แชร์

ตอนที่4. คนในอ้อมกอด

ผู้เขียน: Bunmeebooks
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-22 23:38:58

เมื่อเห็นว่าคนในอ้อมกอดดูจะสงบลงแล้ว ฮ่องเต้จึงประคองนางมาที่แท่นบรรทม ใช้ร่างกายของตนเป็นต่างหมอนให้นางนอนเอนลง จากนั้นก็สั่งหมอหลวงให้รีบเข้ามาดูอาการ

เฟิ่งอี๋เงยหน้าขึ้นมองดูสามีของตนที่กำลังเฝ้าทะนุถนอมร่างกายฟางเหรินกุ้ยเฟยอย่างรักใคร่ ยิ่งเห็นเขารักร่างกายนี้มากเท่าไหร่ ความแค้นก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น

เมื่อก่อนนางเป็นฮองเฮาที่ดีต่อเขามากเพียงไร เขากลับเฉยชา หนำซ้ำยังสั่งประหารตระกูลนางจนหมดสิ้น ในเมื่อเป็นคนดีแล้วถูกเหยียบย่ำ นางก็จะใช้ร่างกายของคนที่นางชิงชังที่สุดตอบสนองความกรุณาของเขาคืนให้เป็นพันเท่าทวีคูณ !

“ทูลฝ่าบาท พิษในกายของพระสนมถูกขับออกหมดแล้ว เหลือเพียงแผลที่เกิดจากคมคันฉ่องเมื่อครู่ กระหม่อมได้ใส่โอสถให้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”

หมอหลวงเฒ่าถวายรายงาน

“ขอบใจมาก เจ้าออกไปเถอะ”

ฮ่องเต้พยักหน้าเบา ๆ แววตาเหนื่อยล้า สองสามวันมานี้เกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นมากมายนัก เมื่อเห็นร่างในอ้อมแขนเหม่อลอย เขาก็เข้าใจว่านางยังคงเศร้าเสียใจกับการสูญเสียลูกในครรภ์ จึงออกพระโอษฐ์ว่า “เพื่อเป็นการชดเชยที่เจ้าสูญเสียลูกไป และเพื่อเป็นสิ่งตอบแทนที่เจ้าช่วยให้เราตาสว่างเรื่องเฟิ่งอี๋ฮองเฮ่าลอบคบชู้....”

เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ ร่างในอ้อมแขนก็สั่นสะท้านขึ้นมาอีกครา แต่เป็นเพราะว่านางหันหลังพิงหน้าอกเขา พระองค์จึงไม่มีโอกาสได้เห็นว่าดวงตาของนางแดงก่ำด้วยความเจ็บแค้นหาใช่ความเสียใจไม่ เขาจึงตรัสด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า

“เราจะแต่งตั้งเจ้าเป็นฮองเฮาคนใหม่ มีอำนาจอยู่เหนือทั้ง 12 ตำหนักในวังหลัง”

ว่าที่ฮองเฮาพระองค์ใหม่กำลังทอดพระเนตรดอกบัวตระการตาในสระ หากแต่แววตานั้นกลับมิได้มีเงาของดอกบัวแม้แต่น้อย พระนางยังทรงจมอยู่กับความคิดของตน

อีกไม่กี่วันข้างหน้านางจะได้รับการแต่งตั้งเป็นฮองเฮา ตำแหน่งเก่าของนางที่ถูกแต่งตั้งใหม่ คล้ายกับวิญญาณเดิมของเฟิ่งอี๋ ที่ย้ายจากร่างสตรีวัยสามสิบสู่ร่างใหม่ของฟางเหริน สตรีวัยสิบแปดปีที่เต็มไปด้วยความสาว และความสวย แต่ร่างนี้ เป็นร่างที่นางชิงชังยิ่งนัก !

มือเรียวของเฟิ่งอี๋รวบกำเข้าหากันแน่นโดยไม่รู้ตัว นางกำนัล และขันทีคอยยืนรับใช้อยู่ห่าง ๆ แม้ว่าพระนางจะทรงนั่งอยู่ริมสระน้ำนานแล้ว แต่ก็ไม่มีผู้ใดกล้ารบกวน

เฟิ่งอี๋ ยังจำวันแรกที่ฟางเหรินเหยียบย่างเข้าสู่พระราชวังต้องห้ามแห่งนี้ได้ดี.....

