ว่านฉีฉี ลูกสาวเจ้าพ่อจากเมืองเซี่ยงไฮ้ถูกส่งตัวไปเมืองปักกิ่ง เพื่อความปลอดภัยจึงต้องแยกจากพ่อของเธอ ซึ่งเป็นเจ้าพ่อผู้มีอิทธิพลครองเมือง หญิงสาวเข้าเรียนสถาบันที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองปักกิ่ง และสถานที่แห่งนั้นทำให้เธอ ถูกนำกลับไปเมืองหลวงจี้ แห่งเมืองต้าเยียน ซึ่งกำลังถูกฆ่าล้างเมืองอยู่ในเวลานั้น หลี่เหวินฉาง แม่ทัพผู้โหดเหี้ยมและอำมหิตผิดมนุษย์ ได้พบกับว่านฉีฉี ในวันคือพระจันทร์สีเลือด แม่ทัพหนุ่มนำลูกสาวเจ้าพ่อในยุคอนาคตมาเป็นสตรีบำเรอ โดยไม่รู้ว่าเธอมีพลังปีศาจของนางพญามาร และเขาคือแม่ทัพปีศาจแห่งเฉียนฉิน
view moreแคว้นซีฉิน
ชุดเกราะสีเงินรมดำสัญลักษณ์ของแม่ทัพใหญ่จากแคว้นเฉียนฉิน ก้าวย่างไปอย่างช้าๆ ข้ามซากศพทหารซีฉินซึ่งต่างพากันสังเวยชีวิตล้มตายเป็นจำนวนมาก ในสงครามชิงแคว้นเพื่อแผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ เพื่อความมั่งคั่งที่แคว้นนั้นครอบครองและเพื่อความยิ่งใหญ่ของผู้ที่ได้รับชัยชนะจากสงครามครั้งนี้ สภาพของทุกศพไม่มีเลยที่จะมีอวัยวะอยู่ครบ ด้วยเพราะถูกแม่ทัพใหญ่ของเฉียนฉิน มีคำสั่งสังหารอย่างป่าเถื่อนและเต็มไปด้วยความอำมหิต เชื้อพระวงศ์ของซีฉินถูกตัดหัวนำมาเสียบอยู่บนกำแพงเมืองเรียงรายเป็นทิวแถว ช่างเป็นภาพที่ติดตาต่อผู้คนที่ได้มาพบเห็นจนหลอนกันไปทั่ว หลี่เหวินฉาง แม่ทัพใหญ่จากแคว้นเฉียนฉินผู้นำชัยชนะและชิงแผ่นดินมากมายมาอย่างต่อเนื่องและเต็มไปด้วยความบ้าคลั่งนำกองทัพออกล่าชิงแผ่นดินไปทั่วทุกแคว้นติดต่อกันยาวนานถึงหกปีเต็ม เดิมทีแม่ทัพผู้นี้มีคำสั่งนำกองทัพกลับคืนสู่ผิงหยาง เมืองหลวงของเฉียนฉินเมื่อสามปีก่อน หลังจากชิงแผ่นดินสือเจ้าได้เป็นผลสำเร็จเพื่อเหล่าทหารได้มีโอกาสพักผ่อนหลังจากออกรบติดต่อกันมาอย่างยาวนานถึงห้าปีเต็ม แต่แล้วจู่ๆ กลับมีคำสั่งเคลื่อนทัพมุ่งหน้าลงล่าแคว้นทางตอนใต้ และพฤติกรรมของหลี่เหวินฉางเปลี่ยนไปชนิดที่ว่าคนละคนก็ว่าได้ อำมหิตและเลือดเย็นที่มีอยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้วกลับยิ่งรุนแรงและบ้าคลั่งเหมือนคนวิกลจริต ซ้ำร้ายยังมีคำสั่งให้นำร่างอันไร้วิญญาณของเชื้อพระวงศ์ที่ถูกประหารนำมาเสียบไม้แหลมปักลงดินเรียงรายตรงหน้าประตูเมือง ในขณะที่ศีรษะถูกตัดและนำมาเสียบประจานบนกำแพงเมือง ทุกชีวิตไม่เคยมีคำว่ารอด บุรุษ สตรี คนแก่และเด็ก ตั้งแต่ชาวเมืองจนถึงเชื้อพระวงศ์ผู้ครองแคว้น ต่างได้รับจุดจบเช่นเดียวกัน ความอำมหิตผิดผู้ผิดคนของแม่ทัพผู้นี้ เลื่องลือไปทั่วจนเป็นที่ประหวั่นพรั่นพรึงและเกรงกลัว จนถึงขนาดหากแคว้นใดรู้ว่ากองทัพจากแคว้นเฉียนฉิน