เจ้าแท่นบูชาชุดแดงมั่นใจอย่างมากต่อพิษของตนเองตอนที่เขาสาดผงพิษออกไป ฟู่จาวหนิงจู่ๆ ก็สาดลูกกลอนกำหนึ่งออกมา"กินซะ"เสี่ยวเยว่กับเหล่าองครักษ์ลับแทบไม่ต้องคิดเลย ยื่นมือเข้าคว้ากำยาลูกกลอนไปคนละเม็ดแล้วยัดเข้าไปในปากทันทีมีองครักษ์ลับกระทั่งใช้ปากรับเลยก็มีเจ้าแท่นบูชาชุดแดงตกตะลึงไป ทำไม ยังทำแบบนี้ได้อีก?ยิ่งไปกว่านั้นสาดยาลูกกลอดเข้ามามากขนาดนี้ ทำอย่างกับไม่ต้องใช้เงินเลยหรือไรกัน?พวกเขาย้ายวัตถุดิบยาออกจากในวังจักรพรรดินานแล้ว ที่นี่ไม่มีวัตถุดิบยาเหลืออยู่ แล้วยังสิ้นเปลืองขนาดนี้ได้อีกหรือ?แต่ว่าถัดจากนั้น เขาก็พบว่า พิษที่ตนเองมั่นใจนักหนาสูญเสียบทบาทไปแล้วคนเหล่านี้ยังสู้กันต่อได้"ยาของเจ้าถอนพิษของข้าได้หรือ?" เจ้าแท่นบูชาชุดแดงมองไปทางฟู่จาวหนิง ในดวงตาเปล่งประกายจ้าดูท่า หมอเทวดาฟู่คนนี้ จะเก่งกาจกว่าที่พวกเขาจินตนาการไว้เสียอีก มีคุณค่ายิ่งกว่า!ไม่ว่ายังไงเขาก็อยากจะพานางไปเสียแล้วฟู่จาวหนิงเหลือบมองเขาผาดหนึ่ง ร้องเชอะขึ้นมา พาเฝิ่นซิงออกไปตามหาหงจั๋วต่อขอแค่พิษคนผู้นี้ไม่สำแดงบทบาท เสี่ยวเยว่กับองครักษ์ลับก็ยังพอรับมือเขาได้อยู่ตอนนี้ดูแล้ว ค
เสี่ยวเยว่มองออก หงจั๋วสู้ไปด้วย พลางขยับตัวไปทางฟู่จาวหนิงยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่ทำให้นางยิ่งตกตะลึงก็คือ เมื่อครู่ทั้งที่สาดผงพิษไปแล้ว บนตัวหงจั๋วจะต้องมีติดอยู่บ้างบางส่วน แต่ว่าตอนนี้หงจั๋วยังคงไม่มีอาการติดพิษเลยแม้แต่น้อยหงจั๋วยังคงสู้ได้อย่างสบายๆก่อนหน้านี้นางกับเฝิ่นซิงกินยาถอนพิษในตำหนักไปแล้ว แต่หงจั๋วยังไม่ได้กิน แล้วทำไมหงจั๋วถึงไม่กลัวพิษของพระชายาเลย?ฟู่จาวหนิงเองก็มองออกแล้วพอเห็นเช่นนี้ นางก็ยืนยันว่าคนผู้นี้ไม่ใช่หงจั๋ว"เจ้าเป็นใครกัน?" นางเอ่ยถามเสียงขรึมคนผู้นี้ไม่กลัวยาพิษ น่าจะเป็นพวกที่เชี่ยวชาญด้านพิษเช่นนั้น คำถามนี้ของนางก็เกินความจำเป็นไปหน่อยไม่รอให้อีกฝ่ายตอบกลับ นางก็เสริมมาอีกคำทันที "คนของลัทธิเทพทำลายล้างกระมัง?"พวกของเสี่ยวเยว่พอได้ยินคำว่าลัทธิเทพทำลายล้าง ก็ยกระดับการป้องกันขึ้นมาสูงสุดเฝิ่นซิงรีบร้อนเข้ามาขวางอยู่ด้านหน้าฟู่จาวหนิง"พระชายา ท่านออกจากตรงนี้ไปก่อน"ฟู่จาวหนิงแค่ถอยออกมาสองก้าว ไม่ได้ออกไปไหน"ไม่ต้องไว้ชีวิต สังหารทิ้งได้เลย"นางเองก็มองออก เสี่ยวเยว่กับองครักษ์ลับยังดูพะว้าพะวังอยู่ ไม่รู้ว่าเพราะอีกฝ่ายตอน
