คำเตือน!! เรื่องราวอาจจะมี NC18+ บ้าง หากใครละเอียดอ่อนในเรื่องนี้ไม่แนะนำนะคะ ............. หลังจากสูญเสียเพื่อนรักได้ไม่นาน ก็ถึงคราวที่นางต้องตายบ้าง แต่ใครจะคิดว่าความตายนี้กลับเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวที่แสนเร่าร้อน ก็จะไม่ให้เร่าร้อนได้อย่างไร ในเมื่อโผล่มาตอนที่เจ้าของร่างนี้กำลังถูกกระทำก่อนจะเป็นฝ่ายพลิกมากระทำด้วยตัวเองหวังลดความเร่าร้อนแสนทรมานในร่างกาย แต่ขึ้นชื่อว่าชะตาชีวิตของอดีตนางร้ายมีหรือจะราบรื่น ไหนจะต้องพยายามเอาชีวิตรอดจากกระทำของบิดา แม่สามีก็จ้องจะงับหัว ใครไม่เป็นนางไม่รู้หรอก... ปล.นิยายเรื่องนี้มีเนื้อหาเกี่ยวพันกับเรื่อง ‘พระเอกคลั่งรักข้ามาก รู้หรือไม่’ สามารถแยกอ่านได้แต่... เพื่ออรรถรสควรไปอ่านเรื่องดังกล่าวก่อนเพื่อความเข้าใจในเนื้อเรื่อง
View Moreบทนำ
ท่ามกลางไอร้อนที่พร่ามัวบุรุษที่นั่งแช่อยู่ในน้ำร้อนเริ่มรู้สึกแปลกไป ในคราแรกเขาคิดว่าอาจจะเป็นเพราะตนแช่น้ำเป็นเวลานานเกินไป จึงเกิดความรู้สึกแปลกประหลาดร่างกายร้อนวูบวาบอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ยิ่งพยายามคงไว้ซึ่งสติเท่าใดมันยิ่งรางเลือนเท่านั้น
แกร๊ก! เสียงประตูห้องเปิดออกก่อนจะที่ได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้น เนื่องจากระวังตัวอยู่แล้วเขาจึงรีบออกจากถังอาบน้ำก่อนจะรีบคว้าอาภรณ์ตัวในมาคลุมไว้
“อื้อ!” เสียงร้องของสตรีดังขึ้นก่อนจะได้ยินเสียงคนดิ้นพล่านบนเตียงไปมา
“นั่นใคร?” เขาตะโกนถามเสียงดังพลางกัดฟันข่มความรู้สึกแปลกประหลาดของตน
“อึก! กรอด...” เสียงที่ดังมายังคงมีเพียงเสียงดิ้นและเสียงคล้ายกำลังอดกลั้นบางสิ่งบางอย่าง
โหวซื่อจื่อที่สวมใส่อาภรณ์ตัวนอกเรียบร้อยแล้วเดินออกมาหลังฉากกั้นด้วยท่าทางระแวดระวัง
“ช่วย...ข้า” สตรีที่นอนดิ้นกระสับกระส่ายอยู่บนเตียงส่งเสียงบอกด้วยท่าทีอ่อนแรงลงเรื่อย ๆ
“เจ้าเป็นใคร” เขาเอ่ยถามเสียงแหบพร่า กลิ่นหอมฉุนจากกายของสตรีตรงหน้าทำให้ร่างกายของเขายิ่งรู้สึกร้อนรุ่ม แต่ก็ยังรั้งฝีเท้าไม่ให้เดินเข้าไปใกล้อีกฝ่ายจนเกินงาม
‘นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมฉันถึงได้รู้สึกทรมานอย่างนี้’ สตรีที่นอนอยู่บนเตียงดวงตาเบิกโพลงก่อนจะดีดตัวลุกนั่งอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นว่าตรงหน้ามีผู้ชาย เธอจึงรีบโผเข้าหาอย่างไม่อาจห้ามปรามตนเองได้
