Home / รักโบราณ / ฮูหยินสายลุย / บทที่10 แม่ทัพฟื้นแล้ว

Share

บทที่10 แม่ทัพฟื้นแล้ว

        เฉินโม่เหยียนมีความเด็ดขาดในการปกครองกองทัพ จนทุกวันนี้จึงเป็นที่ศรัทธาของทุกคน เมื่อบาดเจ็บสาหัสจึงทำให้ขวัญกำลังใจของกองทัพเสียไปเมื่อขาดผู้นำที่แข็งแกร่ง

        หลังจากสั่งการลงไป ทำได้เพียงรอคำตอบรับของแคว้นหานว่าจะยินดีรับผลประโยชน์ที่นางมอบให้หรือไม่ และเผ่าเซียนเป่ยน่าจะไม่มีปัญหาด้วยการเจรจาการค้าครั้งก่อน ก็ค่อนข้างมีไมตรีต่อกันค่อนข้างมาก 

        “ทั้งหมดให้ทำหน้าที่ที่แบ่งไว้ให้ ทำอาหาร ดูแลคนบาดเจ็บให้ดี”

        โจวฟางหลินสั่งการให้ลูกน้องที่พามาด้วยให้ทำหน้าที่ตามที่สั่งเอาไว้ เมื่อถึงคราสู้รบจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารการกิน ส่วนคนที่บาดเจ็บก็จะมีคนคอยดูแลไม่ต้องตามมีตามเกิดอย่างเช่นตอนนี้ ยามแม่ทัพบาดเจ็บสาหัสขาดผู้บัญชาการ ก็มักจะขาดระบบระเบียบจนบางทีก็วุ่นวายจนไม่สามารถควบคุมได้ก็มีให้เห็น

        “ท่านกุนซือโจว ท่านแม่ทัพฟื้นแล้วขอรับ”

        ทหารชั้นผู้น้อยคนหนึ่งได้วิ่งมาบอกอย่างตื่นเต้นที่แม่ทัพใหญ่ได้ฟื้นขึ้นมาจากประตูปรโลกจนได้เสียที เพราะจะยิ่งสร้างขวัญกำลังใจให้กับกองทัพ 

        “ข้ารู้แล้ว”

        ร่างบางรับคำด้วยความเรียบเฉย ไม่ได้ตื่นเต้นตกใจกับสิ่งที่ได้รับรู้จึงหันมาดูความเรียบร้อยต่อไป 

        ภายในห้องเฉินโม่เหยียนที่ฟื้นขึ้นมายังคงนอนอยู่บนแคร่ มีรองแม่ทัพหานกำลังรายงานเรื่องราวที่เกิดขึ้นในระหว่างที่ท่านแม่ทัพบาดเจ็บจนหมดสติไปอย่างคล่องแคล่ว ยามเอ่ยถึงกุนซือก็มีแต่ความชื่นชมในความเก่งกาจของนาง

        “ตอนนี้ท่านกุนซือโจวได้วางแผนการรบตามที่ข้าได้กล่าวไป ช่างเป็นกลยุทธ์ที่ข้าไม่คาดคิดมาก่อน ข้านับถือท่านกุนซือเสียยิ่งนัก”ร่างหนาของรองแม่ทัพเอ่ยขึ้นอย่างคล่องปากและค่อนข้างจะมีความมั่นอกมั่นใจในกลศึกครั้งนี้อย่างยิ่ง จนไม่ได้สังเกตุสีหน้าของฝ่ายตรงข้ามสักนิดว่าเริ่มขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ

        ร่างสูงกำยำรู้สึกขัดหูไปหมด อะไรคือท่านกุนซือโจว นางคือฮูหยินของเขา ทำไมคนเหล่านี้ถึงไม่เรียกนางว่าฮูหยินแม่ทัพ กลับเรียกแต่ว่าท่านกุนซือเสียอย่างนั้น 

        “โจวฟางหลินคือฮูหยินของข้าเจ้าต้องเรียกนางว่ากระไรรึ” เฉินโม่เหยียนเอ่ยด้วยหน้าเรียบตึง

        “อ่อ.ข้าทราบแล้วต่อไปจะเรียกฮูหยินท่านแม่ทัพ”

        รองแม่ทัพหานเอ่ยขึ้นกึ่งยิ้ม ถ้าท่านรักฮูหยินทำไมถึงมีข่าวออกมาว่าท่านไม่ชอบท่านกุนซือ และที่ไม่ยอมกลับจวนเป็นเวลานานก็เพราะไม่ได้รักใคร่ฮูหยินพระราชทานผู้นี้มิใช่รึ

