ทุ่มครึ่ง ต้นน้ำก้มมองนาฬิกาแล้วรู้สึกกระสับกระส่าย เมื่อนายแพทย์อนวินท์และลูกชายตัวน้อยมานั่งรอพร้อมกันที่โต๊ะอาหาร สายตาของทั้งคู่จ้องมองมาที่เธอ
“เออ ขอโทษนะคะ เรย์ยังมาไม่ถึง คุณ....เออ พี่หมอหิวก็ทานก่อนได้นะคะ” “พี่ไม่หิวมากหรอก รอได้แต่ลูกสิ” อนวินท์ตวัดสายตาไปที่เด็กชายตัวน้อยที่นั่งมองอาหารตาละห้อย “นนท์หิวครับ แม่น้ำ” “เออ งั้นทานเลยครับ แม่น้ำขอโทษ” ต้นน้ำตักข้าวใส่จานลูกแล้วป้อนข้าวลูกด้วยตัวเองนายแพทย์หนุ่มขมวดคิ้ว แล้วพูดน้ำเสียงนุ่มนวลว่า “นนท์ครับ โตแล้ว นนท์ควรหัดตักทานเองได้แล้วนะครับ ดูพ่อนี่” “เอ๊ะพี่หมอ ลูกของน้ำน้ำจะป้อนลูกพี่หมอมีปัญหาอะไร” พยาบาลสาวหงุดหงิด เมื่อเด็กชายนนท์วัตร พยายามจะใช้ช้อนตักเอง “ลูกจะสี่ขวบแล้ว น้ำควรเริ่มให้น้องนนท์เริ่มช่วยเหลือตัวเอง” “ลูกของน้ำ” “ลูกของพี่เหมือนกัน พี่มีสิทธิ์จะสอนเขาเท่าที่น้ำจะสอน เป็นลูกผู้ชายควรหัดช่วยเหลือตัวเอง” อนวินท์จ้องมองภรรยาสาว นัยน์ตาเอาจริงเอาจัง ตาจ้องตา ต้นน้ำยอมรับว่าคำสอนของชายหนุ่มก็มีส่วนถูก ไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยจะลองสอนแต่สุดท้ายเธอเลือกที่จะป้อนให้กับเด็กชายเอง เพราะรู้สึกมีความสุขทุกครั้งที่ทำอะไรให้ลูกชายเพียงคนเดียว ต้นน้ำนั่งมองนายแพทย์อนวินท์สอนเด็กชายนนท์วัตรอย่างใจเย็น แล้วนึกหงุดหงิดใจเมื่อรู้สึกว่ากำลังถูกลดบทบาทของตัวเองไปทีละน้อยและทีละน้อย “น้ำขอตัวไปห้องน้ำซักครู่” ต้นน้ำลุกเดินไปที่ห้องน้ำอย่างรวดเร็ว “ฮัลโหล เรย์ แกอยู่ไหนแล้ว นี่มันจะสองทุ่มแล้วนะแก” “เออ จะถึงแล้วแก วันศุกร์แกก็รู้สายนิมมาน - ห้วยแก้ว ติดมหาโหดขนาดไหน นี่ฝนก็เหมือนทำท่าจะตกอีก” เรย์ รัตนชาติมองรถที่ติดยาวแล้วถอนหายใจ “แก ทานไปก่อนเลยนะน้ำ ไม่ต้องรอคงอีกสักพักถึงจะถึง” “อืม เร็วๆนะเรย์” “จ้า จะรีบไปให้เร็วที่สุด” ต้นน้ำเดินกลับเข้าไปในห้องอาหาร แล้วมองภาพบุตรชายเพียงคนเดียว พยายามตักอาหารใส่ปากด้วยความเอ็นดู ที่ลูกชายตัวน้อยพยายามทำตามพ่ออย่างตั้งใจ อยู่ๆต้นน้ำก็รู้สึกร้อนที่หัวตาอย่างบอกไม่ถูกจนต้องรีบกระพริบตาเร็วๆ เพื่อสลัดความรู้สึกนั้นออกอย่างรวดเร็ว “ไปโทรตามเพื่อนมางั้นเหรอ” นายแพทย์อนวินท์ตักอาหารใส่จาน มาดนิ่งๆ ต้นน้ำตวัดสายตาที่อดีตสามีอย่างรู้สึกหมั่นไส้ที่ชายหนุ่มดูเหมือนจะรู้ทันตนเองไปซะทุกอย่าง “ไม่ใช่เรื่องของคุณ...