Home / รักโบราณ / ฮูหยินสายลุย / บทที่11 โจมตีกองทัพเยี่ยน

Share

บทที่11 โจมตีกองทัพเยี่ยน

           พลธนูจำนวนมากได้เดินเท้าลัดเลาะไปด้านหลังภูเขา ถึงจะเป็นทางลาดชันแต่หลบสายตาศัตรูได้เป็นอย่างดี เสียงฝีเท้าทหารหลายพันนายถูกกลบด้วยเสียงม้าศึกที่วิ่งวนตลอดการเดินทาง จนในที่สุดก็สามารถขึ้นไปบนเนินเขาสูงได้สำเร็จ จึงส่งสาร์นด้วยนกพิราบว่าได้ถึงจุดที่นัดหมายแล้ว 

          ม้าศึกที่วิ่งวนมาหลายชั่วยามจึงได้หยุดพักผ่อนเสียที ก่อนจะผลัดเปลี่ยนออกไปอีกครั้งในวันถัดไป 

          เสี่ยวเฉาและพวกอีกสิบคนไม่ได้กลับมาแต่จะอยู่กับเผ่าเซียนเป่ย เพื่อช่วยเผ่าเซียนเป่ยโจมตีขัดขวางชาวชยงหนูที่กำลังเตรียมตัวกันครั้งใหญ่ เพื่อมาเสริมทัพให้กับทัพเยี่่ยน จึงต้องขัดขวางเพื่อไม่ให้มาข่วยเสริมทัพใหญ่ได้

          โดยจะแบ่งกันไปเผาเสบียงและกระโจมของผู้นำเผ่าทั้งหมด เพื่อให้เกิดความวุ่ยวายโกลาหลจนไม่สามารถมาสมทบกับทัพใหญ่ได้

          “ท่านเสี่ยวเฉา ไปทางด้านซ้าย ข้าไปสำรวจมาแล้วที่เก็บเสบียงอยู่ทางนั้น”

          “ดีมาก เมื่อเผาแล้วก็ไปรวมตัวกับท่านปาเล่อเปียว เราใช้วิธีแบบกองโจร สู้ซึ่งหน้าจะเสียเปรียบมากเราเพียงต้องการเพียงขัดขวางเพียงเท่านั้น”

          หนานกง ก่อนจะกลับมาถึงค่ายทหารของทัพเว่ย ได้ทบทวนแผนการกับแม่ทัพน้อยแคว้นหานอีกครั้งเพื่อจะได้ไม่มีความผิดพลาด ก่อนจะกลับมายังค่ายเพื่อปกป้องนายหญิง เมื่อมีการสู้รบข้าศึกอาจจะมาจับตัวเพื่อทำร้ายผู้เป็นกุนซือของกองทัพได้ซึ่งเรื่องเช่นนี้มักเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ยิ่งสู้รบเป็นเวลานานยิ่งอันตราย จึงต้องกับมาอารักขานายหญิงเสียก่อน

          “นายหญิงข้ากลับมาแล้วขอรับ”

          ร่างสูงใหญ่คำนับพร้อมกับรายงานการเคลื่อนพลของแคว้นหาน ที่จะมารออีกฝั่งแม่น้ำ ตามที่ตกลงกันไว้ ให้ซุ่มโจมตีรอให้ทหารแคว้นเยี่ยนข้ามขึ้นมาบนฝั่งเสียก่อนจึงค่อยลงมือ

          “เจ้าทำดีมาก ถ้าเสร็จศึกครานี้ข้าจะมีรางวัลให้เจ้า”

          โจวฟางหลินเมื่อใช้งานคนผลตอบแทนก็ต้องมีให้ เป็นการซื้อใจอีกอย่างหนึ่งเช่นกัน นางเคยลั่นวาจาเอาไว้ เพียงภักดีต่อนางชีวิตก็จะมีแต่ความสุขสบาย หากทรยศย่อมรู้ผลของมันดี

          เมื่อแสงตะวันเริ่มโผล่พ้นขอบฟ้าแสงสีทองได้ลามเลียไปตามยอดไม้และพื้นดิน ทัพหน้าของแคว้นเว่ยที่มีทหารนับแสนได้จัดทัพด้วยความมีระเบียบวินัย ด้วยการเดินทัพวันแรกต้องตัดกำลังทัพเยี่ยนให้มากที่สุด ซึ่งใช้ทหารเกินครึ่งจากที่มีเพียงหนึ่งแสนแปดหมื่นนาย