        หลังจากรองแม่ทัพหานออกไป เฉินโม่เหยียนครุ่นคิดถึงกลศึกที่ภรรยาได้วางเอาไว้ นางมีความสามารถถึงเพียงนี้เชียวรึ กลยุทธ์ที่ล้ำลึกเช่นนี้ยังคิดออกมาได้ เขาเองยังคาดไม่ถึงด้วยซ้ำ เขาพลาดอะไรไปรึเปล่า การห่างเหินถึงสองปีทำให้นางเปลี่ยนไปแล้ว ถ้าจะให้กลับมาดูแลเอาใจใส่เขาเช่นเดิมจะสามารถทำได้อีกครั้งรึไม่เขาเองก็เริ่มไม่มั่นใจ 

        โจวฟางหลินหลังจากดูความเรียบร้อยจากงานที่สั่งการเอาไว้แล้ว จึงคิดว่าจะเข้าไปดูสามีภูเขาน้ำแข็งเสียหน่อยจะได้พูดคุยถึงเรื่องการทำศึกครั้งนี้ แต่คงจะออกรบไม่ได้ในข่วงนี้ แต่คงบัญชาการรบได้กระมัง 

        ร่างสูงกำยำใจเต้นยามเห็นร่างบางยังใส่ชุดดำจึงยิ่งส่งให้มีรูปร่างบอบบาง เพียงสิ่งที่ควรมีก็มีจนดูเย้ายวนใจ ใบหน้างดงามหมดจด ผมยาวสลวยก็รวบมัดตึงจนใด้เห็นใบหน้ารูปไข่ที่เล็กเพียงฝ่ามือทำไมเมื่อก่อนถึงไม่เคยสังเกตุ เพียงแต่ใบหน้าที่นิ่งสนิทแบบนี้เขาเองก็เริ่มจะชินตาเสียแล้ว 

        “ท่านแม่ทัพเป็นเช่นไรบ้าง”

        ร่างบางเอ่ยถามด้วยต้องการจะทราบว่าจะสามารถทำอะไรได้บ้างแต่ดูแล้วบาดแผลที่ค่อนข้างลึกหลายแห่ง ทั้งที่หลังด้านหน้า และขา สรุปที่ว่าบาดเจ็บสาหัสก็คงไม่เกินไป ไม่ได้สังเกตุสักนิดว่าชายหนุ่มตรงหน้าได้สำรวจร่างกายนางอย่างถี่ถ้วนเพียงใด

        “ก็ดีขึ้นบ้าง ขอบใจเจ้าที่มาในครั้งนี้”

        ร่างสูงที่ยังบาดเจ็บเอ่ยขึ้นมาด้วยความซึ้งใจที่นางมาในช่วงเวลาที่ยากลำบากเช่นนี้

        “ข้าต้องมาอยู่แล้วหากแพ้ศึกครานี้ข้าคงต้องลำบากไปด้วยคิดว่ากองทัพแคว้นเยี่ยนจะปล่อยเมืองเจี่ยงไปรึ”

        ร่างบางเอ่ยเสียงเรียบ นางไม่ได้มาครั้งนี้เพื่อใครแต่เพียงไม่อยากจะตกเป็นคนชั้นล่างให้แคว้นอื่นเหยียบย่ำถ้าทางเฉินโม่เหยียนไม่สามารถชนะศึกครั้งนี้ได้ ก็คงไม่พ้นถูกกวาดต้อนไปให้แคว้นเหลียวเหยียบย่ำอย่างแน่นอน ต่อให้นางจะฉลาดเฉลียวเพียงใดก็คงไม่พ้นเคราะห์นี้เช่นกัน

        “เจ้าไม่ห่วงหาอาทรข้าเลยรึ” เฉินโม่เหยียนรู้สึกขมในอก นางไม่รู้สึกกับเขาแล้วจริงรึ

        โจวฟางหลินช้อนสายตาขึ้นมองใบหน้าหล่อเหลาของสามีในนาม ทำไมถึงทำเหมือนมีความรู้สึกให้นาง แต่แล้วก็ยกยิ้มเบาบางรู้สึกขันในความคิดไร้สาระเช่นนี้ นางพยายามมาหนึ่งชาติสามีน้ำแข็งผู้นี้ยังไม่สั่นคลอนสักนิด จะมารักใคร่อันใดในตอนที่นางไม่เอาอกเอาใจเช่นเดิมอีกแล้ว

