แชร์

ตอนที่5. รักษาตัวให้ดี

ผู้เขียน: Bunmeebooks
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-22 23:39:16

“เอาละ ในเมื่อพวกเจ้าเหล่าพี่น้อง มาถวายพระพรเราจนครบแล้ว วันนี้ก็พอเท่านี้เถิด”

“ขอจงทรงพระเจริญ หมื่น ๆ ปี หมื่น ๆ ปี”

สนมทั้งหมดล้วนลุกขึ้นถวายพระพรน้อมส่ง ยกเว้น ฟางเหรินกุ้ยเฟย !

“กุ้ยเฟย”

เสียงเรียกขานดังขึ้นพร้อมกับฝ่ามือใหญ่วางลงที่บ่าของนาง เฟิ่งอี๋จึงดึงสติของตนกลับมาในปัจจุบัน

“ถวายพระพรฝ่าบาทเพคะ”

เฟิ่งอี๋ในร่างของฟางเหรินกุ้ยเฟยลุกขึ้นยอบกายถวายความเคารพตามธรรมเนียม

ท่วงท่าห่างเหิน บวกกับน้ำเสียงเย็นชานั้น ทำให้เฉินเฉิงฮ่องเต้เข้าใจว่านางยังคงเสียใจเรื่องลูก จึงรีบเข้าไปประคองนางให้ลุกขึ้น แล้วกล่าวว่า

“ร่างกายเจ้ายังไม่แข็งแรง ไม่ต้องมากพิธีเช่นนี้”

ฮ่องเต้ประคองนางให้นั่งบนเก้าอี้ดังเดิม พร้อมกับกอบกุมมือนิ่มเอาไว้ แล้วเอ่ยอย่างเอาใจว่า

“เราตรวจฎีกาหมดแล้ว วันนี้ทั้งวันทั้งคืนเราจะอยู่เป็นเพื่อนเจ้าที่ตำหนักดีหรือไม่”

เฟิ่งอี๋เม้มปากเข้าหากันจนสนิทเป็นเส้นตรง หลุบตาลงต่ำซ่อนความโกรธแค้นเอาไว้จนมิดชิด นางจะร่วมเตียงกับคนที่สั่งประหารนางและลูกอย่างทารุณ และฆ่าล้างตระกูลของนางจนสิ้นได้อย่างไร

“ขอประทานอภัยเพคะ หม่อมฉันเพิ่งจะสูญเสียลูกไปร่างกายยังไม่พร้อมที่จะปรนนิบัติฝ่าบาท”

นางเอ่ยวาจาโดยไม่มองพระพักตร์ขององค์ฮ่องเต้แม้แต่น้อย

สีพระพักตร์ขององค์ฮ่องเต้สลดลง แต่เมื่อแลหันใบหน้าซีดเชียวของนาง พระองค์ก็ไม่อาจแข็งใจบังคับนางได้ แม้ว่าเขาอยากจะนอนกอดสนมรักมากเพียงไรก็ตาม ฮ่องเต้ทรงทอดถอนหายใจออกมาเงียบ ๆ แล้วเอ่ยกับนางว่า

“งั้นเจ้าก็รักษาตัวให้ดี”

เฟิ่งอี๋ใคร่ครวญบางอย่างในใจ จากนั้นก็เปลี่ยนท่าทีโดยวางมือนุ่มซ้อนทับกับฝ่ามือของฮ่องเต้อีกชั้นหนึ่ง แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงกว่าเดิมคล้ายกับจะปลอบประโลมว่า

“เอาอย่างนี้ดีไหมเพคะ หลังจากที่หม่อมฉันได้รับแต่งตั้งเป็นฮองเฮาแล้ว  ฝ่าบาทก็ทรงให้หม่อมฉันไปอยู่ที่ตำหนักเมฆาสวรรค์กับฝ่าบาท เพื่อจักได้ปรนนิบัติอย่างใกล้ชิดทั้งวันทั้งคืน ฝ่าบาทว่าดีหรือไม่”

“แต่ตามกฎวังหลังไม่อนุญาตให้สนมนางใดพักที่ตำหนักเมฆาสวรรค์ร่วมกับฮ่องเต้ เกรงว่าเหล่าขุนนางเฒ่าจะไม่เห็นชอบ”

