Beranda / รักโบราณ / ฮูหยินวิปลาส. / ตอนที่2 ชีวิตที่ทุกคนต่างอิจฉา?

Share

ตอนที่2 ชีวิตที่ทุกคนต่างอิจฉา?

Penulis: SnailW
last update Terakhir Diperbarui: 2025-10-29 17:36:58

    ตอนที่ 2

ไม่นานหลังจากซูอวี้หนิงเดินออกจากห้องผ่าตัด ราวกับเงาของเธอยังไม่ทันจางหายไปจากประตูอัตโนมัติ เสียงซุบซิบก็ดังขึ้นทั่วแผนก

บริเวณหน้าเคาน์เตอร์พยาบาลชั้นสิบเจ็ด พยาบาลสาวสองคนยืนกระซิบกระซาบกันด้วยแววตาเป็นประกาย

“เธอเห็นไหม? แค่ยืนมองตอนเธอลงมีด ยังรู้สึกขนลุกเลย...”

“ฉันอยู่ตรงหัวเตียงนะ ตอนชีพจรตกลงไปสิบจุด ทุกคนแทบหยุดหายใจ แต่หมอซูกลับนิ่งสนิท!”

อีกคนพยักหน้าแรง “ใช่! ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมาเลยด้วยซ้ำ เหมือนเธอรู้ว่าจะเกิดอะไรล่วงหน้าหมดแล้วน่ะ!”

มุมหนึ่งของแผนก ทีมผู้ช่วยแพทย์ชายสามคนที่เพิ่งถอดหน้ากากปลอดเชื้อ ต่างถอนหายใจพร้อมกันเหมือนนัดหมายไว้

“ฉันไม่เคยเห็นใครเย็บทรวงอกได้เร็วขนาดนั้นเลยว่ะ” คนหนึ่งเอ่ย

“ไม่ใช่แค่เร็ว แต่เรียบร้อยเหมือนผ้าปักเลย แผลแทบไม่เห็นรอยตะเข็บ!”

“เอาจริงนะ ถ้าเป็นหมอคนอื่น ฉันว่าเด็กคนนั้นรอดไม่ทันแน่” 

เสียงซุบซิบดังขึ้น แต่ซูอวี้หนิงกลับไม่คิดที่จะสนใจเลยแม้แต่น้อย ราวกับคำพูดเหล่านี้เธอได้ยินมันนับครั้งไม่ถ้วนเสียแล้ว แต่ระหว่างที่เธอกำลังจะก้าวออกคำพูดบางอย่างกับทำให้เธอชะงักชั่วครู่หนึ่ง

“ไม่ใช่แค่ฝีมือนะที่น่าอิจฉา แม้แต่สามีของหมอซูก็ทำให้พวกเราอิจฉาเช่นกัน” พยาบาลสาวที่ยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์กล่าวพร้อมสีหน้าขวยเขิน

เมื่อพยาบาลคนอื่น ๆ ที่ได้ยินเช่นนั้น ก็ต่างบิดตัวเขินอายเช่นกัน

“ใช่ คุณชายฉวี สามีของหมอซู เป็นทายาทเจ้าของโรงพยาบาลแห่งนี้ แค่เห็นใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาก็ทำพวกเราแทบจะละลายได้อยู่แล้ว”

“อร้ายย อิจฉาหมอซูจริง ๆ”

เหล่านางพยาบาลที่อยู่ด้านหน้าต่างซุบซิบกันเสียงดัง แต่พวกเธอไม่รู้เลยว่า คำพูดเหล่านั้นของพวกเธอ ทำให้ใบหน้าของซูอวี้หนิงที่เคยสงบนิ่ง กลับดูเย็นชาขึ้นหลายส่วน โดยเฉพาะแววตา

ซูอวี้หนิงก้มมองนาฬิกาข้อมือเพื่อดูเวลา (17.24 น.) 

