Beranda / รักโบราณ / ฮูหยินวิปลาส. / ตอนที่7 ความสามารถที่น่าสงสัย

Share

ตอนที่7 ความสามารถที่น่าสงสัย

Penulis: SnailW
last update Terakhir Diperbarui: 2025-11-06 16:18:15

ตอนที่ 7

ชายวัยกลางคนชะงักเล็กน้อย แต่เพียงไม่นานแววตาของเขาก็คล้ายเปลี่ยนไปเป็นสีแดง คล้ายกับคนที่กำลังกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา

“ลุงกลับมาได้ยินว่าเจ้าหายป่วยแล้ว เจ้าหายแล้วจริง­ ๆ” ลุงโจวกล่าวกับอีกฝ่ายพร้อมรอยยิ้ม

ซูอวี้หนิงไม่ได้กล่าวตอบ นางทำเพียงพยักหน้าให้อีกฝ่ายเท่านั้น

ซูอวี้หนิงพาทั้งสองคนออกไปนั่งคุยที่ใต้ต้นหม่อนด้านหน้าบ้าน แม้จะเป็นการพูดคุยกัน แต่กลับมีเพียงแค่ลุงโจวเท่านั้นที่เป็นฝ่ายพูดเสียมากกว่า นอกจากนี้ อีกฝ่ายยังคงซื้อขนมอีกสองสามอย่างมาจากในเมือง­ เพื่อให้นาง และยังมีหนังสือที่เป็นแบบที่ซูอวี้หนิงคนก่อนชื่นชอบอ่าน

ทำให้นางรับรู้ได้ว่า อีกฝ่ายนั้นเอาใจใส่นางราวกับลูกสาวแท้­ ๆ คนหนึ่งเลยทีเดียว

หลังจากพูดคุยกันอยู่สักพัก ลุงโจวและโจวจื่อเฉียงก็กลับไป

วันต่อมา

ซูอวี้หนิงที่ตื่นมาตั้งแต่เช้าด้วยความเคยชิน ตอนนี้ร่างกายของนางโดยรวมเกือบหายสนิทแล้ว อาจเป็นเพราะร่างกายตอนนี้ยังเป็นเพียงเด็กสาว ทำให้การฟื้นฟูของร่างกายดีขึ้นอย่างรวดเร็ว

นางตื่นขึ้นมาทำความสะอาดภายในห้องง่าย ๆ เพื่อรอให้โจวจวงจื่อนำอาหารเช้ามาให้ที่เรือน ตลอดหลายวันที่ผ่านมานี้ โจวจวงจื่อมักจะนำสำรับอาหารมาให้นางอย่างตรงเวลาเสมอ

แต่เมื่อถึงเวลาที่อีกฝ่ายจะต้องมาหานางที่นี่ กลับไม่เห็นอีกฝ่าย 

ซูอวี้หนิงรู้สึกเป็นห่วงขึ้นมา จนอดไม่ได้ที่จะเดินไปที่ประตูบ้านด้านข้าง ซึ่งเป็นประตูเชื่อมระหว่างบ้านทั้งสองหลัง 

เมื่อเข้าไปด้านใน ก็พบว่าไม่มีใครอยู่เลยแม้แต่คนเดียว 

หรือว่าพวกเขาไปที่ทุ่งนา?

ขณะที่ร่างบางกำลังจะเดินกลับไปที่บ้านของตนเอง ประตูรั้วด้านหน้าที่เป็นฝั่งของทางบ้านโจว ก็เปิดขึ้นก่อน

ลุงโจวที่ออกไปด้านนอกกลับมา เมื่อเข้ามาด้านในพบนาง อีกฝ่ายมีท่าทีสงสัยเล็กน้อย

“เสี่ยวซู เจ้ามีอะไรอย่างนั้นหรือ?” ลุงโจวที่พึ่งกลับมา­ รีบเดินเข้ามาหานางพร้อมถามอย่างเป็นห่วงทันที

“ข้ามาหาจวงจื่อเจ้าค่ะ” ซูอวี้หนิงไม่ได้บอกว่า นางไม่ได้เห็นอีกฝ่ายมาตั้งแต่เช้า 

เพราะนางรู้ว่า หากท่านลุงโจวรู้ว่าโจวจวงจื่อยังไม่ได้นำอาหารเช้าไปให้นางที่เรือน เขาจะต้องตำหนิเด็กสาวเอาแน่ๆ

ลุงโจวขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะมองไปที่สวนด้านหลังเรือน ก่อนจะพูดกับนาง

“นางน่าจะกำลังอยู่ที่เล้าไก่ด้านหลัง” 

ซูอวี้หนิงพยักหน้ารับด้วยความเคยชิน ก่อนจะก้าวเท้ามุ่งหน้าไปที่เล้าไก่ด้านหลังเรือน

“ช้าก่อน แดดกำลังร้อน เจ้าสวมมันไปด้วยจะดีกว่า”

ขณะที่ซูอวี้หนิงจะกำลังจะจากไป ลุงโจวที่ยืนอยู่ก็กล่าวรั้งนางไว้ พร้อมกับเดินไปหยิบหมวกสานที่แขวนอยู่ที่ทางเข้ายื่นมาให้กับนาง

ซูอวี้หนิงรับมันมาสวมใส่ ก่อนจะเดินตามทางเดินไปที่สวนด้านหลังทันที

ดวงอาทิตย์ยามสายของวันกำลังสะท้อนกับหยดน้ำค้างที่เกาะอยู่บนยอดหญ้า จนเกิดเป็นแสงประกายวิบวับราวกับภาพมายา บรรยากาศในชนบทที่เรียบง่ายในตอนนี้ มันช่างสะกดสายตาและจิตใจของนางอย่างยิ่ง

ในชีวิตก่อน ในหนึ่งวันมีเวลายี่สิบสี่ชั่วโมง นางใช้เวลาอยู่ที่โรงพยาบาลไปแล้วยี่สิบชั่วโมง นานแค่ไหนแล้วนะ ที่นางไม่ได้รู้สึกผ่อนคลายเช่นนี้

ร่างบางของซูอวี้หนิงเดินตามทางเดินมาเรื่อย ๆ นางเดินผ่านแปลงผักเล็ก ๆ สามสี่แปลง ด้านข้างมีบ่อน้ำเล็ก­ ๆ พร้อมกับแม่ไก่กำลังพาลูกของมันออกหากิน

ซูอวี้หนิงมองไปที่เล้าไก่ แต่กลับไม่เห็นเด็กสาวที่นางกำลังตามหา

แต่ขณะที่นางกำลังเดินเล่นอยู่นั้น กลับได้ยินเสียงของใครอีกคนดังมาจากทางด้านหลังกอไผ่อีกด้านหนึ่ง เมื่อตั้งใจฟังดี ๆ นางก็จำได้ว่า มันคือเสียงของโจวจื่อเฉียง

แม้นางจะจับคำพูดอีกฝ่ายไม่ได้ ว่าเขากำลังพูดอะไร แต่นางรับรู้ได้จากน้ำเสียงของเขา ว่าเขากำลังคล้ายตำหนิใครอีกคนอยู่ 

ไม่รอช้า ซูอวี้หนิงจึงเดินไปตามเสียงที่ได้ยินทันที

เมื่อเข้าไปใกล้อีกฝ่าย นางกลับได้ยินเสียงสะอื้นไห้ของโจวจวงจื่อดังมาเบา ๆ จากด้านที่โจวจื่อเฉียงยืนอยู่ โดยที่อีกฝ่ายกำลังยืนหันหลังให้กับนาง 

แต่ทันทีที่นางก้าวเท้าเข้าไป อีกฝ่ายกลับหันมาใช้มือกระแทกถูกไหล่ของนางทันที

“อั๊ก!!” ซูอวี้หนิงร้องเสียงหลงออกมาทันทีที่ได้รับความเจ็บปวด 

นางรู้สึกปวดร้าวตั้งแต่หัวไหล่ด้านซ้ายลงไปถึงปลายนิ้ว

โจวจื่อเฉียงที่เห็นหน้าของนางชัด ๆ ก็ตกใจเช่นกัน

“เสี่ยวซู!!” โจวจื่อเฉียงรีบเข้ามาดูอาการของนางทันที ใบหน้าของเขาซีดเผือด และลนลานอย่างทำตัวไม่ถูก

