หยางมี่บุตรีคนโตแห่งจวนเสนาบดี จำต้องแต่งเข้ามาเป็นพระชายาของอ๋องทมิฬตามบัญชาของฮ่องเต้แต่ในเมื่อนางแต่งเข้ามา สามีเฉยชา ไม่สนใจนาง ทั้งยังแต่งชายารองเข้ามา ทำไมนางต้องเอาชีวิตไปผูกกับเขาด้วย "ข้าจะหย่ากับท่าน" "ข้าไม่หย่า เจ้าจะต้องเป็นหวางเฟยของข้าตลอดไป"
Lihat lebih banyakบทที่ 1
กองทัพพยัคฆ์ทมิฬ
“คุณหนู คุณหนูเจ้าคะ แย่แล้วเจ้าค่ะ”
เสียงสาวใช้ประจำตัวของคุณหนูใหญ่แห่งจวนเสนาบดีกรมคลัง ตะโกนลั่นไปทั่วทั้งจวน นางนั้นหาได้สนใจธรรมเนียมปฏิบัติอันควรของสาวใช้ไม่ ด้วยความตกใจปนตื่นตระหนกเมื่อได้รับข่าวสารจากภายนอก
“มีอะไร ไยต้องตะโกนเสียงดังด้วยเจินเจิน” เสียงสตรีหวานละมุนที่นั่งอยู่บนตั่งภายในเรือนของตนดังขึ้นมาด้วยความสงสัย
“คุณหนูเจ้าคะบ่าวไปตลาดมาเจ้าค่ะ ได้ยินพวกชาวเมืองพูดกันไปทั่วว่าแคว้นเซี่ยของเรามีชัยชนะเหนือแคว้นศัตรูได้แล้วเจ้าค่ะ” เสียงกระหืดกระหอบเอ่ยตอบกลับออกมา
“นี่ช่างเป็นข่าวดียิ่งนัก แล้วเหตุใดไยเจ้าถึงทำตัวดั่งมีข่าวร้ายด้วยเล่า”
“นอกจากบ่าวจะได้ยินข่าวดีที่แคว้นเราได้รับชัยชนะกลับมา แต่บ่าวยังได้ยินชาวเมืองเขาลือกันให้ทั่วว่าเมื่อท่านอ๋องทรงเสด็จกลับมา ฮ่องเต้จะทรงพระราชทานรางวัลเป็นสมรสพระราชทานให้กับท่านอ๋องเจ้าค่ะ”
“เจ้าคงไม่ได้หมายความว่า...” คิ้วเรียวดั่งคันศรเริ่มขมวดกันเป็นปม เมื่อสังหรณ์ในใจของนางกำลังร้องเตือนขึ้นมา
“คุณหนูคิดไม่ผิดหรอกเจ้าค่ะ บุตรีที่สามารถจะแต่งเข้าจวนของท่านอ๋องได้ หากนับดูในเมืองหลวงแล้วเห็นจะมีเพียงสตรีแค่สามคนเท่านั้นเจ้าค่ะ คุณหนูหม่าลี่เหมยแห่งจวนเสนาบดี คุณหนูจ้าวเหมยอิงแห่งจวนแม่ทัพ และคุณหนูหยางมี่ของบ่าวอย่างไรเล่าเจ้าคะ”
เจินเจินอธิบายให้เจ้านายสาวฟัง พร้อมกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
หยางซูมี่ที่ได้ยินเช่นนั้นก็ถึงกับตาขวากระตุกถี่ยิบ สังหรณ์ในใจของนางไม่คลาดเคลื่อนเลยแม้แต่น้อย ร่างบางได้แต่ตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตนด้วยความกลัดกลุ้มใจ
หลังจากนั้นเพียงหนึ่งเดือน กองทัพของท่านอ๋องเซี่ยเหวินหรงก็ได้เดินทางมาถึงเมืองหลวงแคว้นเซี่ย บุรุษร่างสูงใหญ่ในชุดเกราะสีดำเงาวาววับนั่งอยู่บนหลังอาชาสีขาว จะเป็นผู้ใดไปไม่ได้เขาคือ ท่านอ๋องเซี่ยเหวินหรง ผู้บัญชาการทหารกองทัพพยัคฆ์ทมิฬ ผู้กุมกำลังพลทหารกว่าสองแสนนายที่สามารถเอาชนะแคว้นฉินได้ภายในระยะเวลาเพียงแค่หกเดือนเท่านั้น
