Beranda / รักโบราณ / ฮูหยินวิปลาส. / ตอนที่9 สำนักแพทย์หลวง

Share

ตอนที่9 สำนักแพทย์หลวง

Penulis: SnailW
last update Terakhir Diperbarui: 2025-11-06 16:21:50

ตอนที่ 9

เช้าวันนั้น หลังจากลุงโจวเดินเล่นรอบลานเสร็จ เขาก็นั่งพักใต้ต้นไม้ใหญ่หน้าบ้านกับเพื่อนเก่าอีกสองสามคน

“พี่โจว ข้าถามจริงเถอะ” เพื่อนคนหนึ่งเอ่ยพลางขมวดคิ้ว “ยาที่ท่านทาขาใช่ขี้ผึ้งที่ซื้อจากร้านหมอหลี่หรือไม่? ข้าเคยใช้ของเขาแล้วไม่เคยเห็นได้ผลเร็วแบบท่านเลย”

อีกคนพยักหน้าเห็นด้วย “ใช่ กลิ่นที่ข้าได้กลิ่นเมื่อคราวก่อน มันไม่เหมือนของที่หมู่บ้านเราขายกัน กลิ่นสมุนไพรชัดเจนกว่าอีก”

ลุงโจวยกยิ้มเล็กน้อย “ไม่ใช่ของหมอหลี่ ขี้ผึ้งนี้ทำโดยเสี่ยวซู”

“เสี่ยวซู?” เพื่อนทั้งสองมองหน้ากันอย่างประหลาดใจ

ก่อนที่ลุงโจวจะอธิบายอะไรต่อ โจวซื่อก็เดินออกมาจากครัว พอดีได้ยินบทสนทนา นางจึงยิ้มภูมิใจและเสริมขึ้นมาอย่างไม่ลังเล

“ใช่แล้ว ขี้ผึ้งที่สามีข้าใช้ นางเป็นคนทำเองกับมือ ทุกคืนหลังทาก่อนนอน สามีข้าหลับสนิท ไม่สะดุ้งเพราะปวดขาอีกเลย”

เพื่อนบ้านทั้งสองคนตาโต “จริงรึ? ข้าเองก็ปวดเอวมาหลายปี หากนางทำให้ได้ ข้าก็อยากลองใช้ดูบ้าง”

โจวซื่อหัวเราะเบา ๆ “ถ้าเช่นนั้นพวกเจ้าลองคุยกับนางโดยตรงก็ได้ อวี้หนิงเป็นเด็กดี ขยันขันแข็ง ถ้าไม่ยุ่งเกินไปนางก็คงยินดีทำให้”

เสียงสนทนาและเสียงหัวเราะดังไปทั่วลานบ้าน ไม่นานนักข่าวลือเรื่องขี้ผึ้งสมุนไพรที่ทำโดยซูอวี้หนิงก็แพร่ไปในหมู่บ้านอีกระลอก

ตกเย็น ขณะที่ซูอวี้หนิงกำลังตำสมุนไพรในครัวอยู่ ก็มีเพื่อนบ้านอีกคนเดินมาหา

“เสี่ยวซู ข้าได้ยินจากพี่โจวว่าขี้ผึ้งของเจ้าช่วยบรรเทาอาการปวดขาได้ ข้าขอลองใช้สักหน่อยได้หรือไม่?”

ซูอวี้หนิงเงยหน้าขึ้นยิ้มบาง ๆ ก่อนพยักหน้า “ได้เจ้าค่ะ แต่ข้าขอถามอาการของท่านก่อน ขี้ผึ้งที่ทำแต่ละขนานอาจต้องปรับสมุนไพรให้เหมาะสมกับโรค”

คำพูดจริงจังของนางทำให้เพื่อนบ้านคนนั้นประหลาดใจ เพราะพวกเขาไม่รู้ว่า ขี้ผึ้งที่ใช้ทาทั่วไปจำเป็นต้องสอบถามอาการด้วย?

โจวจวงจื่อที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ ยิ้มขำ “ดูท่าอีกหน่อยเจ้าคงจะได้ทำขี้ผึ้งทุกวันไม่เว้นว่างแล้วล่ะ”

ซูอวี้หนิงเพียงหัวเราะเบา ๆ พลางเช็ดมือ นางไม่ได้รังเกียจ กลับรู้สึกดีที่สิ่งที่ตนทำช่วยให้คนอื่นเจ็บปวดน้อยลง

“เสี่ยวซู พวกเรามาขายขี้ผึ้งนี้กันดีหรือไม่?” 