“ขะ ข้าจะไปตามท่านหมอหู” 

“ไม่ต้องๆ” ก่อนที่อีกฝ่ายจะทันได้ทำอะไร ซูอวี้หนิงก็รีบห้ามอีกฝ่ายเอาไว้ก่อน

แม้แต่โจวจวงจื่อที่กำลังนั่งอยู่ที่พื้น ใบหน้าของนางเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตา ก็มองมาที่นางด้วยความตกใจ 

สายตาของซูอวี้หนิงจ้องมองไปที่โจวจวงจื่อ ก่อนพบว่าที่แขนเสื้อและที่มือของเด็กสาว คล้ายมีคราบเลือดเปรอะเปื้อนอยู่ ทำให้สัญชาตญาณหมอของซูอวี้หนิงถูกกระตุ้นในทันที

ร่างบางลืมความเจ็บปวดของตนเอง ก่อนรีบย่อตัวลงเข้ามาหาเด็กสาวตรงหน้า

“เจ้าได้รับบาดเจ็บหรือ?”

โจวจวงจื่อที่นั่งอยู่ที่พื้นชะงักไปเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของอีกฝ่ายที่มองมาที่ตนเอง คล้ายต้องการคำตอบ นางจึงรีบสายหน้าปฎิเสธอย่างรวดเร็ว

“ไม่… ไม่ใช่ข้า แต่เป็นเจ้านี่” 

โจวจวงจื่อเบี่ยงตัวไปด้านข้างเล็กน้อย ทำให้ซูอวี้หนิงเห็นร่างเล็ก­ ๆ ที่มีขนสีขาวนอนหายใจรวยรินอยู่ไม่ไกลจากที่ทั้งสองคนนั่งอยู่

มันคือกระต่ายน้อยสีขาว น่ารักตัวหนึ่ง

“มันคือกระต่ายน้อยที่ข้าเลี้ยงเอาไว้ตั้งแต่เด็ก เมื่อเช้าข้าได้ยินเสียงไก่ร้องดังขึ้นที่สวนด้านหลังตอนกำลังจะเอาอาหารเช้าไปให้เจ้า ข้ารู้สึกแปลกใจจึงเดินเข้ามาดู ปรากฏว่า มีหมาป่าตัวหนึ่งบุกเข้ามาจะกินไก่ที่เล้า โชคดีที่มีพี่ใหญ่ตามมาด้วย ทำให้สามารถไล่มันออกไปได้ แต่เจ้าเสี่ยวเถา…ข้าหมายถึงกระต่ายป่าตัวนี้ กลับถูกมันกัดไปด้วย”

โจวจวงจื่อที่เล่าเรื่องให้ซูอวี้หนิงได้ฟัง ก็เล่าออกมาทั้งน้ำตา

ซูอวี้หนิงมองไปที่กระต่ายสีขาวตัวนั้น ก่อนจะยื่นมือออกมาสัมผัสชีพจรของมันเล็กน้อย

มันยังมีลมหายใจอยู่…

ซูอวี้หนิงที่เห็นดังนั้นจึงอุ้มมันขึ้นมา เพื่อตรวจดูสภาพบาดแผลภายนอกของมัน ก่อนจะพบว่า โชคดีที่มันถูกกัดเพียงช่วงขาหลังเท่านั้น ไม่ได้ถูกจุดสำคัญ แต่ที่มันมีสภาพเช่นนี้เป็นเพราะเสียเลือดมากเกินไป

มันยังพอจะมีชีวิตรอดได้

เมื่อคิดได้ดังนั้น ซูอวี้หนิงจึงตัดสินใจจะอุ้มมันกลับไปที่เรือน เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บของมัน

“เสี่ยวซู เจ้าจะทำอะไร!!” โจวจวงจื่อที่เห็นว่าอีกฝ่ายอยู่ ๆ ก็อุ้มกระต่ายน้อยของตนเองเดินกลับไปก็ร้องถามออกมาด้วยความตกใจ

“รักษามัน” เสียงตอบราบเรียบดังมาจากหญิงสาวที่อยู่ด้านหน้า กลับทำให้นางตกใจมากยิ่งกว่า

ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งถ้วยชา ซูอวี้หนิงก็เดินมาถึงเรือนที่อยู่ด้านหน้า 

นางวางกระต่ายน้อยตัวสีขาวลง ก่อนจะหันกลับมามองหน้าสองคนที่เดินตามหน้ามาจากทางสวนด้านหลัง

“เจ้าไปเอาผ้าสะอาดมาหลาย ๆ ผืน รวมถึงกรรไกร เข็ม และด้ายมาด้วย” ซูอวี้หนิงมองไปที่โจวจวงจื่อพร้อมกับสั่งการ

“จะ เจ้าจะทำอะไรมัน”

“รีบไป อย่าถามมากความ"­ ซูอวี้หนิงปฏิเสธที่จะอธิบายให้โจวจวงจื่อฟัง 

โจวจวงจื่อลังเลเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมีท่าทีจริงจัง ไม่ได้ล้อเล่นเลยแม้แต่น้อย นางจึงรีบหมุนตัววิ่งเข้าไปในเรือนเพื่อหยิบของตามที่อีกฝ่ายต้องการ

“ข้ายังต้องการน้ำร้อนอีกด้วย” เมื่อเห็นว่าโจวจวงจื่อวิ่งเข้าไปด้านในแล้ว ซูอวี้หนิงที่นั่งอยู่จึงมองไปที่โจวจื่อเฉียงพร้อมบอกในสิ่งที่นางต้องการอีกหนึ่งอย่าง

ไม่นานนัก โจวจวงจื่อก็วิ่งกลับออกมาจากเรือนด้วยลมหายใจหอบถี่ ในมือเต็มไปด้วยของตามที่ซูอวี้หนิงขอ ไม่ว่าจะเป็นผ้าสะอาดหลายผืน กรรไกร เข็ม และด้าย

โจวจื่อเฉียงเองก็ยกกาน้ำร้อนเดินตามออกมาจากครัวด้วยความระมัดระวัง

“ข้าเอาของมาครบแล้ว!”

โจวจวงจื่อยื่นของทุกอย่างให้ด้วยสีหน้ากังวล ขณะที่ยังคงเหลือบมองกระต่ายน้อยบนผ้าอย่างไม่วางตา

ซูอวี้หนิงรับของมาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเริ่มลงมือทำความสะอาดมือของตนเองอย่างละเอียดด้วยน้ำร้อนที่โจวจื่อเฉียงนำมาให้ นางเช็ดมือด้วยผ้าสะอาดจนแห้งสนิท แล้วค่อยเริ่มจัดการกับบาดแผลของกระต่าย

นางใช้กรรไกรตัดขนบริเวณที่เปรอะเปื้อนเลือดออกอย่างระมัดระวัง เผยให้เห็นรอยกัดที่ขาหลังซึ่งยังคงมีเลือดซึมออกมา

ซูอวี้หนิงใช้ผ้าชุบน้ำร้อนเช็ดทำความสะอาดรอบบาดแผลอย่างเบามือ แม้กระต่ายน้อยจะดิ้นด้วยความเจ็บ แต่หญิงสาวก็กดมันให้อยู่นิ่งด้วยความมั่นคง

“อดทนหน่อยนะ เจ้าเสี่ยวเถา” นางเอ่ยเสียงนุ่ม คล้ายกำลังปลอบใจสัตว์ตัวเล็กให้มีกำลังใจ

เมื่อแน่ใจว่าแผลสะอาดดีแล้ว ซูอวี้หนิงจึงหยิบเข็มและด้ายขึ้นมา นางใช้ปลายเข็มจุ่มลงในน้ำร้อนเพื่อฆ่าเชื้อ จากนั้นจึงเริ่มเย็บปากแผลอย่างระมัดระวัง

โจวจื่อเฉียงเองก็ยืนนิ่งอยู่ด้านข้าง จับตามองทุกการเคลื่อนไหวของซูอวี้หนิงด้วยความทึ่ง เขาไม่เคยเห็นเด็กสาวตรงหน้าทำท่าทางสุขุมเยือกเย็นเช่นนี้มาก่อน

