ฮูหยินสายลุย

ฮูหยินสายลุย

last updateLast Updated : 2025-10-22
Language: Thai
goodnovel18goodnovel
Not enough ratings
27Chapters
13views
Read
Add to library

Share:  

Report
Overview
Catalog
SCAN CODE TO READ ON APP

หากต้องการเป็นเพียงแค่สหาย ข้าก็ไม่ขัดข้องอันใด ข้ายอมแล้วจริงหนึ่งชาติที่รอคอยข้าพอแล้ว แต่ใยยังมาตามติดอีกเล่า ท่านแม่ทัพท่านบ้าไปแล้วหรือ

View More

Chapter 1

บทที่1: ชะตาหวนคืน

บทที่1 ชะตาหวนคืน

   ร่างบางที่มีใบหน้างดงามแต่ก็มิได้งดงามถึงขนาดล่มเมืองถึงเพียงนั้น นั่งเหม่อลอยด้วยยังจับต้นชนปลายไม่ถูก นางจับใบหน้าที่ยังสวยสดงดงามไม่ได้แก่ชราไปตามกาลเวลาก่อนหน้านี้

ตั้งแต่บิดาเสียชีวิตในสนามรบเพียงไม่ถึงเดือนก็ได้รับ สมรสพระราชทานที่นำมาจากเมืองหลวง ให้แต่งงานกับท่านแม่ทัพ ‘เฉินโม่เหยียน’ที่ประจำการอยู่ที่ ‘เมืองเป่ยฉิน’ ในทิศตะวันตก

ท่านแม่ทัพเฉิน ขึ้นมาเป็นแม่ทัพแทนท่านพ่อของนาง แต่ท่านแม่ทัพมีนางในดวงใจแล้วที่เมืองหลวงถึงจะไม่อยากแต่งงานแต่ก็ขัดราชโองการไม่ได้ จนเมื่อแต่งงานนางยังคงทำหน้าที่ กุนซือต่อในกองทัพ ด้วยพยายามขอร้องสามี เพียงหวังว่าจะได้อยู่ใกล้ชิดด้วยคิดว่าสักวันหนึ่ง สามีที่มีใบหน้าหล่อเหลาร่างสูงกำยำองอาจดั่งนักรบ อาจจะยอมรับนางจนเกิดความรักขึ้นมาได้ แต่เรื่องราวหาเป็นเช่นนั้น ถึงจะอยู่ใกล้ชิดเพียงใด สามีก็ไม่เคยสนใจ ในฐานะภรรยาแม้แต่น้อยเพียงแต่ให้เกียรตินางเหมือนกับเป็นสหายเสียมากกว่า กับสามีไม่ได้มีบุตรถึงจะถูกกดดันเรื่องการสืบทายาท เฉินโม่เหยียนก็ไม่สนใจ และนางเองก็ต้องปล่อยไปเพียงเพราะทำอันใดไม่ได้ จวบจนวาระสุดท้ายของชีวิต สามีก็ได้ลาออกจากการเป็นแม่ทัพด้วยวัยห้าสิบแปดปี และนางอายุห้าสิบเจ็ดปีและได้เสียชีวิตในวัยห้าสิบเก้าปี

และใช่นางคือ ‘โจวฟางหลิน’ ที่ทั้งชีวิตอยู่แต่ในค่ายทหารเพียงแค่ต้องการจะใกล้ชิดสามีที่เย็นชา แต่ใช้เวลามาทั้งชีวิตก็ไม่อาจจะละลายน้ำแข็งในใจบุรุษผู้นี้ได้เลย

   “ฮูหยินเจ้าคะ ทำไมถึงนั่งเหม่อหรือเจ้าคะ ไม่สบายรึไม่ ให้ซุนหงไปตามท่านหมอดีหรือไม่เจ้าคะ”

  “ข้าไม่ได้เป็นอะไร” ร่างบางมองใบหน้าสาวรับใช้ที่อยู่ใกล้ชิดนางมาตลอดตั้งแต่ชาติที่แล้ว ซุนหงได้อยู่กับนางจนวาระสุดท้ายของชีวิตหลังจากที่นางลาออกจากกองทัพในฐานะกุนซือ สายตาที่มองบ่าวผู้นี้จึงอ่อนโยนยิ่งขึ้นด้วยความเอ็นดู บัดนี้นางไม่ใช่สตรีแรกรุ่นอีกแล้ว นางผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายสิบปี เจอะเจอผู้คนล้มตายทั้งจากสงครามและความอดอยาก เมื่อได้กลับมาอีกครั้งเด็กสาวเช่นซุนหงจึงดูน่าเอ็นดูยิ่งนัก

   “ช่วงนี้เป็นฤดูไหนและปีไหนรึ” โจวฟางหลิน ยังไม่แน่ใจนักว่านางกลับมาช่วงเวลาไหน

  “เซี่ยจี้ รัชศกที่15 สมัยฮ่องเต้หม่าจิ้งเทียนเจ้าค่ะ”ซุนหงเอ่ยตอบพร้อมกับจับจ้องใบหน้าของฮูหยินที่นางทั้งรักและเคารพด้วยความเป็นห่วง พลางคิดว่านายหญิงสติฟั่นเฟือนจนเลอะเลือนไปแล้วรึ จึงถามเช่นนี้