          เสียงกึกก้องไปด้วยผู้คนและม้าศึกจำนวนมาก ธงของทัพเว่ยโบกสะบัดพริ้วไหวดังต้องการประกาศก้องถึงความแข็งแกร่งของกองทัพที่มีชื่อเสียงโด่งดังว่าไม่เคยรบแพ้เลยสักครั้ง ประกอบกับลมที่พัดมาทำให้ต้นไม้ใบหญ้าแกว่งไกวไปมาตามสายลมที่พัดความหนาวเย็นเข้ามาเป็นระลอก เสียงที่ฮึกเหิมของทหารนับแสนดังก้องไปทั่วสนามรบอันกว้างใหญ่จนคนทั่วไปได้เห็นคงได้ตกตะลึงเป็นแน่

          ยามลั่นกลองรบด้วยจังหว่ะเร่งความเร็ว ที่ทำให้จิตใจฮึกเหิมจนตัองการจะฟาดฟันศัตรูให้แตกพ่าย ทำให้ฝ่ายศัตรูที่อยู่ตรงข้ามเกิดอ่อนไหวหวาดระแวง ยิ่งถูกเกณท์มาหาใช่ทหารจริงย่อมเกิดความหวาดกลัว

          อีกด้านหนึ่งของกองทัพเยี่ยนถึงจะมีทหารหลายแสนคนแต่เกินครึ่งก็ไม่ใช่ทหารที่ถูกฝึกการรบมาอย่างช่ำชอง ส่วนมากจะเป็นชาวบ้านที่ถูกกวาดต้อนมาเมื่อได้มาเห็นความเกรียงไกรและฮึกเหิมของกองทัพทหารนับแสนก็เริ่มใจคอไม่ดี ความกล้าที่มีเพียงน้อยนิดก็แทบจะปลิดปลิวไปตามสายลม

          ท่าทีที่กระสับกระส่ายด้วยใจที่ไม่มั่นคง จากกลุ่มเล็กๆเริ่มจะกระจายออกไปเป็นวงกว้างจนดูขาดระเบียบวินัยจนสิ้น ด้วยความหวาดกลัวและความกดดันที่ได้เห็นกองทัพเว่ยดูแข็งแกร่งจึงไม่ต้องการคิดจะสู้ แต่ก็ไม่สามารถหนีออกไปได้ จึงได้แต่กระวนกระวายดั่งเช่นมดที่อยู่ในกระทะร้อนเพียงรอวันตาย

          “รองแม่ทัพเจียว จัดทัพเดี๋ยวนี้ โจมตีให้กองทัพเว่ยแตกพ่ายและข้ามภูเขาลูกนี้ไปให้ได้ เราจะตีเมืองอูเจิ้นให้แตกพ่ายให้ได้เพียงในวันเดียว”แม่ทัพใหญ่ซ่างกวนเมื่อเห็นความระส่ำระสายของทหารก็เริ่มจะหงุดหงิดในความขลาดเขลาของทหารชั้นเลวเหล่านี้ จึงต้องการจะเผด็จศึกเสียให้สำเร็จในวันนี้ 

          เมื่อเคลื่อนม้าไปข้างหน้าจึงได้เงยหน้าขึ้นไปมอง บุรุษร่างสูงที่ใส่ชุดเกราะแม่ทัพใหญ่บนกำแพงสูงใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ด้านหน้า ถึงกับขมวดคิ้ว ชายผู้นั้นยังมีชีวิตอยู่รึ บาดเจ็บเสียเพียงนั้นยังรอดมาได้ วันนี้จะเด็ดหัวแม่ทัพใหญ่แคว้นเว่ยมาเสียให้จงไดั ต่อให้เก่งกาจเพียงใด จะมาสู้กองทัพทหารหกแสนของเขาได้เยี่ยงไร ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้นใจที่ไม่สามารถสังหารได้สำเร็จในวันนั้น