วันนี้เธอคิดว่าอาจใช้เวลานานกว่านี้ในห้องผ่าตัด แต่เพราะทุกอย่างผ่านไปอย่างราบรื่น ทำให้เสร็จเร็วกว่าที่เธอคิดไว้ เธอจึงเดินมาที่ถนนด้านหน้าโรงพยาบาล เพื่อเรียกรถกลับบ้านทันที

โดยปกติแล้วเธอไม่ค่อยได้กลับบ้านมากนัก เพราะเธอมีห้องคอนโดที่อยู่ห่างจากโรงพยาบาลไม่ไกล แต่เพราะวันนี้เธอจำได้ว่าเป็นวันพิเศษบางอย่าง ทำให้เธอเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องกลับบ้านสักหน่อย แม้ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะจำได้หรือไม่ก็ตาม

รถแท็กซี่เคลื่อนตัวช้า ๆ ผ่านย่านเศรษฐกิจที่เต็มไปด้วยแสงไฟเจิดจ้า ตึกระฟ้าเรียงรายขนานไปกับถนนราวกับจะประชันความหรูหรา แต่หญิงสาวบนเบาะหลังกลับไม่ได้มองออกไปนอกหน้าต่างแม้แต่น้อย ซูอวี้หนิงนั่งเงียบ ดวงตาเหม่อลอยราวกับถูกความคิดบางอย่างดึงรั้งไว้

แสงไฟสีส้มจากเสาไฟข้างทางสะท้อนผ่านกระจกหน้าต่างสลับกับเงาใบหน้าเรียบนิ่งของเธอ จนเมื่อรถแล่นมาถึงหน้าประตูรั้วเหล็กอัตโนมัติของบ้านหลังใหญ่ แท็กซี่จึงค่อย ๆ ชะลอลง

บ้านหลังนี้ใหญ่โตและหรูหราอย่างยิ่ง ตัวเรือนก่อด้วยหินอ่อนสีขาวครีม ประดับด้วยบัวปูนฉลุลวดลายคลาสสิก แสงไฟจากโคมระย้าภายในสาดผ่านกระจกใสออกมาเผยให้เห็นความโอ่อ่าเกินกว่าจะเรียกว่าบ้านได้ลงคอ…มันคือคฤหาสน์ชั้นดี

นี่คือเรือนหอของเธอกับเขา ฉวีจิ้งไห่ ทายาทเพียงหนึ่งเดียวของตระกูลฉวี เจ้าของเครือโรงพยาบาลอวี้เหอที่มีสาขากระจายอยู่ทั่วประเทศ

เสียงประตูรั้วอัตโนมัติเปิดออกช้า ๆ ขณะคนขับแท็กซี่หันมายิ้มให้ผ่านกระจกหลัง “ถึงแล้วครับ”

ซูอวี้หนิงพยักหน้าเบา ๆ ก่อนหยิบธนบัตรยื่นให้โดยไม่พูดอะไรเพิ่มเติม เธอก้าวลงจากรถช้า ๆ สายลมยามเย็นพัดเส้นผมยาวของเธอปลิวตามแรงลม กลิ่นดอกไม้จากสวนด้านในโชยมาจาง ๆ

เมื่อก้าวผ่านประตูบ้าน เธอหยุดยืนอยู่ตรงบันไดหินอ่อนหน้าประตูราวกับลังเลอยู่ชั่วครู่

บ้านหลังนี้ แม้จะสวยงามเพียงใด…แต่มันกลับเย็นชาและเงียบงันในความรู้สึกของเธอเสมอ

เพียงก้าวเข้ามาด้านใน ซูอวี้หนิงขมวดคิ้วเล็กน้อย เพราะโดยปกติแล้ว จะต้องมีสาวใช้ออกมาต้อนรับเธอเสมอ แต่วันนี้ที่ด้านในกลับไม่มีใครอยู่เลยสักคน

เมื่อเดินเข้ามากลางบ้านแล้วยังไม่เห็นใคร ซูอวี้หนิงจึงเดินขึ้นไปที่ชั้นสอง ที่เป็นห้องทำงานของอีกฝ่าย 

เสียงแผ่วเบาเล็ดลอดออกมาจากด้านใน เป็นเสียงที่ไม่ควรปรากฏในบ้านหลังนี้…โดยเฉพาะในค่ำคืนนี้