เมื่อได้สัมผัสสตรีแทนที่หลวนจิ้นฝานจะผลักออกแต่เขากลับยินดีตอบรับสัมผัสนั้นสติเลือนหายพร้อมกับยาบางอย่างที่ออกฤทธิ์เต็มที่ ร่างสูงตอบรับสัมผัสของสตรีที่เขาไม่คิดจะสนใจหน้าตาของนาง
“อ๊า! ดีมาก” เธอสาบานได้มันเป็นสิ่งที่ส่งเสียงออกไปอย่างไม่อาจควบคุมตัวเองได้ แม้จะยังไม่เข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นแต่ทว่าความทรมานที่เกิดขึ้นในร่างกายทำให้เธอเลือกที่จะใช้สัญชาตญาณแทนการคิดไตร่ตรองอย่างมีสติ
อาภรณ์ถูกปลดเปลื้องไปอย่างรวดเร็วก่อนที่ผู้ตรวจการหลวนผู้มีท่าทางเย็นชาจะบุกรุกสตรีตรงหน้าด้วยสัมผัสหยาบโลนไร้ซึ่งความอ่อนโยน ทุกอย่างเป็นเพียงการปลดปล่อยหวังให้หลุดพ้นจากความทรมาน เขาจับขาของนางแยกออกก่อนจะกดแท่งหยกลงตรงกลางจุดอ่อนไหว มือใหญ่กดคลึงอยู่บริเวณนั้นครู่หนึ่งก่อนจะดันส่วนแข็งขึงเข้าไปในส่วนลึกสุดอย่างไร้ปรานี
“เจ็บ มันเจ็บปล่อยเดี๋ยวนี้นะ” แม้จะทรมานจะร่างแทบแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ แต่การถูกล่วงล้ำในจุดสำคัญก็ทำให้เธอเจ็บจนน้ำตาแทบไหล ริมฝีปากน้อย ๆ เอ่ยปากไล่สวนทางกับร่างกายที่พยายามบดเบียดเข้าหาร่างกายกำยำ
“อ๊า!” โหวซื่อจื่อครวญครางออกมาอย่างสุขสมก่อนจะขยับกายอย่างไร้ความปรานี เขามุ่งมั่นที่จะปลดปล่อยเพื่อคลายความทรมานในร่างกายโดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกเช่นไร
แต่ด้วยฤทธิ์ยาปลุกกำหนัดรุนแรงที่สตรีผู้นั้นได้รับ แม้จะปวดหนึบตรงจุดอ่อนไหวเพียงใด แต่ความทรมานต้องการปลดปล่อยนั้นมากล้นกว่า นางจึงตอบสนองเขาทุกอย่างหวังให้ทุกอย่างมันดีขึ้น
มือใหญ่กอบกุมอกอวบอิ่มแล้วบีบเคล้นคล้ายกับพยายามระบายความกำหนัดของตนก่อนจะก้มลงใช้ลิ้นโลมเลียยอดอกของสตรีที่เด้งไปมายามถูกเขากระแทกกระทั้น ทำให้เรือนร่างเย้ายวนแอ่นรับความเสียวซ่านนั้นอย่างลืมตัว
“อ๊า! มันดีมาก แบบนี้แหละดี” สตรีที่ไร้ประสบการณ์ส่งเสียงครวญครางอย่างถูกใจเนื่องจากมันทำให้นางหลงลืมความเจ็บปวดตรงจุดอ่อนไหวแปรเปลี่ยนเป็นมีความสุขไปกับมัน
แม้จะเคยเห็นผ่านสื่อโซเชียลหรืออ่านฉากเหล่านี้ในนิยายมากมาย แต่ทว่าในความเป็นจริงเธอก็ไม่เคยทำเรื่องเช่นนี้
“อ๊า!” ยิ่งได้ยินคำชมเชยจากสตรี หลวนจิ้นฝานยิ่งรู้สึกฮึกเหิม ก่อนจะรีบเร่งจังหวะเพื่อปลดปล่อยหยาดน้ำสีขาวขุ่นในส่วนลึกหวังลดความร้อนรุ่มในร่างกาย