          เฉินโมเหยียน ได้ไปยืนบนกำแพงสูงเพื่อจะให้แม่ทัพใหญ่แคว้นเยี่ยนได้เห็น และเมื่อร่างสูงได้ไปยืนเด่นเพื่อเป็นจุดสนใจ ทหารเมื่อเห็นแม่ทัพผู้เก่งกาจของพวกเขา ต่างก็โห่ร้องด้วยความฮึกเหิมจนก้องลั่นสนั่นป่า พวกเขามั่นใจในกลศึกครั้งนี้ว่าจะต้องนำชัยชนะมาได้แน่นอน 

          ร่างสูงสง่าได้เห็นกองทัพขนาดมหึมาของทัพเยี่ยน ที่ยังดูสับสนวุ่นวายไม่เป็นระเบียบ ในขณะที่ทัพเว่ยมีคนน้อยกว่ายังดูมีความน่าเกรงขามเสียมากกว่าด้วยซ้ำ ด้วยทหารของแคว้นเว่ยจะเป็นทหารที่ถูกฝึกมาไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดาที่ถูกเกณฑ์มารบ จึงดูมีวินัยเคร่งครัดกว่าอย่างเห็นได้ชัด 

           เมื่อถึงเวลาเสียงแตรที่ทำมาจากเขาสัตว์ได้ถูกเป่าขึ้นมาเป็นสัญญานการเคลื่อนทัพเสียงฝีเท้าทั้งคนและม้าดังกึกก้องไปทั่วสมรภูมิรบ เสียงกลองที่ถูกตีดังกระหึ่มจนฝ่ายตรงข้ามถึงจะมีคนมากกว่า กับมีจิตใจสั่นไหวหวาดกลัว ด้วยเกินครึ่งไม่ใช่ทหารอย่างแท้จริงเมื่อมาเจอสถานการณ์ที่กดดัน ยิ่งหวาดกลัวจนทำอันใดไม่ถูก ภาพความโหดร้ายที่เกิดขึ้นในหัวตามจินตนาการ ยิ่งทำให้เกิดสับสนวุ่นวาย

         ทหารแคว้นเยี่ยนเกินครึ่งเป็นเพียงชาวบ้านจะเคยเห็นการสู้รบจริงเสียที่ใดกัน เมื่อได้มาเผชิญหน้ากับทหารกล้าอย่างแท้จริงย่อมหวาดกลัวเป็นธรรมดาจนดูขาดระเบียบวินัยอย่างเห็นได้ชัด

         ในขณะที่ทัพหน้าของแคว้นเยี่ยนได้ส่งสัญญานการเคลื่อนทัพเช่นกัน ทั้งสองได้ประจันหน้ากันโดยไม่ได้เปิดปากเยาะเย้ยหรือคำกล่าวใด ก็ได้พุ่งรบเปิดศึกเข้าจู่โจมกันอย่างดุเดือด เสียงโลหะที่ฟาดฟันกระทบกันดังกังวาลไปไกล 

         พลธนูที่อยู่บนเนินเขาสูงได้เห็นการสู้รบได้ชัดเจนว่าด้านล่างที่เป็นกองทัพเยี่ยนบัดนี้ได้เกิดเสียความสามัคคี และขาดระเบียบแบบแผน จึงได้ส่งสัญญานเป็นกระจกส่องแสงลงมาเพื่อส่งสัญญานให้ด้านล่างลงมือได้

          เมื่อได้เห็นสัญญานที่ส่งมา ทหารของกองทัพเว่ยที่มารอเวลาก็ได้เข้าโจมตีตรงกลางของกองทัพเยี่ยน ด้วยในส่วนนี้จะเป็นชาวบ้านที่็ถูกเกณฑ์มาเป็นทหาร เมื่อถูกโจมตีโดยไม่รู้ตัวจึงพยายามจะหนี ทำให้กองทัพเริ่มวุ่นวายคนจำนวนมากเมื่อพยายามหนีตายจึงได้เหยียบกันบ้างล้มลุกคลุกคลานจนเสียรูปขบวนเป็นภาพที่ชวนน่าเวทนา

          ทั้งนายกองและตำแหน่งคอยจัดวางทัพของแคว้นเยี่ยน ต่างตะโกนให้อยู่ในกฏระเบียบแต่ช่วงเวลาที่ความหวาดกลัวได้มีเต็มหัวใจใยจะฟังคำสั่งได้อยู่อีก