ซูอวี้หนิงยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าห้องทำงานที่เปิดอ้าออก บนพื้นพรมหรูมีเสื้อคลุมผ้าไหมสีชมพูซีดหล่นอยู่ พร้อมรอยยับย่นที่ชัดเจนว่าเพิ่งถอดออกไม่กี่นาทีก่อน ตามด้วยรองเท้าส้นสูงที่วางตะแคงไม่เป็นระเบียบ

เธอก้มมองทุกอย่างด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ทว่าความเย็นชาในแววตากลับเข้มข้นขึ้นทุกขณะ ริมฝีปากเม้มแน่นจนแทบมองไม่เห็นรอยสีชมพูจางตามธรรมชาติ

เสียงหัวเราะเบา ๆ ดังลอดออกมาจากทางห้องนอนใหญ่ เสียงที่หากเป็นคนอื่นอาจรู้สึกขมขื่น หรือหัวใจสลาย

แต่ซูอวี้หนิงกลับเพียงแค่หรี่ตาลง แล้วหมุนตัวเดินไปทางต้นเสียงอย่างสงบ

เสียงหัวเราะนั้นถูกแทนที่ด้วยเสียงกระซิบกระซาบแผ่วเบา ราวกับบทสนทนาระหว่างชายหญิงที่ไม่ทันระวังว่า…ภรรยาที่แท้จริงของชายผู้นั้นได้กลับถึงบ้านแล้ว

ฝ่าเท้าของเธอเหยียบลงบนพรมอย่างไร้เสียง เธอไม่ต้องการให้ใครรู้ว่าเธอกลับมา และเธอ…ก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจเลยแม้แต่น้อย

เมื่อมาถึงหน้าห้องนอนใหญ่ ประตูไม้สักบานหนาก็แง้มอยู่เล็กน้อย แสงสลัวจากโคมข้างเตียงลอดผ่านช่องประตูออกมาพอให้เห็นเงาตะคุ่มของสองร่างบนเตียง

เสียงหญิงสาวเอ่ยขึ้นแผ่วเบา “…คุณชายฉวี ถ้าหมอซูกลับมา จะไม่เป็นไรเหรอคะ?”

น้ำเสียงนั้นทั้งออดอ้อน ทั้งยั่วเย้า

และอีกเสียงที่ตามมาคือเสียงของเขา เสียงที่ซูอวี้หนิงคุ้นเคยดี…แต่เวลานี้มันกลับฟังดูห่างไกลเหลือเกิน

“เธอไม่ค่อยกลับมาหรอก อยู่โรงพยาบาลทั้งวันทั้งคืน...อย่างกับแต่งงานกับมีดผ่าตัด ไม่ใช่กับฉัน”

ซูอวี้หนิงยืนนิ่งกับที่ ริมฝีปากขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย ราวกับกำลังหัวเราะเยาะเบา ๆ กับคำพูดนั้น

มีดผ่าตัด อย่างนั้นหรือ?

ใช่สิ…นั่นคงเป็นสิ่งเดียวที่เธอยังควบคุมได้ในชีวิตนี้ แตกต่างจากความสัมพันธ์ตรงหน้า…ที่พังทลายลงมานานแล้ว

และคืนนี้…อาจถึงเวลาที่เธอจะต้องตัดมันทิ้งเสียที

แววตาของเธอวาววับราวกับมีดผ่าตัดในมือ เยือกเย็น แม่นยำ และไม่ลังเล เธอสูดลมหายใจเข้าลึกหนึ่งครั้ง ก่อนจะผลักประตูเปิดออกอย่างมั่นคง

เสียงดัง แกรก ของลูกบิดทำให้คนในห้องชะงักเงียบไปทันที ซูอวี้หนิงยืนอยู่ตรงประตู ดวงตานิ่งเฉียบจ้องตรงไปที่เตียงโดยไม่กล่าวคำใด

ใบหน้าของฉวีจิ้งไห่เปลี่ยนสีในชั่วพริบตา ส่วนหญิงสาวบนเตียงรีบคว้าผ้าห่มขึ้นมาคลุมกายด้วยความตกใจ