วันนั้นเป็นวันคัดเลือกสนมนางกำนัลประจำปี สตรีสกุลดีเพียบพร้อมทั้งกิริยาวาจาถูกคัดเลือกเข้าสู่วังหลวงนับร้อยนาง เพื่อให้องค์ฮ่องเต้ทรงพิจารณาเลือกสนมข้างกายคนใหม่ ทันทีที่เฉินเฉิงฮ่องเต้ทอดพระเนตรเห็นความงามของฟางเหรินที่เปรียบประดุจราชินีบุปผา พระองค์ถึงกับรับสั่งเลือกนางเป็นสนมเพียงผู้เดียว สตรีที่เหลือก็มอบให้เป็นนางกำนัลให้แก่ตำหนักต่าง ๆ เรื่องนี้เป็นที่โจษจันกันนานนับเดือน

อีกทั้ง ฮ่องเต้ยังพระราชทานตำแหน่งเฟยให้ฟางเหรินทันทีที่เข้าถวายงานในแท่นบรรทม สูงกว่าตำแหน่งของเฟินหนิง พี่สาวต่างมารดาของฟางเหริน แม้นางจะเข้าถวายงานรับใช้ฝ่าบาทก่อนน้องสาวถึง 2 ปี แต่ก็ยังเป็นได้เพียงกุ้ยเหรินเล็ก ๆ นางหนึ่งเท่านั้น

ครั้งนั้น ฮ่องเต้ทรงลุ่มหลงฟางเหรินเพียงใดทุกคนล้วนประจักษ์ ด้วยผิวพรรณ สัดส่วน แลใบหน้านั้นราวกับนางสวรรค์ลงมาเดินเล่นบนแดนมนุษย์ พระองค์ทรงอยู่ในตำหนักของนาง 7 วัน 7 คืนมิออกว่าราชการ

แล้วเมื่อออกว่าราชการในวันถัดมาฮ่องเต้ก็ทรงแต่งตั้งนางเป็นกุ้ยเฟยทันทีโดยไม่สนใจลำดับขั้นธรรมเนียมการแต่งตั้งตำแหน่งสนมที่บัญญัติไว้อีกต่อไป

เช้าวันนั้น เฟิ่งอี๋นั่งในตำแหน่งฮองเฮา บนบัลลังก์หงส์ทองคำรอรับพระสนมจาก 12 ตำหนักมาถวายพระพรตามธรรมเนียม เหล่าสนมล้วนมากันพร้อมหน้าตั้งแต่เช้าตรู่ แต่พระสนมคนใหม่กลับมาช้าที่สุด หนำซ้ำยังให้นางกำนัลประคองแขนเข้ามา ยุรยาตรดั่งเดินชมสวนในอุทยานก็มิปาน

“ถวายพระพรองค์ฮองเฮาเพคะ”

ฟางเหรินเปล่งเสียงหวานปานน้ำผึ้ง แต่กลับไม่ยอมยอบตัวลงดั่งวาจาที่ลั่นออกมา นางยกยิ้มที่มุมปากสบพระเนตรผู้ที่อยู่บนบัลลังก์หงส์อย่างไม่สะทกสะท้าน ด้วยลำพองใจว่านางเป็นที่โปรดปรานขององค์ฮ่องเต้ยิ่งนัก เมื่อเห็นเปลวไฟในแววตาของสนมทุกคนที่อยู่รายรอบ นางจึงจงใจโยนเชื้อไฟเข้าไปอีกโดยการเอ่ยว่า “หม่อมฉันต้องขออภัยฮองเฮาเป็นอย่างยิ่งที่มิอาจคุกเข่าถวายพระพรเหมือนดังพี่หญิงคนอื่น ๆ ได้ ด้วยเพราะร่างกายของหม่อมฉันถูกฝ่าบาทเคี่ยวกรำถึง 7 วัน 7 คืน จนระบมไปหมดทั้งกาย เพียงแค่เดินจากตำหนักไป่เหอมาที่ตำหนักเฉียนชิงก็นับว่ายากแล้ว”

เมื่อจบคำ ไฟริษยากองใหญ่ก็ดูเหมือนจะพวยพุ่งจนท่วมท้นตำหนักเฉียนชิง มีเพียงเฟิ่งอี๋ฮองเฮาเท่านั้นที่ยังคงมองนางอย่างเฉยชาประดุจก้อนน้ำแข็งท่ามกลางกองไฟ

“นำตั่งนั่งให้ฟางเหรินกุ้ยเฟย”