ตลอดสองข้างฝั่งถนนล้วนมีราษฎรชาวแคว้นเซี่ยออกมายืนรอต้อนรับกองทัพพยัคฆ์ทมิฬของท่านอ๋องเซี่ยเหวินหรงกันอย่างล้นหลาม บ้างก็ตะโกนเรียกขานพระนามของท่านอ๋องเซี่ยเหวินหรง บ้างก็พากันโยนดอกไม้
ทั้งยังมีหญิงสาวใจกล้าบางคนโยนผ้าเช็ดหน้ามาให้ ขณะที่เซี่ยเหวินหรงขี่ม้าผ่านหน้าไป ช่างน่าเสียดายที่สายตาคู่คมนี้ไม่ได้แยแสต่อสิ่งรอบข้างเลยแม้แต่น้อย เพราะในใจของเขากำลังหนักอึ้งกับรางวัลที่เสด็จพี่ผู้เป็นฮ่องเต้แห่งแคว้นเซี่ยจะพระราชทานให้เขาเสียมากกว่า ซึ่งรางวัลนี้เขาไม่ได้ปรารถนาเลยแม้แต่น้อย
เซี่ยเหวินหรงเดินทางมาเข้าเฝ้า ฮ่องเต้เซี่ยเฟยหลง ยังท้องพระโรงของพระราชวัง ภายในท้องพระโรงล้วนเต็มไปด้วยบรรดาขุนนางที่มาเข้าเฝ้าเพื่อมาประชุมเช้ากันอย่างพร้อมเพรียงหน้าพระพักตร์ของฮ่องเต้
“กระหม่อมเซี่ยเหวินหรง ถวายพระพรฝ่าบาทขอพระองค์ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่น หมื่นปีพ่ะย่ะค่ะ”
เซี่ยเหวินหรงก้าวเท้าออกมายืนข้างหน้าพร้อมกับคุกเข่าถวายพระพรฮ่องเต้เต็มพิธีการ
“รีบลุกขึ้นเร็ว รีบรายงานข่าวการศึกกับแคว้นฉินให้เจิ้นฟังเร็วเข้า”
เซี่ยเฟยหลงเอ่ยอย่างเร่งเร้า พระองค์นั้นอยากจะทรงทราบข่าวการศึกว่าแท้จริงนั้นเรื่องราวเป็นอย่างไรบ้าง แต่นอกจากอยากจะทรงทราบข่าวการศึก พระองค์ก็กำลังทรงรอคอยที่จะเอ่ยโอฐรีบพระราชทานรางวัลความดีความชอบให้กับน้องชายของพระองค์เสียมากกว่า แผนการทุกอย่างพระองค์ได้จัดเตรียมไว้หมดแล้ว เพียงรอให้ถึงวันพรุ่งนี้ในงานเลี้ยงฉลองชัยชนะ พระองค์จะทรงพระราชทานรางวัลให้กับน้องชายอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง ทั้งในส่วนลึกของจิตใจพระองค์ยังทรงรู้สึกติดค้างกับน้องชายผู้นี้มากเหลือเกิน
“ทูลฝ่าบาทตามที่ม้าเร็วส่งสาสน์มาแจ้งก่อนหน้านี้พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมตัดศีรษะของแม่ทัพแคว้นฉินได้สำเร็จพ่ะย่ะค่ะ ยึดเอาดินแดนทางทิศเหนือที่อยู่ติดกับแคว้นเซี่ยของเรา หลังจากนั้นฮ่องเต้แคว้นฉินก็ได้ทรงยกธงขาวยอมแพ้ เนื่องจากแคว้นฉินขาดเสบียงที่ทหารของฝ่ายเราลักลอบเข้าไปเผาถึงในค่ายทหารแคว้นฉินได้สำเร็จพ่ะย่ะค่ะ