        “ท่านแม่ทัพล้อเล่นแล้ว ข้าย่อมห่วงใยท่านเป็นธรรมดาในเมื่อท่านก็ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีของข้า”

โจวฟางหลินรู้สึกเบื่อหน่ายถ้าจะมาพูดคุยกันในเรื่องรักใคร่ในสนามรบเช่นนี้ จึงได้เปลี่ยนหัวข้อการสนทนา

        “ท่านแม่ทัพจะ_”

        “เรียกท่านพี่” ร่างสูงเอ่ยขัดขณะที่นางยังเอ่ยไม่จบประโยคเสียด้วยซ้ำ

         ร่างอรชรถึงกับหน้ามืดครึ้มที่ร่างสูงกำยำตรงหน้าได้เอ่ยวาจาไร้สาระ จะสำคัญตรงใดกัน นางก็เรียกแบบนี้มาตั้งแต่ชาติก่อนแล้ว จะมาขัดหูอะไรในเวลานี้ 

        “ข้าเป็นสามีเจ้า ใยต้องเรียกห่างเหินถึงเพียงนี้”

        เฉินโม่เหยียนคิดว่าน่าจะพูดคุยให้กระจ่างด้วยสถานะของพวกเขาสองคนต้องแก้ไขความห่างเหินระหว่างสามีภรรยาเสียก่อนจะสายไปกว่านี้

         “เอาไว้กลับจวนเสียก่อนข้าจะเรียกตามธรรมเนียมปฏิบัติ แต่ณวลานี้ข้าเป็นเพียงกุนซือในกองทัพ ไม่ใช่จะต้องมาเอ่ยอ้างว่าเป็นภรรยาของท่าน” ร่างบางรู้สึกหงุดหงิดกับเรื่องไม่เป็นเรื่องเช่นนี้ 

         “เช่นนั้นรึ”

         ร่างสูงอมยิ้มที่ได้เย้าแหย่นางเช่นนี้ ไม่เคยรู้มาก่อนว่านางก็ไม่ใช่สตรีที่น่าเบื่ออย่างที่คิด

         โจวฟางหลินรู้สึกอยากจะชักมีดมาแทงบุรุษตรงหน้า มันใช่เวลามายั่วโมโหนางหรือไม่ 

 ในระหว่างจับจ้องกันที่ฝ่ายหนึ่งรู้สึกหงุดหงิดกับอีกฝ่ายที่ยกยิ้มกวนประสาท ทหารชั้นผู้น้อยได้มารายงานว่า นกพิราบสื่อสารได้มีจดหมายมาจากแคว้นหาน

         “เรียนท่านกุนซือมีจดหมายมาถึงท่าน” 

         โจวฟางหลินรับจดหมายมาอ่าน จดหมายถูกส่งมาจากหนานกง ว่าทางแคว้นหานยินดีช่วยทำศึกครั้งนี้ พร้อมแนบจดหมายจากแม่ทัพน้อยมาด้วย ในความจดหมายได้กล่าวถึงไว้ว่า หวังว่าไมตรีครั้งนี้จะทำให้ระหว่างสองแคว้นจะไม่มีการทำศึกต่อกันในภายภาคหน้าและเป็นพันธมิตรต่อกัน รอยยิ้มบางๆผุดขึ้นบนใบหน้างดงาม พลางคิดชื่นชมหนางกงที่เจรจาสำเร็จได้จริงๆ 

        “ทางแคว้นหานตกลงจะมาช่วยตามแผนของเราแล้ว”

        โจวฟางหลินเอ่ยเพื่อบอกกับเฉินโม่เหยียน เหลือเพียงเผ่าเซียนเป่ยเท่านั้น ก็เริ่มโจมตีกองทัพเยี่ยนได้ทันที

        ร่างสูงกำยำมองใบหน้างดงามที่ยกยิ้มเพียงบางเบา ทำให้ใจเต้นจนต้องยกมือเรียวหนามาจับตรงอกด้วยกลัวเสียงจะดังออกมาจนร่างบางตรงหน้าได้ยิน

        เขาไม่เคยคิดว่าจะมีความรู้สึกเช่นนี้กับนางได้ แต่บัดนี้มั่นใจแล้วว่าเขากำลังจะตกหลุมรักนาง ความเก่งกาจความฉลาดเฉลียว ทำไมก่อนหน้านี้ถึงมองไม่เห็นสิ่งเหล่านี้ แต่นางในเวลานี้กลับเย็นชาเสียจนน่าหนักใจ 