“ขายขี้ผึ้ง?” ซูอวี้หนิงชะงักไปเล็กน้อย ก่อนหันมามองโจวจวงจื่อที่พูดด้วยแววตาจริงจัง

“ใช่สิ” โจวจวงจื่อพยักหน้าหนักแน่น “ดูสิว่าตอนนี้มีคนมาขอเจ้ามากแค่ไหน ถ้าเจ้าทำขาย ไม่เพียงช่วยคนได้มากขึ้น ยังอาจมีเงินเก็บเพิ่มสำหรับซ่อมหลังคาบ้านหรือซื้อเมล็ดพันธุ์ดี ๆ ในฤดูหน้า”

คำพูดนั้นทำให้ซูอวี้หนิงเงียบคิด นางรู้ดีว่าตัวเองมีความรู้ด้านสมุนไพรจากโลกเดิม การทำขี้ผึ้งเหล่านี้ไม่ยากนัก เพียงแต่ต้องมีเวลาตากสมุนไพรและเตรียมส่วนผสมให้พร้อม หากทำเป็นเรื่องจริงจัง นางก็ต้องจัดสรรเวลาให้ดี

“เสี่ยวซู” โจวซื่อที่เพิ่งเดินเข้ามาในครัวเสริมขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ข้าก็เห็นด้วยกับจวงจื่อ เจ้าลองทำเพิ่มแล้วขายดูก็ได้ เผื่อจะช่วยให้คนในหมู่บ้านหายปวดเมื่อยกันมากขึ้น”

ซูอวี้หนิงค่อย ๆ คลี่ยิ้ม นางเช็ดมือให้สะอาดแล้วนั่งลงอย่างตั้งใจ “ถ้าเช่นนั้น ข้าจะลองทำดู แต่ต้องเริ่มจากการบันทึกสูตรให้ละเอียดก่อน ข้าต้องรู้แน่ว่าใครมีอาการแบบใด แล้วจะปรับสมุนไพรให้เหมาะกับคนนั้น แต่ว่าหากทำสมุนไพรเช่นนี้ขาย เราจะต้องแจ้งทางการก่อนหรือไม่”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทั้งสามคนก็นิ่งเงียบลงทันที เพราะพวกนางไม่มีความรู้ด้านนี้เลยแม้แต่น้อย หากทำขึ้นมาเพื่อใช้เองอาจจะไม่เป็นเรื่องใหญ่ แต่หากทำขึ้นเพื่อขาย อาจจะต้องแจ้งทางการก่อนหรือไม่?

“เรื่องนั้นไม่จำเป็น” 

ขณะที่ทั้งสามคนกำลังนิ่งเงียบ เสียงของโจวจื่อเฉียงก็ดังมาจากทางด้านหลังเสียก่อน

โจวจื่อเฉียงที่เดินเข้ามาย่อมได้ยินในสิ่งที่ทั้งสามคนพูดเมื่อครู่

โจวจื่อเฉียงเดินเข้ามาในครัวด้วยท่าทางสบาย ๆ พลางเอ่ยเสียงเรียบ

“ข้าได้ยินที่พวกเจ้าพูดเมื่อครู่แล้ว เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องแจ้งทางการดอก ขี้ผึ้งใช้ทาภายนอกใคร ๆ ก็ทำได้ ตราบเท่าที่ไม่ได้ผสมสมุนไพรต้องห้าม หรือใช้เพื่อรักษาโรคภายในถึงขั้นอันตราย ที่ต้องรายงานทางการมีเพียงยาที่ต้องกินเข้าไปหรือยาที่ต้องใช้รักษาอาการร้ายแรงเท่านั้น”

ซูอวี้หนิงเงยหน้ามองเขาด้วยแววตาสนใจ “เช่นนั้นข้าก็ทำขายได้เลยหรือ?”