          ภาพทหารแคว้นเยี่ยนที่พยายามหนีตายเหยียบกันวุ่นวายล้มลุกคลุกคลานดูสับสนอลหม่านแต่กลับเป็นการดีสำหรับพลธนูของแคว้นเว่ยที่อยู่บนเนินเขา พลธนูที่อยู่ด้านบนก็เริ่มยิงลงมาข้างล่างดังห่าฝน จนทหารของแคว้นเยี่ยนเริ่มล้มตายเป็นจำนวนมากด้วยเสียเปรียบคนที่อยู่ที่สูงกว่า

         ทหารแคว้นเว่ยที่ถูกส่งไปแฝงตัวในฝ่ายศัตรูจำนวนมากได้ตะโกนพร้อมกัน

          “กองทัพเยี่ยนแพ้แล้วถอยทัพ”

          “ถอยทัพเร็ว แม่ทัพยอมแพ้แล้ว”

           การตะโกนต่อกันจึงทำให้ทัพเยี่ยนที่หวาดกลัวเป็นทุนเดิมอยู่แล้วยิ่งพยายามจะหลบหนีด้วยความหวาดกลัว 

 การเดินตามแผนทุกย่างก้าวของกองทัพเว่ยจึงทำให้ทหารแคว้นเยี่ยนหวาดกลัวราวกับอุปทานหมู่ต่างพยายามหนีตายกันจ้าละหวั่นจนเกิดภาพคล้ายกับมดที่พยายามหนีตายจากกระทะตั้งไฟ 

          ทหารแคว้นเยี่ยนที่เข้าใจผิดคิดว่าเป็นเรื่องจริง ทำให้การสื่อสารถูกส่งต่อจนกลายเป็นความเข้าใจผิดความโกลาหลจึงเกิดขึ้นอย่างง่ายดายจากกองทัพที่จัดทัพมาอย่างน่าเกรงขามบัดนี้ได้แตกกระจายจนเป็นภาพน่าอดสู

          เมื่อสร้างความวุ่นวายสำเร็จจึงได้ถอดชุดออกจึงทำให้สามารถแยกออกจากทหารทัพเยี่ยนได้อย่างชัดเจน จึงไม่มีการฆ่าฟันกันเองในทัพเว่ยแต่กลับสร้างกำลังใจให้เพิ่มขึ้นมาอีกว่าการสร้างความปั่นป่วนได้สำเร็จไปอีกขั้นแล้ว

 เมื่อได้ยินว่าให้ถอยทัพ กองทัพเยี่ยนยิ่งหนีกระจัดกระจายจนไม่สามารถสั่งรวมทัพได้อีก

 

 

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ฮูหยินสายลุย   บทที่44 กงล้อแห่งโชคชะตา

    ทุ่งหญ้าที่กว้างใหญ่ไพศาล มาลียา จากสตรีสูงศักดิ์เมื่อได้ถูกส่งกลับด้วยชื่อเสียงที่อื้อฉาว มือเรียวที่บัดนี้ไม่ได้อ่อนนุ่มเช่นเดิมอีกแล้ว ท่าทีที่หยิ่งยะโสไม่มีให้เห็นเช่นแต่ก่อน บัดนี้ต้องมาทำงานทุกอย่างภายในบ้านที่บิดาส่งนางแต่งงานกับพ่อค้าที่มักจะเดินทางมารับหนังสัตว์บ่อยๆ ตั้งแต่เดินทางมาถึงบิดาที่รักใคร่นางเมินเฉยเย็นชาไม่ใส่ใจสักนิดว่านางจะเป็นเช่นไร จึงได้กระจ่างแจ้งรู้ว่าบุตรสาวก็เป็นเพียงสิ่งที่เอาแลกกับผลประโยชน์ถ้าหมดประโยชน์ก็จะโยนทิ้งไปเสียลายาแม่นมที่เลี้ยงดูมาลียาก็ถูกโบยจนตายด้วยไม่สามารถสั่งสอนนางให้ทำตามแผนการได้สำเร็จ โชคชะตาก็เป็นเช่นนี้สินะโจวฟางหลินได้ฟังเรื่องราวผ่านพ่อค้าผู้หนึ่งที่เคยรับรู้ว่า องค์หญิงผู้นี้เคยแต่งเข้ามาเป็นภรรยารองของตระกูลเฉิน ได้เล่าเรื่องราวที่ได้รับรู้มาให้ได้ฟัง นางไม่ได้สงสารผู้ใด ทำสิ่งใดย่อมได้สิ่งนั้นจะผิดก็เพียงแค่ องค์หญิงเป็นเพียงหมากที่หมดประโยชน์แล้วก็เท่านั้น ถ้านางทำสำเร็จความรุ่งโรจน์ ก็จะเกิดกับนาง แล้วตนเองเล่าจะเป็นเช่นไรถ้าเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ชุนหงได้เขียนจดหมายมาหาได้บอกเล่าถึงเรื่องที่นางตั้งท้องได้สามเดือนแล้ว หนานกงก็ดู