        หลังจากผ่านไปเพียงไม่นานก็มีจดหมายมาจากเสี่ยวเฉาที่ถูกส่งไปให้เจรจากับเผ่าเซียนเป่ย ว่าการเจรจาสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี จึงได้เรียกประชุมพร้อมกันอีกครั้ง เพื่อจะได้นัดหมายเวลาเพื่อจะได้จัดเตรียมตามแผนที่ได้วางเอาไว้

        “ท่านกุน.เอ่อ ฮูหยินน้อยท่านจะเริ่มแผนนี้เลยรึไม่”

         รองแม่ทัพหานเอ่ยขึ้นมาด้วยไม่รู้ว่าสมควรจะเรียกสตรีตรงหน้าด้วยคำไหนดี

         โจวฟางหลินถอนหายใจ ไม่คิดว่าสถานะของนางในตอนนี้จะทำให้ผู้คนสับสนจนไม่รู้ว่าจะเรียกเช่นไรถึงจะถูกต้อง

         “ข้าอยู่ในกองทัพเรียกข้าว่า กุนซือ เพียงเท่านั้น”

         ร่างบางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาก่อนจะเริ่มเอ่ยถึงแผนการที่จะเริ่มขึ้นในคืนนี้

         ช่วงที่พักจากการศึกสองวันทหารก็ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่แล้ว ที่กองทัพเยี่ยนไม่กล้าโจมตีในช่วงสองวันนี้

เพราะช่วงกลางคืนจะให้ทหารจุดไฟให้สว่างในด้านหน้าค่ายและให้ขี่ม้าวิ่งวนไปมาให้เกิดเสียงดังด้วยการจะทำให้เกิดเสียงในช่วงเวลากลางคืนเสียงจะก้องไปไกลกว่าช่วงกลางวันนัก

         จนทำให้กองทัพเยี่ยนจะต้องคอยดูสถานการณ์ไปก่อนด้วยคิดว่าแคว้นเว่ยได้มีกองกำลังมาเสริมจำนวลมาก การโจมตีเวลากลางคืนอาจเพลี่ยงพล้ำได้ง่ายจึงทำให้กองทัพเว่ยได้พักถึงสองวัน

        เสียงที่ดังตลอดทั้งคืนแม่ทัพใหญ่ของกองทัพเยี่ยนถึงกับควบม้าออกมาดูบนเชิงเขา

ซ่างกวนผู้เป็นแม่ทัพที่นำทัพในครั้งนี้มีนิสัยโหดเหี้ยมดุดัน ได้ดูความเคลื่อนไหวของฝ่ายศัตรูที่มีความคึกคักราวกับมีกองหนุนมาเสริมทัพมากมาย

       เสียงเท้าม้าศึกก็มีมากจนเกิดฝุ่นปลิวลอยมาตามลมตรงแสงไฟด้านหน้าค่าย คาดว่าอาจจะต้องเปิดศึกในอีกไม่นานนี้

        ใบหน้าดุดันยกยิ้มอย่างไม่คิดหนักใจ ด้วยกองทัพเยี่ยนที่เดินทัพมาในครั้งนี้มีถึงหกแสนนาย เพียงทหารที่น้อยนิดเพียงนั้นจะสามารถต้านกองทัพขนาดใหญ่ถึงเพียงนี้ได้อย่างไร

        ภายในค่ายทหารทัพเว่ยก็มีการวางกลศึกกันอีกครั้งก่อนที่จะเริ่มเดินทัพประจันหน้ากับทัพเยี่ยนที่มีทหารมากกว่าถึงสองเท่า

         “คืนนี้ให้แบ่งทหารห้าพันคนเดินลัดเลาะไปด้านหลังเขาและขึ้นไปตรงเนินเขาสูง จัดเตรียมธนูไปให้พร้อมรอสัญญาณจากทัพหน้า เมื่อถึงเวลาที่ต้องตีขนาบด้านข้างตรงกลางกองทัพเยี่ยน ให้พลธนูเริ่มยิงได้เลย”

        “ใยต้องตีตรงกลางก่อนด้วย” รองแม่ทัพจิ้งเอ่ยถามด้วยความสงสัย

        “ทัพเยี่ยนที่ยกมาครานี้ถึงจะดูยิ่งใหญ่นัก แต่หลังจากด้านหน้าก็เป็นเพียงชาวบ้านที่ถูกเกณฑ์มาหาใช่ทหารผู้ที่ถูกฝึกมาอย่างช่ำชอง ถ้าเจอสถานการณ์จริงย่อมหวาดกลัว และเราจะต้องสร้างความวุ่นวายในจุดนี้ถึงจะดีที่สุด”  ก่อนจะเอ่ยถึงขั้นตอนต่อไป