ฮองเฮาสั่งเสียงเรียบ เมื่อขันทีนำตั่งมาให้กุ้ยเฟยแล้ว ฮองเฮาจึงกล่าวกับนางว่า “ลำบากเจ้าแล้ว”

แม้ฮองเฮาจะรู้ว่าฟางเหรินจงใจหยามนางถึงตำหนักเฉียงชิง แต่นางก็ไม่นำพาเรื่องนี้มาใส่ใจมากนัก เพราะสนมที่อยู่ข้างกายฮ่องเต้มีนับพัน ต่อให้นางกำจัดฟางเหรินไปหนึ่งคน ในภายภาคหน้าก็ยังมีสนมที่จะก้าวขึ้นเป็นที่โปรดปรานคนใหม่เกิดขึ้นเรื่อย ๆ หากนางไล่กำจัดทุกคนชีวิตคงจะเหน็ดเหนื่อยมาก สู้นางเอาเวลาที่ริษยาคนไปอื่นไปบำรุงร่างกายให้เหมาะแก่การตั้งครรภ์ให้ฮ่องเต้มิดีกว่าหรือ เพราะในฐานะฮองเฮานั้น ไม่จำเป็นต้องแย่งเป็นที่โปรดปรานขององค์ฮ่องเต้ พระองค์ก็ต้องเสด็จมาที่ตำหนักเฉียงชิงทุกเดือนตามกฎมณเฑียรบาล

“ขอบพระทัยเพคะ”

เมื่อไม่มีโอกาสได้เห็นใบหน้าโกรธกริ้วเพราะความริษยาของฮองเฮาแล้ว กุ้ยเฟยก็อดเสียดายไม่ได้

“ในเมื่อฟางเหรินกุ้ยเฟยทุ่มเทแรงกายแรงใจปรนนิบัติฝ่าบาทแทนพวกเราเหล่าพี่น้องดีเพียงนี้ เราในฐานะแม่ของแผ่นดินจึงอยากจะมอบของตอบแทนให้เจ้าสักเล็กน้อย”

ฮองเฮาแย้มพระโอษฐ์นิด ๆ กล่าวอย่างมีเมตตาใบหน้าเรียบเฉยนั้นไม่สามารถอ่านความรู้สึกจริง ๆ ได้เลย

ฟางเหรินกุ้ยเฟยได้ยินดังนั้นก็รีบเอ่ยเสียงหวานตอบกลับไปว่า

“ขอบพระทัยเพคะ”

แม้จะตอบไปเช่นนั้น แต่ในใจกลับขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ฮองเฮาผู้นี้จงใจเล่นงานทางอ้อมชัด ๆ การที่นางไม่ยอมคุกเข่าถวายพระพร นอกจากฮองเฮาไม่ตำหนิแล้วยังพระราชทานของรางวัลตอบแทนนางด้วย มิเท่ากับยืมมือเหล่าสนมมาเล่นงานนางเพราะความริษยาหรอกรึ

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ฮองเฮา ขย่มบัลลังก์   ตอนที่24. จบ

    เฟิ่งอี๋เหยียดยิ้มที่มุมปาก แล้วกรีดนิ้วหยิบน้ำชาขึ้นจิบอย่างสำราญใจ“ใต้เท้าเกอหลาง หัวหน้าองครักษ์ขอเข้าเฝ้า”เสียงขันทีประจำตำหนักเมฆาสวรรค์ร้องประกาศขึ้นตามระเบียบการขอเข้าเฝ้าฮ่องเต้“เข้ามาได้”เฟิ่งอี๋เอ่ยเสียงเรียบเป็นการอนุญาต ขันทีจึงเดินนำขุนนางผู้นั้นเข้ามา เมื่อฮ่องเต้หญิงโบกมือขึ้นหนึ่งครั้ง นางกำนัลและขันทีก็หายออกไปจากห้องรับรองอย่างรวดเร็ว“ถวายพระพรฝ่าบาท ของจงทรงพระเจริญ หมื่นปี หมื่นปี หมื่นหมื่นปี”เกอหลางคุกเข่าลงถวายความเคารพต่อฮ่องเต้พระองค์ใหม่ ซึ่งเคยเป็นสตรีอันเป็นที่รักยิ่งของเขา เขาจึงรู้สึกกระอักกระอ่วนใจปนเปกับความคิดสับสนบางประการ“ลุกขึ้นเถอะ ไม่ตั้งมากพิธี”เฟิ่งอี๋บอก ดวงตาหงส์คมกริบจับจ้องบุรุษตรงหน้าอย่างใคร่ครวญ ความรักที่มีต่อฟางเหรินของบุรุษผู้นี้ทำให้แผนการแก้แค้นทุกอย่างราบรื่น แต่นางก็ไม่อาจแน่ใจได้ว่าความรักที่มีมากล้นนี้จะหวนกลับมาทำร้ายนางหรือไม่ หากเขารู้ว่าแท้จริงแล้ววิญญาณที่อยู่ในร่างนี้ไม่ใช่ฟางเหรินคนรักของเขา !“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ”เกอหลางลุกขึ้น แล้วมองสบพระเนตรฮ่องเต้หญิง ฉับพลันนั้นเขารู้สึกว่าไม่เคยรู้จักสตรีตรงหน้าแม้แต่น้อย ด