ไม่นาน การเย็บแผลก็เสร็จสิ้น ซูอวี้หนิงใช้ผ้าสะอาดพันรอบขาหลังของกระต่ายแน่นพอสมควรเพื่อห้ามเลือด ก่อนจะวางมันลงบนผ้าสะอาดอีกผืน

“ตอนนี้มันปลอดภัยแล้ว แต่ยังต้องพักผ่อนให้มาก และต้องเปลี่ยนผ้าพันแผลทุกวัน” นางเอ่ยพลางถอนหายใจเบา ๆ ราวกับยกภูเขาออกจากอก

โจวจวงจื่อที่นั่งอยู่ใกล้­ ๆ ถึงกับน้ำตาคลออีกครั้ง แต่ครั้งนี้เป็นเพราะโล่งอก

“เสี่ยวซู ขอบคุณเจ้ามาก… ข้าคิดว่าเสี่ยวเถาจะต้องตายเสียแล้ว”

“ไม่เป็นไร จากนี้ไปเจ้าต้องดูแลมันดี ๆ”

โจวจวงจื่อพยักหน้ารับทั้งน้ำตา ส่วนโจวจื่อเฉียงที่ยืนมองอยู่ก็ลอบถอนหายใจยาว ความรู้สึกผิดที่ทำให้ซูอวี้หนิงเจ็บไหล่เมื่อครู่ยิ่งทวีคูณ

“เสี่ยวซู… เรื่องเมื่อครู่ ข้าขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจ…” เขาเอ่ยเสียงสั่น

ซูอวี้หนิงหันไปมองอีกฝ่าย ก่อนส่ายหน้ายิ้มบาง “ข้าไม่เป็นอะไรมากหรอกพี่ใหญ่ เพียงตกใจเท่านั้น”

บรรยากาศที่ตึงเครียดเมื่อครู่ค่อย­ ๆ คลายลง เหลือเพียงความอบอุ่นและความโล่งอกที่ปกคลุมเรือนเล็กหลังนี้

แต่เหตุการณ์เมื่อครู่ทั้งหมดนั้น กลับตกอยู่ภายในสายตาของใครบางคนอยู่ตลอดเวลา เพียงไม่นาน เงาร่างปริศนาก็พลันหายไปอย่างรวดเร็ว โดยที่ทั้งสามคนไม่ได้รู้สึกตัวถึงการมีอยู่ของเขาเลยสักนิดเดียว

…………………..

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ฮูหยินวิปลาส.   บทที่18 ฉากหลังของแต่ละคน2

    ตอนที่ 18“ลองกล่าวมา เห็นด้วยหรือไม่ข้าจะตัดสินเอง” โจวต้าซานกล่าวเสียงแข็ง เพราะสถานการณ์ตอนนี้เขาเองก็มองไม่เห็นทางออกใด ๆ ได้เลยเช่นกัน“ตอนนี้เสี่ยวซูเองก็อยู่วัยต้องออกเรือนแล้ว มิสู้ใช้เรื่องนี้ ให้เสี่ยวซูออกเรือนไปกับเฟิ่งอวี่เซียน…”ปัง!!“เจ้าจะบ้าหรือ!!” ยังไม่ทันที่หลี่เจิ้นกัวจะกล่าวจบ เยี่ยหลัวก็ตวาดขึ้นทันทีใบหน้าของเขาเกรี้ยวกราด คนอื่น ๆ ที่นั่งอยู่ก็ขมวดคิ้วพร้อมทำสีหน้าอย่างไม่เห็นด้วยเช่นกัน“แต่ข้ากลับเห็นด้วยกับเจิ้นกัว” ยังไม่ทันที่บรรยากาศภายในกระท่อมจะสงบ เสียงของใครบางคนก็ดังขึ้นมาจากทางด้านหน้าประตู เสียงนั้นแม้ไม่ดังนัก ทว่ากลับแฝงพลังหนักแน่นจนทุกคนเงียบกริบ เงาร่างในผ้าคลุมก้าวเข้ามาทีละก้าว เสียงฝีเท้าเบาราวกับลมพัด แต่ละก้าวกลับทำให้บรรยากาศภายในกระท่อมแปรเปลี่ยนไปในทันใด“ท่านหมอหู…” โจวต้าซานเอ่ยออกมาช้า ๆ ดวงตาเผยแววตื่นตระหนก เพราะน้อยครั้งนักที่หูเทียนเหิงจะเข้าร่วมพูดคุยในที่ลับเช่นนี้ มีเพียงคำสั่งของนายหญิงเท่านั้นที่จะสั่งการเขาได้ แต่การที่อีกฝ่ายมาปรากฏตัวที่นี่ นั่นย่อมต้องมีเรื่องที่เกี่ยวกับนายหญิงที่ล่วงลับไปอย่างแน่นอนหูเทียนเหิงเข้