        “ในระหว่างที่พลธนูเดินออกไป จะให้คนของข้าขี่ม้าเช่นเดิมเพื่อให้เกิดเสียงดังกลบเสียงฝีเท้าของพลธนู ยามขึ้นไปถึงเนินเขาสูงถึงจะหยุดเพื่อให้ม้าศึกของเราได้พักเสียก่อน” 

        “ตรงนี้ข้าได้จัดเตรียมไว้แล้ว รอเพียงคำสั่งเท่านั้น”

รองแม่ทัพหานได้จัดเตรียมไว้ตั้งแต่มีการประชุมครั้งแรกแล้ว

        “ท่านจัดทัพหน้าทำตามแผนที่วางเอาไว้เมื่อเริ่มเปิดศึก จงให้พลธนูที่อยู่ด้านบนนำกระจกไปส่องกับแสงตะวันเพื่อส่งสัญญานให้ตีขนาบตรงกลางได้ทันที และจะต้องไล่ต้อนให้ไปทางแม่น้ำให้จงได้ กองทัพแคว้นหานจะรออยู่ฝั่งตรงข้าม”

         โจวฟางหลินได้ทวนแผนการอีกครั้งเป็นขั้นเป็นตอน ปักธงลงไปตามจุดเพื่อความเข้าใจในกระบะทรายขนาดใหญ่ที่ใช้เป็นสถานที่จำรองเหตุการณ์ในการรบครั้งนี้

        “ชนเผ่านอกด่านจะไม่สามารถมาสมทบกับกองทัพเยียนได้อีก เผ่าเซียนเป่ยจะคอยสกัดเอาไว้ให้ เราจะไม่เสียเปรียบถ้าไม่มีพวกชยงหนูที่เชี่ยวชาญการรบในทุ่งหญ้ามาร่วม โอกาศที่จะโจมตีทัพเยี่ยนก็จะง่ายขึ้น”

         โจวฟางหลินหันมาจับจ้องสามีในนาม เพราะเฉินโม่เหยียนก็ต้องไปเป็นคนที่ต้องไปยืนบนกำแพงค่ายเพื่อให้กองทัพเยี่ยนได้เห็นว่า แม่ทัพใหญ่ของแคว้นเว่ยไม่ได้บาดเจ็บสาหัสอย่างที่เข้าใจ เพียงแต่จะเป็นคนบัญชาการรบด้วยตัวเอง แต่ก็ได้เห็นสายตาคมได้มองมาที่นางอยู่แล้ว

        “ท่านแม่ทัพท่านต้องไปยืนบนกำแพงค่าย เพื่อที่จะให้กองทัพเยี่ยนได้เห็นจะทำให้ฝ่ายนั้นสูญเสียความมั่นใจ เมื่อได้เห็นท่านไม่ได้บาดเจ็บสาหัสถึงเพียงนั้น”

         เฉินโม่เหยียนพยักหน้ารับรู้ด้วยสภาพตอนนี้จะให้ออกรบด้วยตัวเองก็คงจะไม่ไหวเช่นกัน ด้วยบาดแผลลึกหลายแห่ง แต่ถ้าไม่มีสตรีตรงหน้ามาที่นี่เขาคงต้องกัดฟันจับดาบออกไปสู้จนตัวตายเช่นกัน

         เมื่อได้ทบทวนแผนการอีกครั้งจนเข้าใจ จากนั้นจึงแยกย้ายไปทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย  

ย่ำรุ่งยามเปิดศึกลั่นกองรบเลือดคงนองแผ่นดินจนย้อมสีเป็นสีแดงเป็นแน่ ยามศึกสงครามฝ่ายใดชิงความได้เปรียบก่อนย่อมเป็นผู้ชนะ ซึ่งทัพเว่ยจะต้องเป็่นผู้ชนะเท่านั้น

 

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ฮูหยินสายลุย   บทที่44 กงล้อแห่งโชคชะตา