ตอนนี้ทางแคว้นฉินกำลังเร่งจัดเตรียมคณะราชทูตเพื่อเดินทางมาเจรจาสงบศึก และชดใช้ค่าสินสงครามแก่แคว้นเซี่ยพ่ะย่ะค่ะ ทหารฝั่งเราบาดเจ็บกว่าพันนาย พิการห้าสิบนาย ตายในสนามรบอีกหนึ่งพันนาย รายนามชื่อของทหารกับรายละเอียดในส่วนที่เหลือ กระหม่อมจะเขียนฎีกาถวายพ่ะย่ะค่ะ”
เซี่ยเหวินหรงเอ่ยด้วยน้ำเสียงดังฟังชัดทุกถ้อยคำทั้งหมด เขาหมายอยากจะให้ทุกคนในท้องพระโรงแห่งนี้ตระหนักได้ว่า สงครามครั้งนี้แม้ว่าแคว้นเซี่ยจะได้รับชัยชนะกลับมา แต่ก็ต้องสูญเสียทั้งกำลังคนและกำลังทรัพย์ไปเป็นจำนวนมากเช่นกัน
“ดียิ่งนัก ครั้งนี้เจ้าทำผลงานไว้ได้ดีมาก ทหารทุกนายที่พลีชีพและเสียสละเพื่อแคว้นเซี่ย เจิ้นจะมอบรางวัลและตอบแทนความเสียสละครั้งนี้ของพวกเขาทุกคนอย่างเหมาะสมแน่นอน วันพรุ่งนี้เจิ้นจะจัดงานเลี้ยงเพื่อฉลองชัยชนะในครั้งนี้ เจ้ารีบกลับไปเตรียมตัวเถอะ”
เซี่ยเหวินหรงเมื่อเอ่ยถวายรายงานจบ ได้กลับไปยืนยังตำแหน่งของตนเอง เซี่ยเฟยหลงและขุนนางต่างถกราชการเช้ากันต่อไป หลังจากที่ประชุมเช้าเสร็จ เซี่ยเหวินหรงได้เดินทางไปขอเข้าเฝ้าไทเฮามู่อิงฮวา พระราชมารดาของฮ่องเต้เซี่ยเฟยหลง และเป็นพระมารดาเลี้ยงของเขาด้วย
ตอนพิเศษ 4 (ตอนปลาย) “คุณหนูกู่เกรงใจเกินไปแล้ว ในฐานะตัวแทนของฝ่าบาทพวกข้าต้องมาร่วมยินดีอยู่แล้ว”หยางซูมี่เดินเข้างานไปเลย ไม่ได้สนใจสตรีนางนี้มากนัก ทำเพียงเหมือนกับว่านางไม่คู่ควรที่จะให้พระชายาเช่นนางต้องมาเสวนาด้วย กู่เจียอีได้แต่ลอบกำมือแน่น คอยดูเถอะวันนี้ข้าจะเหยียบหน้าจมให้จมดิน และจะกลายมาเป็นพระชายาของชินอ๋องให้จงได้“เจ้าอยากเล่นกับนางหรือไม่” เซี่ยเหวินหรงหันมาเอ่ยถามภรรยาคนงาม“ให้บทเรียนกับนางเบาๆ ก็พอเจ้าค่ะ” หยางซูมี่หันมายิ้มเจ้าเล่ห์ใส่พระสวามีงานเลี้ยงในจวนเจ้าเมืองวันนี้ กลับพบว่าขณะที่ทั้งหมดกำลังสนุกสนานกันภายในงานเลี้ยงนั้น กลับพบว่าคุณหนูกู่เจียอีผลัดตกลงไปในสระน้ำ แต่โชคดีที่มีคุณชายท่านหนึ่งช่วยเอาไว้ได้ แต่เพราะตอนเปียกน้ำทำให้ทั้งสองได้แนบชิดกัน และด้วยอาภรณ์ของกู่เจียอีนั้นที่เป็นสีขาว ทำให้มองเห็นเรือนร่างของนาง จนมองเห็นไปถึงเอี๊ยมตัวใน และคุณชายผู้นี้ก็ได้แตะต้องนางไปแล้วแม้ว่าจะไม่ได้ตั้งใจก็ตาม ด้วยเหตุนี้ในหนึ่งเดือนต่อมาจึงได้เกิดงานมงคลขึ้นกู่เจียอีได้แต่งเข้าไปเป็นฮูหยินรอง เน