ยกทัพเข้าเขตประชิดชายแดนเมื่อใด ชาวเมืองแคว้นนั้นต่างทิ้งบ้านทิ้งเมือง หนีตายกันอย่างอลหม่านอพยพไปยังแคว้นอื่น รวมไปถึงบรรดาเชื้อพระวงศ์ก็เช่นเดียวกันต่างลี้ภัยเอาชีวิตรอด ที่คงอยู่ก็รักษาเมืองไปเพราะรักผืนแผ่นดินเกิด และจุดจบก็คือร่างและหัวถูกแยกออกจากกันไม่มีใครรอดเหมือนเดิม และการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวของหลี่เหวินฉางยังรวมไปถึงการนำสตรีมาบำเรอความใคร่อย่างไม่มีหยุดหย่อน มากล้นเต็มไปด้วยตัณหาราคะ และจบลงด้วยชีวิตของสตรีเหล่านั้นในยามรุ่งอรุณมาถึง แต่ที่น่าแปลกก็คือหญิงสาวเหล่านั้นไม่มีผู้ใดก้าวออกมาจากห้องนอนหรือกระโจมของแม่ทัพผู้นี้ในตอนเช้า แต่สตรีเหล่านั้นหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย สร้างความงุนงงให้แก่เหล่าทหารที่ตามรับใช้อย่างใกล้ชิด ว่าพวกนางหายตัวไปได้อย่างไรและหายไปที่ไหน คนตายย่อมเห็นศพ คนไม่ตายจึงไม่เห็น แต่จะเป็นไปได้อย่างไร ในเมื่อหลี่เหวินฉางไม่เคยละเว้นชีวิตผู้ใดมาก่อน แล้วพวกนางเหล่านั้นจะมีโอกาสรอดชีวิตไปได้อย่างไรกัน ซึ่งความสงสัยเหล่านั้นเกิดขึ้นนับตั้งแต่ชิงแคว้นสือเจ้ามาเป็นของเฉียนฉิน ทหารที่คอยรับใช้อย่างใกล้ชิดต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า แม่ทัพของพวกเขาเปลี่ยนไปหลังจากองค์ชายเฉียนซ่ง ได้นำสุราเมาหมื่นปีให้กับหลี่เหวินฉางในงานเลี้ยงระหว่างแคว้นสือเจ้าและแคว้นเฉียนฉิน ที่สามารถจบลงด้วยการมีไมตรีต่อกันและทำสัญญาสงบศึก ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนั้นองค์ชายเฉียนซ่ง เข้าร่วมกองทัพในฐานะผู้บัญชาการทัพด้วยเป็นครั้งแรกเพื่อเรียนรู้ให้มีประสบการณ์ในเชิงสงคราม โดยหลี่เหวินฉาง เป็นแม่ทัพควบคุมกองทัพทั้งหมดซึ่งการทำสงครามก่อนหน้าที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงไปเป็นคนละคนนั้นแตกต่างอย่างสิ้นเชิง แม้ว่าจะอำมหิตและเลือดเย็นแต่ก็มีเหตุผลที่ทำให้ต้องลงมือเช่นนั้น การทำสงครามกับแคว้นสือเจ้า ฮ่องเต้เฉียนหยวนทรงมีพระบัญชาเป็นการส่วนพระองค์กับพระโอรสว่า หากแม้นองค์ชายเฉียนซ่งสามารถชิงแคว้นสือเจ้ามาได้ด้วยการใช้กองกำลังทหารเข้าโจมตีจะด้วยวิธีใดก็ตามแต่ พระองค์ก็จะถือว่าพระโอรสได้เรียนรู้ในการทำสงครามชิงแคว้นแล้ว คู่ควรที่จะได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นรัชทายาทของเฉียนฉินสืบต่อไป แต่แล้วหลี่เหวินฉางกลับสามารถทำให้สือเจ้า ยินยอมตกเป็นแคว้นใต้ปกครองเฉียนฉิน โดยไม่ต้องสูญเสียกำลังทหาร ของทั้งสองฝ่าย และยังสามารถทำให้กองทัพของเฉียนฉินไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยในการทำสงครามมากไปกว่านี้หลังจากต้องตรากตรำมานานหลายปี