  • ฮูหยินสายลุย   บทที่43ความพ่ายแพ้ที่มิอาจยอมรับ

    ลายาบ่าวผู้ภักดีถึงกับอ้าปากค้าง ด้วยไม่คาดคิดว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนไปถึงเพียงนี้ แล้วผู้ใดที่อยู่กับองค์หญิงของนางทั้งคืน ซ้ำเสียงน่าอายนี้ก็ได้ยินกันทั่ว แล้วจะแก้สถานการณ์นี้ได้อย่างไร“กรี๊ด” เสียงกรีดร้องของสตรีที่ยังมีเสื้อผ้าที่หลุดลุ่ยกลิ่นโลกีย์ยังคละคลุ้งอบอวลอยู่ในห้อง บัดนี้นางได้สติแตกจนสั่นเทิ้มไปทั้งร่างด้วยยังรับกับเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ได้ นางจะเอาหน้าไปไว้ที่ใด แผนการทุกอย่างพังลงไม่เป็นท่า ต่อให้กลับไปเผ่าหลี่เจียงบิดานางยังจะโปรดปรานนางอยู่รึ “องค์หญิงใจเย็นก่อนเพคะ” ลายาเข้าไปโอบกอดร่างงามที่เวลานี้ไม่สามารถระงับอารมณ์ตนเองได้อีกเนื้อตัวสั่นระริกด้วยความตื่นกลัวมาลียาพลางเหลือบไปมองชายที่ลุกขึ้นมาจากเตียงที่มีรูปร่างใกล้เคียงกับท่านแม่ทัพมาก จึงได้โผไปจะทำร้ายชายตรงหน้าด้วยความเคียดแค้นที่ทำให้นางมามีสภาพน่าสมเพชเช่นนี้“ข้าจะฆ่าเจ้าใยถึงมาอยู่ที่เตียงข้าได้ เจ้ามันน่าขยะแขยงสิ้นดี” ร่างบอบบางได้โผเข้าไปดึงทึ้งและทุบตีด้วยความแค้นใจ“เมื่อคืนไม่เห็นจะเอ่ยวาจาเช่นนี้มีแต่เร่งเร้าให้ข้าต้องหมดแรงตลอดทั้งคืน”ชายร่างสูงกำยำได้ลอยหน้าลอยตาเยาะเย้ยเหยียดหยาม ค่ำคืนกับร้