   โจวฟางหลินรู้แล้วนางได้ย้อนเวลามาช่วงอายุยี่สิบปี หลังจากแต่งงานได้สองปี และพยายามที่จะขอร้องสามีติดตามไปค่ายทหารเพื่อเป็นกุนซือเช่นเดิม จนสุดท้ายสามีทนความรบเร้าไม่ไหวจึงรับปากให้นางได้กลับไปเป็นกุนซือกองทัพอีกครั้ง แต่ครั้งนี้จะไม่มีทางทำเช่นนั้นอีกแล้ว นางจะใช้ชีวิตด้วยความอิสระ จะไม่ยึดติดขอความรักจากสามีเช่นชาติก่อน ชาติที่แล้วช่างทุกข์ใจเหลือจะกล่าว ชาตินี้นางพอแล้ว

  “ฮูหยินเจ้าค่ะ ฮูหยินผู้เฒ่าต้องการพบเจ้าค่ะ” บ่าวด้านนอกได้แจ้งถึงสิ่งที่เจ้านายสั่งมา

  “รอสักครู่ ข้าจะตามไป”ร่างบางเอ่ยเพื่อที่จะได้เตรียมตัว ฮูหยินผู้เฒ่าตลอดระยะเวลาที่นางแต่งงานเข้ามา เอ็นดูนางหรือจะเพราะสงสารที่สามีไม่รักก็ไม่รู้เช่นกัน แต่โดยรวมก็ปฏิบัติต่อนางก็ไม่เลวนัก ต่างจากแม่สามีและผู้อื่นที่มักจะมีสายตาที่ดูถูก ด้วยบิดาของนางได้เสียชีวิตไปแล้ว กระทั่งตระกูลก็มีเพียงแต่สตรี จึงไม่อาจหนุนหลังสามีได้ จึงเป็นที่ดูถูกเป็นธรรมดา

  “คำนับท่านย่า ท่านแม่ และอี้เหนียง เจ้าค่ะ” โจวฟางหลินเอ่ยทักทายทุกคนที่อยู่ภายในห้องด้วยสีหน้าราบเรียบ

 “เจ้ามาแล้วรึ พอดีจะมีเรื่องพูดคุยกับเจ้า” ฮูหยินผู้เฒ่าเพ่งพิศพิจารณา หลานสะใภ้ผู้นี้วันนี้ช่างมีกิริยามารยาทที่แปลกไป ดูสง่างามหลังตั้งตรง สายตาที่เย็นเยียบเหมือนดั่งคนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาจนไม่สนใจสิ่งรอบตัวอีกแล้ว คนเราจะเปลี่ยนกิริยาท่าทางภายในระยะเวลาอันสั้นได้เช่นนี้เลยรึ ถึงจะเป็น กุนซือในกองทัพมาก่อนแต่เมื่อแต่งงานมาที่ตระกูลเฉินกลับมีนิสัยที่อ่อนโยนร่าเริงและการเอาอกเอาใจสามี เพียงแต่หลานชายของนางก็ช่างเย็นชายิ่งนัก

  โจวฟางหลินนั่งลงตรงโต๊ะที่ถัดไปจากอี้เหนียงซุนอิงหลัน ด้วยใบหน้าเรียบเฉยมีเพียงมุมปากที่กดลึกคล้ายยิ้มไม่ยิ้ม จนคนภายในห้องรู้สึกถึงความมีอำนาจอย่างบอกไม่ถูก

  “อีกไม่กี่วัน โม่เหยียน จะกลับมาจากค่ายทหาร เวลานี้เจ้าก็แต่งงานกันมาจะครบสองปีแล้ว”ฮูหยินหยุดถอนใจด้วยจะพูดต่อเพื่อกดดันหรือจะเช่นไรต่อก็ยังไม่แน่ใจ

  “ท่านย่าถ้าข้าไม่สามารถมีบุตรได้ ท่านย่าจะหาภรรยารองให้ท่านพี่ก็แล้วแต่พิจารณาของท่านย่าเจ้าค่ะ” ร่างบางคาดไว้ไม่มีผิด ว่าจะต้องเอ่ยถึงเรื่องนี้ ด้วยนางก็แต่งงานเข้ามาก็นานพอมควร เสมือนแม่ไก่ออกไข่ไม่ได้ แล้วจะมีประโยชน์อันใดที่จะมีภรรยาเพียงคนเดียว

  “ลูกสะใภ้นี่ช่างเข้าใจอะไรง่ายดีนะเจ้าคะท่านแม่”ฮูหยินใหญ่กล่าวด้วยท่าทียิ้มเยาะ

  โจวฟางหลิน ตวัดสายตามองมารดาของสามีด้วยใบหน้าเรียบเฉย ด้วยท่าทางที่นิ่งของลูกสะใภ้ เฉาเหม่ยอิง ถึงกับขนลุกโดยไม่รู้ตัว สายตาที่ดูรู้ทันทุกความคิด ไม่สนใจว่าใครจะคิดเห็นต่อนางเยี่ยงไรเช่นนี้ช่างไม่ใช่กิริยาของสตรีแรกรุ่นที่น่าจะมีความอ่อนโยนมากกว่านี้

  อนุซุนอิงหลัน ลอบมองรู้สึกว่านั่งนิ่งๆเฉยๆ เป็นการทำถูกแล้ว สายตาและท่าทางของโจวฟางหลินช่างดูมีอำนาจแปลกๆกิริยาท่าทางก็ต่างออกไปจากเมื่ิอก่อนดูเย็นชาไม่ได้อ่อนโยนเช่นแต่ก่อน