  • ฮองเฮา ขย่มบัลลังก์   ตอนที่23. ยั่วเย้า

    เฉินฉู่หยัดสะโพกขึ้นรับกับปากน้อยอย่างซ่านกระสัน สองมือสอดเข้าเรือนผมสีดำนุ่มสลวยของนาง แล้วเคล้าคลึงอย่างสุขซ่านเฟิ่งอี๋ใช้เรียวลิ้นเล็กตวัดไล้เลียที่ส่วนหัวมังกรบากใหญ่ลิ้มรสหวานผสมกับรสเค็มปะแล่ม จากนั้นก็ปาดเลียไปทั่วแก่นลำ“อืม... ฮองเฮา... ฮองเฮา ข้าจะทนไม่ไหวแล้ว”เฉินฉู่ไม่อาจทนการยั่วเย้าได้อีกไป เขาหยัดกายขึ้นแล้วกดนางลงกับเตียงเป็นฝ่ายขึ้นคร่อมนางไว้ จากนั้นก็จ้วงแทงแก่นมังกรใหญ่เข้าสู่กายนางอย่างเร็วรวด“อ๊าซ์ !”เฟิ่งอี๋อุทานครางออกมาลั่น แก่นมังกรร้อนฉ่ามุดเข้าสู่ภายในกายของนางจนสุดลำ“ฮองเฮา...ข้ารักเจ้า... ข้ารักเจ้า”อ๋องเฉิงฉู่พร่ำไม่หยุดปาก ขณะที่พรมจูบไปตามใบหน้างดงามเต็มไปด้วยเสน่ห์เร้าใจ จากนั้นก็ก้มลงบดจูบนางอย่างเร่าร้อน ใช้ปลายลิ้นร้อนตวัดเกี่ยวพันกับลิ้นเล็กเพื่อดูดดื่มความหวานล้ำ เมื่อถอนจูบออกเขาก็ขบเม้มกลีบปากล่างของนางอย่างหื่นกระหาย“อ่า”เฟิ่งอี๋ยกมือขึ้นลูบไล้ไปตามแผ่นหลังแกร่ง เร่งเร้าให้เขาขยับสะโพกอัดแก่นมังกรเข้าออกร่างอ๋องเฉิงฉู่สั่นสะท้านตอบรับ ลมหายใจกระชั้น เขาจึงขบนางเบา ๆ ที่บ่าอย่างลุ่มหลง แล้วหยัดตัวขึ้น สองมือจับเอวนางไว้แล้วเริ่มกระแทกแ