    ทุ่งหญ้าที่กว้างใหญ่ไพศาล มาลียา จากสตรีสูงศักดิ์เมื่อได้ถูกส่งกลับด้วยชื่อเสียงที่อื้อฉาว มือเรียวที่บัดนี้ไม่ได้อ่อนนุ่มเช่นเดิมอีกแล้ว ท่าทีที่หยิ่งยะโสไม่มีให้เห็นเช่นแต่ก่อน บัดนี้ต้องมาทำงานทุกอย่างภายในบ้านที่บิดาส่งนางแต่งงานกับพ่อค้าที่มักจะเดินทางมารับหนังสัตว์บ่อยๆ ตั้งแต่เดินทางมาถึงบิดาที่รักใคร่นางเมินเฉยเย็นชาไม่ใส่ใจสักนิดว่านางจะเป็นเช่นไร จึงได้กระจ่างแจ้งรู้ว่าบุตรสาวก็เป็นเพียงสิ่งที่เอาแลกกับผลประโยชน์ถ้าหมดประโยชน์ก็จะโยนทิ้งไปเสียลายาแม่นมที่เลี้ยงดูมาลียาก็ถูกโบยจนตายด้วยไม่สามารถสั่งสอนนางให้ทำตามแผนการได้สำเร็จ โชคชะตาก็เป็นเช่นนี้สินะโจวฟางหลินได้ฟังเรื่องราวผ่านพ่อค้าผู้หนึ่งที่เคยรับรู้ว่า องค์หญิงผู้นี้เคยแต่งเข้ามาเป็นภรรยารองของตระกูลเฉิน ได้เล่าเรื่องราวที่ได้รับรู้มาให้ได้ฟัง นางไม่ได้สงสารผู้ใด ทำสิ่งใดย่อมได้สิ่งนั้นจะผิดก็เพียงแค่ องค์หญิงเป็นเพียงหมากที่หมดประโยชน์แล้วก็เท่านั้น ถ้านางทำสำเร็จความรุ่งโรจน์ ก็จะเกิดกับนาง แล้วตนเองเล่าจะเป็นเช่นไรถ้าเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ชุนหงได้เขียนจดหมายมาหาได้บอกเล่าถึงเรื่องที่นางตั้งท้องได้สามเดือนแล้ว หนานกงก็ดู

  • ฮูหยินสายลุย   บทที่43ความพ่ายแพ้ที่มิอาจยอมรับ

    ลายาบ่าวผู้ภักดีถึงกับอ้าปากค้าง ด้วยไม่คาดคิดว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนไปถึงเพียงนี้ แล้วผู้ใดที่อยู่กับองค์หญิงของนางทั้งคืน ซ้ำเสียงน่าอายนี้ก็ได้ยินกันทั่ว แล้วจะแก้สถานการณ์นี้ได้อย่างไร“กรี๊ด” เสียงกรีดร้องของสตรีที่ยังมีเสื้อผ้าที่หลุดลุ่ยกลิ่นโลกีย์ยังคละคลุ้งอบอวลอยู่ในห้อง บัดนี้นางได้สติแตกจนสั่นเทิ้มไปทั้งร่างด้วยยังรับกับเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ได้ นางจะเอาหน้าไปไว้ที่ใด แผนการทุกอย่างพังลงไม่เป็นท่า ต่อให้กลับไปเผ่าหลี่เจียงบิดานางยังจะโปรดปรานนางอยู่รึ “องค์หญิงใจเย็นก่อนเพคะ” ลายาเข้าไปโอบกอดร่างงามที่เวลานี้ไม่สามารถระงับอารมณ์ตนเองได้อีกเนื้อตัวสั่นระริกด้วยความตื่นกลัวมาลียาพลางเหลือบไปมองชายที่ลุกขึ้นมาจากเตียงที่มีรูปร่างใกล้เคียงกับท่านแม่ทัพมาก จึงได้โผไปจะทำร้ายชายตรงหน้าด้วยความเคียดแค้นที่ทำให้นางมามีสภาพน่าสมเพชเช่นนี้“ข้าจะฆ่าเจ้าใยถึงมาอยู่ที่เตียงข้าได้ เจ้ามันน่าขยะแขยงสิ้นดี” ร่างบอบบางได้โผเข้าไปดึงทึ้งและทุบตีด้วยความแค้นใจ“เมื่อคืนไม่เห็นจะเอ่ยวาจาเช่นนี้มีแต่เร่งเร้าให้ข้าต้องหมดแรงตลอดทั้งคืน”ชายร่างสูงกำยำได้ลอยหน้าลอยตาเยาะเย้ยเหยียดหยาม ค่ำคืนกับร้