เออพี่หมอ” ต้นน้ำกระซิบพูดให้ได้ยินกันเพียงสองคน เสียงของนายแพทย์หัวเราะขึ้นมาเบาๆ ยิ่งทำให้พยาบาลสาวหงุดหงิดจนรู้สึกจะอิ่มขึ้นมาทันควัน “น้ำ นั่งลงแล้วทานข้าวพี่จะไม่กวนแล้ว อยากให้น้องนนท์รู้หรือไงว่าพ่อกับแม่ทะเลาะกันตั้งแต่วันแรกแล้ว” นายแพทย์อนวินท์กระซิบพูดน้ำเสียงเรียบ ต้นน้ำทานข้าวอย่างว่าง่าย เพราะตัวเองก็รู้สึกหิวมากเหมือนกัน ตอนกลางวันทานข้าวได้นิดเดียวเพราะมีเรื่องให้กังวล พยาบาลสาวตักไข่พะโล้ใส่ในจานข้าวเด็กชายนนท์วัตรแล้วตัดเป็นชิ้นเล็กๆ เพื่อที่ลูกชายตัวน้อยจะตักเข้าปากได้เองง่ายๆ หญิงสาวยิ้มที่เห็นลูกชายทานอาหารได้มากกว่าทุกๆวัน เมื่อรับประทานอาหารเสร็จ อนวินท์ก็อุ้มเด็กชายนนท์วัตร ตรงไปที่ห้องนั่งเล่น เสียงรถมาจอดหน้าบ้าน ต้นน้ำละมือจากสิ่งตรงหน้า เดินแกมวิ่งออกไป เรย์ รัตนชาติ เดินลงมาจากรถ เห็นเพื่อนสาวเดินตรงมาที่หน้าบ้าน ชายหนุ่มโบกมือให้พร้อมส่งยิ้มต้นน้ำเอื้อมมือช่วยรับของจากมือเพื่อนรัก “เป็นไงแก อยู่กับคุณหมอรูปหล่อ” “แกนะแก เรย์ วันแรกแกก็สายแระ” “น่า คุณพยาบาลคนสวย แค่สองสามชั่วโมงเอง” เรย์ ยกมือเขย่าศีรษะเพื่อนสาวอย่างสนิทสนม อนวินท์เดินออกมายืนดูที่ริมหน้าต่าง ภาพความสนิทสนมระหว่างอดีตภรรยาและเพื่อนชาย ทำให้อนวินท์กำมือแน่นแววตาดุเรืองแสง แต่เมื่ออนวินท์เห็นว่าทั้งสองกำลังจะเดินเข้าบ้าน ก็รีบไปนั่งที่โซฟาตัวเดิม “แกอย่าลืมนะ คืนนี้แกต้องนอนห้องเดียวกับฉัน แล้วต้องแสดงให้แนบเนียนนะแก เรย์” “รู้แล้ว ๆ” ต้นน้ำเอื้อมมือไปจับมือเพื่อนชายเมื่อร่างเธอและเพื่อนชายก้าวผ่านประตู เรย์ รัตนชาติหันมามองหน้าเพื่อนสาว ต้นน้ำส่งตาดุที่มองเห็นกันแค่สองคน เรย์ รัตนชาติ หัวเราะเบาๆ นึกแอบขำเพื่อนสาวคนสนิททั้งสองเดินตรงเข้าไปในห้องนั่งเล่น “สวัสดีครับคุณหมอว่าไงน้องนนท์” เรย์ รัตนชาติลูกสาวเพื่อน “สวัสดีครับ อาเรย์” นนท์วัตรวิ่งเข้าไปกอด เรย์ รัตนชาติอย่างสนิทสนม “อาเรย์ครับ น้องนนท์มีพ่อแล้ว วันนี้พ่อมานอนบ้านน้องนนท์” หลานชายตัวน้อย เล่าอย่างไร้เดียงสา “ครับ” เรย์ รัตนชาติอุ้มเด็กชาย เมื่ออ้าแขนเหมือนต้องการให้อุ้ม เรย์ รัตนชาติ อุ้มลูกชายเพื่อนรักขึ้นมาอยู่ในอ้อมแขนก่อนจะลูบศีรษะอย่างเอ็นดู “หิวไหมเรย์ เราแบ่งกับข้าวไว้แล้ว ไปทานข้าวกัน” “หิวสิ มีอะไรทานบ้าง” อนวินท์มองภาพความสนิทสนมระหว่างอดีตภรรยาสาวกับเพื่อนชายแล้วรู้สึกหงุดหงิด จนต้องทำเสียงกระแอมเสียงดัง เพื่อให้ทั้งสองรู้สึกตัวว่าตนเองยังมีตัวตนอยู่ในห้องนี้ เรย์ รัตนชาติหันไปมองใบหน้าอดีตสามีของเพื่อนรัก แล้วรู้สึกขนลุกกับแววตาที่แข็งกระด้างจนต้องรีบกระซิบบอกเพื่อนสาวเบาๆ “ไปทานข้าวเถอะน้ำ ถ้าอยู่ต่ออีกห้านาที ฉันต้องเป็นจุลแน่ๆกับสายตาพี่หมอของแก” “อืม” ต้นน้ำหันไปมองหน้าอดีตสามีแล้วรู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว แต่ก็ต้องทำเก่งจ้องมองอดีตสามีพยายามแข็งใจ จ้องกลับสายตาแข็งกระด้างพอๆ กัน ต้นน้ำจูงมือเพื่อนชายเดินไปที่ห้องอาหารโดยไม่สนใจอดีตสามีที่มองตามด้วยความไม่พอใจ เรย์ รัตนชาติปล่อยร่างเด็กชายตัวน้อย เมื่อรายการการ์ตูนกำลังออกทำให้เด็กชายนนท์วัตรดิ้นจะลงออกจากอ้อมกอด “ไปกินข้าวกันเถอะเรย์” อนวินท์มองภาพความสนิทสนมระหว่างอดีตภรรยาและเพื่อนชายแล้วรู้สึกหงุดหงิด จนกระทั่งอดรนนั่งเฉยไม่ได้หยิบโทรศัพท์มือถือแล้วกดข้อความไลน์ ตาก็มองไปที่ภาพความสนิทสนมระหว่างอดีตภรรยาและเพื่อนหนุ่มแววตาแข็งกร้าว สองทุ่มสี่สิบห้า ต้นน้ำอุ้มลูกชายแล้วพาขึ้นไปนอน ระหว่างนั้น เรย์ รัตนชาติ เดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น อนวินท์ก้มอ่านหนังสือในไอแพด ในขณะที่เรย์ รัตนชาติกำลังดูละครที่กำลังฉายอย่างตั้งใจ อนวินท์แอบลอบมองใบหน้าเพื่อนชายของอดีตภรรยา แล้วขมวดคิ้วเมื่อเห็นใบหน้าของชายหนุ่มมีรอยยิ้มเมื่อมองไปที่หน้าจอทีวี ก็เห็นพระเอกของเรื่องกำลังแก้ผ้าอาบน้ำ “สนุกมากไหมละครเรื่องนี้ ผมนึกว่ามีแต่พวกผู้หญิงเสียอีกที่ชอบละครเรื่องนี้” อนวินท์พูดขึ้นขณะตายังมองที่ตัวหนังสือที่ไอแพด “แหม ก็พระเอกเรื่องนี้เป็นขวัญใจของเรย์...เออ ขวัญใจของผม พี่บี้เนี่ยเชียร์มาตั้งแต่เดอะสตาร์แล้ว นี่มาแสดงละครเรื่องนี้ ยิ่งฟิน” เรย์ ทำตาเคลิ้ม “ฟิน...” นายแพทย์อนวินท์หัวเราะเบาๆ “คุณกับน้ำ รู้จักกันมานานแค่ไหนแล้ว” อนวินท์เริ่มถามในสิ่งที่ตนเองอยากจะรู้ “สิบกว่าปี แล้วฮะ..