  • ฮูหยินวิปลาส.   ตอนที่17 ฉากหลังของแต่ละคน1

    ตอนที่ 17กลางดึก ฟ้ามืดสนิทราวกับผืนผ้าไหมดำ เงาเมฆบดบังแสงจันทร์จนทั่วทั้งป่าดูลึกลับน่าหวาดหวั่น เสียงจิ้งหรีดแผ่วเบาดังก้องอยู่ไกล ๆ สายลมเย็นพัดผ่านใบไม้เกิดเสียงซู่ซ่าดั่งเสียงกระซิบภายในกระท่อมไม้หลังเล็กกลางป่าลึก แสงตะเกียงเพียงดวงเดียวส่องแสงวาบวับ เผยให้เห็นเงาร่างของคนสิบกว่าคนในชุดอาภรณ์ดำที่ปกปิดตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า พวกเขานั่งเรียงรายอยู่รอบโต๊ะไม้เก่า ทุกสายตาจับจ้องไปยังชายชราผู้หนึ่งที่นั่งอยู่หัวโต๊ะ ที่ทุกคนในหมู่บ้านเรียกเขาว่า โจวต้าซาน หรือท่านลุงโจวโจวจื่อเฉียงยืนอยู่ด้านหลังของบิดาด้วยทีท่าสงบ ไม่มีท่าทางขี้เล่นเหมือนที่แล้วมาแต่อย่างใด ทุกคนที่อยู่ภายในกระท่อมต่างทำความเคารพทั้งสองคนชุดดำที่เห็นว่าทั้งสองคนพ่อลูกเดินทางมาถึงแล้วพวกเขาก็ต่างถอดผ้าคุมหน้าออก เผยให้เห็นใบหน้าที่อยู่ด้านใน หากคนภายในหมู่บ้านเห็นคนเหล่านี้ ทุกคนจะรู้จักพวกเขาทั้งหมด เพราะพวกเขาเหล่านี้ต่างใช้ชีวิตแฝงตัวอยู่ภายในหมู่บ้าน เป็นชาวบ้านทั่วไป จนคนในหมู่บ้านต่างหลงลืมไปแล้วว่าพวกเขาเป็นคนต่างถิ่นที่มาอาศัยภายในหมู่บ้านนี้เพียงสิบกว่าปีนี้เท่านั้น“เรื่องข่าวลือจัดการเรียบร้อยแล้วหรือไ