ฮ่องเต้เอ่ยอย่างลังเล สีพระพักตร์คล้ายกับลำบากใจ

เฟิ่งอี๋เห็นท่าทีเช่นนั้นแล้ว เกรงว่าแผนการในใจจักไม่ลุล่วงจึงฝืนใจโน้มตัวลงซบลงที่พระอังสาของพระองค์ แล้วบดเบียดเนื้อนุ่มนิ่มของนางเข้ากับพระพาหา พลางเอ่ยเสียงออดอ้อนอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อนในชีวิตว่า

“ให้หม่อมฉันไปอยู่กับพระองค์ที่ตำหนักเมฆาสวรรค์เถอะนะเพคะ พระองค์ก็ทรงรู้ฮองเฮาสิ้นชีพอย่างน่าเวทนาที่ตำหนักเฉียนชิง หม่อมฉันกลัววิญญาณอาฆาต ไม่อยากอยู่ตำหนักนั้น หม่อมฉันกลัวจริง ๆ นะเพคะ”

ระหว่างที่เอ่ยวาจานั้น นางไม่ลืมที่จะทำให้ดวงตาแดงระเรื่อขึ้น มีน้ำตารื้นขึ้นมาสักหน่อย มารยาร้อยเล่ห์เช่นนี้ นางเรียนรู้มามาก แต่เมื่อก่อนไม่เคยใช้ เพราะเชื่อในหลักคุณธรรม ที่ว่าหากเราไม่ทำร้ายใครก่อนมีหรือเขาจักทำร้ายเรา แต่สุดท้ายต่อให้วางเฉยสักเพียงไร ผู้อื่นก็ลากเราลงสู่ขุมนรกอยู่ดี !

เมื่อพระองค์เห็นดวงตาคู่งามชื้นไปด้วยน้ำตาของนาง หัวใจของฮ่องเต้ก็อ่อนยวบลงดั่งเทียนถูกไฟลน จึงรีบรับปากว่า

“ได้ ๆ เจ้าอย่าร้องไห้เลยนะ เห็นน้ำตาเจ้าทีไร เราก็ปวดใจทุกที”

“เพคะ”

เฟิ่งอี๋ฝืนยิ้มอย่างไม่จริงใจให้ฮ่องเต้ไปครั้งหนึ่ง แล้วรีบซ่อนใบหน้าที่แสนจะเสแสร้งนั้นซุกลงกับอกเขา จากนั้นแววตาของนางก็วาวโรจน์ขึ้น

- ต่อจากนี้ไป ข้าจะทวงหนี้ชีวิตจากพวกเจ้าทุกคน !”

ช่วงยามจื่อ

แสงไฟในห้องบรรทมของกุ้ยเฟยดับลงไปนานแล้ว เฟิ่งอี๋ครึ่งหลับครึ่งตื่นสติสัมปชัญญะที่กำลังจะเข้าสู่ห้วงนิทราพลันรู้สึกว่ามีสายตาคู่หนึ่งจับจ้องที่ร่างของนางบนเตียง นางจึงสะดุ้งตื่นขึ้น หัวใจเต้นกระหน่ำ แล้วกวาดสายตามองฝ่าความมืดสลัวไปทั่วทั้งห้อง

แล้วหางตาก็เห็นเงาวูบไหวสายหนึ่งที่หน้าต่าง เมื่อหันไปมองเงานั้นก็วูบหายไป

“นั่นใครนะ”

เฟงอี๋ตวาดเสียงถามออกไป พร้อมกับกวาดสายตามองรอบห้องอีกครั้งอย่างหวาดหวั่น แล้วเมื่อเห็นเงาคนปรากฏที่ประตูห้องบรรทม นางก็กรีดร้องออกมาอย่างสุดเสียง

กรี๊ดดดดดดดดดดดดด

“ช่วยด้วย ! ช่วยด้วยมีคนบุกรุก !”

เสียงร้องของพระสนมกุ้ยเฟยทำให้ขันที แลนางกำนัลรีบจุดโคมไฟสว่างขึ้นทั่วทั้งตำหนัก จากนั้นก็เร่งฝีเท้ามุ่งหน้ามายังห้องบรรทม แต่พวกเขาก็ยังช้าไป

ปัง !

ประตูห้องบรรทมถูกผลักออกด้วยกำลังภายในเต็มแรง ผู้ที่เข้ามาถึงห้องเป็นคนแรก คือ หัวหน้าทหารองครักษ์เกอหลาง

“พระสนมเป็นอะไรหรือไม่ !”