  • ฮูหยินสายลุย   บทที่43 องค์หญิงนอกด่านรึจะสู้

    สองสามีภรรยาถึงเวลาเดินทางกลับจวนเสียที หลังได้จัดการการค้าทุกอย่างได้เรียบร้อยคงถึงเวลาได้กลับมาเก็บกวาดปัญหาเสียที นางเป็นเพียงองค์หญิงนอกด่านที่ยังไม่ได้เห็นโลกกว้าง การใช้เล่ห์กลที่สตรีนิยมใช้กันทั่วไปเพื่อผูกมัดบุรุษส่วนมากไม่ได้ผลเท่าใดนัก ถึงจะได้ร่วมอภิรมย์แต่ก็หาได้ใจบุรุษไม่ แผนการทุกอย่างของนางได้ถูกรายงานมาตั้งแต่วันแรกที่วางแผนกันแล้ว บางทีโจวฟางหลินก็นึกสงสัยว่า นางเป็นถึงกุนซือของกองทัพนับแสน มีกลศึกที่โจมตีศัตรูที่มีจำนวนคนมหาศาลจนแตกพ่าย ใยจึงคิดได้ว่าจะมาพ่ายแพ้ต่อเล่ห์กลเด็กๆ เช่นนี้ได้ ดูถูกกันจนเกินไปรึไม่องค์หญิงมาลียาที่แกล้งป่วยโดยกินยาที่ทำให้ร่างกายร้อนผ่าวราวกับจับไข้ ถึงมีหมอมาตรวจก็เชื่อว่าได้มีไข้เป็นแน่ และนอนด้วยท่าทางหมดเรี่ยวแรงรอเวลาสามีกลับเข้ามาในจวนจะได้รวบรัดทำตามแผนการเสียทีฮูหยินผู้เฒ่าได้มาเยี่ยมเยียนพร้อมกับฮูหยินใหญ่เฉามารดาของสามี ได้เข้ามาในห้องเพื่อดูอาการป่วยไข้ของสะใภ้รอง ด้วยให้หมอมาตรวจแล้วว่าเป็นความจริงถ้าไม่มาเสียเลยจะดูแล้งน้ำใจ ชาวบ้านจะนำไปนินทาได้ ว่ากลั่นแกล้งสะใภ้ใหม่จนป่วยไข้“เป็นอันใดบ้างทุเลาลงบ้างรึไม่”ฮูหยินผู้เฒ่าเ

  • ฮูหยินสายลุย   ที่41 ลองดี

    สารทฤดูที่มีอากาศอบอุ่นขึ้นใบไม้ร่วงหล่นจนแลดูคล้ายพรมหลากสีสัน สามีภรรยาที่พักผ่อนด้วยเหนื่อยอ่อนจากความวุ่ยวายในงานแต่งงานรับภรรยารองเข้ามา ได้ลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความสดใสเมื่อได้พักผ่อนมาทั้งคืน ต่างจากอีกฟากของห้องหอที่มีบรรยากาศอึมครึมแต่เช้าตรู่ ที่ร่างงดงามพึ่งจะได้หลับตาลงเพียงไม่ถึงสองชั่วยามจะต้องตื่นขึ้นมาตามธรรมเนียมปฏิบัติของชาวแคว้นเว่ยด้วยจะต้องไปยกน้ำชาให้กับผู้หลักผู้ใหญ่รวมถึงภรรยาเอกด้วย“ออกไปให้พ้นข้าจะนอนอย่างมารบกวนข้า” ร่างงดงามตวาดออกไปด้วยความหงุดหงิดนางพึ่งจะได้นอนก็มาปลุกเสียแล้ว“องค์หญิงท่านต้องไปยกน้ำชานะ มันคือธรรมเนียมของแคว้นเว่ยถ้าไม่ทำจะดูไม่ดีนะเพคะ” ลายาเอ่ยเตือนองค์หญิงที่นางรักใคร่เหมือนบุตรสาวด้วยนางเลี้ยงดูมาตั้งแต่เกิด“ประเพณีอันใดที่เผ่าของเราไม่เห็นต้องยุ่งยากถึงเพียงนี้น่าเบื่อเสียจริง” นางยังแค้นที่เจ้าบ่าวมาทิ้งให้นางต้องนอนเดียวดายในห้องหอ เช่นนี้แล้วนางยังจะมีอำนาจอันใดในจวนแห่งนี้ การแสดงออกของสามีย่อมแสดงให้ทุกคนเห็นแล้วว่าไม่ได้ให้ความสำคัญใดๆ กับนาง บ่าวไพร่จะดูถูกนางถึงเพียงไหน“เราต้องคำนึงถึงว่าเรามาที่นี่เพราะเรื่องอันใดนะเพค