ตอนพิเศษ 4 (ตอนต้น) หลังจากงานแต่งผ่านไปได้หนึ่งเดือน คนในตระกูลหยางนำโดยท่านเสนาบดีหยางหมิงได้เดินทางกลับเมืองหลวง พวกเขานั้นได้จากเมืองหลวงมานานมากแล้ว สมควรต้องไปจัดการงานที่ค้างคาเอาไว้ แม้จะเสียดายที่หยางซูมี่กับเซี่ยเหวินหรงไม่ได้กลับไปด้วยก็ตาม“ท่านพ่อเดินทางกลับดีๆ นะเจ้าคะ อีก 3 เดือนลูกจะกลับเมืองหลวงพร้อมท่านอ๋องเจ้าค่ะ”“ดูแลตัวเองดีๆ ด้วยมี่เอ๋อร์ ข้าน้อยขอฝากบุตรสาวด้วยพ่ะย่ะค่ะ” ประโยคท้ายหยางหมิงหันไปเอ่ยกับเซี่ยเหวินหรง“ท่านพ่อตาอย่าได้เป็นห่วง มี่เอ๋อร์อยู่กับข้าย่อมต้องปลอดภัย”เซี่ยเหวินหรงให้คำมั่น ทั้งสองยืนส่งจนขบวนรถม้าเคลื่อนตัวห่างไปเรื่อยๆ“พี่ต้องกลับไปยังจวนเจ้าเมืองเพื่อพบหน้ากับเจ้าเมืองคนใหม่ เจ้าอยู่ที่นี่ดีๆ แล้วพี่จะรีบกลับมา” เซี่ยเหวินหรงลูบหัวหยางซูมี่ด้วยความเอ็นดู“เจ้าค่ะท่านพี่”หยางซูมี่พยักหน้ารับ แล้วเขย่งปลายเท้ายื่นหน้าไปจูบแก้มสาก จนใบหูของเขาขึ้นสีแดงก่ำ“รีบกลับมานะเจ้าคะ ข้าจะรออาบน้ำพร้อมกับท่านพี่”หยางซูมี่ขยิบตาใส่เซี่ยเหวินหรง
ตอนพิเศษ 3 (ตอนปลาย) เซี่ยเหวินหรงเองก็รีบปลดอาภรณ์ของเขาออกเช่นกัน ร่างกายสูงใหญ่ไร้อาภรณ์ปกปิดกาย มองเห็นกล้ามหน้าท้องหนั่นแน่นที่เป็นลอนสวยอย่างคนที่ออกกำลังกาย ตรงกึ่งกลางเห็นแท่งหยกที่เริ่มจะขยายตัวอวดความศักดิ์ดาของตน หยางซูมี่ลอบกลืนน้ำลายเมื่อเห็นแท่งหยกของเขาหยางซูมี่เนื้อตัวแดงก่ำด้วยความเขินอาย แม้จะเคยร่วมรักกับเขามาหลายครั้ง แต่นางกับเขาก็ห่างหายกันไป 2 ปีกว่า นางจึงรู้สึกประหม่ามากนัก แต่เพราะไม่อยากจะให้เขารู้ว่านางนั้นเขินอายมากเพียงใด จึงทำใจกล้าเงยหน้ามองร่างสูง ยกยิ้มอ่อนหวานแล้วเอื้อมมือไปปลดสายผูกเอี๊ยมออก ทำให้ปราการชิ้นสุดท้ายหลุดร่วงลงมา มองเห็นก้อนเต้าหู้อวบอิ่มสองก้อนและเม็ดทับทิมสีชมพูระเรื่อเซี่ยเหวินหรงไม่อาจจะอดใจได้อีกต่อไป เขาช้อนร่างบางของหยางซูมี่อุ้มลงไปในถังอาบน้ำด้วยกัน เขานั่งพิงขอบอ่างให้หยางซูมี่นั่งบนตักแกร่ง มือข้างหนึ่งบีบสะโพกกลมกลึง อีกข้างก็ยื่นไปข้างหน้ากอบกุมก้อนเต้าหู้บีบคลึงอย่างอ่อนโยน นิ้วชี้เขี่ยเม็ดทับทิมสีชมพูจนตั้งช่อชูชันขึ้นมา“อ๊าาาา ท่านพี่”เซี่ยเหวินหรงจับร่างบางหั