โจวจื่อเฉียงพยักหน้า “ได้สิ ขี้ผึ้งพวกนี้ไม่ใช่ยารักษาโรคร้ายแรง เพียงช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อย ถือว่าเป็นของใช้ทั่วไปในครัวเรือน ถ้าเจ้าจะขาย ก็เพียงตั้งราคายุติธรรมและแจ้งชัดเจนว่าเป็นยาทาภายนอกก็พอ”

โจวจวงจื่อยิ้มกว้างทันที “นั่นไงล่ะเสี่ยวซู แบบนี้ก็ไม่มีปัญหาแล้ว เจ้าจะได้ทำขายจริง ๆ !”

“พี่จื่อเฉียง ท่านรู้จักท่านหมอหูมากหรือไม่?” ซูอวี้หนิงที่นั่งอยู่ถามขึ้น

“รู้อยู่บ้าง มีอะไรอย่างนั้นหรือ?” โจวจื่อเฉียงเลิกคิ้วสูงด้วยความสงสัย

“ข้าแค่อยากเรียนรู้เรื่องสมุนไพรกับท่านหมอหูเจ้าค่ะ จึงอยากรู้ความเป็นมาของท่านหมอหูก็เท่านั้น” ซูอวี้หนิงกล่าว ความจริงแล้วที่นางอยากรู้คืออีกฝ่ายเรียนแพทย์จากที่ใด และในโลกที่นางอาศัยอยู่ตอนนี้หากนางต้องการเป็นหมอรักษาคนไข้จะต้องทำเช่นไร?

แต่ซูอวี้หนิงไม่รู้เลยว่า คำพูดของนางทำให้ทุกคนที่นั่งอยู่เงียบนิ่งลงทันที

แต่ในตอนนั้นลุงโจวที่กลับมาจากสวนหลังบ้านกลับได้ยินคำพูดของนางเมื่อครู่ ก็ได้สติก่อนใคร

“เสี่ยวซู เจ้าสนใจเรื่องสมุนไพรอย่างนั้นหรือ?” 

ซูอวี้หนิงพยักหน้ารับ ก่อนจะกล่าว­ "อาจเป็นเพราะข้าป่วยมานาน จึงเริ่มอยากศึกษาเรื่องสมุนไพร และการรักษาเจ้าค่ะ" 

นี่อาจเป็นเพียงข้ออ้างเดียวที่นางสามารถใช้ได้ในตอนนี้

ลุงโจวเมื่อได้ยินเช่นนั้น และมองเห็นแววตาที่จริงจังของอีกฝ่ายอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เขาก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา

“เสี่ยวซู ไม่ว่าเจ้าต้องการทำสิ่งใด พวกเราล้วนสนับสนุนเจ้าเต็มที่ เพียงแต่การเป็นหมอหญิงนั้นไม่ง่ายเลย…”

ซูอวี้หนิงที่ได้ยินก็เลิกคิ้วสูงด้วยความสงสัย 

“หากเป็นเมื่อก่อน ขอเพียงมีความรู้เรื่องสมุนไพร ก็สามารถเป็นหมอได้ แต่ตั้งแต่ฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ พระองค์ก็ตั้งกฏหมายขึ้นมาว่า ผู้ที่สามารถตรวจรักษาคนป่วยได้ จะต้องร่ำเรียนที่สำนักแพทย์หลวงเท่านั้น”

ลุงโจวกล่าวพร้อมกับมองหน้าหญิงสาว

สาเหตุที่ฮ่องเต้องค์พระองค์ใหม่ทรงทำเช่นนี้ ก็เพื่อให้ทุกคนที่มีความรู้ความสามารถ สามารถเข้าเรียนสำนักแพทย์หลวงได้ เพราะก่อนหน้านี้ ความรู้เรื่องใบสั่งยาและสมุนไพรต่าง­ ๆ จะถูกสืบทอดเพียงในครอบครัวใดครอบครัวหนึ่งเท่านั้น ทำให้ความต้องการหมอรักษานั้นมีมากยิ่งขึ้น และเมื่อเป็นเช่นนี้ ชาวบ้านทั่วไปเมื่อต้องเข้ารับการรักษา จะต้องใช้เงินจำนวนมากในการตรวจหรือฝังเข็มเพียงหนึ่งครั้ง

การที่ฮ่องเต้พระองค์ใหม่จัดตั้งสำนักแพทย์หลวงขึ้น ทำให้ตอนนี้มีคนจบจากสำนักแพทย์หลวงจำนวนมากกระจายตัวไปยังหัวเมืองต่าง ๆ เพื่อทำการรักษาชาวบ้าน แต่ถึงอย่างนั้น หมอก็ยังคงไม่เพียงพอต่อประชากรภายในแคว้น