“ข้า...ข้า อ๊า!” เรือนร่างเย้ายวนของสตรีเพศเกร็งก่อนจะกระตุกพร้อมกับเขาที่ปลดปล่อยหยาดน้ำสีข่าวขุ่นในส่วนลึก
เขานิ่งค้างในท่าที่นั่งคุกเข่าอยู่ตรงกลางหว่างขาของนางเช่นนั้นอยู่ชั่วครู่แม้ฤทธิ์ของยาปลุกกำหนัดจะลดลงแล้ว แต่มือเนียนที่ยังคงลูบไล้ไปมาบริเวณต้นขาขึ้นไปยังบริเวณท้องของเขาทำให้ความปรารถนาก่อเกิดขึ้นไม่จางหาย
นัยน์ตาคมจับจ้องดวงหน้าของสตรีที่ผัดแป้งเติมชาดจนหนาเตอะก่อนจะขยับกายกระแทกกระทั้นแท่งหยกเข้าในส่วนลึกอีกครั้งตามสัญชาตญาณและความปรารถนาที่ต้องการปลดปล่อยจากเบื้องลึกในจิตใจ
เขาจับสตรีผู้นี้พลิกซ้ายพลิกขวาจนอีกฝ่ายแน่นิ่งไปถึงจะยอมผละออกห่างแล้วล้มตัวลงนอนด้านข้าง เมื่อฤทธิ์ยาในร่างกายหมดไปแล้วความอ่อนเพลียจากการปลดปล่อยก็เข้าจู่โจม เขาจึงล้มตัวลงนอนเคียงข้างสตรีผู้นั้นแล้วเข้าสู่ห้วงนิทราไปในทันที
ในห้วงความฝันของหลิวอี้หราน ไม่ว่าเธอจะวิ่งไปทางใดก็มืดไปหมด ในขณะที่เธอกำลังหมดหวังอยู่นั้นสายตาของเธอก็เห็นเหอซือซือเพื่อนรักเพียงคนเดียวที่ตายในเหตุการณ์เครื่องบินตกเมื่อหลายเดือนก่อน มายืนยิ้มให้ก่อนจะส่งเสียงเรียกให้เธอเดินเข้าไปหา
ด้วยความคิดถึงเธอจึงเดินเข้าไปหาเพื่อนอย่างไม่ลังเลแต่เหมือนยิ่งเดินไปอีกฝ่ายก็ยิ่งห่างออกไปเรื่อย ๆ ก่อนที่แสงสว่างจ้าจะทำให้เธอหลับตาลงตามสัญชาตญาณ
“คุณหมอ หัวใจคนไข้หยุดเต้นอีกแล้วค่ะ” เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นทำให้เธอรีบลืมตาขึ้น จึงได้เห็นว่าตอนนี้เธอกำลังยืนอยู่ในห้องสีขาวโพลน รอบกายมีเครื่องมือช่วยชีวิตมากมาย สายตาของเธอสะดุดเข้ากับผู้หญิงที่หน้าเหมือนตัวเองกำลังนอนใส่เครื่องช่วยหายใจอยู่บนเตียง
ติ๊ด...เสียงเครื่องวัดสัญญาณชีพดังลากยาวบ่งบอกว่าไม่พบสัญญาณชีพหรือหัวใจหยุดเต้นไปแล้ว
“เวลาเสียชีวิต...” คุณหมอแจ้งเวลาตายของผู้หญิงบนเตียง
พรึ่บ! ภาพทั้งหมดตัดไปแปรเปลี่ยนเป็นภาพในงานไว้อาลัยที่ครอบครัวจัดให้ เสียงร้องไห้ของพ่อแม่และน้องสาวทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวด
“หนูขอโทษ” เธอเอ่ยพร้อมกับจะยกมือเช็ดน้ำตาที่ไหลรินออกมาจากดวงตาของแม่ ท่าทางร้องไห้แทบขาดใจของมารดาทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวดและเสียใจแต่ทว่ากลับไม่มีน้ำตาไหลออกมา