  • ฮองเฮา ขย่มบัลลังก์   ตอนที่22. ข้ารักเจ้า

    อ๋องเฉินฉู่เอ่ยกับนาง แต่กลับก้มหน้าลง มิอาจมองนางตรง ๆ ได้ เพราะอาภรณ์ที่นางสวมใส่บางนัก จนมองเห็นโครงร่างของทรวงอกอวบอิ่มเป็นดอกบัวตูมดอกใหญ่ ปลายยอดดอกพุ่งชี้มาทางเขา จนรู้สึกว่าห้องนี้ช่างร้อนเกินไปแล้ว“ท่านอ๋อง.... บัดนี้ฮ่องเต้ทรงประชวรมิอาจออกว่าราชการได้ งานในราชสำนักหากปล่อยไว้เนิ่นนานไม่ดีแน่ เรามองไม่เห็นผู้ใดแล้ว.... นอกจากท่าน... ท่านเท่านั้นที่จะบริหารบ้านเมืองต่อไปได้”เสียงของนางหวานล้ำอีกทั้งยังเจื่อความขมขื่นในใจ ต่อให้ผู้ฟังเป็นบุรุษใจหินเพียบงใด ก็อ่อนยวบลงราวกับขี้ผึ้งลนไฟเมื่อได้ยินนางเอ่ยเช่นนั้นสายตาของอ๋องเฉินฉู่ก็แปรเปลี่ยนเป็นกรุ้มกริ่มขึ้นมา ต่อให้นางเป็นแม่ของแผ่นดิน แต่ดรุณีน้อยก็ยังเป็นบุปผาแรกแย้มอยู่วันยังค่ำ เมื่อเสาหลักที่ยึดเกาะพังทลายลง มีหรือนางจะไม่หันเข้าหาเสาต้นใหม่เป็นที่พักพิง“ขอบพระทัยฮองเฮาที่ทรงเชื่อมั่นในตัวข้า”เขาเอ่ยอย่างลำพองใจเป็นที่สุด นับตั้งแต่อดีตเชื้อพระวงศ์ก็มิอาจหลีกเลี่ยงการเข่นฆ่าพี่น้องเพื่อชิงบัลลังก์ แต่สำหรับเขาแล้วรู้สึกว่าสวรรค์ช่างเข้าข้างยิ่งนัก เลือดไม่เปื้อนมือเขาสักหยด แต่บัลลังก์กลับถูกถวายใส่พานให้เขาเสียแล้ว

  • ฮองเฮา ขย่มบัลลังก์   ตอนที่21. ว่าอย่างไร

    “ว่าอย่างไรนะ”ฮ่องไทเฮาแทบจะล้มลงกับพื้น นางกำนัลสองคนจึงรีบเข้ามาพยุงไว้ ผู้ที่ได้ยินถ้อยคำนั้นถึงกับอุทานออกมาอย่างพร้อมเพรียง – ฮ่องเต้มีชีวิตอยู่ราวกับคนตายหรือเนี่ย –ส่วนหมอหลวงนั้นมิอาจตอบคำถามได้อีกต่อไปทรุดตัวลงแล้วโขกศีรษะลงกับพื้นราวกับคนเสียสติเพื่อร้องขอชีวิต“โปรดไว้ชีวิตหม่อมฉันด้วย”“เอามันไปตัดหัว !”ฮองไทเฮาสั่งลงอาญาทั้งน้ำตาเฉินเฉิงฮ่องเต้ได้ยิน และเห็นทุกอย่างผ่านห่างตา เห็นว่าหมอหลวงถูกทหารลากออกไปได้รับโทษทัณฑ์แทนฮองเฮา แต่เขามิอาจเอ่ยวาจาร้องขอความเป็นธรรมแทนหมอหลวงได้ แม้กระทั่งขยับตัวก็มิอาจทำได้ ทำได้เพียงปล่อยเรื่องทั้งหมดให้เป็นไป พระองค์เสียใจอย่างที่สุดที่เฟิ่งอี๋ไม่ฆ่าเขาให้ตาย เพราะถ้าเขาตายก็ไม่ต้องรู้สึกเจ็บปวดและสิ้นหวังเหมือนตอนนี้ !2 วันต่อมาเฟิ่งอี๋ในร่างของฟางเหรินฮองเฮากำลังกรีดนิ้วหยิบช้อนตักน้ำแกงป้อนฮ่องเต้ซึ่งนอนอยู่บนแท่นบรรทม น้ำแกงสีทองไหลเข้าพระโอษฐ์ได้เพียงหนึ่งส่วน ส่วนที่เหลือล้วนถูกเขาใช้ลมขับพ่นออกมาจนเลอะไปทั้งหน้าและปากของตนเองเฟิ่งอี๋ไม่เพียงแต่ไม่โมโหกลับยังยิ้มเย็นให้คนที่ทำตัวเหมือนเด็กเอาแต่ใจไม่ยอมกลืนอาหารลงไปดี ๆ น