  • ฮูหยินสายลุย   บทที่43 องค์หญิงนอกด่านรึจะสู้

    สองสามีภรรยาถึงเวลาเดินทางกลับจวนเสียที หลังได้จัดการการค้าทุกอย่างได้เรียบร้อยคงถึงเวลาได้กลับมาเก็บกวาดปัญหาเสียที นางเป็นเพียงองค์หญิงนอกด่านที่ยังไม่ได้เห็นโลกกว้าง การใช้เล่ห์กลที่สตรีนิยมใช้กันทั่วไปเพื่อผูกมัดบุรุษส่วนมากไม่ได้ผลเท่าใดนัก ถึงจะได้ร่วมอภิรมย์แต่ก็หาได้ใจบุรุษไม่ แผนการทุกอย่างของนางได้ถูกรายงานมาตั้งแต่วันแรกที่วางแผนกันแล้ว บางทีโจวฟางหลินก็นึกสงสัยว่า นางเป็นถึงกุนซือของกองทัพนับแสน มีกลศึกที่โจมตีศัตรูที่มีจำนวนคนมหาศาลจนแตกพ่าย ใยจึงคิดได้ว่าจะมาพ่ายแพ้ต่อเล่ห์กลเด็กๆ เช่นนี้ได้ ดูถูกกันจนเกินไปรึไม่องค์หญิงมาลียาที่แกล้งป่วยโดยกินยาที่ทำให้ร่างกายร้อนผ่าวราวกับจับไข้ ถึงมีหมอมาตรวจก็เชื่อว่าได้มีไข้เป็นแน่ และนอนด้วยท่าทางหมดเรี่ยวแรงรอเวลาสามีกลับเข้ามาในจวนจะได้รวบรัดทำตามแผนการเสียทีฮูหยินผู้เฒ่าได้มาเยี่ยมเยียนพร้อมกับฮูหยินใหญ่เฉามารดาของสามี ได้เข้ามาในห้องเพื่อดูอาการป่วยไข้ของสะใภ้รอง ด้วยให้หมอมาตรวจแล้วว่าเป็นความจริงถ้าไม่มาเสียเลยจะดูแล้งน้ำใจ ชาวบ้านจะนำไปนินทาได้ ว่ากลั่นแกล้งสะใภ้ใหม่จนป่วยไข้“เป็นอันใดบ้างทุเลาลงบ้างรึไม่”ฮูหยินผู้เฒ่าเ

  • ฮูหยินสายลุย   ที่41 ลองดี

    สารทฤดูที่มีอากาศอบอุ่นขึ้นใบไม้ร่วงหล่นจนแลดูคล้ายพรมหลากสีสัน สามีภรรยาที่พักผ่อนด้วยเหนื่อยอ่อนจากความวุ่ยวายในงานแต่งงานรับภรรยารองเข้ามา ได้ลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความสดใสเมื่อได้พักผ่อนมาทั้งคืน ต่างจากอีกฟากของห้องหอที่มีบรรยากาศอึมครึมแต่เช้าตรู่ ที่ร่างงดงามพึ่งจะได้หลับตาลงเพียงไม่ถึงสองชั่วยามจะต้องตื่นขึ้นมาตามธรรมเนียมปฏิบัติของชาวแคว้นเว่ยด้วยจะต้องไปยกน้ำชาให้กับผู้หลักผู้ใหญ่รวมถึงภรรยาเอกด้วย“ออกไปให้พ้นข้าจะนอนอย่างมารบกวนข้า” ร่างงดงามตวาดออกไปด้วยความหงุดหงิดนางพึ่งจะได้นอนก็มาปลุกเสียแล้ว“องค์หญิงท่านต้องไปยกน้ำชานะ มันคือธรรมเนียมของแคว้นเว่ยถ้าไม่ทำจะดูไม่ดีนะเพคะ” ลายาเอ่ยเตือนองค์หญิงที่นางรักใคร่เหมือนบุตรสาวด้วยนางเลี้ยงดูมาตั้งแต่เกิด“ประเพณีอันใดที่เผ่าของเราไม่เห็นต้องยุ่งยากถึงเพียงนี้น่าเบื่อเสียจริง” นางยังแค้นที่เจ้าบ่าวมาทิ้งให้นางต้องนอนเดียวดายในห้องหอ เช่นนี้แล้วนางยังจะมีอำนาจอันใดในจวนแห่งนี้ การแสดงออกของสามีย่อมแสดงให้ทุกคนเห็นแล้วว่าไม่ได้ให้ความสำคัญใดๆ กับนาง บ่าวไพร่จะดูถูกนางถึงเพียงไหน“เราต้องคำนึงถึงว่าเรามาที่นี่เพราะเรื่องอันใดนะเพค