เออครับ” “งั้นคงตั้งแต่มัธยมปลาย” “ครับ” “สนิทกันขนาดนี้ ทำไมงานแต่งงานผมกับน้ำ ถึงไม่เจอคุณ” “อ๋อตอนนั้นเตี่ยของเรย์ เออ..ของผมป่วยหนัก ก็เลยไม่ได้ไปครับ เรามีช่วงสนิทกันมากๆ แล้วก็ขาดการติดต่อกันบ้าง แต่สี่ห้าปีนี้สนิทกันมากครับ” อนวินท์นิ่ง เรย์ รัตนชาติ หันไปมองหน้า อดีตสามีของเพื่อนรัก แล้วนึกเสียวสันหลังวาบ เมื่อแววตาที่มองผ่านแว่นใส ช่างส่งประกายบางอย่างที่ เรย์ รัตนชาตินึกหวาดหวั่นใจแทนเพื่อนสาวคนสนิท ต้นน้ำ เดินลงจากด้านบนหลังจากส่งลูกน้อยให้นอนหลับอย่างเรียบร้อย ก่อนจะมานั่งลงข้างๆ เพื่อนชายคนสนิท “น้องนนท์ นอนแล้วเหรอ” “เรียบร้อยแล้ว กำลังดูเรื่องอะไรอยู่” “จัดรักวิวาห์ลวงไงแก สนุ๊กสนุกเนอะเรื่องนี้ เมื่อกี้นะพี่บี้อาบน้ำแก โคตรฟินเลย” เรย์ รัตนชาติ เล่าให้เพื่อนสาวฟังอย่างคล่องแคล่ว “เรย์..” ต้นน้ำจ้องมองเพื่อนส่งสายตาดุ เรย์ รัตนชาติยกมือขึ้นปิดปากเมื่อนึกได้ว่า ตนเองและเพื่อนสาว ไม่ได้อยู่กันตามลำพัง แต่มีนายแพทย์อนวินท์นั่งอยู่ตรงหน้า “เออ พี่หมอคะ เดี๋ยวน้ำจะพาไปห้องนอนที่น้ำจัดไว้ให้ค่ะ มันเป็นห้องเก็บของเก่า” “ที่ไหนพี่ก็นอนได้” “ไปสิ ง่วงแล้วเหมือนกัน พรุ่งนี้พี่มีผ่าตัดตอนเช้า” “ไปด้วยกันสิเรย์” ต้นน้ำส่งสายตาให้เพื่อนชายคนสนิท อนวินท์มองตามอดีตภรรยาสาวและเพื่อนชายด้วยแววตาหงุดหงิด เมื่อมือของพยาบาลสาวเอื้อมไปจับแน่นที่เพื่อนชายคนสนิท “นี่ค่ะ ห้องพี่หมอ” ต้นน้ำเปิดประตูห้องพักแขกที่ดัดแปลงมาจากห้องเก็บของ มีเพียงเตียงเล็กๆ เป็นเตียงเดี่ยว จัดไว้อย่างเรียบร้อย “ไปกันเถอะเรย์ ไปห้องเรา” ต้นน้ำจับมือเพื่อนชายแน่น แล้วเดินออกจากห้องพักแขกอย่างรวดเร็ว ต้นน้ำเดินนำ เพื่อนชายหนุ่มมาหยุดที่หน้าห้องของตัวเอง และเปิดห้องเข้าไป ทั้งสองคนกำลังจะก้าวเข้าไปในห้องในขณะที่จอยผลักให้ต้นน้ำเดิน เพราะหญิงสาวกำลังตกตะลึง.. ต้นน้ำวิ่งย้อนขึ้นกลับไปบนบันไดเลื่อน ในขณะที่อนวินท์วิ่งลงมา ภาพประทับใจแบบนี้ ทำให้จอยถึงกลับต้องตบมือด้วยความซาบซึ้ง ต้นน้ำวิ่งเข้าสวมกอดอนวินท์ทันที “น้ำขอโทษ น้ำเสียใจที่เอาแต่ใจ น้ำน่าจะเชื่อใจพี่หมอมากกว่านี้ น้ำมันงี่เง่าเอง” ต้นน้ำร่ายยาว อนวินทร์สวมกอดภรรยาสาวแน่น มองหน้าภรรยาสาว ตาบวมแดง จมูกแดง ปากสั่นๆขณะพูด ชายหนุ่มอมยิ้ม