ห้องที่เคยอบอุ่น กลับเย็นยะเยือกลงทันใด 

ซูอวี้หนิงปรายตามองไปทางหญิงสาวที่รีบร้อนหาผ้ามาคลุมร่างกายที่เปลือยเปล่า ก่อนจะพบว่า อีกฝ่ายไม่ใช่คนอื่นคนไกล แต่กลับเป็นเพื่อนร่วมงานของเธอนั่นเอง

ถังอวี่เหอ สูตินรีแพทย์

ฉวีจิ้งไห่ที่กลับมามีสติอีกครั้งรีบปรับสีหน้าให้นิ่งเรียบ เขารีบคว้าผ้าคลุมที่ถอดกองอยู่ไม่ไกลมาสวมใส่ ก่อนเดินเข้ามาหาซูอวี้หนิงพร้อมจับมือของเธอออกจากห้องนี้ 

ฉวีจิ้งไห่จูงมือเธอมาหยุดอยู่ที่กลางห้องนั่งเล่นที่เงียบงัน แสงจากโคมไฟสลัวสะท้อนใบหน้าที่ขึงเครียดของเขา ขณะที่ซูอวี้หนิงยืนอยู่อย่างนิ่งเฉย สายตาเรียบเย็น จับจ้องไปยังเขาอย่างรอคอยคำอธิบาย

“อวี้หนิง…ฟังฉันก่อน” เขาเริ่มเสียงแผ่ว ราวกับกำลังหาคำพูดที่เหมาะสม 

“สิ่งที่เธอเห็นเมื่อกี้ มันไม่ได้—” เขาหยุดไปครู่หนึ่ง แล้วเปลี่ยนคำทันที “ฉันแค่…รู้สึกโดดเดี่ยวเกินไป”

เธอเลิกคิ้วเล็กน้อย ไม่พูดอะไร รอให้เขาพูดต่อ

“เธอไม่เคยอยู่บ้านเลย อวี้หนิง” เสียงเขาเข้มขึ้นเล็กน้อย “ตลอดเวลาที่เราแต่งงานกัน ฉันแทบไม่เคยได้ใช้ชีวิตแบบสามีภรรยากับเธอจริง ๆ ด้วยซ้ำ”

“ไม่ว่าเช้าหรือค่ำ เธอก็เอาแต่ผ่าตัด เวรดึก ประชุมวิชาการ แล้วก็ทำงาน ทำงาน ทำงาน…” เขาสูดหายใจลึก แล้วสบตาเธอ

“ฉันเป็นคน ไม่ใช่เครื่องเรือนที่ตั้งอยู่รอให้เธอหันมาสนใจเป็นครั้งคราว”

“อวี้เหอ… ฉันรู้สึกไร้ค่า มันว่างเปล่าจนฉันทนไม่ไหวจริง ๆ” คำพูดนั้นลอยอยู่กลางห้องอยู่นาน ก่อนซูอวี้หนิงจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบและหนักแน่น

“เพราะฉันทำงานหนักเกินไป…คุณเลยต้องนอนกับเพื่อนร่วมงานของฉัน?” ฉวีจิ้งไห่ชะงัก ดวงตาเขาวูบไหว

“ฉันรู้ว่าเราสองคนไม่ได้แต่งงานกันด้วยความรัก” หญิงสาวคลี่ยิ้มบาง เป็นรอยยิ้มที่เย็นเสียยิ่งกว่าน้ำแข็ง

“และก็จริง…ฉันเองก็ไม่เคยให้เวลากับคุณในแบบที่สามีควรได้รับจากภรรยา แต่ฉวีจิ้งไห่ อย่างน้อย…เราก็แต่งงานกัน” เธอก้าวเข้าไปใกล้อีกเพียงครึ่งก้าว เสียงเย็นชาชัดถ้อยชัดคำ

“ฉันอาจไม่ใช่ภรรยาที่ดีนัก แต่ฉันก็ให้เกียรติคุณในฐานะคนที่ต้องใช้ชีวิตร่วมกันเสมอมา แต่คุณกลับเลือกเหยียบย่ำมันทั้งหมดลงใต้เท้า แล้วโยนความผิดมาที่ฉัน เหมือนที่คนขี้ขลาดมักจะทำ”

