ความสุขในฐานะคุณหนูอันดับหนึ่งของหนานอิงต้องพังลงทันใด เมื่อนางถูกโจรชั่วจับตัวมาและยังกระทำย่ำยี กระทั่งมารดาของนางยังถูกคร่าชีวิต สาวใช้ข้างกายถูกตัดลิ้นจนเสียสติกลายเป็นคนบ้าใบ้ ทั้งหมดด้วยความริษยาของฮูหยินใหญ่ผู้นั้น หนานอิงได้พบกับหานเซียวและลู่หนิงหวังสองอ๋องพี่น้องที่คอยช่วยเหลือนาง อ๋องผู้ป่าเถื่อนโหดร้ายและแสนเย็นชา แม้จะให้การช่วยเหลือแต่นางก็กลายเป็นนางบำเรอของพวกเขาเช่นกัน ไม่ว่าสองอ๋องจะโหดร้ายแต่นางจำต้องอดทน สุดท้ายนางกลายเป็นมือสังหารที่วางชีวิตไว้กับพวกเขาเพื่อแลกกับการแก้แค้น นางถูกฝึกอย่างหนักจนเก่งกาจยิ่ง หนานอิงจะทำเช่นใดเมื่อได้รู้ว่า คนที่ย่ำยีนางและเป็นศัตรูที่นางต้องการสังหารคือ สองอ๋องทั้งสองที่เป็นผู้กระทำย่ำยีนางจนปางตาย ฆ่า หรือ ไม่ฆ่า ล้วนเป็นนางที่ต้องเลือก! หมายเหตุ นิยายเรื่องนี้เป็นความรักแบบ 3P ที่สองสามีทุ่มเทความรักให้นางเอกคนเดียว แนวนางเอกแก้แค้นค่ะ
View Moreร่างเล็กที่ถูกจับมัดไว้ในกระสอบถูกโยนเข้ามาภายในกระโจมของผู้เป็นนาย ซู่อ๋องลู่หนิงหวังดำรงตำแหน่งแม่ทัพใหญ่มองที่กระสอบใบนั้นพร้อมกับยกสุราขึ้นดื่ม
ในขณะที่อวิ๋นอ๋องหานเซียวรองแม่ทัพที่มีศักดิ์เป็นน้องชายบุญธรรมของซู่อ๋องดูจะสนใจกว่า เขายกสุราจรดริมฝีปากดื่มอย่างละเมียดละไมพร้อมกับลุกขึ้นในมือยังคลึงแก้วสุราช้า ๆ
อวิ๋นอ๋องเตะกระสอบใบนั้นไปครั้งหนึ่ง แรงจากฝ่าเท้าไม่นับว่ามากแต่เหตุไฉนมีเสียงหนึ่งดังออกมา
"อ๊า ซี๊ด"
อวิ๋นอ๋องหานเซียวมองทหารที่นำกระสอบนี้เข้ามา ทหารผู้นั้นคุกเข่าลงทันใด
"ทูลท่านรองแม่ทัพนี่คือนางคณิกาผู้หนึ่งที่พวกข้าจับได้ขณะสู้กับโจรพวกนั้นขอรับ เห็นว่านางงดงามนักจึงนำมาถวายนายท่านทั้งสอง มิใช่หัวหน้าโจรขอรับ"
แน่นอนว่าทหารใต้การนำทัพของพวกเขาล้วนซื่อสัตย์ แม้จะอดอยากปากแห้งเรื่องสตรีมานานหลายปีเพียงใด แต่หากเป็นของดีที่พวกเขาคิดว่าคู่ควรกับผู้เป็นนายจึงไม่รีรอที่จะนำของดีมาประเคนให้ถึงมือ
อวิ๋นอ๋องผู้มีใบหน้าหล่อเหลาแต่ดูเย็นชาเป็นอย่างยิ่งเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบหาได้ตื่นเต้นประการใด
"ข้าเข้าใจผิดหรือเช่นนั้นเปิดดูเสียหน่อยพวกเจ้าจะได้ไม่เสียน้ำใจ ว่างเว้นสตรีมานานได้นางคณิกามาบำบัดก็คงจะสำราญอยู่บ้าง"