ก่อนก้มลงจูบภรรยาสาวในขณะที่หญิงสาวละล่ำละลักพูด ต้นน้ำตกใจหัวใจเต้นแรง จูบตอบชายหนุ่มด้วยความโหยหา แม้ว่ารสจูบจะหนักหน่วง แต่ต้นน้ำไม่ขัดขืนเพราะเธอก็คิดถึงอ้อมกอดนี้ ริมฝีปากนี้ แล้วยิ่งรู้ว่าจะต้องจากชายหนุ่มนาน หญิงสาวใช้มือโอบรอบต้นคอ จอยอ้าปากค้างกับภาพที่เห็นเป็นสิบวินาที “โห จะเลิฟซีนก็สะกิดก่อนสิ จะได้หลบไปไกลๆ เอามาให้คนโสด อิจฉา” จอยบ่นก่อนเดินหันหลังลงบันไดเลื่อนด้วยความเซ็ง แต่ก็เพียงแป๊ปเดียวก็หันมาถ่ายรูปที่คุณหมอหนุ่มชื่อดัง และภรรยาสาว กำลังแลกจูบกันไปมาด้วยความคิดถึง “แหม ลีมินโฮ ก็ลีมินโฮ เถอะ เจอคุณหมอวินท์ชิดซ้าย เล่นมาจูบกลางสนามบินสุวรรณภูมิงี้” จอยหันไปมองผู้คนรอบข้างที่
อนวินท์เมื่อวางสายจากลูกชาย ก็มองไปที่แบตเตอรี่ที่บอกสัญญาณว่าจะใกล้หมด เหลือเพียงสี่เปอร์เซนต์ เมื่อค้นหาพาวเวอร์แบงก์ก็ต้องหงุดหงิดว่าลืมเอาใส่กระเป๋าโหลดลงเครื่องไป ชายหนุ่มตัดสินใจปิดเครื่องทันที โดยไม่ได้เปิดไปมองโปรแกรมยอดฮิต ที่มีข้อความเข้ามานับสิบข้อความ ต้นน้ำพยายามที่จะโทรศัพท์อีก แต่คราวนี้ เหมือนกับว่าเจ้าของเครื่องได้ทำการปิดเครื่องแล้ว “พี่หมอปิดเครื่องแล้ว เมื่อกี้สายไม่ว่าง แต่คราวนี้ปิดเครื่องไปเลย เอาไงดีจอย” ต้นน้ำพูดน้ำเสียงร้อนรนจอยนิ่งคิด เมื่อได้ยินเสียงผู้ประกาศสาวที่กำลังประกาศ น้ำเสียงอ่อนหวาน ก็ดีดนิ้ว เมื่อนึกอะไรออก“ไปกับฉันแก เราต้องพึ่งฝ่ายประชาสัมพันธ์ มันเป็นโอกาสสุดท้ายล่ะ ถ้าไม่ได้ทางนี้ แกคงต้องรอคุณหมอที่บ้านแหละ”“ไปเถอะ โอกาสสุดท้ายฉันก็ยอม ฉันรอพี่หมอได้ แต่ฉันอยากจะใช้โอกาสสุดท้ายของฉัน แค่ได้บอกเค้าก็ยังดี”“งั้นไปกัน”ประกาศ ผู้โดยสารที่ชื่อว่า คุณอนวินท์ เลิศวสิน กรุณาเปิดเครื่องสื่อสารของท่าน ทางบ้านมีเรื่องด่วนแต่ติดต่อไม่ได้ค่ะประกาศอีกครั้ง ประชาสัมพันธ์สาวพูดย้ำอีกรอบ อนวินท์ยืนนิ่งเมื่อได้ยินเหมือนเสียงเรียกชื่อตนเอง ชายหนุ่มขมวด
จอย หันไปมองเพื่อนสาว ที่บางทีก็หัวเราะ บางทีก็ร้องไห้ ระหว่างที่ตนขับรถ คิ้วขมวด ก่อนเอ่ยถามด้วยความอยากรู้“แกเป็นอะไรน้ำ เสียใจจนเป็นบ้าไปเลยเหรอ คุณหมอยังไม่ได้ทิ้งแกหรอกนะ”“ไม่...ฉันอ่านข้อความที่พี่หมอเขียน ดูสิ สติ๊กเกอร์ พี่หมอเอาเวลาไหนไปโหลดมา ปกติใช้แต่ของฟรี” ต้นน้ำหัวเราะเบาๆ พร้อมปาดน้ำตา “สรุปแล้วฉันเข้าใจผิดพี่หมอหมดเลย..