  • ฮูหยินสายลุย   บทที่40 เจ้าหญิงชนเผ่านอกด่าน

    ภายในรถม้าที่ตกแต่งอย่างสมเกียรติมีสตรีที่มีใบหน้างดงามราวปีศาจจำแลง ทรวดทรงองค์เอวช่างมีส่วนเว้าส่วนโค้งงดงาม ผิดกับนิสัยที่เย่อหยิ่งจองหอง ด้วยเติบโตมาในทุ่งหญ้าที่มีแต่คนพะเน้าพะนอ ยกยอปอปั้นจนนางมั่นใจว่าไม่มีสตรีใดจะงดงามไปกว่านางอีกแล้ว การที่จำต้องเดินทางมาแต่งเชื่อมสัมพันธ์กับแคว้นใหญ่อย่างแคว้นเว่ย และเป็นเพียงภรรยารองจึงได้แต่อาละวาดมาตลอดทางด้วยต้องการระบายอารมณ์ที่ขุ่นมัว นางเป็นถึงองค์หญิงของเผ่าหลี่เจียงที่เป็นเผ่าที่ใหญ่ที่สุดในตอนนี้กลับต้องมาแต่งเป็นภรรยารอง เพียงเพราะมหาข่านที่เป็นเสด็จพ่อของนางได้ตัดสินใจแล้วว่าต้องเป็นนางถึงจะทำให้แผนการครั้งนี้สำเร็จได้โดยง่ายโดยที่ไม่ต้องเปิดศึกรบ เพียงทำให้แม่ทัพใหญ่เฉินโม่เหยียนของแดนเหนือ รักใคร่หลงใหลในตัวนางก็จะสามารถชักจูงให้ยอมรับเปิดทางให้เผ่าหลี่เจียงได้แทรกซึมเข้าไปยึดดินแดนในรอบนอกได้ง่ายๆ และที่สำคัญการค้าในมือตระกูลเฉินมีมูลค่ามหาศาล ถ้ายึดมาเป็นของเราได้ก็จะยิ่งส่งเสริมกำลังทั้งในด้านอาวุธและเงินทองไปด้วย ใยจะไม่คุ้มค่ากับการแต่งงานในครั้งนี้เล่า“องค์หญิงจะต้องมัดใจท่านราชบุตรเขยให้ได้นะเพคะ ครั้งนี้ถ้าทำสำเร็จมห

  • ฮูหยินสายลุย   บทที่38 เตรียมตัวเดินทางเข้าเมืองหลวงอีกครั้ง

    โจวฟางหลินครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้ในเรื่องที่มีราชโองการมาแบบนี้ และส่วนหนึ่งที่พยายามสุมไฟกองนี้ให้ใหญ่ขึ้นย่อมเป็นโอรสสวรรค์ผู้นี้เป็นแน่ นางไม่คิดว่าฝ่าบาทจะมารักใคร่นางจนต้องการครอบครองถึงเพียงนั้น แต่อำนาจและเงินตราในมือนางต่างหากเล่าที่พระองค์ต้องการ“จริงๆ แล้วการที่เผ่าหลี่เจียงนำองค์หญิงผู้นี้มาแต่งเชื่อมสัมพันธ์ย่อมเป็นเพียงหมากที่ส่งมาเพียงเท่านั้น” โจวฟางหลินเริ่มวิเคราะห์ถึงความเป็นจริงในเรื่องนี้“อย่างไรรึ” ฮูหยินใหญ่เฉาได้เอ่ยปากเป็นครั้งแรกหลังจากยังตระหนกตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น“เผ่าหลี่เจียงอยู่ไกลจากแคว้นเว่ยมากนัก แต่ทำไมถึงมุ่งเป้ามาที่ท่านพี่ คงมีความคิดว่าถ้าได้แต่งมาเป็นภรรยารองและสามารถทำให้ท่านพี่หลงในในตัวนางได้_”เอ่ยไม่ทันจบสามีก็ร้อนรนเสียแล้ว“ข้าไม่มีทางจะแตะต้องนางเป็นแน่ข้าขอสาบานต่อเจ้า”เฉินโม่เหยียนรีบเอ่ยออกมาอย่างตกใจกับการคาดเดาของภรรยา“ท่านพี่นี่คือการคาดการณ์เพียงเท่านั้น ถ้านางสามารถทำสำเร็จก็จะสามารถสร้างความวุ่นวายและให้ท่านพี่และข้าได้หย่าขาดจากกัน เผ่าหลี่เจียงคงจะอยากได้สมาคมการค้าที่อยู่ในมือข้าเพื่อไปสนับสนุนเผ่าของตนเอง และท่านเองก็ม

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status