ทหารผู้นั้นรีบทำตามคำสั่ง เขาแกะกระสอบใบใหญ่ออก ที่ต้องจับนางไว้ในกระสอบเช่นนี้มีสาเหตุเพียงประการเดียวก็คือ ไม่ให้ผู้ใดเห็นร่างงดงามของนางแล้วเกิดราคะจนกระทั่งอดใจไม่ไหวนำของมาไม่ถึงมือนายท่านทั้งสอง
เมื่อหนานอิงถูกปล่อยเป็นอิสระร่างกายร้อนของนางได้รับไอเย็นแล้วจึงรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย แต่ความร้อนรุ่มนี้ทำเช่นไรก็ไม่หาย นางรู้เพียงแต่ว่าต้องการผู้ใดและสิ่งใดสักอย่างมาสัมผัสเพื่อบรรเทาความกระหาย
อวิ๋นอ๋องหานเซียวนั่งลงจับคางของนางให้เงยขึ้นเขาไม่พูดสิ่งใดมีรอยยิ้มเล็กน้อยปรากฏที่ใบหน้า
ทหารผู้นั้นย่อมรู้ว่าเขาพึงใจเพียงใด
ซู่อ๋องลู่หนิงหวังวางจอกสุราเห็นร่างขาวผ่องราวหยกขาวเนื้อดีคลานออกมาจากถุงใบนั้นในใจพลันคิดว่าคงเป็นยอดคณิกา เขาจึงเริ่มรู้สึกอยากเห็นหน้าเสียแล้ว
และเมื่อได้เห็นใบหน้างดงามของนางอีกทั้งท่าทางร่านราคะที่นางมองพวกเขาด้วยดวงตาหยาดเยิ้มจึงยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย
ลู่หนิงหวังเดินไปเปิดหีบที่อยู่ข้างเตียงโยนถุงเงินถุงใหญ่ที่ยึดมาได้จากพวกกบฏให้ทหารผู้นั้นแล้วเอ่ยเสียงเย็น
"เอาไปแบ่งกันข้าพอใจมากคิดว่าท่านรองแม่ทัพก็เช่นกัน"
ทหารผู้นั้นได้รับความดีความชอบด้วยเงินก้อนใหญ่ เบื้องหน้าคือเขตเมืองหลวงถึงคราที่พวกเขาจะได้พักผ่อนและใช้เงินซื้อความสุขให้ตนเองเสียที
ทหารผู้นั้นเอ่ยด้วยความกล้าหาญ
"ท่านแม่ทัพขอรับนางโลมที่โจรจับมายังมีอีกหลายคน หากท่านอนุญาตพวกข้าจะขอให้พวกนางปรนนิบัติได้หรือไม่"
ลู่หนิงหวังยกมือขึ้น
"เอาเถิดพวกเจ้าเองก็ลำบากมามิใช่น้อย แต่เวรยามที่อยู่เฝ้าค่ายต้องกำชับอย่าให้หละหลวม สตรีพวกนี้ด้านหนึ่งก็ประดุจงูพิษพึงระวังตนให้มากอย่าได้ไว้ใจเป็นอันขาด"
"ข้าน้อยรับทราบ ขอบคุณท่านแม่ทัพ ขอบคุณท่านรองแม่ทัพ ข้าน้อยทูลลา"
ถึงแม้ว่าซู่อ๋องลู่หนิงหวังและอวิ๋นอ๋องหานเซียวคนน้องในยามออกรบจะกลายเป็นปีศาจร้าย แต่หลังจากงานใหญ่เสร็จลุล่วงทหารในการดูแลของเขาที่รอดตายมักจะได้ปูนบำเหน็จและร่ำรวยยกฐานะขึ้นมาได้ ทุกคนที่อยู่ในกองทัพจึงเคารพและเชื่อฟังเป็นอย่างมาก