ทำยังไงดีล่ะแก ฉันจะเอาหน้าไหนไปสู้กับพี่หมอได้ล่ะ ต่อว่าเค้ามากมาย ทั้งเรื่องแม่ของหมอนิ ทั้งเรื่องที่โรงแรมที่เชียงใหม่ ว่าแต่แกรู้เรื่องพี่หมอสุชาติด้วยเหรอ ทำไมแกไม่เล่าให้ฉันฟัง” ต้นน้ำเขย่าแขนเพื่อนสาว หลังจากอ่านข้อความไปเกินสิบหน้า “ก็ตอนนั้นแกไม่มาทำงาน แล้วงานโรงพยาบาลเวลาไม่มีแก ก็ยุ่งๆ” จอยหันมาตอบเสียงอ่อย“มันคงเป็นเวรกรรมของฉันมั้ง ไปว่าพี่หมอให้มากมาย ถ้าฉันไปไม่ทันจริงๆ แล้วพี่หมอไปนาน ๆฉันต้องคลอดลูกคนเดียวอีกเหรอเนี่ย” ต้นน้ำทำเสียงเศร้า หญิงสาวเลื่อนหน้าจอมาเจอคลิปวีดีโอ แล้วเปิดฟังทรมานไปทั้งหัวใจทุกครั้งที่เราได้ชิดใกล้ แต่พูดความจริงไม่ได้...ได้แต่เก็บอยู่ข้างใน ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เธอจะรู้หัวใจได้โปรดมองในตาฉัน มองที่ตรงนั
โรงพยาบาลเลิศวสินต้นน้ำลงจากรถวิ่งเข้าไปในโรงพยาบาล ราวร่างไร้หัวใจ กว่าชั่วโมงที่ตามหาชายหนุ่มแต่ไม่พบทำให้ต้นน้ำรู้สึกถึงความผิดปรกติ หญิงสาวแทบวิ่งถลาไปที่ห้องทำงาน เห็นเพื่อนสาวคนสนิทกำลังทำงานอย่างวุ่นวาย “จอย” ต้นน้ำตะโกนเรียกไปก่อนพยาบาลจอย สะดุ้งก่อนมองไปที่ต้นเสียง แว๊บแรก แสดงความตื่นเต้น แต่เมื่อนึกถึงว่า ตลอดหลายวันมานี่ ไม่ว่าเธอพยายามติดต่อหญิงสาวอย่างไรก็ติดต่อไม่ได้ ทำให้จอยรู้สึกน้อยใจเพื่อนสาว ทั้งน้อยใจของตัวเองและยังโกรธเพื่อน เพราะสงสารเจ้านายหนุ่ม ที่ตลอดหลายวันตั้งแต่หญิงสาวหายไป นายแพทย์หนุ่มทั้งเครียด และไม่ได้ดูแลตัวเองเลย จอยแกล้งทำงานต่อไปราวกับไม่ได้ยินเสียงเพื่อนรัก“จอย พี่หมออยู่ไหน” ต้นน้ำถาม เมื่อเดินมายืนตรงหน้า “แกสนใจด้วยเหรอ หายไปไหนมา ทั้งฉันทั้งพี่หมอติดต่อแกไม่ได้ ตอนนี้จะมาถามหา ช้าไปหน่อยไหม” จอยพูดประชดแล้วทำงานต่อ“แกอย่าเพิ่งโกรธฉันนะ ฉันไม่สบายนอนโรงพยาบาล แล้วลืมเอาที่ชาร์ตโทรศัพท์ไปด้วย แบตหมดตั้งแต่วันแรกแล้วมั้ง ฉันรู้ข่าวหมอนิ ตกลงเป็นยังไง”จอยได้ฟัง แล้วเงยหน้ามองเพื่อนที่ท่าทางดูอิดโรยก็รู้สึกตัว รีบลุกขึ้นมาโอบกอดเพื่อนสาวแน่