  “เรื่องนี้ ท่านย่ากับท่านแม่ตัดสินใจได้เลยเจ้าค่ะ ข้าไม่ได้จะโต้แย้งอันใด ข้าเคารพการตัดสินของผู้ใหญ่ที่ต้องมองการณ์ไกลกว่าแน่นอน” ฟางหลินเอ่ยเพื่อจะตัดจบบทสนทนาที่น่าเบื่อเช่นนี้เสียที นางไม่ขัดนั่นถูกต้องแล้ว เพราะนางเองก็ไม่คิดจะไปตามตอแยอะไรสามีน้ำแข็งนั้นอีกแล้วเช่นกัน ยังมีเรื่องให้ทำอีกมากมายไม่คิดจะมาเสียเวลาเรื่องรักๆใคร่ๆเช่นนี้อีก

  “เจ้าช่างเป็นคนมีเหตุมีผลเสียจริง” ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยออกมาด้วยความรู้สึกเอ็นดูหลานสะใภ้ ที่ช่างเข้าใจอะไรง่ายดายนักไม่คิดหึงหวงจนน่ามืดตามัวจนไม่สนการสืบทอดทายาทของตระกูลที่มีความจำเป็นมากสำหรับสืบทอดวงค์ตระกูลต่อไป

   “เจ้าเข้าใจง่ายเช่นนั้นก็ดี ข้าก็พอมีคุณหนูบางคนที่จะแต่งเข้ามาเหมือนกัน” ฮูหยินใหญ่เอ่ยปากพลางมองใบหน้าลูกสะใภ้ ว่าจะไม่สนใจเช่นที่แสดงออกจริงหรือไม่

  “แล้วแต่ท่านแม่เห็นสมควรเจ้าค่ะ”ร่างบางแอบถอนหายใจ ว่ายังไม่จบอีกรึ เสียเวลาของนางเสียจริง เอาเวลาไปคิดเรื่องอื่นจะดีกว่านี้เสียอีก

  “แล้วเจ้าสนใจผู้ใดอยู่รึ”ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยถามลูกสะใภ้ด้วยอยากรู้ว่าได้ถูกใจคุณหนูตระกูลใดไว้บ้าง

  โจวฟางหลินแทบจะเหลือบสายตามองบนฟ้า จะปรึกษาหารือกันก็ให้นางกลับออกไปก่อนได้รึไม่ นางไม่ต้องการจะรู้ว่าจะให้ใครมาเป็นภรรยารองของสามี หรือจะให้หย่าขาดจากกันก็ย่อมได้ ถึงอย่างไร หัวเมืองทางเหนือก็อยู่ไกลพระราชวังเป็นพันลี้ ยังไงต่อให้เป็นสมรสพระราชทานแล้วอย่างไร แค่ปล่อยข่าวว่านางทำผิดเจ็ดขับก็สามารถหย่าขาดจากกันได้แล้ว

   “ข้าคิดว่าคุณหนู ‘ จูอินหลัน’ก็ใช้ได้นะเจ้าคะ เป็นบุตรสาวของคหบดีที่มีร้านค้ามากมายกระจายไปถึงเมืองหลวง รูปร่างก็ดูอรชรอ้อนแอ้นใบหน้าก็งดงาม กิริยามารยาทก็อ่อนหวาน” ฮูหยินเฉาเสวี่ยนหลง เมื่อเอ่ยจบได้ชำเรืองมองลูกสะใภ้ด้วยท่าทีเย้ยหยัน ขนาดภรรยาที่นางจะให้แต่งเข้ามาเป็นสะใภ้รองยังมีอำนาจหนุนหลังมากกว่านางที่เป็นสะใภ้ใหญ่เสียอีก

  โจวฟางหลินนั่งนิ่งๆไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมา ใบหน้าที่ราบเรียบมิบ่งบอกถึงอารมณ์ จึงดูขัดหูขัดตาแม่สามียิ่งนัก

   “ก็ดีนะเจ้าคะ ท่านแม่ข้าว่าคุณหนูจู ก็มีใจให้กับโม่เหยียนของเราไม่น้อย” อี้เหนียงที่นั่งฟังมานานจึงเริ่มออกความคิดเห็นบ้าง

   “หรือจะเป็นคุณหนูซุยซูอวิ๋น บุตรคนรองของเจ้ากรม ก็คงยินดีที่จะแต่งเข้ามาด้วยนางเองก็ดูชมชอบโม่เหยียบของเราเช่นกัน”

  โจวฟางหลินถอนหายใจเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่ได้นับ เพียงแค่คิดว่าเมื่อไหร่จะปรึกษากันจบเสียที นางต้องการกลับพักผ่อนเพื่อที่คิดว่าจะทำอย่างไรต่อจากนี้ ถ้าจะให้มาอยู่เฉยๆแบบนี้คงไม่ได้

  “แล้วเจ้าหล่ะ ฟางเอ๋อ คิดเห็นเป็นเช่นไร” ฮูหยินผู้เฒ่าได้เอ่ยถามหลานที่สะใภ้ ที่ยังนั่งนิ่งไม่ออกความเห็นใดๆด้วยความสงบนิ่งเหมือนกับเรื่องนื้ไม่เกี่ยวกับนางเสียอย่างนั้น