ตอนพิเศษ 3 (ตอนต้น) ขบวนเจ้าบ่าวนำโดยชินอ๋องเซี่ยเหวินหรง พระองค์ขี่อาชาโลหิตสีขาวนำขบวนสินสอดมากกว่า 100 หีบ โดยมีทหารของกองทัพพยัคฆ์ทมิฬคอยดูแล แม้ว่าหยางซูมี่จะเอ่ยว่าต้องการจัดงานแต่งงานแบบเรียบง่ายแต่เมื่อฮ่องเต้เซี่ยเฟยหลงทรงทราบก็รีบส่งม้าเร็วนำราชโองการสมรสพระราชทานมามอบให้ ทั้งยังระบุว่าชินอ๋องจะมีหยางซูมี่เป็นพระชายาแต่เพียงผู้เดียวจวบจนทั้งคู่สิ้นอายุขัยข่าวการแต่งงานครั้งที่สองของทั้งคู่แพร่สะพัดไปทั่วแคว้นเซี่ย บางคนต่างก็ยินดีที่ทั้งสองกลับมาใช้ชีวิตร่วมกัน แต่บางคนก็ค่อนขอดที่ทั้งสองเลิกรากันไปแล้วแต่ยังกลับมาแต่งงานกันอีกครั้ง ไม่ว่าผู้คนจะพูดกันอย่างไร แต่เจ้าบ่าวเจ้าสาวก็หาได้สนใจไม่ เพราะทั้งคู่ได้ตกลงใจที่จะกลับมาใช้ชีวิตร่วมกันอีกครั้ง คำพูดของผู้อื่นหาได้สลักสำคัญกับพวกเขาทั้งสองคนไม่เซี่ยเหวินหรงขี่ม้ามาหยุดที่หน้าประตูบ้านพักของหยางซูมี่ เมื่อเขาเดินเข้าไปยังห้องโถงหลักก็พบว่าหยางซูมี่นั้นยืนรอเขาอยู่ก่อนแล้ว วันนี้นางสวมชุดสีแดงมงคลปักลายหงส์สยายปีก และมีผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวสีแดงสวมทับเอาไว้ที่ศีรษะ ทำให้เขาไม่
ตอนพิเศษ 2 ริมชายหาดแห่งหมู่บ้านผิงอัน มีสตรีร่างบอบบาง กับบุรุษร่างสูงใหญ่นั่งอิงแอบกันอยู่ใต้ต้นมะพร้าว สายตาทั้งคู่ทอดมองออกไปยังน้ำทะเลใสสีเขียวมรกต หาดทรายสีขาวละเอียด ลมทะเลพัดมาเป็นระยะๆ คล้ายกับกำลังปลอบประโลมคนทั้งคู่ ทั้งสองปล่อยให้จิตใจได้ซึมซับกับธรรมชาติที่สวยงามนี้“เจ้ามาที่นี่ตั้งแต่เมื่อใด” เซี่ยเหวินหรงหันมาเอ่ยถามในสิ่งที่เขาสงสัย“ข้ามาถึงเมื่อสามวันก่อนเจ้าค่ะ ข้าตั้งใจมาทำให้ท่านแปลกใจเล่น” หยางซูมี่เอ่ยพลางหัวเราะ นัยน์ตาพราวระยับดั่งดวงดารา“รู้หรือไม่ว่าทำข้าเป็นห่วง ตอนที่ข้ารู้ว่าเจ้าหายตัวไป”เซี่ยเหวินหรงเอื้อมมือไปบีบจมูกโด่งรั้นอย่างมันเขี้ยว“ข้าเจ็บนะเหวินหรง”หยางซูมี่หันมาดุเขาอย่างไม่จริงจังนัก เซี่ยเหวินหรงเอื้อมมือไปกอบกุมที่มือขาวบางอย่างทะนุถนอม“ข้าไม่คิดว่าจะได้เจอเจ้าเร็วถึงเพียงนี้ ที่นี่มีเรื่องให้ข้าจัดการมากมายนัก ข้ายังคิดว่าอย่างเร็วก็คงอีกสักปีสองปีถึงจะกลับไปหาเจ้าที่เมืองหลวงได้”“ข้ารู้ว่าท่านทำงานหนักมากเพียงได ดูสิชินอ๋องผู้สง่างามกลายร่