เสียงห้าวหาญถามขึ้น

เฟิ่งอี๋หยุดกรีดร้อง แล้วเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าคมสันองอาจนั้น อาภรณ์ที่เขาสวมบ่งบอกว่าเป็นทหารองครักษ์นางจึงสงบใจได้ แล้วเอ่ยว่า

“ระ เราเห็นเงาประหลาดที่ด้านนอก และยังรู้สึกว่ามีคนเข้ามาในห้องเรา”

ระหว่างที่นางตอบนั้น ข้ารับใช้คนอื่น ๆ ได้วิ่งกันเข้ามาถึงห้องบรรทมแล้ว นางกำนัลข้างกายรีบหยิบเสื้อคลุมมาห่มร่างสั่นเทาของพระสนมเอาไว้อย่างรู้หน้าที่ ส่วนขันทีก็รีบยกฉากม่านมุกเข้ามากั้นระหว่างพระนางกับเหล่าทหารองครักษ์เอาไว้ เพราะยามนี้พระนางสวมเพียงเสื้อบางเบาสำหรับบรรทมเท่านั้น

 เกอหลางขบกรามแน่น แววตานิ่งสงบซุกซ่อนอารมณ์บางอย่างไว้ภายในใจ จากนั้นก็ประสานมือไว้ตรงหน้าแล้วลั่นวาจาออกมาว่า

“พระสนมไม่ต้องกังวลพระทัย กระหม่อมจะรีบนำกำลังไปตรวจเดี๋ยวนี้ พ่ะย่ะค่ะ”

จากนั้น หัวหน้าทหารองครักษ์ก็นำกำลังไปตรวจค้นทั่วตำหนัก

เมื่อเหตุการณ์สงบลงแล้ว เฟิ่งอี๋ก็ทอดกายลงนอนแต่มิอาจข่มตาหลับได้ นางลืมไปได้เช่นไรว่าร่างนี้ก็ถูกคนหมายจะเอาชีวิตเช่นกัน !  ฟางเหรินกุ้ยเฟยถูกลอบวางยาพิษแต่ยังมีชีวิตอยู่ และยังไม่สามารถจับตัวคนลอบวางยาได้ คนร้ายย่อมจะลงมือฆ่าร่างนี้เป็นครั้งที่สองแน่

เฟิ่งอี๋ไม่ยอมให้ร่างนี้ถูกฆ่าตายก่อนที่นางจะได้แก้แค้นเป็นอันขาด พรุ่งนี้นางจะต้องเร่งสืบให้ได้ว่ามันผู้ใดที่บังอาจลงมือกับนางเช่นนี้ !

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ฮองเฮา ขย่มบัลลังก์   ตอนที่24. จบ

    เฟิ่งอี๋เหยียดยิ้มที่มุมปาก แล้วกรีดนิ้วหยิบน้ำชาขึ้นจิบอย่างสำราญใจ“ใต้เท้าเกอหลาง หัวหน้าองครักษ์ขอเข้าเฝ้า”เสียงขันทีประจำตำหนักเมฆาสวรรค์ร้องประกาศขึ้นตามระเบียบการขอเข้าเฝ้าฮ่องเต้“เข้ามาได้”เฟิ่งอี๋เอ่ยเสียงเรียบเป็นการอนุญาต ขันทีจึงเดินนำขุนนางผู้นั้นเข้ามา เมื่อฮ่องเต้หญิงโบกมือขึ้นหนึ่งครั้ง นางกำนัลและขันทีก็หายออกไปจากห้องรับรองอย่างรวดเร็ว“ถวายพระพรฝ่าบาท ของจงทรงพระเจริญ หมื่นปี หมื่นปี หมื่นหมื่นปี”เกอหลางคุกเข่าลงถวายความเคารพต่อฮ่องเต้พระองค์ใหม่ ซึ่งเคยเป็นสตรีอันเป็นที่รักยิ่งของเขา เขาจึงรู้สึกกระอักกระอ่วนใจปนเปกับความคิดสับสนบางประการ“ลุกขึ้นเถอะ ไม่ตั้งมากพิธี”เฟิ่งอี๋บอก ดวงตาหงส์คมกริบจับจ้องบุรุษตรงหน้าอย่างใคร่ครวญ ความรักที่มีต่อฟางเหรินของบุรุษผู้นี้ทำให้แผนการแก้แค้นทุกอย่างราบรื่น แต่นางก็ไม่อาจแน่ใจได้ว่าความรักที่มีมากล้นนี้จะหวนกลับมาทำร้ายนางหรือไม่ หากเขารู้ว่าแท้จริงแล้ววิญญาณที่อยู่ในร่างนี้ไม่ใช่ฟางเหรินคนรักของเขา !“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ”เกอหลางลุกขึ้น แล้วมองสบพระเนตรฮ่องเต้หญิง ฉับพลันนั้นเขารู้สึกว่าไม่เคยรู้จักสตรีตรงหน้าแม้แต่น้อย ด