เขาเม้มปากแน่น กำมือข้างหนึ่งจนเส้นเลือดปูด

“เธอไม่เข้าใจ…” เขาพึมพำ 

ซูอวี้หนิงหัวเราะเย็นเธอเบือนหน้าหนี หยิบกระเป๋าที่วางพาดโซฟาไว้ขึ้นมา

“จิ้งไห่ คุณคงคิดว่าฉันไม่รู้เรื่องการกระทำตลอดเวลาที่ผ่านมาของคุณใช่ไหม?” ซูอวี้หนิงหันกลับไปมองหน้าอีกฝ่ายอีกครั้ง พร้อมยิ้มด้วยท่าทางสมเพช 

“มันไม่ใช่ครั้งแรกที่คุณมักใช้ผู้หญิงเหล่านี้ในการปลดเปลื้องความต้องการของคุณ เรื่องนี้ฉันรับรู้มันมาโดยตลอด และที่ฉันมาที่นี่วันนี้ก็ไม่ใช่เพื่อมาจับผิดคุณ แต่มาเพราะวันนี้เป็นวันครบรอบวันแต่งงานของเราทั้งสองคน”

ฉวีจิ้งไห่ที่กำลังมองหน้าผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่าภรรยาที่ถูกต้องตามกฏหมายของตนเองด้วยแววตาที่วูบไหวทันทีที่ได้ยินประโยคของอีกฝ่าย

“คุณบอกว่าฉันไม่เคยใส่ใจคุณเท่าที่ภรรยาสมควรทำ แต่ความผิดเหล่านี้ ใครกันแน่ที่เป็นฝ่ายผิด?”

ร่างบางกล่าวจบก็ไม่สนใจสีหน้าของอีกฝ่าย เธอเดินออกมาจากห้องนั่งเล่นทันที โดยไม่สนใจเสียงเรียกร้องของอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย

……………….

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ฮูหยินวิปลาส.   บทที่18 ฉากหลังของแต่ละคน2

    ตอนที่ 18“ลองกล่าวมา เห็นด้วยหรือไม่ข้าจะตัดสินเอง” โจวต้าซานกล่าวเสียงแข็ง เพราะสถานการณ์ตอนนี้เขาเองก็มองไม่เห็นทางออกใด ๆ ได้เลยเช่นกัน“ตอนนี้เสี่ยวซูเองก็อยู่วัยต้องออกเรือนแล้ว มิสู้ใช้เรื่องนี้ ให้เสี่ยวซูออกเรือนไปกับเฟิ่งอวี่เซียน…”ปัง!!“เจ้าจะบ้าหรือ!!” ยังไม่ทันที่หลี่เจิ้นกัวจะกล่าวจบ เยี่ยหลัวก็ตวาดขึ้นทันทีใบหน้าของเขาเกรี้ยวกราด คนอื่น ๆ ที่นั่งอยู่ก็ขมวดคิ้วพร้อมทำสีหน้าอย่างไม่เห็นด้วยเช่นกัน“แต่ข้ากลับเห็นด้วยกับเจิ้นกัว” ยังไม่ทันที่บรรยากาศภายในกระท่อมจะสงบ เสียงของใครบางคนก็ดังขึ้นมาจากทางด้านหน้าประตู เสียงนั้นแม้ไม่ดังนัก ทว่ากลับแฝงพลังหนักแน่นจนทุกคนเงียบกริบ เงาร่างในผ้าคลุมก้าวเข้ามาทีละก้าว เสียงฝีเท้าเบาราวกับลมพัด แต่ละก้าวกลับทำให้บรรยากาศภายในกระท่อมแปรเปลี่ยนไปในทันใด“ท่านหมอหู…” โจวต้าซานเอ่ยออกมาช้า ๆ ดวงตาเผยแววตื่นตระหนก เพราะน้อยครั้งนักที่หูเทียนเหิงจะเข้าร่วมพูดคุยในที่ลับเช่นนี้ มีเพียงคำสั่งของนายหญิงเท่านั้นที่จะสั่งการเขาได้ แต่การที่อีกฝ่ายมาปรากฏตัวที่นี่ นั่นย่อมต้องมีเรื่องที่เกี่ยวกับนายหญิงที่ล่วงลับไปอย่างแน่นอนหูเทียนเหิงเข้