ซึ่งการทำสัญญาสงบศึกของระหว่างสองแคว้นในครั้งนั้นไม่เป็นที่พอพระทัยขององค์ชายเฉียนซ่งเป็นอย่างมาก เพราะสัญญาสงบศึกดังกล่าวทำให้พระองค์ไม่ได้แสดงฝีมือในเชิงรบและยังไม่ได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นรัชทายาทอีกด้วย ภายหลังจากการลงนามในสัญญาสงบศึกผ่านไปได้ด้วยดี พร้อมกับงานเลี้ยงระหว่างสองแคว้นจบสิ้นลงด้วยความเมามายของหลี่เหวินฉางซึ่งเขาได้ดื่มสุราเมาหมื่นปีขององค์ชายเฉียนซ่ง ที่อ้างว่าฮ่องเต้เฉียนหยวนพระราชทานมาให้แม่ทัพหนุ่มผู้กล้าหากการทำสงครามในครั้งนี้จบลงได้ด้วยดี แต่แล้วเมื่อวันรุ่งขึ้นมาถึง หลี่เหวินฉางกลับกระทำผิดข้อตกลง นำกองทัพห้าหมื่นนายบุกโจมตีแคว้นสือเจ้าและสังหารชาวเมืองจนไปถึงเชื้อพระวงศ์อย่างโหดเหี้ยมอำมหิต ผิดสัจจะไม่ทำตามสัญญาสงบศึกที่ได้ทำเอาไว้ และซ้ำร้ายยังมีอาการคลุ้มคลั่งราวกับคนบ้าเสียสติ แต่แล้วอาการคลุ้มคลั่งดังกล่าวสงบลงได้ก็ต่อเมื่อนำสตรีมาบำเรอ หลี่เหวินฉางจึงได้กลับมาเป็นผู้เป็นคนอีกครั้ง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับแคว้นสือเจ้าในครั้งนั้น จึงทำให้องค์ชายเฉียนซ่งได้รับการสถาปนาดำรงตำแหน่งเป็นรัชทายาทซึ่งจะขึ้นครองแคว้นสืบต่อไป และหลังจากนั้นเพียงหนึ่งปีฮ่องเต้เฉียนหยวนก็สวรรคตลงอย่างกะทันหัน ทำให้เฉียนฉินได้ผลัดแผ่นดินใหม่รัชทายาทเฉียนซ่งขึ้นครองแคว้นสืบต่อมา และมีพระบัญชาให้หลี่เหวินฉางออกล่าแคว้นมากมายเพื่อสร้างความยิ่งใหญ่ให้แก่เฉียนฉินและสร้างบารมีให้แคว้นทั่วหล้าเกรงกลัว จิตอำมหิตคร่าชีวิตคนทั้งเมือง มากด้วยตัณหาและราคะเสพจนชีพสตรีนางวอดวาย เสพกายนางจนกลืนกินไปทั้งตัวไม่เหลือสิ้นแม้กระทั่งร่างและวิญญาณ ทั่วหล้าต่างโจษขานแม่ทัพผู้นี้ว่า จอมปีศาจแห่งเฉียนฉิน ไร้สิ้นเมตตากับผู้ใดอย่าคาดหวังว่าจะมีชีวิตอยู่ถึงวันพรุ่งนี้เลยสักคนอาคารเหอเป่า ร่างสูงระหงซึ่งเป็นเจ้าของความสูงถึง 170 เซนติเมตร เดินอาดๆ ไปตามเส้นทางผ่านกลุ่มนักเรียนมากมายที่กำลังยืนเมียงมองคอยลอบสังเกตอยู่ตลอดเวลาเพราะเป็นนักเรียนแปลกหน้าไม่เคยเห็นมาก่อน และอีกอย่างเปิดเรียนมานานกว่าสองเดือนแล้วจนกำลังจะเริ่มสอบกลางภาค แต่ก็ยังอุตส่าห์มีนักเรียนใหม่มาปรากฏให้เห็น “เฮ้ย! พวกเรานักเรียนใหม่เว้ย!”