เมื่อคนออกไปแล้วคงเหลือแต่เพียงแม่ทัพใหญ่ทั้งสองกับหญิงคณิกาผู้นี้ที่อยู่ด้านในกำหนัดที่อัดอั้นมาเนิ่นนานเมื่อออกรบทัพจับศึกในคืนนี้พวกเขาจะได้ปลดเปลื้องเสียที
อวิ๋นอ๋องหานเซียวสำรวจร่างกายของนางโลมด้วยสายตา ทั้งยังเอ่ยถามเสียงหนัก เขาเองก็ยังระวังตัวอยู่ไม่น้อย ไม่ต้องการให้ตนเองมาเสียท่าให้สตรี
"เจ้าถูกโจรจับตัวมาหรือ"
คำถามที่ถามออกไปกลับได้รับคำตอบที่ไม่ตรงคำถามเท่าใดนัก
"นายท่านข้าร้อนเหลือเกินช่วยข้าด้วยเจ้าค่ะ ช่วยข้าด้วย ข้าไม่รู้ว่าตนเองต้องการสิ่งใด อ๊า ร้อนไปหมดแล้ว อ๊า"
อวิ๋นอ๋องหานเซียวหัวเราะเย็นเมื่อเห็นนางกำลังเล่นรักถูไถส่วนนั้นของนางกับปลายเท้าของเขา
เขารู้อยู่แล้วว่าพวกโจรป่ามักจะให้นางโลมที่ติดตามพวกเขาดื่มยากำหนัดเพื่อร่วมรักกับคนทั้งกองโจร
นางผู้นี้ก็เช่นกันแต่ในเมื่ออยู่ในสถานะนางโลมแล้วก็ย่อมเป็นหน้าที่ของนางที่จะสนองตัณหาบุรุษพวกนั้น
เขาเองย่อมเชื่อคำของคนของตน ท่าทางร้อนรักและงดงามจนผู้คนตื่นตะลึงเช่นนี้คงมีตำแหน่งสูงในหอนางโลมเป็นแน่ ผิวพรรณเนียนละเอียดยังดูบอบบางราวกลีบดอกไม้
ร่างอรชรนี้ยั่วยวนจนกระทั่งทำให้แท่งหยกของเขาบวมเป่งแม้ยังมิได้แตะต้องนาง
หานเซียวจ้องมองนางอย่างพึงใจ ดวงตาเป็นประกายร้อนแรงยิ่ง
"เจ้าชอบนางหรือ"
ซู่อ๋องลู่หนิงหวังเดินกลับมานั่งยังเก้าอี้ที่เดิมพร้อมกับถามน้องชายด้วยใบหน้าราบเรียบ นางผู้นั้นงามนักแม้เขาเองยังตกตะลึง ในขณะที่หานเซียวผู้น้องก็ยังจับจ้องนางมิวางตา
"นางถูกใจข้าเป็นอย่างยิ่ง มิได้พบหญิงงามหมดจรดเช่นนี้มานานเพียงใดแล้ว"
ซู่อ๋องลู่หนิงหวังกลับใจกว้างยิ่งนัก
"เช่นนั้นก็ให้ปรนนิบัติเจ้าแล้วกัน"
หานเซียวส่ายหน้า
"ท่านเองก็พึงใจในตัวนางมิใช่หรือ ข้ามิเคยเห็นท่านมองสตรีใดเนิ่นนางเพียงนี้มานานมากแล้ว ท่านพี่เช่นนั้นก็ให้นางปรนนิบัติเราทั้งคู่เถิด"
ลู่หนิงหวังยกยิ้มบาง ๆ เขามิได้ปฏิเสธน้องชาย ความชอบของเขาและหานเซียวที่ผ่านมามักจะคล้ายกันเสมอ และเมื่อชอบแล้วต่างก็ยินดีแบ่งปันให้กันและกันด้วยความเต็มใจ
ในชีวิตของเขามีเพียงน้องชายผู้นี้เท่านั้นที่เขารักและยินดีจะมอบทุกสิ่งทุกอย่างแม้แต่ชีวิต หานเซียวมีค่าต่อลู่หนิงหวังยิ่งนัก
"ในเมื่อเจ้าไม่หวงนางข้าย่อมยินดี มาเถิดบทรักบนเตียงของนางจะทำให้เราพึงใจได้หรือไม่ข้าเองก็อยากรู้เช่นกัน"