ตอนพิเศษ 1 2 ปีต่อมาชายแดนใต้ของแคว้นเซี่ยที่ติดกับทะเล เมื่อ 2 ปีก่อนมีการค้าเกลือเถื่อนเกิดขึ้น เซี่ยเหวินหลินที่ได้ออกมาจัดการนั้น กลับจัดการแบบปล่อยผ่าน อนึ่งเพราะมีผลประโยชน์ร่วมกับพ่อค้าที่ค้าเกลือเถื่อนแต่หลังจากที่ชินอ๋องเซี่ยเหวินหรงจัดการปราบปรามกบฏได้หมดสิ้น จึงได้ทูลขอฮ่องเต้เซี่ยเฟยหลงมาปราบปรามการค้าเกลือเถื่อน และมาจัดระบบการปกครองใหม่ของชายแดนใต้ ซึ่งฮ่องเต้ก็ได้ออกพระราชโองการมอบอำนาจทุกอย่างให้ชินอ๋องเป็นผู้จัดการทั้งหมดตลอดเวลากว่าสองปีที่ผ่านมานี้เซี่ยเหวินหรงออกรบไปปราบปรามโจรสลัดทั้งในน่านน้ำ และบนเรือ โจรสลัดนั้นชอบขึ้นมาดักปล้นฆ่าชาวบ้านที่อาศัยอยู่ริมชายฝั่ง แต่หลังจากที่ชินอ๋องมาโจรสลัดก็หนีหายไปหมดด้วยหวาดเกรงชินอ๋องนอกจากจะปราบโจรสลัดแล้ว เซี่ยเหวินหรงยังต้องเข้ามาปราบปรามพ่อค้าเกลือเถื่อน และยังต้องมาจัดระเบียบเมืองหนานผิงใหม่ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าเจ้าเมืองหนานผิงปกครองเมืองชายแดนใต้อย่างไร้ความยุติธรรม กดขี่ข่มเหงชาวเมืองหนานผิง ทหารประจำเมืองก็ชอบรีดไถจากชาวบ้าน เรียกร้องค่าคุ้มครอง หากครอบค
บทที่ 67 จุดจบ (ตอนปลาย) “ถ้าเช่นนั้น ท่านก็คงเป็นผู้ที่นำแท่งเหล็กรูปพระอาทิตย์ที่เป็นเครื่องหมายประจำเผ่าหูเจี๋ยน่ามอบให้ไทเฮาเช่นนั้นสินะ”“ใช่แล้ว เป็นข้าเอง นางอยากจะทำให้ร่างกายของเจ้ามีมลทิน ข้าเลยเสนอวิธีนี้และมอบแท่งเหล็กร้อนนั้นให้กับนางเอง ฮ่าฮ่าฮ่า”เซี่ยเฟยหงหัวเราะออกมาด้วยความสาสมใจ ชินอ๋องที่แกร่งกล้ากลับมีตราประทับอยู่บนร่างกาย ช่างน่าอดสู่ยิ่งนัก“ส่วนท่านก็เป็นคนคอยชื่นชมข้า เพื่อหวังให้ไทเฮาหวาดระแวงข้าใช่หรือไม่” เซี่ยเหวินหรงหันไปถามไป๋วั่งซู“ทุกแผนการต้องมีผู้เสียสละเสมอพ่ะย่ะค่ะ”ไป๋วั่งซูเอ่ยตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก เพราะอีกไม่นานศีรษะของเขาก็จะไม่อยู่บนบ่าแล้ว“เช่นนั้นก็ดี ข้าจะได้หมดความสงสัยเสียที ทหาร! นำเข้ามา”เซี่ยเหวินหรงเอ่ยสั่งเสียงเหี้ยม ไม่นานก็มีทหารกว่า 10 นายเดินเข้ามา มีหนึ่งนายถือกระถางไฟ และอีกหนึ่งนายถือแท่งเหล็กที่ตรงปลายหล่อหลอมเป็นรูปพระอาทิตย์เฉกเช่นดั่งรอยแผลเป็นของเซี่ยเหวินหรง“จัดการซะ” เซี่ยเหวินหรงเอ่ยเสียงเหี้ยม“พ่ะย่ะค่ะ