พิพัฒนพงษ์ตรีรินทร์ได้ยินเสียงโทรศัพท์ ก็เหลียวไปมอง ก่อนจะเดินไปรับสายโทรศัพท์ “พิพัฒนพงษ์ค่ะ”“คุณแม่ครับ คุณแม่ติดต่อน้ำได้หรือเปล่า”“ยังเลยตาหมอ”อนวินท์มีใบหน้าสลดลง ถอนหายใจ “คุณแม่ครับ ผมต้องเดินทางไปประชุมงานที่ญี่ปุ่นสักพักฝากคุณแม่ดูแลน้องนนท์ ผมโทรหาเมื่อกี้เห็นบอกว่าไปแคมป์กับน้องกายที่เขาใหญ่”“ใช่จ๊ะ ตาหมอไม่ต้องเป็นห่วง แม่จะดูแลตานนท์ให้จ๊ะ”อนวินท์วางโทรศัพท์ กลับไปที่บ้านชายหนุ่มเดินไปทั่วบ้านด้วยความรู้สึกเหงา บ้านที่ปราศจากหญิงสาวและลูกชายตัวน้อย ดูเงียบสนิท ภาพความทรงจำเก่าๆ จะเห็นหญิงสาวในห้องครัวทำอาหารมีลูกชายตัวน้อยนั่งอยู่ใกล้ๆ บนเก้าอี้ในห้องครัว อนวินท์กอดอกนึกย้อนภาพเก่าๆ อย่างมีความสุข เสียงรถมาจอดหน้าบ้าน อนวินท์ออกไปต้อนรับ“ขอบคุณมากจอย” “ไม่เป็นไรค่ะหมอ” จอยตอบ ขณะที่มีพนักงานบริษัทอีเว้นต์แพลนเนอร์ชื่อดัง อีกสามคนเดินตามมาอนวินท์เดินนำเข้าไปในบ้าน อีกหลายชั่วโมงต่อมาทั้งบ้านเต็มไปด้วยดอกไม้ ลูกโป่ง จัดแต่งอย่างสวยงาม โรแมนติค จอยมองรอบๆ บ้านหลังน้อยที่ถูกตกแต่งในแต่ละห้องอย่างสวยงาม ทั้งดอกไม้ ลูกโป่ง ข้อความ หญิงสาวมองด้วยความซาบซึ้ง“โห โรแ
โรงพยาบาลเลิศวสินจอยเอาอาหารและน้ำมาเสิร์ฟ ให้นายแพทย์อนวินท์ ที่นั่งสะสางงานจนดึกด้วยความเป็นห่วง ตั้งแต่กลับจากสถานีตำรวจ นายแพทย์หนุ่มขังตัวเองอยู่ในห้อง เกือบครึ่งวัน“หมอคะ ทานอะไรสักหน่อย ตั้งแต่เช้าจอยยังไม่เห็นหมอทานอะไรเลย” พยาบาลสาวมองนายแพทย์ที่เป็นทั้งสามีเพื่อนและเจ้านายด้วยความเป็นห่วง “วางไว้ตรงนั้นแหละจอยขอบใจมาก อืมคุณติดต่อน้ำได้ไหม ผมติดต่อไม่ได้เลย” อนวินท์มีสีหน้าเป็นกังวล“ไม่ได้เหมือนกันค่ะ กลับมาจอยจัดการให้พี่หมอเลย งอนเป็นนางเอกละครไทยไปได้” จอยพูดน้ำเสียงหงุดหงิด“น้ำคงมีเหตุผล นั่งสิจอยผมมีเรื่องอยากถาม”“น้ำเขาเคยพูดเรื่อง วันครบรอบแต่งงานสี่ปีก่อน ก่อนที่เขาจะหนีผมไป คุณอยู่ในเหตุการณ์ ไหนเล่าให้ฟังสิ คุณรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมอยากรู้อะไรทำให้เขาน้อยใจ เพราะปรกติแค่เรื่องผมไม่กลับบ้านติดคนไข้ ไม่น่าจะทำให้เขาโกรธขนาดนี้”อีกสามสิบนาทีต่อมา อนวินท์ก็พอปะติปะต่อ เรื่องต่างๆ ได้ ชายหนุ่มถอนหายใจยาว“ผมเป็นต้นเหตุกับเรื่องต่างๆ นี้เอง”“ยัยน้ำเป็นคนอ่อนไหว เพราะเป็นลูกสาวคนกลาง คิดว่าพ่อแม่ไม่ค่อยรัก เกี่ยวกับคุณหมอ น้ำมันฝังใจมาตลอดว่าเพราะคุณหมออกหัก