“แม้หมอจะเป็นที่น่ายกย่องของชาวบ้าน แต่กับหมอที่เป็นสตรีนั้นกลับต่างออกไป” โจวจื่อเฉียงที่นั่งอยู่กล่าวเสริมขึ้นกับคำพูดของบิดา

“???” ซูอวี้หนิง

“สตรีที่เข้าไปเรียนในสำนักแพทย์ส่วนใหญ่จะทำได้เพียงเป็นผู้ช่วยเท่านั้น และงานส่วนใหญ่จะเป็นงานชั้นต่ำทั้งสิ้น” 

แม้โจวจื่อเฉียงจะไม่ได้บอกว่างานชั้นต่ำคือสิ่งใด แต่ซูอวี้หนิงกลับเข้าใจมันเป็นอย่างดี… มันคืองานเก็บกวาดเช็ดถูของเสียที่ออกมาจากตัวผู้ป่วย..

และเมื่อทุกคนได้ยินเช่นนั้น พวกเขาก็ต่างนิ่งเงียบลงทันที

“เพราะเหตุใดหมอที่เป็นสตรีจำต้องทำงานเหล่านั้น และหากสตรีที่มีความรู้ความสามารถเทียบเท่าบุรุษเล่า?” ซูอวี้หนิง

ลุงโจวที่ได้ยินก็ชะงักเล็กน้อย เรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน จะมีสตรีที่ใดมีความสามารถมากกว่าบุรุษกัน? อย่าว่าแต่มีความรู้ความสามารถมากกว่าบุรุษเลย เพียงหาสตรีที่อ่านออกเขียนได้ก็นับว่ายากมากแล้ว

แต่การที่ซูอวี้หนิงสามารถอ่านออกเขียนได้นั้นเป็นเพราะมารดาของนาง 

ส่วนโจวจวงจื่อที่สามารถอ่านออกเขียนได้ ก็เป็นเพราะมารดาของซูอวี้หนิงเอ็นดูในตัวนางเช่นกัน…

“เรื่องนี้…” 

“ท่านลุง…เรื่องนี้เอาไว้พูดกันวันหลังดีกว่า ตอนนี้ข้าเพียงสนใจเรื่องสมุนไพรเท่านั้นเจ้าค่ะ” ซูอวี้หนิงที่นั่งอยู่กล่าวขัดขึ้นมาก่อน 

เรื่องนี้เร่งรีบไปก็ใช่จะดี นางยังพอมีเวลาอยู่…

ส่วนเรื่องเข้าเรียนที่สำนักแพทย์หลวงนั้น… คือสิ่งที่นางตั้งเป้าหมายเอาไว้ในตอนนี้…

………………

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ฮูหยินวิปลาส.   บทที่18 ฉากหลังของแต่ละคน2

    ตอนที่ 18“ลองกล่าวมา เห็นด้วยหรือไม่ข้าจะตัดสินเอง” โจวต้าซานกล่าวเสียงแข็ง เพราะสถานการณ์ตอนนี้เขาเองก็มองไม่เห็นทางออกใด ๆ ได้เลยเช่นกัน“ตอนนี้เสี่ยวซูเองก็อยู่วัยต้องออกเรือนแล้ว มิสู้ใช้เรื่องนี้ ให้เสี่ยวซูออกเรือนไปกับเฟิ่งอวี่เซียน…”ปัง!!“เจ้าจะบ้าหรือ!!” ยังไม่ทันที่หลี่เจิ้นกัวจะกล่าวจบ เยี่ยหลัวก็ตวาดขึ้นทันทีใบหน้าของเขาเกรี้ยวกราด คนอื่น ๆ ที่นั่งอยู่ก็ขมวดคิ้วพร้อมทำสีหน้าอย่างไม่เห็นด้วยเช่นกัน“แต่ข้ากลับเห็นด้วยกับเจิ้นกัว” ยังไม่ทันที่บรรยากาศภายในกระท่อมจะสงบ เสียงของใครบางคนก็ดังขึ้นมาจากทางด้านหน้าประตู เสียงนั้นแม้ไม่ดังนัก ทว่ากลับแฝงพลังหนักแน่นจนทุกคนเงียบกริบ เงาร่างในผ้าคลุมก้าวเข้ามาทีละก้าว เสียงฝีเท้าเบาราวกับลมพัด แต่ละก้าวกลับทำให้บรรยากาศภายในกระท่อมแปรเปลี่ยนไปในทันใด“ท่านหมอหู…” โจวต้าซานเอ่ยออกมาช้า ๆ ดวงตาเผยแววตื่นตระหนก เพราะน้อยครั้งนักที่หูเทียนเหิงจะเข้าร่วมพูดคุยในที่ลับเช่นนี้ มีเพียงคำสั่งของนายหญิงเท่านั้นที่จะสั่งการเขาได้ แต่การที่อีกฝ่ายมาปรากฏตัวที่นี่ นั่นย่อมต้องมีเรื่องที่เกี่ยวกับนายหญิงที่ล่วงลับไปอย่างแน่นอนหูเทียนเหิงเข้