  “คุณหนูจูอิงหลันก็ดีเจ้าค่ะ ทั้งงดงามอ่อนหวานเบื้องหลังก็มีบิดาที่่มีเส้นสายทั้งในหัวเมืองและเมืองหลวง คงจะส่งเสริมท่านแม่ทัพได้ไม่น้อย” โจวฟางหลินไม่ได้ใส่ใจนักจึงเอ่ยส่งๆไป เพราะสตรีที่ว่ามาต่างก็มีภูมิหลังที่ดี อีกคนถึงแม้ไม่ได้มาจากข้าราชการแต่สามารถกดข่มผูุ้คนได้เช่นกันด้วยอำนาจเงินที่มี ส่วนอีกคนก็มีบิดาเป็นถึงรองเจ้ากรมคงส่งเสริมกันได้ในด้านติดต่อขอกำลังทหารจากเมืองหลวงได้รวดเร็วยามศึกสงคราม

   “ ในเมื่อรู้จักที่จะผ่อนหนักผ่อนเบา ส่งเสริมสามีเยี่ยงนี้ก็ดี” ฮูหยินใหญ่ยังคิดจะเหน็บลูกสะใภ้เพียงเพราะไม่ชอบหน้า ที่บุตรชายต้องมาแต่งงานกับสตรีที่ไม่มีภูมิหลังส่งเสริมสามีได้เช่นนี้

  “อาหล่ะ วันนี้ก็คงจะพอกันแค่นี้ก่อน ถึงอย่างไรก็ต้องรอให้ โม่เหยียนกลับมาค่อยปรึกษากันอึกที ต้องถามความคิดเห็นของโม่เหยียนด้วย” ฮูหยินผู้เฒ่าย่อมรู้นิสัยของหลานชายดีว่าดื้อรั้นขนาดไหน ถ้าไม่คิดจะทำตามก็จะไม่ยอมเสียโดยง่าย ดูจากที่แต่งหลานสะใภ้ผู้นี้มาร่วมสองปี ยังไม่เคยร่วมหอสักครัั้งเอาแต่หนีไปค่ายทหารอ้างแต่มีงานเยอะจนไม่สามารถปลีกตัวมาได้ แค่กำลังจะกลับมาหลังจากไปอยู่ค่ายทหารเกือบหกเดือน

  “ข้าลาเจ้าค่ะ” โจวฟางหลิน ย่อตัวทำความเคารพกับทุกคนและเดินจากไปอย่างรวดเร็ว ราวกับหนีปีศาจ แต่แท้จริงคือนางเมื่อยมากจากที่นั่งฟังเรื่องราวไร้สาระนับชั่วยาม

   ฮูหยินผู้เฒ่าเมื่อเห็นหลานสะใภ้ออกไปไกลแล้ว จึงได้เอ่ยตำหนิสะใภ้ใหญ่ ที่ไม่เก็บอาการที่ถากถางเยาะเย้ยลูกสะใภ้อยู่ตลอดเวลา

   “เรื่องราวก็ผ่านมาเนิ่นนานแล้วเจ้าจะมารังเกียจรังงอนอะไรกับลูกสะใภ้อีก นางก็ถูกสมรสพระราชทานมาเช่นกัน นางก็ทำหน้าที่ภรรยาได้ดี เพียงแต่บุตรชายของเจ้าเสียอีกที่ไม่สนใจนางเลยด้วยซ้ำ” ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยด้วยยความหงุดหงิดใจในความไร้เหตุผลของสะใภ้ใหญ่ จึงได้บอกให้แยกย้ายกันกลับไปพักผ่อนเสีย นางกลุ้มใจกับสะใภ้ผู้นี้เสียจริง นางเองถึงแม้จะมีภูมิหลังที่ดีแต่ใช่ตระกูลของนางจะมาช่วยเหลือมากมายเสียเมื่อไหร่