  • ฮูหยินวิปลาส.   ตอนที่16 ข่าวลือที่แพร่สะพัด

    ตอนที่ 16เพียงไม่นานหลังจากเหตุการณ์นั้น เสียงลือเสียงเล่าอ้างก็แพร่กระจายรวดเร็วราวไฟลามทุ่ง จากปากของชาวบ้านที่อยู่ริมธาร ทั้งหมู่บ้านต่างพูดถึงเรื่อง “หญิงวิปลาสที่กล้าจูบศพชายที่ลอยน้ำมา”ซูอวี้หนิงที่นั่งอยู่ข้างเตียงคนเจ็บเพื่อเฝ้าดูอาการเขาอย่างเงียบงันไม่ได้รับรู้ถึงเรื่องเล่านี้เลยแม้แต่น้อย เสียงลมพัดผ่านหน้าต่างไม้ไผ่เบา ๆ กลิ่นยาสมุนไพรยังลอยคลุ้งในอากาศ ชายที่อยู่บนเตียงยังคงไม่ได้สติ แต่สีหน้าดูสงบขึ้นมาก ชีพจรสม่ำเสมอขึ้นทีละน้อย“ซูอวี้หนิง!”เสียงทุ้มแหบของชายวัยกลางคนดังขึ้นจากด้านนอกก่อนร่างของ ลุงโจว จะปรากฏที่หน้าประตู สีหน้าของเขาในตอนนี้กลับเคร่งขรึมและไม่สบอารมณ์นัก และนี่เป็นครั้งแรกเช่นกันที่โจวจวงจื่อจะเห็นสีหน้าของบิดาที่มักจะอ่อนโยนต่อซูอวี้หนิงอยู่เสมอ แสดงสีหน้าน่ากลัวเช่นนี้ซูอวี้หนิงเงยหน้าขึ้นไม่ได้มีท่าทีหวาดกลัวอีกฝ่ายแต่อย่างใด ต่างจากโจวจวงจื่อที่ตอนนี้กระโดดหลบไปอยู่ด้านหลังของซูอวี้หนิงอย่างไม่รู้ตัว พร้อมกับตกใจจนหน้าซีดเผือดลุงโจวเดินเข้ามาในเรือนด้วยสีหน้าบึ้งตึง ดวงตาเขาเหลือบไปมองร่างชายแปลกหน้าที่นอนอยู่บนเตียง ก่อนจะหันกลับมามองหน้าซู

  • ฮูหยินวิปลาส.   ตอนที่15 ช่วยชีวิต

    ตอนที่15ซูอวี้หนิงโน้มตัวลงโดยไม่ลังเล มือทั้งสองประคองใบหน้าของชายหนุ่มให้หงายขึ้น ดวงตาเธอแน่วแน่ไร้ความลังเลใด ๆ“จวงจื่อ รีบหาผ้ามาซับตัวเขาไว้ก่อน แผลตรงหัวไหล่ห้ามให้โดนน้ำอีก!”เสียงสั่งนั้นหนักแน่นและเฉียบขาดจนอีกฝ่ายรีบทำตามโดยไม่กล้าซักถาม ซูอวี้หนิงยกคางชายผู้นั้นขึ้นเล็กน้อย ใช้นิ้วตรวจโพรงปากอย่างรวดเร็วเพื่อดูว่ามีสิ่งใดขวางอยู่หรือไม่ ก่อนสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วโน้มตัวลงริมฝีปากอุ่นสัมผัสกับริมฝีปากเย็นเฉียบของชายแปลกหน้า นางเป่าลมหายใจเข้าไปอย่างสม่ำเสมอ สลับกับกดหน้าอกตามจังหวะที่คำนวณไว้ในใจ เสียงน้ำที่หยดลงจากปลายผมของนางผสมกับเสียงลมหายใจที่เป่ารัว ๆ กลายเป็นจังหวะที่เร่งเร้าทุกคนที่ยืนดูอยู่เงียบกริบ บ้างก็เอามือปิดปาก บ้างก็หันหน้าหนีไปทางอื่น ความตกใจและความหวาดกลัวปรากฏบนใบหน้าโดยไม่ปิดบัง“นาง... นางกำลังทำอะไรกับศพนั้นกัน?!”“บาปหนา! นางเป็นบ้าไปแล้ว!”คำพูดของชาวบ้านที่มาที่ริมลำธารต่างวิพากษ์วิจารณ์เสียงดัง แต่ซูอวี้หนิงไม่ได้ยินสักคำ เสียงในหัวนางมีเพียงจังหวะชีพจรที่พยายามตามหา ความเงียบงันในวินาทีนั้นยาวนานราวนิรันดร์จนกระทั่ง —“แค่ก! แค่ก แค่กกก!”เ