  • ฮูหยินวิปลาส.   ตอนที่17 ฉากหลังของแต่ละคน1

    ตอนที่ 17กลางดึก ฟ้ามืดสนิทราวกับผืนผ้าไหมดำ เงาเมฆบดบังแสงจันทร์จนทั่วทั้งป่าดูลึกลับน่าหวาดหวั่น เสียงจิ้งหรีดแผ่วเบาดังก้องอยู่ไกล ๆ สายลมเย็นพัดผ่านใบไม้เกิดเสียงซู่ซ่าดั่งเสียงกระซิบภายในกระท่อมไม้หลังเล็กกลางป่าลึก แสงตะเกียงเพียงดวงเดียวส่องแสงวาบวับ เผยให้เห็นเงาร่างของคนสิบกว่าคนในชุดอาภรณ์ดำที่ปกปิดตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า พวกเขานั่งเรียงรายอยู่รอบโต๊ะไม้เก่า ทุกสายตาจับจ้องไปยังชายชราผู้หนึ่งที่นั่งอยู่หัวโต๊ะ ที่ทุกคนในหมู่บ้านเรียกเขาว่า โจวต้าซาน หรือท่านลุงโจวโจวจื่อเฉียงยืนอยู่ด้านหลังของบิดาด้วยทีท่าสงบ ไม่มีท่าทางขี้เล่นเหมือนที่แล้วมาแต่อย่างใด ทุกคนที่อยู่ภายในกระท่อมต่างทำความเคารพทั้งสองคนชุดดำที่เห็นว่าทั้งสองคนพ่อลูกเดินทางมาถึงแล้วพวกเขาก็ต่างถอดผ้าคุมหน้าออก เผยให้เห็นใบหน้าที่อยู่ด้านใน หากคนภายในหมู่บ้านเห็นคนเหล่านี้ ทุกคนจะรู้จักพวกเขาทั้งหมด เพราะพวกเขาเหล่านี้ต่างใช้ชีวิตแฝงตัวอยู่ภายในหมู่บ้าน เป็นชาวบ้านทั่วไป จนคนในหมู่บ้านต่างหลงลืมไปแล้วว่าพวกเขาเป็นคนต่างถิ่นที่มาอาศัยภายในหมู่บ้านนี้เพียงสิบกว่าปีนี้เท่านั้น“เรื่องข่าวลือจัดการเรียบร้อยแล้วหรือไ