  • ฮูหยินวิปลาส.   ตอนที่17 ฉากหลังของแต่ละคน1

    ตอนที่ 17กลางดึก ฟ้ามืดสนิทราวกับผืนผ้าไหมดำ เงาเมฆบดบังแสงจันทร์จนทั่วทั้งป่าดูลึกลับน่าหวาดหวั่น เสียงจิ้งหรีดแผ่วเบาดังก้องอยู่ไกล ๆ สายลมเย็นพัดผ่านใบไม้เกิดเสียงซู่ซ่าดั่งเสียงกระซิบภายในกระท่อมไม้หลังเล็กกลางป่าลึก แสงตะเกียงเพียงดวงเดียวส่องแสงวาบวับ เผยให้เห็นเงาร่างของคนสิบกว่าคนในชุดอาภรณ์ดำที่ปกปิดตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า พวกเขานั่งเรียงรายอยู่รอบโต๊ะไม้เก่า ทุกสายตาจับจ้องไปยังชายชราผู้หนึ่งที่นั่งอยู่หัวโต๊ะ ที่ทุกคนในหมู่บ้านเรียกเขาว่า โจวต้าซาน หรือท่านลุงโจวโจวจื่อเฉียงยืนอยู่ด้านหลังของบิดาด้วยทีท่าสงบ ไม่มีท่าทางขี้เล่นเหมือนที่แล้วมาแต่อย่างใด ทุกคนที่อยู่ภายในกระท่อมต่างทำความเคารพทั้งสองคนชุดดำที่เห็นว่าทั้งสองคนพ่อลูกเดินทางมาถึงแล้วพวกเขาก็ต่างถอดผ้าคุมหน้าออก เผยให้เห็นใบหน้าที่อยู่ด้านใน หากคนภายในหมู่บ้านเห็นคนเหล่านี้ ทุกคนจะรู้จักพวกเขาทั้งหมด เพราะพวกเขาเหล่านี้ต่างใช้ชีวิตแฝงตัวอยู่ภายในหมู่บ้าน เป็นชาวบ้านทั่วไป จนคนในหมู่บ้านต่างหลงลืมไปแล้วว่าพวกเขาเป็นคนต่างถิ่นที่มาอาศัยภายในหมู่บ้านนี้เพียงสิบกว่าปีนี้เท่านั้น“เรื่องข่าวลือจัดการเรียบร้อยแล้วหรือไ

  • ฮูหยินวิปลาส.   ตอนที่16 ข่าวลือที่แพร่สะพัด

    ตอนที่ 16เพียงไม่นานหลังจากเหตุการณ์นั้น เสียงลือเสียงเล่าอ้างก็แพร่กระจายรวดเร็วราวไฟลามทุ่ง จากปากของชาวบ้านที่อยู่ริมธาร ทั้งหมู่บ้านต่างพูดถึงเรื่อง “หญิงวิปลาสที่กล้าจูบศพชายที่ลอยน้ำมา”ซูอวี้หนิงที่นั่งอยู่ข้างเตียงคนเจ็บเพื่อเฝ้าดูอาการเขาอย่างเงียบงันไม่ได้รับรู้ถึงเรื่องเล่านี้เลยแม้แต่น้อย เสียงลมพัดผ่านหน้าต่างไม้ไผ่เบา ๆ กลิ่นยาสมุนไพรยังลอยคลุ้งในอากาศ ชายที่อยู่บนเตียงยังคงไม่ได้สติ แต่สีหน้าดูสงบขึ้นมาก ชีพจรสม่ำเสมอขึ้นทีละน้อย“ซูอวี้หนิง!”เสียงทุ้มแหบของชายวัยกลางคนดังขึ้นจากด้านนอกก่อนร่างของ ลุงโจว จะปรากฏที่หน้าประตู สีหน้าของเขาในตอนนี้กลับเคร่งขรึมและไม่สบอารมณ์นัก และนี่เป็นครั้งแรกเช่นกันที่โจวจวงจื่อจะเห็นสีหน้าของบิดาที่มักจะอ่อนโยนต่อซูอวี้หนิงอยู่เสมอ แสดงสีหน้าน่ากลัวเช่นนี้ซูอวี้หนิงเงยหน้าขึ้นไม่ได้มีท่าทีหวาดกลัวอีกฝ่ายแต่อย่างใด ต่างจากโจวจวงจื่อที่ตอนนี้กระโดดหลบไปอยู่ด้านหลังของซูอวี้หนิงอย่างไม่รู้ตัว พร้อมกับตกใจจนหน้าซีดเผือดลุงโจวเดินเข้ามาในเรือนด้วยสีหน้าบึ้งตึง ดวงตาเขาเหลือบไปมองร่างชายแปลกหน้าที่นอนอยู่บนเตียง ก่อนจะหันกลับมามองหน้าซู