พรึ่บ! ภาพทั้งหมดหายไปก่อนจะกลับมาอยู่ในที่แห่งเดิมที่รอบตัวมืดมิด
“คุณเป็นใคร” หลิวอี้หรานเอ่ยถามผู้หญิงในชุดฮั่นฝูสีแดงเพลิงที่ยืนอยู่ตรงหน้า
“อีกไม่นานเจ้าก็คือข้า ที่ผ่านมาข้าทำเรื่องชั่วช้าและโง่เขลาไปมาก หวังเพียงเจ้าจะใช้ชีวิตที่เหลือแทนข้าให้ดี”
‘ชุดฮั่นฝู ภาษาโบราณ’ เธอคงไม่ได้ทะลุมิติเข้าไปอยู่ในนิยายหรือย้อนไปในยุคโบราณหรอกมั้ง
“แต่หากเจ้าใช้ชีวิตไม่ดีก็ไม่เกี่ยวกับข้าแล้ว เพราะอย่างไรเจ้าก็ไม่มีที่ไป หากตายอีกครั้งก็อาจจะไม่มีวันได้ผุดได้เกิดอีก” ที่นางเอ่ยวาจาร้ายกาจและโกหกออกไป เพราะอยากให้คนผู้นี้เปลี่ยนแปลงทุกอย่าง ให้ชื่อเสียงที่เหลือของนางยังคงมีความดีงามอยู่บ้าง
“คุณหมายความว่าฉันจะต้องไปเป็นคุณโดยไม่มีทางเลือก และหากคิดจะตายอีกก็จะไม่ได้เกิดอีก”
“ข้าต้องไปแล้ว” ร่างสตรีตรงหน้าไม่ตอบคำถามของเธอพร้อมกับเริ่มเลือนราง
“นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย”
“ไม่ใช่ว่าเจ้าอยากทะลุมิติมาอยู่ในนิยาย ไม่ก็ไปเข้าร่างผู้อื่นแล้วใช้ชีวิตให้ดีหรือ ข้าทำให้เจ้าสมปรารถนาแล้วจงขอบคุณข้าเสีย”
“หา! บ้าไปแล้ว”
“แต่เจ้าจะไม่เหงาไปหรอก สหายที่เจ้าคะนึงหาอยู่ที่นั่นรอเจ้านานแล้ว” สิ้นเสียงร่างของสตรีในชุดฮั่นฝูสีแดงเพลิงก็สลายหายไปหมดพร้อมกับภาพทั้งหมดที่มืดสนิท
“เสี้ยนจู่ ท่านตื่นเถิดขอรับ” เสียงของผู้ชายเสียงแหลมดังขึ้นพร้อมแรงเขย่า
เฮือก! เธอสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดก่อนจะลุกพรวดขึ้นนั่งพร้อมกับความทรงจำทั้งหลายของร่างนี้หลั่งไหลเข้ามาในหัวรวมถึงเรื่องวาบหวามที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ด้วย
‘ฉิบหายแล้ว นี่ฉันทะลุมิติมาเป็นผู้หญิงร้ายกาจและมีพ่อชั่วช้า’ หลิวอี้หรานที่บัดนี้อยู่ในร่างของเสี้ยนจู่เหลียงจิ่วเม่ย บุตรสาวเหลียงอ๋องที่เป็นภัยต่อบังลังก์มังกรจึงถูกสั่งห้ามเข้าเมืองหลวงชั่วชีวิต
“เสี้ยนจู่ ท่านรีบสวมใส่อาภรณ์ให้เรียบร้อย ข้าน้อยจะพาท่านไปพบกับฮ่องเต้และฮองเฮา” บุรุษในชุดโบราณกล่าว จากเสียงที่เล็กแหลม นางคิดว่าคนผู้นี้น่าจะเป็นขันที
“ได้ ๆ” นางตอบรับอย่างงุนงง ก่อนจะใช้ผ้าห่มห่อตัวแล้วเดินลงจากเตียงเข้าไปหลังฉากกั้น
‘ปวดไปทั่วทั้งตัวเช่นนี้ เรื่องที่เกิดขึ้นคงเป็นเรื่องจริง’ ชีวิตช่างโชคร้ายจะทะลุมิติมาทั้งทีก็ดันมาตอนที่เจ้าของร่างอยู่บนเตียงกับผู้ชาย หรือเพราะความดุดันของคนผู้นั้นเลยทำให้ผู้หญิงคนนี้มีความสุขจนขาดใจตาย