เสียงของผู้ชายวัยรุ่นดังออกมาจากกลุ่มที่กำลังยืนพิงขอบหน้าต่างมีอยู่ประมาณสิบคน “เจ้าหล่อนโคตรสวยเลยวะ แถมยังเดินกินลูกอมเอาไว้ในปากด้วย กวนประสาทไม่ใช่เล่นแบบนี้ต้องให้การต้อนรับน้องใหม่เสียหน่อยแล้วเว้ย หรือเธอว่าอย่างไงเหนียงเหนียง”เขาพูดพลางหันกลับไปมองกลุ่มผู้หญิงที่มีอยู่ด้วยกันห้าคน เด็กสาวเจ้าของชื่อเหนียงเหนียง หรือหม่าฟางเหนียงหันกลับมาตามเสียงเรียกของผู้ชายในกลุ่มซึ่งก็คือแฟนของเธอที่คบหากันอยู่ในสถาบัน เป็นทั้งเพื่อน แฟนและทำหน้าที่เป็นสามีในเวลากลางคืน ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันในอพาร์เมนท์แทนที่จะอยู่บ้านของแต่ละคน เพราะต่างคนมาจากเมืองอื่นแต่เข
ค.ศ.2020 กรุงปักกิ่ง รถสปอร์ตสีดำคันงามสุดโออ่าแล่นมาด้วยความเร็วพอประมาณ ด้านหลังมีรถรุ่นเดียวกันและสีเหมือนกันแล่นตามมาติดๆ ก่อนจะจอดสนิทอยู่ตรงบริเวณหน้าประตูสถาบันศึกษาชื่อดังแห่งหนึ่งในกรุงปักกิ่ง ประตูทั้งสองข้างบริเวณด้านหน้าและด้านหลังถูกเปิดออกจากคนภายในอย่างรวดเร็วพร้อมกันทั้งสองคัน ติดตามด้วยชายฉกรรจ์ในชุดสูทสากลสีดำก้าวออกมาจากรถทั้งสองคันรวมแล้วทั้งหมดหกคน ยืนเรียงรายอย่างเป็นระเบียบพร้อมประตูรถคันหลังถูกเปิดออกอย่างรวดเร็ว ตึก! ตึก! สองเท้าของหญิงสาวแรกรุ่นในวัย 18 ปี สวมใส่เสื้อผ้าสไตล์วัยรุ่นนำสมัยจากแบรด์ดังเป็นที่สะดุดตาแก่ผู้พบเห็นด้วยรูปลักษณะภายนอกที่มีใบหน้าสวย คม เฉี่ยว โครงหน้าเก๋ลงตัวน่ามองสุดๆ แต่จะให้ดีกว่านี้ถ้าเธอจะไม่แสดงท่าทียียวนกวนประสาทรับรองได้เลยว่าสวยสมราคาสตรีมีมารยาทงดงาม สมกุลสตรีแม่ศรีเรือนโคตรๆ หญิงสาวก้าวลงมาจากรถคันงามด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเบื่อหน่ายอย่างเห็นได้ชัด พลางเงยหน้าขึ้นมองประตูสถานศึกษาชื่อดังและป้ายชื่อที่เขียนบรรยายคุณสมบัติของสถานที่แห่งนั้นเอาไว้อ
ดวงตาของสตรีนางนั่นเบิกกว้างจ้องหน้าจอมปีศาจด้วยอาการตื่นตระหนกอย่างยิ่งยวด ด้วยเพราะเห็นดวงตาสีเลือดปรากฏอยู่ตรงหน้า ซึ่งกำลังเกิดขึ้นกับหลี่เหวินฉางอยู่ในเวลานี้ภายหลังจากเสพสังวาสกับนางเสร็จสิ้นเมื่อครู่ที่ผ่านมาภายใต้ความสุขอันแสนหฤหรรษ์ที่ได้รับจนสุขล้นจบลงพร้อมพลังชีวิตถูกสูบชีพออกกจากกายอย่างรวดเร็ว ร่างที่กำลังเปลือยเปล่าซึ่งเต็มไปด้วยความอวบอิ่มของสตรีสาวตรงหน้าค่อยๆ ซูบซีดลงทีละน้อย ทีละน้อย จนเหลือแต่โครงกระดูกแห้งกรัง พรึบ!!! ซากแห้งกรังค่อยๆ สลายกลายเป็นเถ้าธุลีไปในชั่วพริบตา บนฟูกนอนอันหนานุ่มในเวลานี้คงเหลือแต่เพียงกายเปลือยเปล่าของหลี่เหวินฉางแต่เพียงผู้เดียว ร่างอันใหญ่โตกำลังสั่นสะท้านเมื่อได้สูบพลังชีวิตเข้าไป ดวงตาสีเลือดฉาบอยู่เมื่อครู่ที่ผ่านมาค่อยๆ เลือนหายไปทีละน้อย ทีละน้อย จนกระทั่งความเป็นตัวตนของมนุษย์แต่ดั้งเดิมพร้อมสติหวนกลับคืนมาอีกครั้ง ดวงตากวาดมองไปโดยรอบ เห็นเสื้อผ้าของสตรีถูกเหวี่ยงกระจายอยู่ที่พื้น พร้อมเสื้อผ้าของตน ตุบ!!!! หลี่เหวินฉางกระแทกร่างเปลือยลงบนฟูกนอนอย่างแรง ดวงตาสีดำจับจ้องอยู่แต่บนเพดานของกระโจม กรอดดดด!!! เสียงฟันกรามขบเข้า