บทที่ 66จุดจบ (ตอนต้น) เหตุการณ์ในท้องพระโรงในวันนี้ ถูกพูดถึงเป็นวงกว้างในหมู่ครอบครัวของขุนนาง เรื่องราวในครั้งนี้หนักหนายิ่งนัก นอกจากจะเป็นเรื่องของกบฏ ยังมีเรื่องการปรากฏตัวของเซี่ยเฟยหงและไป๋วั่งซู เรื่องของไทเฮาสตรีที่ได้ขึ้นชื่อว่าเคยเป็นโฉมงามอันดับหนึ่ง และยังเคยเป็นมารดาของแผ่นดิน ซึ่งตอนนี้ก็เป็นถึงไทเฮาพระมารดาของฮ่องเต้ แต่กลับทำตัวเฉกเช่นหญิงแพศยา สวมหมวกเขียวให้พระสวามี จนถึงขนาดวางยาฆ่าพระสวามีของตนเองผู้เป็นถึงฮ่องเต้เรื่องราวครั้งนี้สะเทือนฟ้าสะเทือนดินเป็นอย่างมาก ลุกลามใหญ่โตจนกระทั่งล่วงรู้ไปถึงราษฎรแห่งแคว้นเซี่ย มีบัณฑิตร่วมออกมาประท้วงเขียนฎีกาเพื่อขอให้ฮ่องเต้ลงโทษไทเฮา จวนตระกูลมู่ตอนนี้ถูกปิดตายไปแล้ว แต่กลับถูกเหล่าชาวบ้านพากันมาโยนก้อนหินและเศษผักเน่าเข้ามาในจวน จนส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่วเช่นเดียวกับที่ชายแดนที่คนของตระกูลมู่เองก็ถูกเหล่าทหารและผู้คุมคอยกลั่นแกล้ง ด้วยรังเกียจคนตระกูลมู่ จนกระทั่งมีอดีตเจ้านายหลายคนทนความอัปยศไม่ไหว ตัดสินใจผูกคอฆ่าตัวตายไป รวมถึงมู่เจ๋อจ้านและเจียงเจี๋ยอีมู
บทที่ 65 อดีตขององค์ชายผู้สาบสูญ (ตอนปลาย) แต่หลังจากนั้นเพียงหนึ่งปีก็มีข่าวออกมาว่าลี่เหมยผูกคอตายที่ตำหนักเย็น เขาเสียใจเป็นอย่างมากด้วยความมึนเมาในฤทธิ์สุราจึงลอบเข้ามาหามู่อิงฮวา เขาเข้ามาตัดพ้อต่อว่ามู่อิงฮวา แต่เพราะความเมาจึงทำให้เขาได้มีความสัมพันธ์กับมู่อิงฮวา นับจากนั้นเป็นต้นมาเขาจึงได้ลอบเสพสังวาสกับมู่อิงฮวาเรื่อยมา ส่วนหนึ่งก็เพื่อแก้แค้นเสด็จพี่ของเขา ลอบสวมหมวกเขียวให้พี่ชายของตนเองหลังจากที่ลี่เหมยตายไป จึงได้กลับไปหานายท่านตระกูลกู้ บอกเพียงว่าตระกูลของเขาได้ตายกันไปหมดแล้ว จึงกลับมาขอนายท่านกู้ทำงาน นายท่านกู้นั้นเห็นว่าเขาฉายแววฉลาดเฉลียวจึงสอนงานทุกอย่างให้แก่เขา เพียงไม่นานก็ได้ขึ้นมาเป็นมือขวาของนายท่านกู้ด้วยรูปโฉมหล่อเหลา และความสุภาพของเขานั้น จึงสามารถทำให้บุตรสาวของนายท่านกู้ ผู้มีนามว่าเฉินเย่วเล่อหลงรักได้ เหตุที่เฉินเย่วเล่อไม่ได้ใช้แซ่กู้เพราะว่ามารดาของนางได้ขอไว้ ด้วยความรักที่นายท่านกู้มีต่อภรรยา เขาจึงได้ยินยอมให้บุตรสาวใช้แซ่ 'เฉิน' ในที่สุดเขาจึงได้แต่งงานกับเฉินเย่วเล่อ มีบุตรสาวด้วยกันหนึ่งคนนามว่า กู
Komen