  • ฮูหยินวิปลาส.   ตอนที่16 ข่าวลือที่แพร่สะพัด

    ตอนที่ 16เพียงไม่นานหลังจากเหตุการณ์นั้น เสียงลือเสียงเล่าอ้างก็แพร่กระจายรวดเร็วราวไฟลามทุ่ง จากปากของชาวบ้านที่อยู่ริมธาร ทั้งหมู่บ้านต่างพูดถึงเรื่อง “หญิงวิปลาสที่กล้าจูบศพชายที่ลอยน้ำมา”ซูอวี้หนิงที่นั่งอยู่ข้างเตียงคนเจ็บเพื่อเฝ้าดูอาการเขาอย่างเงียบงันไม่ได้รับรู้ถึงเรื่องเล่านี้เลยแม้แต่น้อย เสียงลมพัดผ่านหน้าต่างไม้ไผ่เบา ๆ กลิ่นยาสมุนไพรยังลอยคลุ้งในอากาศ ชายที่อยู่บนเตียงยังคงไม่ได้สติ แต่สีหน้าดูสงบขึ้นมาก ชีพจรสม่ำเสมอขึ้นทีละน้อย“ซูอวี้หนิง!”เสียงทุ้มแหบของชายวัยกลางคนดังขึ้นจากด้านนอกก่อนร่างของ ลุงโจว จะปรากฏที่หน้าประตู สีหน้าของเขาในตอนนี้กลับเคร่งขรึมและไม่สบอารมณ์นัก และนี่เป็นครั้งแรกเช่นกันที่โจวจวงจื่อจะเห็นสีหน้าของบิดาที่มักจะอ่อนโยนต่อซูอวี้หนิงอยู่เสมอ แสดงสีหน้าน่ากลัวเช่นนี้ซูอวี้หนิงเงยหน้าขึ้นไม่ได้มีท่าทีหวาดกลัวอีกฝ่ายแต่อย่างใด ต่างจากโจวจวงจื่อที่ตอนนี้กระโดดหลบไปอยู่ด้านหลังของซูอวี้หนิงอย่างไม่รู้ตัว พร้อมกับตกใจจนหน้าซีดเผือดลุงโจวเดินเข้ามาในเรือนด้วยสีหน้าบึ้งตึง ดวงตาเขาเหลือบไปมองร่างชายแปลกหน้าที่นอนอยู่บนเตียง ก่อนจะหันกลับมามองหน้าซู

  • ฮูหยินวิปลาส.   ตอนที่15 ช่วยชีวิต

    ตอนที่15ซูอวี้หนิงโน้มตัวลงโดยไม่ลังเล มือทั้งสองประคองใบหน้าของชายหนุ่มให้หงายขึ้น ดวงตาเธอแน่วแน่ไร้ความลังเลใด ๆ“จวงจื่อ รีบหาผ้ามาซับตัวเขาไว้ก่อน แผลตรงหัวไหล่ห้ามให้โดนน้ำอีก!”เสียงสั่งนั้นหนักแน่นและเฉียบขาดจนอีกฝ่ายรีบทำตามโดยไม่กล้าซักถาม ซูอวี้หนิงยกคางชายผู้นั้นขึ้นเล็กน้อย ใช้นิ้วตรวจโพรงปากอย่างรวดเร็วเพื่อดูว่ามีสิ่งใดขวางอยู่หรือไม่ ก่อนสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วโน้มตัวลงริมฝีปากอุ่นสัมผัสกับริมฝีปากเย็นเฉียบของชายแปลกหน้า นางเป่าลมหายใจเข้าไปอย่างสม่ำเสมอ สลับกับกดหน้าอกตามจังหวะที่คำนวณไว้ในใจ เสียงน้ำที่หยดลงจากปลายผมของนางผสมกับเสียงลมหายใจที่เป่ารัว ๆ กลายเป็นจังหวะที่เร่งเร้าทุกคนที่ยืนดูอยู่เงียบกริบ บ้างก็เอามือปิดปาก บ้างก็หันหน้าหนีไปทางอื่น ความตกใจและความหวาดกลัวปรากฏบนใบหน้าโดยไม่ปิดบัง“นาง... นางกำลังทำอะไรกับศพนั้นกัน?!”“บาปหนา! นางเป็นบ้าไปแล้ว!”คำพูดของชาวบ้านที่มาที่ริมลำธารต่างวิพากษ์วิจารณ์เสียงดัง แต่ซูอวี้หนิงไม่ได้ยินสักคำ เสียงในหัวนางมีเพียงจังหวะชีพจรที่พยายามตามหา ความเงียบงันในวินาทีนั้นยาวนานราวนิรันดร์จนกระทั่ง —“แค่ก! แค่ก แค่กกก!”เ