แต่...ความสุขกับผีอะไรกัน เอาแต่กระแทกกระทั้นไม่อ่อนโยนนุ่มนวลเลย คิดแต่จะมีความสุขอยู่ฝ่ายเดียว หากไม่เพราะเธอพยายามแอ่นหน้าอกล่อหูล่อตา เขามีหรือจะหยอกเย้าสร้างอารมณ์ร่วมให้เธอ
ไม่คิดเลยว่าการทะลุมิติที่เคยพร่ำบ่นว่าอยากลองจะกลายเป็นเช่นนี้ นี่มันเรื่องสยองขวัญชัด ๆ
หากเป็นผู้อื่นยามนี้คงนอนไม่หลับเพราะตื่นเต้นที่จะได้เข้าพิธีกราบไหว้ฟ้าดิน แตกต่างจากคู่นี้มากนักที่หลับสนิทจนเป่าหลิงสาวใช้คนสนิทของคุณหนูจูต้องเข้ามาปลุก จูเฉ่าเหมยอยู่ในอาภรณ์สีแดงที่ปักด้วยตนเอง ดวงหน้าหวานเต็มไปด้วยความสุขเปล่งประกาย “หยุดมองหน้าข้าเช่นนั้นได้แล้วเป่าหลิง” คุณหนูจูกล่าวพลางนึกกล่าวโทษบุรุษที่มีอ้อมกอดอบอุ่นทำให้นางหลับสนิทจนถูกสาวใช้มาพบเข้าว่ามีบุรุษลอบมานอนร่วมเตียง “บ่าวเพียงดีใจเจ้าค่ะที่คุณหนูได้เจอบุรุษที่รักท่านมากเช่นใต้เท้าจิ้น” วันรุ่งขึ้นก็จะเข้าพิธีแล้ว แต่ใต้เท้าจิ้นยังลอบปีนหน้าต่างเข้ามาหาว่าที่ฮูหยินของตน ช่างรักใคร่กันมากเสียจริง “ข้าก็ดีใจที่บุรุษรูปงามเช่นเขาเลือกข้า แล้
“ข้าว่าแท้จริงเขาอยากแต่งตั้งแต่สามเดือนก่อนแล้ว แต่จนใจที่ไม่มีฤกษ์ดีเลย จึงพยายามเสาะหานักพรต ไต้ซือที่พอจะหาฤกษ์ดีที่รวดเร็วได้ จนได้ฤกษ์นี้มา ซึ่งเป็นเพียงฤกษ์เดียวที่จะสามารถทำให้เขาได้แต่งฮูหยินภายในปีนี้ได้” นอกนั้นต้องรอนานถึงปีหน้า “ใต้เท้าจิ้นช่างมีความพยายาม” “แต่ก็แพ้ข้า เพราะนอกจากข้ามีความพยายามแล้วข้ายังแข็งแรงมาก” “เจ้าค่ะ ท่านพี่ของข้าเก่งกาจที่สุด ทุกวันนี้ข้าหลงท่านจนโงหัวไม่ขึ้นแล้ว” คนผู้นี้ชอบให้นางชมเชยเช่นนี้บ่อยครั้ง หากนางไม่ยอมเอ่ยปากชมเขา ค่ำคืนนั้นเขาจะรุกเร้านางจนนางไม่ได้หลับไม่ได้นอนเอาแต่ส่งเสียงร้องครวญครางไม่หยุด “ข้าก็รักและหลงเจ้ายิ่งนัก ฮูหยินของข้า” หลวนจิ้นฝานกอดฮูหยินของตนเอาไว้ด้วยความรัก 
‘ที่ผ่านมาข้าเข้าใจผิดใช่หรือไม่’ ยามนั้นที่นางใช้มือช่วย มิใช่ปลดปล่อยครั้งเดียวเขาก็หมดแรงแล้วหรือ “ครานี้เจ้ากระจ่างแจ้งแก่ใจแล้วใช่หรือไม่ ว่าข้านั้นหาได้อ่อนหัด และข้าก็แข็งแรงมากพอจะทำให้เจ้าหลงใหลข้า” คำกล่าวของเขาทำให้ดวงหน้าหวานแดงก่ำด้วยความเขินอาย แท้จริงวันนั้นเขาแกล้งหลับ ‘ปลดปล่อยแค่ครั้งเดียวก็หมดแรงแล้วหรือ ช่างอ่อนหัดยิ่งนัก