  • ฮูหยินวิปลาส.   ตอนที่15 ช่วยชีวิต

    ตอนที่15ซูอวี้หนิงโน้มตัวลงโดยไม่ลังเล มือทั้งสองประคองใบหน้าของชายหนุ่มให้หงายขึ้น ดวงตาเธอแน่วแน่ไร้ความลังเลใด ๆ“จวงจื่อ รีบหาผ้ามาซับตัวเขาไว้ก่อน แผลตรงหัวไหล่ห้ามให้โดนน้ำอีก!”เสียงสั่งนั้นหนักแน่นและเฉียบขาดจนอีกฝ่ายรีบทำตามโดยไม่กล้าซักถาม ซูอวี้หนิงยกคางชายผู้นั้นขึ้นเล็กน้อย ใช้นิ้วตรวจโพรงปากอย่างรวดเร็วเพื่อดูว่ามีสิ่งใดขวางอยู่หรือไม่ ก่อนสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วโน้มตัวลงริมฝีปากอุ่นสัมผัสกับริมฝีปากเย็นเฉียบของชายแปลกหน้า นางเป่าลมหายใจเข้าไปอย่างสม่ำเสมอ สลับกับกดหน้าอกตามจังหวะที่คำนวณไว้ในใจ เสียงน้ำที่หยดลงจากปลายผมของนางผสมกับเสียงลมหายใจที่เป่ารัว ๆ กลายเป็นจังหวะที่เร่งเร้าทุกคนที่ยืนดูอยู่เงียบกริบ บ้างก็เอามือปิดปาก บ้างก็หันหน้าหนีไปทางอื่น ความตกใจและความหวาดกลัวปรากฏบนใบหน้าโดยไม่ปิดบัง“นาง... นางกำลังทำอะไรกับศพนั้นกัน?!”“บาปหนา! นางเป็นบ้าไปแล้ว!”คำพูดของชาวบ้านที่มาที่ริมลำธารต่างวิพากษ์วิจารณ์เสียงดัง แต่ซูอวี้หนิงไม่ได้ยินสักคำ เสียงในหัวนางมีเพียงจังหวะชีพจรที่พยายามตามหา ความเงียบงันในวินาทีนั้นยาวนานราวนิรันดร์จนกระทั่ง —“แค่ก! แค่ก แค่กกก!”เ