ฝากนิยายเรื่องใหม่ด้วยนะคะ🙏❤️

อย่าลืมกดเข้าชั้นเพื่อจะได้ไม่พลาดตอนใหม่ๆด้วยนะคะ

#นางเอกไรท์ค่อนข้างโหดนิสนึงนะคะ#

Expand
Next Chapter
Download

Latest chapter

More Chapters

Comments

No Comments
27 Chapters
บทที่1: ชะตาหวนคืน
บทที่1 ชะตาหวนคืน ร่างบางที่มีใบหน้างดงามแต่ก็มิได้งดงามถึงขนาดล่มเมืองถึงเพียงนั้น นั่งเหม่อลอยด้วยยังจับต้นชนปลายไม่ถูก นางจับใบหน้าที่ยังสวยสดงดงามไม่ได้แก่ชราไปตามกาลเวลาก่อนหน้านี้ตั้งแต่บิดาเสียชีวิตในสนามรบเพียงไม่ถึงเดือนก็ได้รับ สมรสพระราชทานที่นำมาจากเมืองหลวง ให้แต่งงานกับท่านแม่ทัพ ‘เฉินโม่เหยียน’ที่ประจำการอยู่ที่ ‘เมืองเป่ยฉิน’ ในทิศตะวันตกท่านแม่ทัพเฉิน ขึ้นมาเป็นแม่ทัพแทนท่านพ่อของนาง แต่ท่านแม่ทัพมีนางในดวงใจแล้วที่เมืองหลวงถึงจะไม่อยากแต่งงานแต่ก็ขัดราชโองการไม่ได้ จนเมื่อแต่งงานนางยังคงทำหน้าที่ กุนซือต่อในกองทัพ ด้วยพยายามขอร้องสามี เพียงหวังว่าจะได้อยู่ใกล้ชิดด้วยคิดว่าสักวันหนึ่ง สามีที่มีใบหน้าหล่อเหลาร่างสูงกำยำองอาจดั่งนักรบ อาจจะยอมรับนางจนเกิดความรักขึ้นมาได้ แต่เรื่องราวหาเป็นเช่นนั้น ถึงจะอยู่ใกล้ชิดเพียงใด สามีก็ไม่เคยสนใจ ในฐานะภรรยาแม้แต่น้อยเพียงแต่ให้เกียรตินางเหมือนกับเป็นสหายเสียมากกว่า กับสามีไม่ได้มีบุตรถึงจะถูกกดดันเรื่องการสืบทายาท เฉินโม่เหยียนก็ไม่สนใจ และนางเองก็ต้องปล่อยไปเพียงเพราะทำอันใดไม่ได้ จวบจนวาระสุดท้ายของชีวิต สามีก็ได้ลาออกจา
last updateLast Updated : 2025-10-16
Read more
บทที่2: เจรจาการค้า
บทที่2 เจราจาการค้า โจวฟางหลินนึกทบทวนเรื่องราวในชาติก่อน นางมีคนรู้จักที่ทำการค้าอาวุธ ท่านพ่อเคยได้ติดต่อยามเมื่อเกิดศึกสงครามแล้วทางเมืองหลวงไม่ส่งอาวุธมาให้อ้างว่า พึ่งส่งไปให้ทางหัวเมืองอื่นจึงทำให้ไม่สามารถจะมีพอส่งมาที่หัวเมืองทางเหนือ ตระกูลของนางเป็นแม่ทัพมาตั้งแต่ท่านปู่ แต่ท่านพ่อมีเพียงบุตรสาว มีนางเป็นบุตรสาวของฮูหยินเอกเพียงคนเดียว ท่านพ่อจึงจำเป็นต้องรับ อนุหูจางเหมย เพื่อจะได้มีบุตรชายสืบทอด แต่ก็ยังคงเป็นสตรี เมื่อบิดาเสียชีวิตจึงมีนางเป็นบุตรสาวสายตรงเพียงผู้เดียว โจวฟางหลินคิดว่าถ้าติดต่อท่านเหลียวที่เคยทำการค้ากับท่านพ่อสำเร็จ จะติดต่อกับอีกหนึ่งคน ท่านเหล่าหลาน เป็นคนค้าข้าวสารทุกชนิดรายใหญ่และมีเกลือที่สามารถส่งขายให้เกือบทั้งแคว้นด้วยการผูกขาดสัมปทานไว้ จริงๆแล้วราชสำนักจะเป็นผู้ควบคุมการค้าเกลือไว้ขายแต่เพียงผู้เดียว แต่ไม่รู้ว่านายท่านเหล่าหลานได้สัมปทานการขายเกลือมาจากราสำนักได้อย่างไร แต่ต้องเสียภาษีที่ถูกเรียกเก็บเป็นจำนวนมหาศาลเช่นกัน เรื่องเกลือนางสามารถทำได้เพราะหลังจากที่จะเสียขีวิตได้มีคนสามารถผลิตเกลือบริสุทธิ์ได้จนสร้างกำไรมหาศาล แต่ต้องหลังจากนี้เ
last updateLast Updated : 2025-10-16
Read more
บทที่3: เจรจาการค้า(ตอนปลาย)