ลู่หนิงหวังยกจอกสุราขึ้นแล้วสาดน้ำเมาลงคอ รสชาติของสุราย่อมดีไม่น้อยแต่เขากลับคิดว่าอาจจะมิสามารถเทียบเคียงรสชาติของสตรีนางนี้ได้
"นายท่านจะช่วยข้าแล้วใช่หรือไม่เจ้าคะ"
"แน่นอนแต่เจ้าต้องช่วยตนเองด้วย"
หนานอิงย่อมฟังที่พวกเขาพูดไม่เข้าใจ ดวงตาของนางพร่ามัวแยกทิศทางไม่ออก รู้เพียงแต่ว่านางร้อนรุ่มและต้องได้รับการปลดปล่อยในตอนนี้
หลังจากถูกกลุ่มโจรจับมาเรียกค่าไถ่จากท่านพ่อแล้ว นางก็อยู่อย่างหวาดกลัวในกระท่อมเล็ก ๆ มีโจรคอยเฝ้านับสิบคนและหลังจากนั้นหนึ่งในกลุ่มโจรเกิดติดใจเรือนร่างและความงามของนาง
แม้หัวหน้าโจรจะห้ามปรามเพราะกลัวเสียราคาด้วยตั้งใจว่าหลังจากได้เงินค่าไถ่แล้วจะไม่ส่งมอบนางคืนแก่บิดาแต่จะผิดคำพูดแล้วขายนางต่อไปที่หอนางโลม
สตรีผู้งดงามเช่นนี้เขาจะพลาดเงินก้อนโตได้อย่างไร
แต่โจรผู้ทรยศนั่นกลับใจกล้าวางยากำหนัดอย่างรุนแรงเพื่อจะเชยชมความงามของนางโดยที่หนานอิงไม่โวยวายจนทำให้เขาถูกจับได้
เพราะถูกยาปลุกกำหนัดทำให้หนานอิงในยามนี้ไม่รู้เหนือใต้แล้ว นางรู้เพียงแต่ว่าก่อนที่นางจะตายด้วยความทรมานนางต้องได้รับการปลดปล่อย แต่ปลดปล่อยอย่างไรนางเองก็ไม่รู้เช่นกัน
อวิ๋นอ๋องหานเซียวเหมือนจะเป็นบุรุษที่อ่อนโยนกว่าซู่อ๋องลู่หนิงหวังเล็กน้อย
เขาก้มลงแล้วช้อนร่างบอบบางของนางเอาไว้ในวงแขน หนานอิงเหมือนได้รับยาวิเศษจากเรือนกายบุรุษ หญิงสาวกอดคอของเขาแล้วตวัดลิ้นเลียตามสัญชาตญาณดิบในร่างกายทันใด
"นางผู้นี้ร่านรักเหลือเกิน ใจเย็น ๆ เถิด เจ้าได้ปรนนิบัติข้าและพี่ชายเป็นแน่"
เขาหัวเราะด้วยความพอใจก่อนจะวางนางลงที่เตียง กระทั่งได้ยินเสียงเย็นชาของซู่อ๋องดังขึ้น
"ถอดอาภรณ์ของเจ้าออกให้หมดแล้วทำหน้าที่ของเจ้าได้แล้ว"
ตอนพิเศษ ลูกของข้า ความทรงจำของลู่หนิงหวังที่มีเกี่ยวกับบิดาของตนเองนั้นช่างเลือนลางจนจำไม่ได้ เขาไม่เคยรับรู้และเข้าใจความหมายของคำ ๆ นี้ จนกระทั่งเมื่อเขาได้พบเด็กชายสองคนที่มีใบหน้าคล้ายคลึงเขากับหานเซียวเป็นอย่างยิ่งเขาไม่รู้ว่าเด็กสองคนนี้เป็นบุตรของผู้ใดระหว่างเขาและหานเซียว ในยามนั้นเมื่อได้พบและคิดว่าใช่ใจของเขากลับหวาดหวั่นอย่างรุนแรง ว่าได้พบหนานอิงนั้นทำให้เขาหวาดกลัวแล้วการได้พบบุตรชายกลับทำให้ลู่หนิงหวังหวาดกลัวมากยิ่งกว่าลู่หนิงหวังรู้สึกสับสนเขากลัวว่าจะเป็นพ่อที่ไม่ดีพอให้เด็กรักใคร่และไม่รู้ต้องทำตัวเช่นไร