  • ฮูหยินสายลุย   บทที่40 เจ้าหญิงชนเผ่านอกด่าน

    ภายในรถม้าที่ตกแต่งอย่างสมเกียรติมีสตรีที่มีใบหน้างดงามราวปีศาจจำแลง ทรวดทรงองค์เอวช่างมีส่วนเว้าส่วนโค้งงดงาม ผิดกับนิสัยที่เย่อหยิ่งจองหอง ด้วยเติบโตมาในทุ่งหญ้าที่มีแต่คนพะเน้าพะนอ ยกยอปอปั้นจนนางมั่นใจว่าไม่มีสตรีใดจะงดงามไปกว่านางอีกแล้ว การที่จำต้องเดินทางมาแต่งเชื่อมสัมพันธ์กับแคว้นใหญ่อย่างแคว้นเว่ย และเป็นเพียงภรรยารองจึงได้แต่อาละวาดมาตลอดทางด้วยต้องการระบายอารมณ์ที่ขุ่นมัว นางเป็นถึงองค์หญิงของเผ่าหลี่เจียงที่เป็นเผ่าที่ใหญ่ที่สุดในตอนนี้กลับต้องมาแต่งเป็นภรรยารอง เพียงเพราะมหาข่านที่เป็นเสด็จพ่อของนางได้ตัดสินใจแล้วว่าต้องเป็นนางถึงจะทำให้แผนการครั้งนี้สำเร็จได้โดยง่ายโดยที่ไม่ต้องเปิดศึกรบ เพียงทำให้แม่ทัพใหญ่เฉินโม่เหยียนของแดนเหนือ รักใคร่หลงใหลในตัวนางก็จะสามารถชักจูงให้ยอมรับเปิดทางให้เผ่าหลี่เจียงได้แทรกซึมเข้าไปยึดดินแดนในรอบนอกได้ง่ายๆ และที่สำคัญการค้าในมือตระกูลเฉินมีมูลค่ามหาศาล ถ้ายึดมาเป็นของเราได้ก็จะยิ่งส่งเสริมกำลังทั้งในด้านอาวุธและเงินทองไปด้วย ใยจะไม่คุ้มค่ากับการแต่งงานในครั้งนี้เล่า“องค์หญิงจะต้องมัดใจท่านราชบุตรเขยให้ได้นะเพคะ ครั้งนี้ถ้าทำสำเร็จมห

  • ฮูหยินสายลุย   บทที่38 เตรียมตัวเดินทางเข้าเมืองหลวงอีกครั้ง

    โจวฟางหลินครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้ในเรื่องที่มีราชโองการมาแบบนี้ และส่วนหนึ่งที่พยายามสุมไฟกองนี้ให้ใหญ่ขึ้นย่อมเป็นโอรสสวรรค์ผู้นี้เป็นแน่ นางไม่คิดว่าฝ่าบาทจะมารักใคร่นางจนต้องการครอบครองถึงเพียงนั้น แต่อำนาจและเงินตราในมือนางต่างหากเล่าที่พระองค์ต้องการ“จริงๆ แล้วการที่เผ่าหลี่เจียงนำองค์หญิงผู้นี้มาแต่งเชื่อมสัมพันธ์ย่อมเป็นเพียงหมากที่ส่งมาเพียงเท่านั้น” โจวฟางหลินเริ่มวิเคราะห์ถึงความเป็นจริงในเรื่องนี้“อย่างไรรึ” ฮูหยินใหญ่เฉาได้เอ่ยปากเป็นครั้งแรกหลังจากยังตระหนกตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น“เผ่าหลี่เจียงอยู่ไกลจากแคว้นเว่ยมากนัก แต่ทำไมถึงมุ่งเป้ามาที่ท่านพี่ คงมีความคิดว่าถ้าได้แต่งมาเป็นภรรยารองและสามารถทำให้ท่านพี่หลงในในตัวนางได้_”เอ่ยไม่ทันจบสามีก็ร้อนรนเสียแล้ว“ข้าไม่มีทางจะแตะต้องนางเป็นแน่ข้าขอสาบานต่อเจ้า”เฉินโม่เหยียนรีบเอ่ยออกมาอย่างตกใจกับการคาดเดาของภรรยา“ท่านพี่นี่คือการคาดการณ์เพียงเท่านั้น ถ้านางสามารถทำสำเร็จก็จะสามารถสร้างความวุ่นวายและให้ท่านพี่และข้าได้หย่าขาดจากกัน เผ่าหลี่เจียงคงจะอยากได้สมาคมการค้าที่อยู่ในมือข้าเพื่อไปสนับสนุนเผ่าของตนเอง และท่านเองก็ม

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status