  • ฮองเฮา ขย่มบัลลังก์   ตอนที่23. ยั่วเย้า

    เฉินฉู่หยัดสะโพกขึ้นรับกับปากน้อยอย่างซ่านกระสัน สองมือสอดเข้าเรือนผมสีดำนุ่มสลวยของนาง แล้วเคล้าคลึงอย่างสุขซ่านเฟิ่งอี๋ใช้เรียวลิ้นเล็กตวัดไล้เลียที่ส่วนหัวมังกรบากใหญ่ลิ้มรสหวานผสมกับรสเค็มปะแล่ม จากนั้นก็ปาดเลียไปทั่วแก่นลำ“อืม... ฮองเฮา... ฮองเฮา ข้าจะทนไม่ไหวแล้ว”เฉินฉู่ไม่อาจทนการยั่วเย้าได้อีกไป เขาหยัดกายขึ้นแล้วกดนางลงกับเตียงเป็นฝ่ายขึ้นคร่อมนางไว้ จากนั้นก็จ้วงแทงแก่นมังกรใหญ่เข้าสู่กายนางอย่างเร็วรวด“อ๊าซ์ !”เฟิ่งอี๋อุทานครางออกมาลั่น แก่นมังกรร้อนฉ่ามุดเข้าสู่ภายในกายของนางจนสุดลำ“ฮองเฮา...ข้ารักเจ้า... ข้ารักเจ้า”อ๋องเฉิงฉู่พร่ำไม่หยุดปาก ขณะที่พรมจูบไปตามใบหน้างดงามเต็มไปด้วยเสน่ห์เร้าใจ จากนั้นก็ก้มลงบดจูบนางอย่างเร่าร้อน ใช้ปลายลิ้นร้อนตวัดเกี่ยวพันกับลิ้นเล็กเพื่อดูดดื่มความหวานล้ำ เมื่อถอนจูบออกเขาก็ขบเม้มกลีบปากล่างของนางอย่างหื่นกระหาย“อ่า”เฟิ่งอี๋ยกมือขึ้นลูบไล้ไปตามแผ่นหลังแกร่ง เร่งเร้าให้เขาขยับสะโพกอัดแก่นมังกรเข้าออกร่างอ๋องเฉิงฉู่สั่นสะท้านตอบรับ ลมหายใจกระชั้น เขาจึงขบนางเบา ๆ ที่บ่าอย่างลุ่มหลง แล้วหยัดตัวขึ้น สองมือจับเอวนางไว้แล้วเริ่มกระแทกแ

  • ฮองเฮา ขย่มบัลลังก์   ตอนที่22. ข้ารักเจ้า

    อ๋องเฉินฉู่เอ่ยกับนาง แต่กลับก้มหน้าลง มิอาจมองนางตรง ๆ ได้ เพราะอาภรณ์ที่นางสวมใส่บางนัก จนมองเห็นโครงร่างของทรวงอกอวบอิ่มเป็นดอกบัวตูมดอกใหญ่ ปลายยอดดอกพุ่งชี้มาทางเขา จนรู้สึกว่าห้องนี้ช่างร้อนเกินไปแล้ว“ท่านอ๋อง.... บัดนี้ฮ่องเต้ทรงประชวรมิอาจออกว่าราชการได้ งานในราชสำนักหากปล่อยไว้เนิ่นนานไม่ดีแน่ เรามองไม่เห็นผู้ใดแล้ว.... นอกจากท่าน... ท่านเท่านั้นที่จะบริหารบ้านเมืองต่อไปได้”เสียงของนางหวานล้ำอีกทั้งยังเจื่อความขมขื่นในใจ ต่อให้ผู้ฟังเป็นบุรุษใจหินเพียบงใด ก็อ่อนยวบลงราวกับขี้ผึ้งลนไฟเมื่อได้ยินนางเอ่ยเช่นนั้นสายตาของอ๋องเฉินฉู่ก็แปรเปลี่ยนเป็นกรุ้มกริ่มขึ้นมา ต่อให้นางเป็นแม่ของแผ่นดิน แต่ดรุณีน้อยก็ยังเป็นบุปผาแรกแย้มอยู่วันยังค่ำ เมื่อเสาหลักที่ยึดเกาะพังทลายลง มีหรือนางจะไม่หันเข้าหาเสาต้นใหม่เป็นที่พักพิง“ขอบพระทัยฮองเฮาที่ทรงเชื่อมั่นในตัวข้า”เขาเอ่ยอย่างลำพองใจเป็นที่สุด นับตั้งแต่อดีตเชื้อพระวงศ์ก็มิอาจหลีกเลี่ยงการเข่นฆ่าพี่น้องเพื่อชิงบัลลังก์ แต่สำหรับเขาแล้วรู้สึกว่าสวรรค์ช่างเข้าข้างยิ่งนัก เลือดไม่เปื้อนมือเขาสักหยด แต่บัลลังก์กลับถูกถวายใส่พานให้เขาเสียแล้ว

  • ฮองเฮา ขย่มบัลลังก์   ตอนที่21. ว่าอย่างไร

    “ว่าอย่างไรนะ”ฮ่องไทเฮาแทบจะล้มลงกับพื้น นางกำนัลสองคนจึงรีบเข้ามาพยุงไว้ ผู้ที่ได้ยินถ้อยคำนั้นถึงกับอุทานออกมาอย่างพร้อมเพรียง – ฮ่องเต้มีชีวิตอยู่ราวกับคนตายหรือเนี่ย –ส่วนหมอหลวงนั้นมิอาจตอบคำถามได้อีกต่อไปทรุดตัวลงแล้วโขกศีรษะลงกับพื้นราวกับคนเสียสติเพื่อร้องขอชีวิต“โปรดไว้ชีวิตหม่อมฉันด้วย”“เอามันไปตัดหัว !”ฮองไทเฮาสั่งลงอาญาทั้งน้ำตาเฉินเฉิงฮ่องเต้ได้ยิน และเห็นทุกอย่างผ่านห่างตา เห็นว่าหมอหลวงถูกทหารลากออกไปได้รับโทษทัณฑ์แทนฮองเฮา แต่เขามิอาจเอ่ยวาจาร้องขอความเป็นธรรมแทนหมอหลวงได้ แม้กระทั่งขยับตัวก็มิอาจทำได้ ทำได้เพียงปล่อยเรื่องทั้งหมดให้เป็นไป พระองค์เสียใจอย่างที่สุดที่เฟิ่งอี๋ไม่ฆ่าเขาให้ตาย เพราะถ้าเขาตายก็ไม่ต้องรู้สึกเจ็บปวดและสิ้นหวังเหมือนตอนนี้ !2 วันต่อมาเฟิ่งอี๋ในร่างของฟางเหรินฮองเฮากำลังกรีดนิ้วหยิบช้อนตักน้ำแกงป้อนฮ่องเต้ซึ่งนอนอยู่บนแท่นบรรทม น้ำแกงสีทองไหลเข้าพระโอษฐ์ได้เพียงหนึ่งส่วน ส่วนที่เหลือล้วนถูกเขาใช้ลมขับพ่นออกมาจนเลอะไปทั้งหน้าและปากของตนเองเฟิ่งอี๋ไม่เพียงแต่ไม่โมโหกลับยังยิ้มเย็นให้คนที่ทำตัวเหมือนเด็กเอาแต่ใจไม่ยอมกลืนอาหารลงไปดี ๆ น