ดูท่านี่จะเป็นหงจั๋วแต่ไม่รู้เพราะอะไร ฟู่จาวหนิงรู้สึกไม่ชอบมาพากลตอนที่เห็นมือนางยื่นออกมานางเลี่ยงออกไปทันทีหงจั๋วตกตะลึงไปชั่วขณะ"พระชายา?"เฝิ่นซิงที่ถือน้ำอยู่ก็ถูกท่าทางเบี่ยงออกกะทันหันของฟู่จาวหนิงทำให้เท้าชะงักไปเสี่ยวเยว่กลับมาขวางไว้ตรงหน้าฟู่จาวหนิงทันทีตอนนี้นางแม้จะเป็นสาวใช้ของฟู่จาวหนิงเหมือนกับเฝิ่นซิงหงจั๋ว พอมาถึงที่วังจักรพรรดิ นางก็เปลี่ยนคำเรียกซึ่งไม่ได้เรียกนางว่าคุณหนูเหมือนแต่ก่อนแล้ว แต่เรียกพระชายาแทนทว่าในใจเสี่ยวเยว่ ตนเองยังคงมีความแตกต่างจากคนอื่นอยู่บ้างเล็กน้อยหงจั๋วเฝิ่นซิงมองอ๋องเจวี้ยนกับพระชายาเป็นนายท่านด้วยกัน กระทั่งฟังคำสั่งของอ๋องเจวี้ยนเป็นอันดับแรกด้วยเสี่ยวเยว่กลับต่างออกไปเสี่ยวเยว่มักจะจำได้เสมอว่าตนเองมาจากตระกูลเสิ่น และเป็นผู้นำตระกูลเสิ่นที่ให้ตนมาปกป้องรับใช้ฟู่จาวหนิง ฟู่จาวหนิงเป็นคุณหนูของนาง ส่วนอ๋องเจวี้ยนเรียกได้ว่าเป็นแค่อาเขยเท่านั้นดังนั้นในใจนางจึงมีน้ำหนักที่ต่างกัน คุณหนูต้องมาก่อนอ๋องเจวี้ยนอย่างแน่นอนตอนนี้ฟู่จาวหนิงจู่ๆ ก็เบี่ยงตัวจากหงจั๋ว เสี่ยวเยว่จึงรู้สึกได้ทันที ว่านางต้องปกป้องฟู่จาวหนิ
ฟู่จาวหนิงให้พวกนางพกอาวุธไว้ป้องกันตัวเสี่ยวเยว่มีวิชายุทธ์ดีหน่อย แต่เฝิ่นซิงกลับธรรมดาๆฟู่จาวหนิงยังให้ห่อผงพิษกับพวกนางคนละห่อ "สิ่งนี้พวกเจ้าก็พกไว้ด้วย เวลามีอันตรายสาดออกมาก็พอ"นางเอายาถอนพิษให้พวกนางกินกันก่อน"พระชายา ท่านไม่ต้องวิตกกังวลมากเกินไป"เฝิ่นซิงแม้จะรู้ว่าฟู่จาวหนิงละเอียดรอบคอบแบบนี้ไม่ได้ผิดอะไร แต่นางก็ยังทำตามทุกอย่าง แต่ก็ยังกังวลว่าฟู่จาวหนิงจะคิดมากเกินไป ซึ่งไม่ดีต่อสุขภาพของตนเอง"หงจั๋วยังไม่กลับมาอีกหรือ?"ฟู่จาวหนิงเดิมทีคิดจะรอหงจั๋วเอาน้ำร้อนกลับมาล้างหน้าล้างตา แต่พอนางดื่มน้ำแกงจนหมด หงจั๋วก็ยังไม่กลับมาเฝิ่นซิงตอนนี้ก็รู้สึกแปลกๆ แล้วเพราะเรื่องแบบนี้หงจั๋วเองก็ทำมาจนชินแล้ว แล้วนางเองก็ไวมากมาแต่ไหนแต่ไร ยิ่งไปกว่านั้นสถานที่ไปตักน้ำก็อยู่ไม่ไหล ทำไมตอนนี้จึงยังไม่กลับมาอีก?เสี่ยวเยว่เก็บกวาดโต๊ะเสร็จ "ข้าจะลองไปถามดู"นางเดินมานอกประตู ยกไม้ยกมือและมีองครักษ์ลับคนหนึ่งก็พุ่งลงมาจากบนต้นไม้ข้างหน้า ร่อนลงมาตรงหน้านาง"แม่นางเสี่ยวเยว่ มีเรื่องอะไรหรือ?"เสี่ยวเยว่ใช้สัญญาณมือเรียกให้เขาปรากฏตัว องครักษ์ลับใจสั่นกึก คิดว่าเกิดเ