บทที่3 เจรจาการค้า(ตอนปลาย) ยามแสงตะวันโผล่พ้นขอบฟ้าอากาศเย็นสดชื่นนัก โจวฟางหลินได้วางแผนไว้ว่าจะไปพบท่านเหล่าหลาน คนผู้นี้จำได้ว่า เคยเป็นคนที่ท่านพ่อเคยช่วยเหลือช่วงที่ยังเป็นพ่อค้าเล็กๆ ซึ่งในช่วงนั้นนางเองก็ยังเด็กอายุเพียงสิบหนาว ท่านเหล่าหลานจากพ่อค้าที่ไม่มีอำนาจและชื่อเสียงสามารถไต่เต้าขึ้นมาใช้ระยะเวลาแค่เพียงสิบปี จนสามารถได้รับสัมปทานการขายข้าวทุกชนิด บัดนี้มีใครบ้างไม่รู้จักชายวัยกลางคนผู้นี้อีกไม่นานจะมีสงครามอีกครั้ง จึงต้องกักตุนสินค้าโดยเฉพาะข้าวและเกลือให้มากที่สุด ยามศึกสงครามชาวบ้านไม่สามารถมีเงินซื้อสิ่งเหล่านี้ได้ที่กักตุนเพื่อที่จะส่งขายในแคว้นที่ได้รับผลกระทบต่างหาก โจวฟางหลินออกจากจวนไปวันนี้ได้พาซุนหงไปด้วย เพราะบ่าวรับใช้ผู้ซื่อสัตย์ผู้นี้จะขอตามไปด้วยพูดเหตุผลต่างๆนา จนต้องพามาด้วยเพื่อตัดปัญหาความเจ้าแง่แสนงอนของนาง “ฮูหยินน้อย วันนี้ท่านต้องพาชุนหงไปด้วยนะเจ้าคะ” “ข้าไปคนเดียวจะสะดวกกว่า เจ้ารอข้าอยู่ที่นี่เถอะ” “ท่านพาข้าไปด้วยเถอะ เดี๋ยวจะดูไม่ดี ถ้านายหญิงออกไปผู้เดียวแบบนี้ทุกวัน อาจจะเกิดข้อครหาได้นะเจ้าคะ” ร่างบางถอนหายใจ พลางยกยิ้มอย่
last updateLast Updated : 2025-10-16
Read more
บทที่4 ท่านแม่ทัพกลับจวน
บทที่ 4 ท่านแม่ทัพกลับจวน “ฮูหยินน้อยเจ้าคะ ท่านจะไม่ไปรอรับท่านแม่ทัพหรือเจ้าคะ” ซุนหงสาวใช้เพียงคนเดียวที่ติดตามนางมาตั้งแต่สกุลโจว ไดัเอ่ยเตือนด้วยความร้อนใจที่นายหญิงยังไม่ขยับเลยสักนิด ท่านแม่ทัพใกล้จะถึงหน้าจวนแล้ว “เจ้าจะรีบไปใยขาดข้าเสียคนท่านแม่ทัพจะเข้าจวนมิได้รึ” ร่างบางเอนกายบนตั่งด้วยท่าทีที่ผ่อนคลายจนเห็นทรวดทรงองค์เอวที่โค้งเว้าดูยั่วยวนใจขัดกับใบหน้าที่เรียบเฉยเย็นชา “ท่านไม่ดีใจหรือเจ้าคะ ที่ท่านแม่ทัพกลับมา” ซุนหงรู้สึกสับสนกับท่าทางของนายหญิงที่ดูไม่กระตือรือล้นต่อสิ่งใด “ข้าจะดีใจรึไม่ สำคัญด้วยหรือ เจ้าเคยเห็นท่านแม่ทัพต้องการพบข้ารึ” โจวฟางหลินถอนหายใยด้วยความเบื่อหน่าย ก็แค่กลับมาใยจะต้องวุ่นวายถึงเพียงนี้ ซุนหงส่ายหน้า เพราะก็ไม่เห็นท่านแม่ทัพจะยินดีจะพบนายหญิงเสียเท่าไหร่ ในระหว่างที่พูดคุยได้มีบ่าวรับใช้ขั้นหนึ่งในเรือนของฮูหยินใหญ่ มาแจ้งด้วยท่าทางไม่มีความยำเกรง ว่าให้รีบออกไปต้อนรับท่านแม่ทัพเดี๋ยวนี้ “ฮูหยินน้อย ท่านไม่รู้หน้าที่เลยรึว่าจะต้องรีบออกไปต้อนรับท่านแม่ทัพ” อี้ถงเป็นบ่าวรับใช้ส่วนตัวของฮูหยินใหญ่นั่นก็คือมารดาของเฉินโม่เหยียน ที่อี้
last updateLast Updated : 2025-10-21
Read more
บทที่5 คนทรยศ
บทที่5 คนทรยศ การส่งมอบสินค้าได้มาถึง อาวุธที่สั่งมาจำนวนมากได้ถูกลำเลียงมาจนครบ นางต้องจ่ายด้วยเงินจำนวนสูงถึงหนึ่งหมื่นห้าพันตำลึงทอง คนงานที่ถูกซื้อตัวมาจากตลาดค้าทาสนับร้อยชีวิต ครึ่งหนึ่งถูกส่งไปที่ชายแดนตะวันออกเพื่อไปนำเกลือที่ถูกตากจนแห้งเอากลับมาที่นี่ ส่วนที่เหลือห้าสิบคนจะมาเอาไว้ใช้งาน ทั้งจัดเก็บสินค้าและคอยดูแลสินค้าทุกอย่าง จัดคนเฝ้ายามตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน ทาสที่ซื้อจากตลาดค้าทาส มีอยู่หนึ่งคนที่ดูโดดเด่นที่สุด โจวฟางหลินได้ตั้งชื่อว่า หนานกง มีรูปร่างสูงใหญ่มีที่มาไม่ชัดเจน ใบหน้ามีรอยบาดแผลที่หายแล้วแต่ยังคงเป็นแผลเป็นพาดบนใบหน้าจึงทำให้ดูน่ากลัว ขายตัวเองเป็นทาสแต่ไม่มีคนซื้อด้วยใบหน้าที่น่ากลัวรูปร่างสูงใหญ่จึงขายไม่ออกเมื่อเห็นสายตาของหนานกง เหมือนกับคนที่ผ่านเหตุการณ์มากระทบจิตใจ จึงดูเป็นคนหยาบกระด้าง คนแบบนี้ถ้าซื้อใจได้จะภักดีจนวันตาย และนางก็ชอบคนนิสัยแบบนี้เสียด้วยสิ จึงซื้อมาในราคาที่ไม่แพงมากด้วยคนค้าทาสกลัวจะขายไม่ออก จึงไม่ได้เรียกราคาสูงมากขายมาแค่ราคายี่สิบตำลึงเงิน “หนานกงเจ้าไปดูความเรียบร้อยทั้งหมด ข้าจะให้เจ้าเป็นหัวหน้าควบคุมดูแลสินค้า