หากอยากให้สตรีหลงใหลท่านต้องแข็งแรงกว่านี้ เข้าใจหรือไม่’ นั่นคือวาจาที่นางกล่าวกับบุรุษที่นอนหมดแรงจนเข้าสู่ห้วงนิทราหลังจากที่ขอให้นางใช้มือช่วยเขาปลดปล่อย “ที่แท้เป็นข้าที่หลวมตัวให้หมาป่าห่มหนังแกะเช่นท่าน” “เจ้าจงจำไว้ว่าต่อนี้อย่าได้ดูแคลนสามีเรื่องอุ่นเตียงเด็ดขาด มิเช่นนั้นเจ้าอาจจะไม่มีแรงแ
“เช่นนั้นก็อย่าได้ชักช้าเลย” กล่าวจบเขาก็โอบรั้งเอวคอดกิ่วของนางให้เข้ามาแนบชิด มือใหญ่จับใบหน้าเล็กเอาไว้ก่อนจะกดริมฝีปากลงบนกลีบปากสีอ่อน ลิ้นร้อนบุกรุกเข้าโพรงปากนุ่มเกี่ยวกระหวัดพัวพันปลุกเร้าความปรารถนา ความสัมผัสวาบหวามทำให้นางอ่อนระทวย อาภรณ์ถูกถอดออกอย่างเร่งรีบ รู้ตัวอีกคราทั้งนางและเขาก็เปลือยเปล่า เขาดันตัวให้นางเอนกายนอนลงบนเตียง มือใหญ่ลูบไล้ไปตามผิวกายอ่อนนุ่ม ก้อนเต้าหู้อวบอิ่มสั่นไหวไปตามการขยับตัวยั่วเย้าให้เขาสัมผัสและเคล้นคลึงมัน ยอดอกชูชันทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะหยอกเย้าด้วยปลายลิ้นก่อนจะดูดกลืนอย่างหิวกระหาย “อ๊า...” เหลียงจิ่วเม่ยส่งเสียงร้องครวญครางพลางบิดกายไปมาอย่างรัญจวน เมื่อหยอกเย้ายอดอกอวบอิ่มจนพอใจแล้ว เขาเลื่อนกายลงสู่ตรง
21 ร่วมกราบไหว้ฟ้าดินด้วยความเต็มใจ ด้านแคว้นซีหนาน หลังจากได้มีการจัดงานเลี้ยงต้อนรับภายในวังหลวงอย่างอบอุ่นแล้ว ฮ่องเต้จงเจียเย่ที่ปลื้มปีติเพราะได้พบเจอทายาทเพียงคนเดียวของพี่สาวฝาแฝด รีบออกราชโองการแต่งตั้งเหลียงจิ่วเม่ยให้เป็นองค์หญิงขั้นหนึ่งมีพระราชทินนามว่า ‘จงจิ่ว’ มีบรรดาศักดิ์เทียบเท่าองค์หญิงที่ประสูติแต่ฮองเฮาเพื่อชดเชยความรู้สึกผิดในใจของพระองค์เอง 
พรึ่บ! ทว่าบุรุษที่อยู่ในสภาพเมามายเมื่อครู่กลับดึงรั้งตัวนางอย่างแรงจนเสียหลักเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของเขา “ที่เมืองซีหลิงหนาวยิ่งนัก คืนนี้เจ้านอนกับข้าได้หรือไม่” น้ำเสียงกระจ่างใสที่ไม่ใกล้เคียงกับคนเมา ทำให้นางรู้ได้ทันทีว่าเขาแสร้งทำ “นี่ท่าน! แกล้งเมาหรือเจ้าคะ” นางดิ้นเล็กน้อย “หากข้าไม่แกล้งเมา เจ้าคิดว่าสุราจะหมดไปกี่ไหกัน” เอาตัวรอดเก่งเหลือเกิน คนผู้นี้ช่างเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก... “เช่นนั้นท่านก็นอนเถิดเจ้าค่ะ” นางพยายามแกะมือเขาออกเพื่อลุกจากเตียง “เจ้านอนกับข้าที่นี่ไม่ได้หรือ” จิ้นหลานซีจับ
Comments