เมื่อในยามนั้นหานเซียวส่งเด็กสองคนนี้มาสู่อ้อมแขนของเขา“หากอยากประลอง ก็ประลองกับองค์รักษ์ของข้า”ชั่วขณะนั้นที่หานเซียวชี้มาที่ตัวเขา ความรู้สึกหวาดหวั่นนั้นยิ่งรุนแรงมากขึ้นจนกระทั่งเด็กน้อยทั้งสองเดินอย่างองอาจมาหาเขาโดยไร้ความหวาดกลัวอย่างสิ้นเชิงกระทั่งมือเล็ก ๆ สองข้างกำลังจับจูงมือของเขาคนละข้าง ในยามนั้นพลันเกิดเหงื่อชื้นขึ้นที่ฝ่ามือ ความรู้สึกไหลเวียนไปจนทั่วร่าง แต่ที่แปลกประหลาดคือความรู้สึกสับสนนั้นกลับหายไปในที่สุดมือของเขาสั่นเทาอยู่
ตอนพิเศษ อยากมีอีกเยอะ ๆในตอนที่หนานอิงกำลังชงชาโดยมีอาโจวคอยช่วยเหลืออยู่นั้นขันทีก็รีบเดินกึ่งวิ่งเข้ามารายงาน“ทูลหนานเฟย ฝ่าบาททรงว่าราชการเสร็จแล้วพ่ะย่ะค่ะ”หนานอิงยิ้มแล้วกล่าวว่า“ดียิ่ง ว่าแต่ว่าเหตุใดเจ้าจึงดูร้อนรนยิ่งนัก”“ทูลพระหนานเฟย ท่านอาจารย์ให้กระหม่อมมาทูลว่ามีคนถวายฎีการ้องเรียนเกี่ยวกับองค์ชายทั้งสองที่ทรงแกล้งบุตรชายของท่านราชครูขอรับ แต่ฝ่าบาทเอาแต่เข้าข้างองค์ชายจึงอยากให้หนานเฟยช่วยทูลฝ่าบาทเรื่องนี้ด้วยพ่ะย่ะค่ะ”หนานอิงหุบยิ้มโดยทันใด บุตรชายของนางทั้งสองบัดนี้กลายเป็นองค์ชายใหญ่ลู่หานและองค์ชายรองลู่โหยวที่มีพระอาจารย์อ้ายเจิงเป็นคนลงมือสั่งสอนกับมือ เหตุใดจึงได้ไปกลั่นแกล้งบุตรชายของท่านราชครูซึ่งเป็นสหายเรียนด้วยกันได้อันที่จริงก็พี่น้องกันทั้งนั้น ด้วยบุตรชายของท่านราชครูก็คือหลานของนางเอง ด้วยภายหลังมานี้พี่สาวฝาแฝดของหนานอิงนั้นด้วยความรักตัวกลัวตายหลังจากสกุลหนานล่มสลาย นางทั้งสองก็รีบดีดตัวออกจากสกุลหนานโดยไม่คิดข้องเกี่ยวอีกกระทั่งการที่ฮูหยินใหญ่มารดาของพวกนางถูกหนานอิงจัดการพี่สาวทั้งสองก็ยังได้แต่เอ่ยคำว่าอมิตาพุทธไม่คิดแค้นก่อกรรมทำเข็ญต่อไป
ตอนพิเศษ ยามเมื่อฟื้นคืนทุกอย่างเปลี่ยนผัน ดอกเหมยในลานกว้างเบ่งบานและร่วงหล่นตกกระทบร่างสูงของบุรุษกลุ่มหนึ่งที่เดินฝ่าความมืดมิดโดยมีเพียงแสงโคมนำทางเล็ก ๆ คอยส่องกระทบพื้นบุรุษผู้หนึ่งอยู่ในชุดคลุมยาวสีดำปักลายมังกร ใบหน้าคมคายหล่อเหลานัยน์ตาเปล่งประกายเจิดจ้า แม้ว่าใบหน้านั้นคล้ายจะอมทุกข์และให้ความรู้สึกสูงส่งและเย็นเยียบ อีกทั้งให้กลิ่นอายของความเหี้ยมโหดเอาเสียดื้อ ๆบุรุษผู้นั้นสูดลมหายใจเข้าลึกสูดดมความหอมของกลิ่นบุปผาเข้าปอด นานแล้วที่เขาไม่เคยได้ทำเช่นนี้ คล้ายกลับว่าความหวังอันลางเลือนของเขาพลันกลับมาชัดเจนอีกครั้ง“ฝ่าบาทระวังพ่ะย่ะค่ะ”อดีตพ่อบ้านจวนอ๋องบัดนี้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งกงกงคนสนิทของเขา แม้จะไม่ได้ผ่านพิธีการตอนดั่งเช่นกงกงผู้อื่นแต่เมื่อเขาต้องการก็มิกล้ามีผู้ใดปริปากลู่หนิงหวังก้าวเท้าเร็วกระทั่งไปถึงหน้าตำหนักแห่งหนึ่ง เมื่อผลักประตูเข้าไปด้านในก็พบอ้ายเจิงและหมอหลวงหัตถ์เทวดาอ้ายเสิ่นบิดาของเขารออยู่ด้านในคนทั้งสองทำความเคารพเขา ลู่หนิงหวังยกมือขึ้นห้าม“ไม่ต้องมากพิธี ข้ากับพวกท่านข้าขอเถิด”ถึงเขาจะเป็นฮ่องเต้ของคนในใต้หล้า ลู่หนิงหวังก็ขอสักที่ท
หนานอิงพยักหน้า จุมพิตปลายคางของหานเซียวอย่างมีความสุขที่ผ่านมาล้วนเป็นนางที่เลี้ยงดูเด็กทั้งสองเพียงลำพัง การคิดตัดสินใจก็ล้วนเป็นนางที่ชี้นำ ในยามนี้การมีหานเซียวเคียงข้างทำให้หัวใจของหนานอิงอบอุ่นยิ่งกว่าจะออกจากห้องก็ฟ้ามืดแล้ว เด็กสองคนบัดนี้วิ่งเข้ามาหานางเหงื่อของพวกเขาโทรมกาย เสื้อผ้าเต็มไปด้วยฝุ่น ฝ่ามือห้อเลือดเล็กน้อยทั้งยังวิ่งเข้ามาร้องไห้โฮกอดขานางพลางฟ้องเสียงสั่น“ท่านแม่ท่านลุงผู้นั้นฝึกวรยุทธ์ให้ข้า ยังให้ข้านั่งท่าม้าอะไรก็ไม่รู้อยู่หลายชั่วยาม เขายังถือไม้จะตีข้าด้วย ป้ายของท่านพ่อเขาก็เอาไปบอกข้าและน้องชายอ่อนแอ ไม่คู่ควรที่จะห้อยมัน”คนผู้นั้นทำหน้าเย็นชา เอ่ยคำหนึ่ง“เป็นบุรุษเรื่องนี้เล็กน้อยยิ่ง ยังร้องไห้งอแงราวเด็กทารก เป็นเช่นนี้จะปกป้องผู้ใดได้”หนานอิงได้ยินเช่นนั้นตกใจยิ่ง ใบหน้าเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงทันควัน"นายน้อยองครักษ์ของท่านผู้นี้ เหตุใดทำให้ลูกชายข้าเจ็บตัวเช่นนี้ การประลองกับเด็กท่านควรออมมือให้มากมิใช่ทำให้พวกเขาบาดเจ็บ ข้าไม่ยอมท่านต้องจัดการเขาให้ข้าด้วย"“อิงอิงเจ้าใจเย็น ๆ ก่อน เขาคงไม่ได้ตั้งใจ”หานเซียวทำท่าประหลาด ทั้งยังมองคนของตนด้วยสายต