  • ฮูหยินวิปลาส.   ตอนที่14 อคติ

    ตอนที่ 14แสงอาทิตย์ยามสายส่องลอดผ่านยอดไม้เข้ามาในลานเล็ก ๆ ด้านหน้าบ้านของซูอวี้หนิง กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของสมุนไพรที่ถูกต้มไว้ตั้งแต่รุ่งเช้าโชยคลุ้งไปทั่ว เรื่องที่มีคนถูกหมาป่ากัดเมื่อคืนนี้เองก็รับรู้กันทั่วทั้งหมู่บ้าน“ได้ยินว่าเมื่อคืนมีคนถูกหมาป่ากัด!"“ใช่ ๆ ว่ากันว่าเลือดไหลแทบหมดตัว แต่ซูอวี้หนิงใช้วิธีแปลก ๆ เย็บแผลเอาไว้จนยังมีชีวิตอยู่” “เย็บแผล? ใช่หรือไม่ที่ว่ากันว่าเหมือนเอาเข็มร้อยผ้าของหญิงสาวมาใช้กับร่างคน!”“ข้าบอกแล้วว่านางเป็นหญิงบ้าคนหนึ่ง จะมาเป็นหมอได้อย่างไร?”เสียงซุบซิบเริ่มกระจายเป็นวงกว้างมากขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับคลื่นน้ำที่ซัดกระทบผนังไม้ไม่หยุดหย่อน ครั้งนี้ไม่ใช่เพียงความสงสัย แต่ปนด้วยความกลัวและรังเกียจ“ได้ยินมาว่า นางเย็บเนื้อคนเข้าด้วยกันจริง ๆ!”“ข้าเห็นกับตาเมื่อคืน เลือดเต็มมือ เหมือนพวกวิปลาสเลยต่างหาก!”“หากวันหนึ่งนางถือมีดไปปาดคอผู้อื่น ใครจะรับผิดชอบ!”ซูอวี้หนิงและคนอื่น ๆ ไม่ได้รับรู้ข่าวลือที่แพร่กระจายออกไปเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะเมื่อคืนกว่านางจะได้นอนก็เกือบรุ่งสางเสียแล้ว นางได้นอนพักสายตาชั่วครู่ ก็ตื่นขึ้นมาเพื่อดูอาการของผู้ป่วยก่อน แ

  • ฮูหยินวิปลาส.   ตอนที่13 ผู้ป่วยคนแรก

    ตอนที่ 13ยามดึกคืนนั้น แสงจันทร์ข้างแรมสาดผ่านม่านไม้ไผ่เข้ามาในห้องพักของซูอวี้หนิง นางเพิ่งจะวางแผ่นไม้ไผ่ที่จดบันทึกตำราสมุนไพรลงบนโต๊ะ กำลังเตรียมจะดับตะเกียงเพื่อพักผ่อน ทว่าทันใดนั้นกลับได้ยินเสียงโกลาหลดังมาจากลานด้านหน้าเสียงฝีเท้าหนักรีบร้อนดังขึ้นพร้อมเสียงของโจวจวงจื่อ“เสี่ยวซู! เร็วเข้า! มีคนเจ็บ ถูกหมาป่ากัด”ประตูไม้ถูกเคาะแรง ๆ สามครั้ง ซูอวี้หนิงรีบลุกขึ้นผลักประตูออกไป เห็นโจวจวงจื่อใบหน้าซีดเผือดเต็มไปด้วยเหงื่อ ส่วนด้านหลัง โจวจื่อเฉียงกำลังประคองชายหนุ่มร่างใหญ่ที่แขนขวาถูกกัดจนเนื้อฉีก เห็นได้ชัดว่าถูกหมาป่าฉีกกระชาก เลือดสดไหลทะลักจนชุ่มเสื้อผ้าแต่แทนที่ซูอวี้หนิงจะตื่นตกใจ นางกลับใจเย็นอย่างที่สองพี่น้องโจวไม่เคยเห็นมาก่อน“พาเข้ามาในเรือนด้านหน้าก่อน แล้วให้ใครก็ได้ไปตามหมอหู!” เสียงนางเด็ดขาดโดยไม่ลังเล“ข้าให้คนไปตามแล้ว” โจวจื่อเฉียงที่หามคนเจ็บมากล่าวด้วยน้ำเสียงเข้มไม่นาน หมอหูก็มาถึงด้านหน้าเรือนของซูอวี้หนิง ใบหน้าเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด แต่ทันทีที่เห็นบาดแผลที่แขนชายหนุ่ม เขาก็ขมวดคิ้วแน่น “บาดแผลลึกมาก หากเสียเลือดมากกว่านี้ เกรงว่าจะไม่รอดถึงรุ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status