หงจั๋วรีบเดินไปตักน้ำร้อนตอนที่เดินผ่านระเบียง จู่ๆ ข้างตัวก็มีมือข้างหนึ่งยื่นออกมา ดึงนางเข้าไปด้านหลังเสาอย่างรวดเร็วและเพียงไม่นาน ก็มีคนหนึ่งเดินออกมาในสายตาองครักษ์ลับ นั่นก็ยังเป็นหงจั๋วอยู่เสี่ยวเยว่กับเฝิ่นซิงไปปลุกฟู่จาวหนิงแล้วฟู่จาวหนิงตอนนี้ชอบนอนมากจริงๆ แต่นางก็ไม่อยากให้ช่วงนี้ตนเองนอนมากเกินไป ถึงอย่างไรลัทธิเทพทำลายล้างก็ปรากฏตัวแล้ว ไม่รู้ว่าสถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง"มีข่าวอะไรส่งมาในวังบ้าง?"ฟู่จาวหนิงนั่งอยู่หน้ากระจก ให้เฝิ่นซิงช่วยหวีผมให้เสี่ยวเยว่วางน้ำแกงลง ตักใส่ชามเล็กออกมาพอได้ยินนางเดินเข้ามา จึงหยิบดอกท้อผ้าไหมแดงดอกหนึ่งปักประดับผมให้กับฟู่จาวหนิงตอนนี้ฟู่จาวหนิงอยากจะผ่อนคลายหน่อย เหล่าสาวใช้ก็คิดจะแบ่งเบาภาระนาง ดังนั้นหลังจากสระผมหวีผมทุกวันก็จะใช้ปิ่นปักผมเบาๆ สองสามชิ้นหรือไม่ก็ปิ่นมุกสิ่งเหล่านี้เป็นแค่เครื่องประดับตกแต่ง เพื่อให้นางดูมีชีวิตชีวามากขึ้นแต่ไม่ได้ดูเกินจริงเกินไปเพื่อสิ่งนี้ พวกนางจึงจัดเตรียมเครื่องประดับที่เหมาะสมเอาไว้ไม่น้อย คอยเปลี่ยนให้นางใช้ใหม่ทุกวัน บางครั้งวันหนึ่งยังเปลี่ยนไปถึงสองสามครั้งเลยทีเดียว
เจ้าแท่นบูชาชุดแดงรอจนด้านนอกไม่มีเสียง จึงเดินขึ้นบันไดไปด้านบนทางลับนี้ ก่อนหน้าพวกเขาได้เพิ่มกลไกเข้าไปอย่างหนึ่งติดตั้งประตูเพื่อซ่อนทางเข้าและทางออกไว้ ต้องใช้ฝ่ามือของคนที่กำหนดไว้จึงจะเปิดออกได้กลไกเปิดปิดต้องแนบสนิทกับฝ่ามือพวกเขา ดังนั้นพวกเขาก็เชื่อว่า ต่อให้อ๋องเจวี้ยนจะหาทางลับไปทั่ว ก็ไม่มีทางเจอทางลับที่กำหนดขึ้นเป็นพิเศษแน่ เพราะพวกเขาเปิดมันไม่ได้นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เจ้าแท่นบูชาชุดแดงไม่เกรงกลัวเลย บุกเข้ามาเพียงลำพังทางออกของทางลับเส้นนี้อยู่ระหว่างต้นไม้สูงสองต้นระหว่างต้นไม้สองต้นนี้มีร่องที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ สามารถทำให้คนหนึ่งเข้าออกได้ยิ่งไปกว่านั้นข้างหน้าต้นไม้สองต้นนี้ยังเป็นดอกไม้ใบหญ้าผืนหนึ่ง เวลานี้น่าจะมีหิมะถมคลุมอยู่ ถ้ามีคนเข้าออกที่นี่ ก็จะเห็นร่องรอยได้เจ้าแท่นบูชาชุดแดงยื่นฝ่ามือออกไปเปิดกลไก แล้วเดินออกมาเขายืนอยู่ระหว่างต้นไม้สองต้น มองไปทางต้นไม้ใบหญ้าด้านหน้าต้นไม้เหล่านั้นก่อนหิมะยังคลุมอยู่ มองออกว่ายังไม่มีร่องรอยการเดินผ่าน หรือก็คือ สถานที่นี้น่าจะไม่มีคนผ่านมาก่อน ทางออกยังไม่ถูกใครพบที่นี่มองออกไปก็คือตำหนักฝูกวง