  • ฮองเฮา ขย่มบัลลังก์   ตอนที่20. รายงาน

    ตั้งแต่สตรีนางนี้เหยียบย่างเข้าสู่วังหลวง ล้วนมีเรื่องร้ายให้พระองค์ต้องกังวลพระทัยบ่อย ๆ พระองค์จึงไม่โปรดนางเท่าใดนัก ยิ่งวันนี้โอรสของพระองค์ถึงกับประชวรในขณะที่ฟางเหรินเป็นผู้ปรนนิบัติ พระองค์จึงชิงชังนางเข้าไส้ เพราะปักพระทัยเชื่อว่า สตรีนางนี้เป็นกาลกิณีที่นำเภทภัยมาสู่บัลลังก์ !ฮองไทเฮาตวัดสายตาคืนกลับมา ด้วยเคยเป็นพญาหงส์มานานจึงซ่อนอารมณ์ความรู้สึกทุกอย่างไว้ภายใต้หน้ากากยับย่นที่เต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งวัย พระองค์รอให้หมอหลวงตรวจพระวรกายขององค์ฮ่องเต้จนเรียบร้อยแล้วจึงตรัสถามว่า“เป็นอย่างไรบ้าง”“เรียนไทเฮา... จากการตรวจชีพจรพบว่าเลือดลมของฝ่าบาทวุ่นวายสับสน คล้ายกับว่าเผชิญกับเรื่องตื่นตระหนก หรือตื่นเต้นอย่างสุดขีด เกินกว่าร่างกายจะรับไหว จึงหมดสติไปพ่ะย่ะค่ะ”หมอหลวงประสานมือไว้ได้หน้าแล้วกล่าวรายงาน ไม่กล้าสบพระเนตรฮองไทเฮาคล้ายกับมีสิ่งใดซ่อนไว้“ถ้าเพียงแค่ตกใจ ไยตอนนี้ฮ่องเต้ยังไม่ฟื้นเล่า”ฮองไทเฮาน้ำเสียงเข้มขึ้น ซักถามอย่างข้องใจ“อะ... เอ่อ..”หัวใจของหมอหลวงเต้นแรงขึ้น บนหน้าผากเริ่มมีเหงื่อผุดพรายขึ้นมา“ท่านหมอ”ฮองไทเฮาเรียกหมอหลวงเสียงเยียบเย็นเสียงนั้นทำให้ห

  • ฮองเฮา ขย่มบัลลังก์   ตอนที่19. ปาดน้ำตา

    เฉินเฉิงแววตาสั่นระริกในนั้นปรากฏรอยหวาดกลัวและสับสน อยากจะวิ่งหนีแต่ร่างกายขยับไม่ได้ตามคำสั่งแม้แต่น้อย อยากตะโกนให้คนช่วยแต่ขากรรไกรเขากลับค้างไม่สามารถเปล่งวาจาออกมาเป็นคำได้เลย“อ่า.... พระองค์ทรงลืมไปแล้วหรือ.... มีสตรีนางหนึ่งที่ยอมละทิ้งอาชีพทางการแพทย์ ทิ้งความฝันของตนเพียงเพื่อถวายตัวและหัวใจรับใช้ฝ่าบาทอย่างโง่งม”เฟิ่งอี๋หยัดกายขึ้น เอ่ยถึงความหลังขณะที่ใช้ปลายนิ้วไล้ไปตามพระพักตร์ขาวซีดของฮ่องเต้“ในครั้งนั้น ฝ่าบาททรงโปรดหม่อมฉันที่สุด จนได้รับแต่งตั้งเป็นฮองเฮา และยังตรัสกับหม่อมฉันว่า - สตรีงามไม่นานก็โรยรา แต่สตรีมีปัญญาเลิศล้ำ ควรค่าต่อการเป็นแม่ของแผ่นดิน - เหอะ !”นางแค่นเสียงออกมาคำหนึ่ง ดวงตารื้นขึ้นด้วยน้ำตาแห่งความเจ็บซ้ำ จากนั้นก็เอ่ยต่อไปด้วยเสียงสั่นพร่าว่า“ถ้อยคำเหล่านั้นล้วนจอมปลอมทั้งสิ้น มีปัญญาสูงค่าแล้วอย่างไร สุดท้ายพระองค์ก็เลือกสตรีเลอโฉมขึ้นมาแทนที่หม่อมฉัน หนำซ้ำยังควักเอาหัวใจของหม่อมฉันออกมาเฉือนเป็นชิ้น ๆ โดยการสั่งให้หม่อมฉันดื่มยาขับเลือด ! ลูกของหม่อมฉัน พระองค์ทรงฆ่าลูกของเราด้วยมือของพระองค์เอง !”น้ำตาของนางไหลอาบทั้งสองแก้ม น้ำอุ่น ๆ ไ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status