  • ฮองเฮา ขย่มบัลลังก์   ตอนที่20. รายงาน

    ตั้งแต่สตรีนางนี้เหยียบย่างเข้าสู่วังหลวง ล้วนมีเรื่องร้ายให้พระองค์ต้องกังวลพระทัยบ่อย ๆ พระองค์จึงไม่โปรดนางเท่าใดนัก ยิ่งวันนี้โอรสของพระองค์ถึงกับประชวรในขณะที่ฟางเหรินเป็นผู้ปรนนิบัติ พระองค์จึงชิงชังนางเข้าไส้ เพราะปักพระทัยเชื่อว่า สตรีนางนี้เป็นกาลกิณีที่นำเภทภัยมาสู่บัลลังก์ !ฮองไทเฮาตวัดสายตาคืนกลับมา ด้วยเคยเป็นพญาหงส์มานานจึงซ่อนอารมณ์ความรู้สึกทุกอย่างไว้ภายใต้หน้ากากยับย่นที่เต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งวัย พระองค์รอให้หมอหลวงตรวจพระวรกายขององค์ฮ่องเต้จนเรียบร้อยแล้วจึงตรัสถามว่า“เป็นอย่างไรบ้าง”“เรียนไทเฮา... จากการตรวจชีพจรพบว่าเลือดลมของฝ่าบาทวุ่นวายสับสน คล้ายกับว่าเผชิญกับเรื่องตื่นตระหนก หรือตื่นเต้นอย่างสุดขีด เกินกว่าร่างกายจะรับไหว จึงหมดสติไปพ่ะย่ะค่ะ”หมอหลวงประสานมือไว้ได้หน้าแล้วกล่าวรายงาน ไม่กล้าสบพระเนตรฮองไทเฮาคล้ายกับมีสิ่งใดซ่อนไว้“ถ้าเพียงแค่ตกใจ ไยตอนนี้ฮ่องเต้ยังไม่ฟื้นเล่า”ฮองไทเฮาน้ำเสียงเข้มขึ้น ซักถามอย่างข้องใจ“อะ... เอ่อ..”หัวใจของหมอหลวงเต้นแรงขึ้น บนหน้าผากเริ่มมีเหงื่อผุดพรายขึ้นมา“ท่านหมอ”ฮองไทเฮาเรียกหมอหลวงเสียงเยียบเย็นเสียงนั้นทำให้ห

  • ฮองเฮา ขย่มบัลลังก์   ตอนที่19. ปาดน้ำตา

    เฉินเฉิงแววตาสั่นระริกในนั้นปรากฏรอยหวาดกลัวและสับสน อยากจะวิ่งหนีแต่ร่างกายขยับไม่ได้ตามคำสั่งแม้แต่น้อย อยากตะโกนให้คนช่วยแต่ขากรรไกรเขากลับค้างไม่สามารถเปล่งวาจาออกมาเป็นคำได้เลย“อ่า.... พระองค์ทรงลืมไปแล้วหรือ.... มีสตรีนางหนึ่งที่ยอมละทิ้งอาชีพทางการแพทย์ ทิ้งความฝันของตนเพียงเพื่อถวายตัวและหัวใจรับใช้ฝ่าบาทอย่างโง่งม”เฟิ่งอี๋หยัดกายขึ้น เอ่ยถึงความหลังขณะที่ใช้ปลายนิ้วไล้ไปตามพระพักตร์ขาวซีดของฮ่องเต้“ในครั้งนั้น ฝ่าบาททรงโปรดหม่อมฉันที่สุด จนได้รับแต่งตั้งเป็นฮองเฮา และยังตรัสกับหม่อมฉันว่า - สตรีงามไม่นานก็โรยรา แต่สตรีมีปัญญาเลิศล้ำ ควรค่าต่อการเป็นแม่ของแผ่นดิน - เหอะ !”นางแค่นเสียงออกมาคำหนึ่ง ดวงตารื้นขึ้นด้วยน้ำตาแห่งความเจ็บซ้ำ จากนั้นก็เอ่ยต่อไปด้วยเสียงสั่นพร่าว่า“ถ้อยคำเหล่านั้นล้วนจอมปลอมทั้งสิ้น มีปัญญาสูงค่าแล้วอย่างไร สุดท้ายพระองค์ก็เลือกสตรีเลอโฉมขึ้นมาแทนที่หม่อมฉัน หนำซ้ำยังควักเอาหัวใจของหม่อมฉันออกมาเฉือนเป็นชิ้น ๆ โดยการสั่งให้หม่อมฉันดื่มยาขับเลือด ! ลูกของหม่อมฉัน พระองค์ทรงฆ่าลูกของเราด้วยมือของพระองค์เอง !”น้ำตาของนางไหลอาบทั้งสองแก้ม น้ำอุ่น ๆ ไ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status