last updateLast Updated : 2025-10-21
Read more
บทที่7 หักหลัง(ตอนปลาย)
บทที่7: หักหลัง /ตอนปลาย บุรุษวัยกลางคนรูปร่างสูงใหญ่นั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยท่าทางฉุนเฉียว บุรุษหน้าบากกล่าวว่าเชิญเขามา แต่การกระทำช่างหยาบคายยิ่งนัก และคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามที่นั่งบนเก้าที่สูงกว่า คือสตรีที่ได้ทำการค้าด้วยกันเมื่อวานก่อน สายตาที่เย็นชามองมาทางเขาพร้อมยกยิ้มมุมปาก มันดูน่าหวาดหวั่นมากกว่าจะงดงามตามใบหน้าของนาง “ต้องขอโทษนายท่านเหลียวที่หนานกงไม่สุภาพ” ร่างบางเอ่ยขึ้นยิ้มมุมปาก ดูงดงามแต่ทว่ามันน่าขนลุกเสียมากกว่าในสายตาบุรุษร่างสูงใหญ่ที่ฝั่งตรงกันข้าม “เจ้าทำแบบนี้ทำไม ช่างไม่ให้เกียรติข้ายิ่งนัก” นายท่านเหลียวจะลุกขึ้นด้วยความโกรษที่ถูกหมิ่นเกียรติเยี่ยงนี้แต่ถูกหนานกงจับบ่าหนากดลงให้นั่งไปตามเดิมด้วยน้ำหนักมือที่กดลงบนบ่าทำให้รับรู้ว่าเรื่องนี้คงไม่ง่ายเช่นที่คาดไว้เสียแล้ว“ท่านจะโมโหไปใยข้าเพียงมีเรื่องจะสอบถามสักเล็กน้อย”เอ่ยน้ำเสียงเรียบแต่ทว่านัยตาเริ่มดุดันใบหน้าที่มีรอยยิ้มเริ่มราบเรียบ จับจ้องไปที่บุรษวัยกลางคนที่โดนเชิญกึ่งบังคับมา“เจ้ามีอะไรทำไมไม่ไปหาข้าและพูดจาดีๆ ทำแบบนี้จะไม่ต้องการทำการค้ากันอีกแล้วใช่รึไม่” ชายวัยกลางคนเริ่มมีความรู้สึกไม่
last updateLast Updated : 2025-10-21
Read more
บทที่6 การหักหลัง(ตอนต้น)
กลิ่นหอมอ่อนๆ ทำให้รู้สึกสดชื่นได้โชยออกมาจากร่างบางที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยา เขาไม่เคยร่วมหอกับนาง ไม่เคยจะแตะต้องสักนิด เขาปฏิบัติเหมือนดั่งสหายด้วยอายุไม่ต่างกันนัก จึงทำให้ดูห่างเหิน แต่ตอนนี้นางได้เปลี่ยนไปแล้ว ไม่ได้พยายามเอาอกเอาใจเช่นแต่ก่อน ไม่มีสายตารักใคร่ กลับเย็นชาเสียจนรู้สึกเหน็บหนาว เขาไม่ได้กลับมาแค่ครึ่งปีทุกอย่างกลับเปลี่ยนไปถึงเพียงนี้เชียวรึ “ข้าเพียงคิดว่าที่ท่านถามจะเป็นเรื่องหย่าร้างเสียอีก” ร่างบางเอ่ยขึ้นด้วยความเบื่อหน่ายแต่ใบหน้ายังคงราบเรียบเช่นเดิม “เจ้าอยากหย่ากับข้าถึงเพียงนี้เลยรึ” “ "อยากหย่าหรือไม่ ไม่สำคัญข้าเพียงคิดว่าท่านก็ไม่ได้รักข้ากลับเห็นเป็นสหายเสียมากกว่า ถ้าเช่นนั้นก็เป็นสหายเสียเลยจะดีกว่า จะได้ไม่มีคำว่าสามีภรรยามาทำให้ผูกมัดกัน” เฉินโม่เหยียนในตอนนี้กลับไม่คิดอยากจะหย่าขาดจากนาง ความรู้สึกรบกวนจิตใจในตอนนี้บอกเพียงว่า เขาไม่หย่าขาดจากนางแน่นอน ความรู้สึกเหมือนได้ทำสิ่งที่สำคัญหล่นหายไป ใบหน้าหล่อเหลาเรียบตึงด้วยความไม่พอใจจึงได้บอกปัดออกไป “เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเอาไว้พูดคุยกันทีหลัง” เอ่ยด้วยน้
last updateLast Updated : 2025-10-21
Read more
บทที่8 การค้านอกแคว้น
