอย่างอาหารทะเลมีแต่ลุงว่านของพวกเราที่ทำเป็น แต่วันนี้เขาไม่มีเวลามาช่วยพวกท่านทำหรอก"ฟู่จาวหนิงตอนนี้จึงถามขึ้นอย่างอยากรู้อยากเห็น "ไม่ใช่บอกว่าจะต้อนรับแขกชั้นสูงหรอกหรือ? ถ้าของพวกนี้เป็นของที่อ๋องเจวี้ยนจะกิน จะเอามาทำไ
"ลุงเหล่าว่าน ข้าทราบแล้ว พวกเขายืมห้องครัวข้างๆ เพื่อเตรียมกับข้าวกันเองน่ะ" เสี่ยวเฉิงเอ่ยขึ้น"ทำเองหรือ?" เหล่าว่านตกตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็หัวเราะขึ้นมา "เช่นนั้นก็เอาเถอะ ข้าคงจะดูคนผิดจริงๆ แม่นางสองคนนั้นกับชายอีกสองคนทำอาหารทะเลกันเป็นด้วย"เขาเองก็ไม่พูดอะไรอีกหลังจากเซียวหลันยวนออกไปส่งจดหมายแล้วกลับมา ก็ไปที่ครัวหลังหาฟู่จาวหนิงครัวใหญ่อีกด้านก็มีคนเข้าๆ ออกๆ เขาเหลือบมองไป เห็นว่าเหล่าว่านกำลังยุ่งเซียวหลันยวนจึงไม่เข้าไป แต่เดินไปยังห้องครัวรองข้างๆหลังจากเข้าไปเขาก็เห็นพวกของสืออีกำลังล้อมฟู่จาวหนิงอยู่ กำลังมองอย่างเคลิบเคลิ้ม ใครก็ไม่ทันสังเกตว่าเขาเข้ามาแล้วนี่กำลังทำอะไรกัน?เขาเดินเข้าไป ก็เห็นฟู่จาวหนิงกำลังใช้มีดเชือดปูขาหูขนาดใหญ่พวกนั้น แต่ละท่อนถูกเฉือนออกมา มีดเล็กในมือฟันลงไป ตัดหั่น กรีดแล้วเปิดออก เผยให้เห็นเนื้อใสเป็นประกายด้านในข้างๆ มีถาดใบใหญ่ใบหนึ่ง วางเรียงขาปูไว้แล้วฟู่จาวหนิงสมกับที่ใช้มีดผ่าตัดเป็น ปู่ที่นางจัดการ เป็นระเบียบเรียบร้อย รอยตัดเป็นแบบเดียวกันทั้งหมด ขนาดเล็กใหญ่ก็เท่ากัน แค่วางเรียงไว้ก็ทำให้คนที่ป่วยโรคย้ำคิดย้ำ
โถงอาหารที่ฮูหยินเฉิงเชิญแขกมา เป็นส่วนที่อยู่ในเรือนหลัง เรือนหน้ายังมีอีกโถงหนึ่ง มีโถงเล็กใหญ่ โถงใหญ่มีโต๊ะหลายตัว โถงเล็กมีแค่ตัวเดียวนางพาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมาถึงโถงอาหารเรือนหลังของตนเอง คนรับใช้ก็นำอาหารออกมา ดูแล้วประณีตมากกลิ่นลอยเตะจมูก จานที่จัดวางก็สวยงามองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพอได้กลิ่นน่าอร่อยก็ท้องร้องขึ้นมาแต่ตอนที่นางเห็นบนโต๊ะมีจานชามวางอยู่สามชุด ก็มองฮูหยินเฉิงอย่างไม่เข้าใจ"ท่านน้าเฉิง พวกเราสองคนแล้วยังมีใครมากินด้วยอีกหรือ? ขาดไปหนึ่งชุดหรือเปล่า?"สามคน จะคิดอย่างไรก็ไม่ค่อยถูกนางเองก็ไม่เห็นว่ามีใครเข้ามายิ่งไปกว่านั้น ไม่ใช่ว่ามากับอ๋องเจวี้ยนกับพระชายาอ๋องเจวี้ยนหรือ? เช่นนั้นก็ควรจะเป็นสี่สิ"นั่งลงเถอะ ไม่ต้องเกรงใจ"ฮูหยินเฉิงดึงนางลงมานั่งก่อน จากนั้นจึงถอนใจเอ่ยขึ้นว่า "เมื่อครู่อายวนสั่งคนมาบอกข้าแล้ว ว่าคืนนี้เขาจะกินข้าวกับพระชายาที่เรือนหน้า ไม่เข้ามาแล้ว ข้าคิดว่าพระชายาคงไม่อยากจะเข้ามาที่เรือนหลังของข้า และคงไม่อยากมานั่งกินข้าวกับข้าด้วยกระมัง"พูดออกมาอย่างน้อยเนื้อต่ำใจเหมือนถูกฟู่จาวหนิงรังเกียจ ในใจรู้สึกแย่มากองค์หญิงใหญ่ฝ
ฟู่จาวหนิงกำลังกินขาปูอยู่ ตอนนี้เนื้อขาปูมันเกินกว่าที่นางจินตนาการไว้เสียอีก สดหวานกว่าที่เคยกินมาก่อนหน้าหลายเท่าเลยทีเดียว!นั่นเป็นความแตกต่างที่เห็นได้ชัดมาก ยิ่งไปกว่านั้นคุณภาพเนื้อก็สดนุ่ม นางกินไปจนซาบซึ้งแทบร้องไห้เลยไม่เคยกินปูที่อร่อยแบบนี้มาก่อนเลยจริงๆ!แล้วยังมีกุ้งมังกรยักษ์อีก เนื้อกุ้งนั่นมันเด้งดึ๋งสุดๆ เลย! รสตกค้างก็หวานมากบวกกับน้ำจิ้มที่นางปรุง สดใหม่จนแทบจะกลืนลิ้นตัวเองลงไปเลยทีเดียวเซียวหลันยวนตอนแรกก็คีบเนื้อก้ามปูขึ้นมา ฟู่จาวหนิงให้เขาลองดูก่อนว่ามีปฏิกิริยาอะไรไหมตอนที่เขารอ ฟู่จาวหนิงก็กินเนื้อปลาหมึกสดไปอีกหลายชิ้น ตรงนี้นางใช้มีดแกะสลัก ผัดอย่างรวดเร็วจนม้วนห่อเหมือนดอกไม้ กัดลงไปก็เด้งสู้ฟันแล้วยังมีกลิ่นหอมเฉพาะของปลาหมึกสด บวกกับความเผ็ดนิดๆ ของขิงซอย อร่อยจนตานางเปล่งประกายเซียวหลันยวนพอเห็นท่าทางของนาง ความอยากอาหารก็พุ่งขึ้นมา เขากระทั่งกลืนน้ำลายเอื๊อกจากความอยากอาหารเป็นครั้งแรกท่าทางนี้สำหรับเขาแล้วเหมือนตบฉาดเข้าที่หน้าเลย ถูกจาวฟู่จาวหนิงเห็นเข้าเสียแล้ว มือนางข้างหนึ่งถือแท่งปูอยู่ หัวเราจนตตัวโยนจากนั้นนางจึงยื่นมือมาแตะชีพ
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