  • ฮูหยินวิปลาส.   ตอนที่14 อคติ

    ตอนที่ 14แสงอาทิตย์ยามสายส่องลอดผ่านยอดไม้เข้ามาในลานเล็ก ๆ ด้านหน้าบ้านของซูอวี้หนิง กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของสมุนไพรที่ถูกต้มไว้ตั้งแต่รุ่งเช้าโชยคลุ้งไปทั่ว เรื่องที่มีคนถูกหมาป่ากัดเมื่อคืนนี้เองก็รับรู้กันทั่วทั้งหมู่บ้าน“ได้ยินว่าเมื่อคืนมีคนถูกหมาป่ากัด!"“ใช่ ๆ ว่ากันว่าเลือดไหลแทบหมดตัว แต่ซูอวี้หนิงใช้วิธีแปลก ๆ เย็บแผลเอาไว้จนยังมีชีวิตอยู่” “เย็บแผล? ใช่หรือไม่ที่ว่ากันว่าเหมือนเอาเข็มร้อยผ้าของหญิงสาวมาใช้กับร่างคน!”“ข้าบอกแล้วว่านางเป็นหญิงบ้าคนหนึ่ง จะมาเป็นหมอได้อย่างไร?”เสียงซุบซิบเริ่มกระจายเป็นวงกว้างมากขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับคลื่นน้ำที่ซัดกระทบผนังไม้ไม่หยุดหย่อน ครั้งนี้ไม่ใช่เพียงความสงสัย แต่ปนด้วยความกลัวและรังเกียจ“ได้ยินมาว่า นางเย็บเนื้อคนเข้าด้วยกันจริง ๆ!”“ข้าเห็นกับตาเมื่อคืน เลือดเต็มมือ เหมือนพวกวิปลาสเลยต่างหาก!”“หากวันหนึ่งนางถือมีดไปปาดคอผู้อื่น ใครจะรับผิดชอบ!”ซูอวี้หนิงและคนอื่น ๆ ไม่ได้รับรู้ข่าวลือที่แพร่กระจายออกไปเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะเมื่อคืนกว่านางจะได้นอนก็เกือบรุ่งสางเสียแล้ว นางได้นอนพักสายตาชั่วครู่ ก็ตื่นขึ้นมาเพื่อดูอาการของผู้ป่วยก่อน แ

  • ฮูหยินวิปลาส.   ตอนที่13 ผู้ป่วยคนแรก

    ตอนที่ 13ยามดึกคืนนั้น แสงจันทร์ข้างแรมสาดผ่านม่านไม้ไผ่เข้ามาในห้องพักของซูอวี้หนิง นางเพิ่งจะวางแผ่นไม้ไผ่ที่จดบันทึกตำราสมุนไพรลงบนโต๊ะ กำลังเตรียมจะดับตะเกียงเพื่อพักผ่อน ทว่าทันใดนั้นกลับได้ยินเสียงโกลาหลดังมาจากลานด้านหน้าเสียงฝีเท้าหนักรีบร้อนดังขึ้นพร้อมเสียงของโจวจวงจื่อ“เสี่ยวซู! เร็วเข้า! มีคนเจ็บ ถูกหมาป่ากัด”ประตูไม้ถูกเคาะแรง ๆ สามครั้ง ซูอวี้หนิงรีบลุกขึ้นผลักประตูออกไป เห็นโจวจวงจื่อใบหน้าซีดเผือดเต็มไปด้วยเหงื่อ ส่วนด้านหลัง โจวจื่อเฉียงกำลังประคองชายหนุ่มร่างใหญ่ที่แขนขวาถูกกัดจนเนื้อฉีก เห็นได้ชัดว่าถูกหมาป่าฉีกกระชาก เลือดสดไหลทะลักจนชุ่มเสื้อผ้าแต่แทนที่ซูอวี้หนิงจะตื่นตกใจ นางกลับใจเย็นอย่างที่สองพี่น้องโจวไม่เคยเห็นมาก่อน“พาเข้ามาในเรือนด้านหน้าก่อน แล้วให้ใครก็ได้ไปตามหมอหู!” เสียงนางเด็ดขาดโดยไม่ลังเล“ข้าให้คนไปตามแล้ว” โจวจื่อเฉียงที่หามคนเจ็บมากล่าวด้วยน้ำเสียงเข้มไม่นาน หมอหูก็มาถึงด้านหน้าเรือนของซูอวี้หนิง ใบหน้าเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด แต่ทันทีที่เห็นบาดแผลที่แขนชายหนุ่ม เขาก็ขมวดคิ้วแน่น “บาดแผลลึกมาก หากเสียเลือดมากกว่านี้ เกรงว่าจะไม่รอดถึงรุ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status