ซุนหงเอ่ยขอตามฮูหยินน้อยที่กำลังจะออกไปข้างนอก แต่ก็ไม่ได้ติดตามไป ด้วยไม่ได้รับอนุญาติ นายหญิงบอกเพียงว่าไว้คราวหน้าที่มีเวลามากกว่านี้จะพานางออกไปเปิดหูเปิดตา เพียงแต่ครั้งนี้ไม่ได้ ซุนหงไม่รู้เลยว่า นางช่างโชคดีเพียงใดที่นายหญิงผู้นี้เมตตาเอ็นดูยิ่งนัก ถ้าเป็นคนอื่นอย่างสถานเบาอาจจะโดนเฆี่ยนและขายออกไปแล้วก็ได้ โจวฟางหลินเดินทางมาถึงก็ได้ให้นำเกลือที่ต้มไว้กรองจนขาวสะอาดไปไว้ในรถม้า วันนี้จะไปที่คฤหาสน์ของนายท่านเหล่าหลาน ราคาหนึ่งหมื่นตำลึงทองที่จ่ายค่าข้าวสาร วันนี้นางต้องได้กลับคืนมาอย่างน้อยต้องห้าพันตำลึงทองอย่างแน่นอน หนานกงได้ไปแจ้งกับทางนายท่านเหล่าหลานเอาไว้แล้วว่านายหญิงจะไปพบในวันนี้ และเมื่อรถม้าไปจอดหน้าคฤหาสน์อันใหญ่โต ก็มีชายร่างสูงผอมเข้ามาต้อนรับด้วยความนอบน้อม ด้วยได้ยินนายท่านพูดคุยกับนายท่านเหลียวยามไปเยี่ยมเยียนว่าเวลานี้ได้บาดเจ็บจนไม่สามารถเดินเหินได้สะดวก เขาที่ไปยืนเฝ้าประตูจึงได้ยินมาบ้างถึงจะไม่ทั้งหมด แต่รู้เพียงอย่างเดียวสตรีตรงหน้ามีความสำคัญเพียงใด “เชิญนายหญิงเข้าไปด้านใน นายใหญ่กำลังรออยู่ขอรับ” ชายสูงผอมก้ม
last updateLast Updated : 2025-10-21
Read more
บทที่9 ไปช่วยสามีในนาม
การค้าที่เจรจาสำเร็จผ่านไปด้วยดี กับทางแคว้นหานก็ได้มีการสั่งข้าวสารและเกลือเป็นจำนวนมาก และขบวนการส่งสินค้าได้เดินทางออกไปได้ครึ่งเดือนแล้ว คงใกล้จะถึงแล้วด้วยระยะก็ไม่ได้ไกลนักแต่การเดินทางค่อนข้างช้าด้วยการบรรทุกสินค้าเป็นจำนวนมาก ชนเผ่านอกด่านที่ให้หนานกงไปเจรจาก็สำเร็จลุล่วงไปด้วยดีเช่นกัน โดยคิดเป็นเงินเพียงบางส่วน นอกนั้นก็จะให้ส่งเครื่องหนังมาทดแทนเงิน ถ้าจะให้จ่ายเป็นจำนวนเงินทั้งหมด เซียนเป่ยคงจะไม่สามารถทำได้ และนางก็ได้มีที่ส่งเครื่องหนังเหล่านี้เช่นกัน การทำการค้าจะต้องรู้ว่าบางสิ่งก็ไม่จำเป็นต้องเป็นเงินเสียหมด ข่าวการรบได้ถูกส่งมาเป็นระยะๆ นับจากเฉินโม่เหยียนกลับไปทำศึกกับแคว้นเยี่ยน ก็กินเวลาไปกว่าสามเดือนแล้ว ทหารที่มีก็ลดน้อยลง แคว้นเยี่ยนได้ส่งกองทัพมาครั้งนี้มากมายหลายแสนคน นางเพียงคิดว่า ถ้าเฉินโม่เหยียนไม่อาจต้านทานไว้ได้ ทัพเยี่ยนสามารถตีเมืองอูเจิ้นแตกพ่าย ทหารแคว้นเยี่ยนต้องบุกมาถึงเมืองเจี่ยงที่นางอยู่เป็นแน่ ยามดึกสงัดได้มีทหารที่มาจากกองทัพ ได้นำม้าเร็ววิ่งมาแจ้งข่าวว่าแม่ทัพเฉินบาดเจ็บสาหัสจากการสู้รบเมื่อวันก่อน
last updateLast Updated : 2025-10-21
Read more
บทที่10 แม่ทัพฟื้นแล้ว
เฉินโม่เหยียนมีความเด็ดขาดในการปกครองกองทัพ จนทุกวันนี้จึงเป็นที่ศรัทธาของทุกคน เมื่อบาดเจ็บสาหัสจึงทำให้ขวัญกำลังใจของกองทัพเสียไปเมื่อขาดผู้นำที่แข็งแกร่ง หลังจากสั่งการลงไป ทำได้เพียงรอคำตอบรับของแคว้นหานว่าจะยินดีรับผลประโยชน์ที่นางมอบให้หรือไม่ และเผ่าเซียนเป่ยน่าจะไม่มีปัญหาด้วยการเจรจาการค้าครั้งก่อน ก็ค่อนข้างมีไมตรีต่อกันค่อนข้างมาก “ทั้งหมดให้ทำหน้าที่ที่แบ่งไว้ให้ ทำอาหาร ดูแลคนบาดเจ็บให้ดี” โจวฟางหลินสั่งการให้ลูกน้องที่พามาด้วยให้ทำหน้าที่ตามที่สั่งเอาไว้ เมื่อถึงคราสู้รบจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารการกิน ส่วนคนที่บาดเจ็บก็จะมีคนคอยดูแลไม่ต้องตามมีตามเกิดอย่างเช่นตอนนี้ ยามแม่ทัพบาดเจ็บสาหัสขาดผู้บัญชาการ ก็มักจะขาดระบบระเบียบจนบางทีก็วุ่นวายจนไม่สามารถควบคุมได้ก็มีให้เห็น “ท่านกุนซือโจว ท่านแม่ทัพฟื้นแล้วขอรับ” ทหารชั้นผู้น้อยคนหนึ่งได้วิ่งมาบอกอย่างตื่นเต้นที่แม่ทัพใหญ่ได้ฟื้นขึ้นมาจากประตูปรโลกจนได้เสียที เพราะจะยิ่งสร้างขวัญกำลังใจให้กับกองทัพ “ข้ารู้แล้ว” ร่างบางรับคำด้วยความเรียบเฉย ไม่ได้ตื่นเต้นตกใจกั
last updateLast Updated : 2025-10-21
Read more
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status