  • ฮูหยินวิปลาส.   ตอนที่14 อคติ

    ตอนที่ 14แสงอาทิตย์ยามสายส่องลอดผ่านยอดไม้เข้ามาในลานเล็ก ๆ ด้านหน้าบ้านของซูอวี้หนิง กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของสมุนไพรที่ถูกต้มไว้ตั้งแต่รุ่งเช้าโชยคลุ้งไปทั่ว เรื่องที่มีคนถูกหมาป่ากัดเมื่อคืนนี้เองก็รับรู้กันทั่วทั้งหมู่บ้าน“ได้ยินว่าเมื่อคืนมีคนถูกหมาป่ากัด!"“ใช่ ๆ ว่ากันว่าเลือดไหลแทบหมดตัว แต่ซูอวี้หนิงใช้วิธีแปลก ๆ เย็บแผลเอาไว้จนยังมีชีวิตอยู่” “เย็บแผล? ใช่หรือไม่ที่ว่ากันว่าเหมือนเอาเข็มร้อยผ้าของหญิงสาวมาใช้กับร่างคน!”“ข้าบอกแล้วว่านางเป็นหญิงบ้าคนหนึ่ง จะมาเป็นหมอได้อย่างไร?”เสียงซุบซิบเริ่มกระจายเป็นวงกว้างมากขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับคลื่นน้ำที่ซัดกระทบผนังไม้ไม่หยุดหย่อน ครั้งนี้ไม่ใช่เพียงความสงสัย แต่ปนด้วยความกลัวและรังเกียจ“ได้ยินมาว่า นางเย็บเนื้อคนเข้าด้วยกันจริง ๆ!”“ข้าเห็นกับตาเมื่อคืน เลือดเต็มมือ เหมือนพวกวิปลาสเลยต่างหาก!”“หากวันหนึ่งนางถือมีดไปปาดคอผู้อื่น ใครจะรับผิดชอบ!”ซูอวี้หนิงและคนอื่น ๆ ไม่ได้รับรู้ข่าวลือที่แพร่กระจายออกไปเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะเมื่อคืนกว่านางจะได้นอนก็เกือบรุ่งสางเสียแล้ว นางได้นอนพักสายตาชั่วครู่ ก็ตื่นขึ้นมาเพื่อดูอาการของผู้ป่วยก่อน แ

  • ฮูหยินวิปลาส.   ตอนที่13 ผู้ป่วยคนแรก

    ตอนที่ 13ยามดึกคืนนั้น แสงจันทร์ข้างแรมสาดผ่านม่านไม้ไผ่เข้ามาในห้องพักของซูอวี้หนิง นางเพิ่งจะวางแผ่นไม้ไผ่ที่จดบันทึกตำราสมุนไพรลงบนโต๊ะ กำลังเตรียมจะดับตะเกียงเพื่อพักผ่อน ทว่าทันใดนั้นกลับได้ยินเสียงโกลาหลดังมาจากลานด้านหน้าเสียงฝีเท้าหนักรีบร้อนดังขึ้นพร้อมเสียงของโจวจวงจื่อ“เสี่ยวซู! เร็วเข้า! มีคนเจ็บ ถูกหมาป่ากัด”ประตูไม้ถูกเคาะแรง ๆ สามครั้ง ซูอวี้หนิงรีบลุกขึ้นผลักประตูออกไป เห็นโจวจวงจื่อใบหน้าซีดเผือดเต็มไปด้วยเหงื่อ ส่วนด้านหลัง โจวจื่อเฉียงกำลังประคองชายหนุ่มร่างใหญ่ที่แขนขวาถูกกัดจนเนื้อฉีก เห็นได้ชัดว่าถูกหมาป่าฉีกกระชาก เลือดสดไหลทะลักจนชุ่มเสื้อผ้าแต่แทนที่ซูอวี้หนิงจะตื่นตกใจ นางกลับใจเย็นอย่างที่สองพี่น้องโจวไม่เคยเห็นมาก่อน“พาเข้ามาในเรือนด้านหน้าก่อน แล้วให้ใครก็ได้ไปตามหมอหู!” เสียงนางเด็ดขาดโดยไม่ลังเล“ข้าให้คนไปตามแล้ว” โจวจื่อเฉียงที่หามคนเจ็บมากล่าวด้วยน้ำเสียงเข้มไม่นาน หมอหูก็มาถึงด้านหน้าเรือนของซูอวี้หนิง ใบหน้าเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด แต่ทันทีที่เห็นบาดแผลที่แขนชายหนุ่ม เขาก็ขมวดคิ้วแน่น “บาดแผลลึกมาก หากเสียเลือดมากกว่านี้ เกรงว่าจะไม่รอดถึงรุ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status