กระโจมแม่ทัพในค่ำคืนนี้แม่ทัพผู้กล้า กำลังจัดการเสพกายกับสตรีที่ถูกนำมาสังเวยเพื่อบำเรอกามราคะให้กับจอมปีศาจแห่งเฉียนฉิน ด้วยร่างกายอันใหญ่โตเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อเปลือยเปล่าไร้สิ้นอาภรณ์ห่อหุ้มของหลี่เหวินฉางกำลังจัดการเสพราคะจากกายสาวที่ถูกนำมาบำเรอในค่ำคืนนี้ เสียงร้องครวญครางกระเส่าดังออกมาไม่ขาดสาย "อู้ย..ย..ย..ซี้ด.ด..ด….อย่าทำอย่างนี้เจ้าค่ะ…ซี้ด..ด..ด.." นางร้องครางเสียงสั่นแม่ทัพหนุ่มเงยหน้าขึ้นพร้อมประกบปากลงบนริมฝีปากของนางจนหลับตาพริ้ม พร้อมบังคับให้แลกลิ้นกับจอมปีศาจอย่างเมามัน มือก็ค่อย ๆ ลูบไล้ปลดอาภรณ์ชิ้นสุดท้ายออกไปจากร่างของนางจนไม่เหลืออะไรทรวงอกอวบอิ่ม ส่วนเนินสวรรค์ก็โหนกนูนล้ำหน้าช่างน่าลิ้มลองเสียนี่กระไร และมีหรือจะรั้งรอใบหน้าคมคร้ามก้มลงซุกบนเนินสวรรค์เพื่อลิ้มลองอย่างเมามัน ช่างสวยได้รูปเสียจริง ทั้งลาก ทั้งเลีย ทั้งดูด ทั้งเม้ม ไม่รู้สึกว่าเมื่อยปากเลยแม้แต่น้อย มีแต่เสียงครวญครวญของนางร้องครางฮืออออ อื้อออออ และซู้ดปากอยู่ตลอดเวลาก่อนจะค่อย ๆ เลื่อนมือมายังเบื้องล่างเลื้อยลงสู่เนิน ซึ่งบัดนี้เนินสวรรค์เปียกชุ่มฉ่ำไปด้วยหยาดน้ำมันวาวตรียมพร้อมรับมือกับ
แคว้นซีฉิน ชุดเกราะสีเงินรมดำสัญลักษณ์ของแม่ทัพใหญ่จากแคว้นเฉียนฉิน ก้าวย่างไปอย่างช้าๆ ข้ามซากศพทหารซีฉินซึ่งต่างพากันสังเวยชีวิตล้มตายเป็นจำนวนมาก ในสงครามชิงแคว้นเพื่อแผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ เพื่อความมั่งคั่งที่แคว้นนั้นครอบครองและเพื่อความยิ่งใหญ่ของผู้ที่ได้รับชัยชนะจากสงครามครั้งนี้ สภาพของทุกศพไม่มีเลยที่จะมีอวัยวะอยู่ครบ ด้วยเพราะถูกแม่ทัพใหญ่ของเฉียนฉิน มีคำสั่งสังหารอย่างป่าเถื่อนและเต็มไปด้วยความอำมหิต เชื้อพระวงศ์ของซีฉินถูกตัดหัวนำมาเสียบอยู่บนกำแพงเมืองเรียงรายเป็นทิวแถว ช่างเป็นภาพที่ติดตาต่อผู้คนที่ได้มาพบเห็นจนหลอนกันไปทั่ว หลี่เหวินฉาง แม่ทัพใหญ่จากแคว้นเฉียนฉินผู้นำชัยชนะและชิงแผ่นดินมากมายมาอย่างต่อเนื่องและเต็มไปด้วยความบ้าคลั่งนำกองทัพออกล่าชิงแผ่นดินไปทั่วทุกแคว้นติดต่อกันยาวนานถึงหกปีเต็ม เดิมทีแม่ทัพผู้นี้มีคำสั่งนำกองทัพกลับคืนสู่ผิงหยาง เมืองหลวงของเฉียนฉินเมื่อสามปีก่อน หลังจากชิงแผ่นดินสือเจ้าได้เป็นผลสำเร็จเพื่อเหล่าทหารได้มีโอกาสพักผ่อนหลังจากออกรบติดต่อกันมาอย่างยาวนานถึงห้าปีเต็ม แต่แล้วจู่ๆ กลับมีคำสั่งเคลื่อนทัพมุ่งหน้าลงล่าแคว้นทางตอนใต้ และพฤติก
Mga Comments