หนานอิงน้ำตาไหลพราก เมื่อเห็นว่ามารดาร้องไห้เด็กทั้งสองรีบวิ่งเข้ามากอดหนานอิงกอดลูกร้องไห้ นานหลายปีแล้วตั้งแต่บุตรชายฝาแฝดเกิดมาที่นางไม่เคยหลั่งน้ำตาอีก"ท่านแม่ท่านร้องไห้ทำไม ท่านลุงหนวดยาวผู้นี้ทำร้ายท่านหรือ ข้าจะตีเขาให้อย่าร้องนะขอรับ"หนานอิงปาดน้ำตา หานเซียวชี้ที่ตัวเอง"ข้ามิได้รังแกแม่ของเจ้า ข้าไม่มีวันทำเช่นนั้น"หนานอิงยิ้มให้เด็กชายทั้งสอง ก่อนจะส่งเด็กน้อยให้แม่นางเหมยเซียง"ข้าไม่ไป ข้าจะสั่งสอนลุงหนวดยาวผู้นี้ที่กล้ารังแกท่าน"หานเซียวอยากจะหยิกแก้มเด็กน้อย อยากจะโอบกอดพวกเขาแต่สองคนนี้ถือตัวและเหย่อยิ่งเป็นอย่างยิ่ง"อย่ามาแตะข้า คนแปลกหน้ามาประลองกัน"หนานอิงเอ่ยเสียงดุ"ไปอยู่กับท่านยาย แม่มีธุระจะสนทนากับคนผู้นี้"ได้ยินเสียงดุของหนานอิงเด็กทั้งสองถึงกับคอตก"ขอรับ"รับคำพร้อมกันแล้วหันหลังเดินไปหาแม่นางเหมยเซียง หานเซียวจึงเอ่ยขึ้น"หากเจ้าอยากประลอง นั่นคือองครักษ์ของข้าเจ้าประลองกับเขาได้ หากชนะจะให้ข้าทำสิ่งใดก็ได้""จริงหรือขอรับ"เด็กสองคนหันมาแล้วเอ่ยพร้อมกันหานเซียวพยักหน้า องครักษ์ผู้นั้นจึงถูกเด็กถือตัวทั้งสองยอมแตะต้องตัวเขาแล้วลากจูงไปข้างนอกเพื่
หานเซียวและองค์รักษ์ของเขาแอบตามเด็กน้อยอย่างเงียบเชียบ เห็นเด็กสองคนนี้ถูกแยกออกมาจากเด็กผู้อื่นและมีอาจารย์ใหญ่ของสำนักศึกษาคอยสอนให้เป็นพิเศษก็เกิดสงสัยเป็นอย่างยิ่งเป็นถึงหลานของแม่นางเหมยเซียง เหตุใดจึงไม่ให้มาเรียนที่สำนักศึกษาทั้งที่มีเงินทองมากมายปานนั้น เขารอจนกระทั่งเด็กทั้งสองออกมาแล้วจึงแสร้งไปตีสนิทเพื่อพูดคุยด้วย"ท่านแม่บอกว่าห้ามพูดกับคนแปลกหน้า ข้าไม่บอกท่านหรอกอย่ามาหลอกเด็กเลย"กล่าวจบพวกเขาก็วิ่งด้วยฝีเท้าที่เร็วยิ่ง องครักษ์ทั้งสองต่างมองหน้ากันเด็กสองคนนี้เป็นวรยุทธ์แต่ผู้ใดกันแน่ที่เป็นผู้สอนพวกเขาตามเด็กมาจนถึงหอนางโลมเด็กทั้งสองปีนกำแพงกลับเข้าไปดังเดิมมีบางสิ่งบางอย่างหล่นออกมาจากสาบเสื้อ ด้วยความเป็นเด็กจึงไม่ทันระวัง องครักษ์ผู้หนึ่งก้มลงเก็บของกำลังจะอ้าปากบอกพวกเขาแต่สิ่งที่อยู่ในมือช่างคุ้นตาเป็นอย่างยิ่งคนทั้งคู่ต่างตกตะลึงแล้วพวกเขาตามเด็กเข้าไปในหอนางโลม ขอพบแม่นางเหมยเซียงเป็นการด่วนและถามเรื่องเกี่ยวกับเด็กอย่างตรงไปตรงมาแม่นางเหมยเซียงคิดว่าคนพวกนี้ไม่กลับไปง่าย ๆ แน่ จนกว่าจะได้คำตอบจึงเอ่ยว่า"นายท่านองครักษ์อย่าได้คิดมากไปเจ้าค่ะ แม่ของเด็
Comments