ดวงตาเรียวไล่อ่านข้อความดุเดือดบนโลกออนไลน์ และแท็กที่ร้อนฉ่าในโลกโซเชียลที่เต็มด้วยเนื้อหาของพวกสู่รู้
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องในอดีตเกี่ยวกับ น้าสาวของดารินธิราและหลานสาวของเธอ
แต่สิ่งที่ทำใหโทสะของเขาระเบิดตู้มออกมาก็คือ เนื้อหาใจความที่กล่าวว่า เดมี่คือมือที่สามที่มาแทรกกลางระหว่างเขากับฟีโอน่า พาร์สัน ฮึ! บ้าเปล่าวะ
ทำไมชาวเน็ตพวกนี้ถึงได้แต่งเรื่องมั่ว ๆ ขึ้นมากันอย่างไม่ละอายใจ
ทั้งที่ตัวของเขาเองก็เพิ่งเจอกับฟีโอน่าอะไรนั่นที่เป็นเจ้าของบริษัทการตลาดคนนั้นเพียงครั้งแรกและครั้งเดียว ที่ลินคอร์นเซ็นเตอร์
"ฮัลค์ ต่อสายหาอีแวน มิตซ์ให้ฉันที"
"รับทราบครับ"
การโทรไปหาพันธมิตรที่มีพระคุณเก่าอย่างซีอีโอผู้ก่อตั้งแพลตฟอร์มชื่อดัง ทำให้การสนทนายืดยาวไปครึ่งชั่วโมง เพราะความสนิทชิดเชื้อดังครอบครัวเดียวกันและบังเอิญที่ว่าสมัยที่เขาลำบากอยู่นั้นก็ได้อีแวนเป็นคนช่วยเหลือไว้หลายครั้ง
"ทั้งที่นายเกลียดผู้หญิงคนนั้น แต่ตอนนี้กลับขอร้องให้ฉันทำเรื่องไร้สาระให้เนี่ยนะ ไม่นึกเลยว่านายจะมีมุมนี้นะไอ้หนู"
"ผมก็แค่อยากแก้ต่างเรื่องที่ไม่ใช่ความจริงก็เท่านั้นเองครับ ยังไงผมต้องขอบคุณ คุณอีแวนมาก"
"เออ ฉันยินดี"
การสนทนากับอีแวนจบลง รอยยิ้มร้ายก็ผุดพรายขึ้นบนใบหน้าขาว
ชายหนุ่มสั่งการให้ฮัลค์เรียกให้พนักงานหลายร้อยคนในบริษัทมาประชุมที่ฮอลล์ประชุมใหญ่โดยด่วนไม่เว้นแม้กระทั่งแม่บ้านและรปภ.
"ผมเรียกพวกคุณมาวันนี้ เพราะมีเรื่องอยากให้ช่วย พวกคุณคงเห็นแท็กร้อนฉ่าวันนี้แล้วใช่ไหมครับ นั่นแหละที่ผมไม่สบายใจ เพราะมันส่งผลลบกับบริษัทของเรา ถ้าเกิดว่าหุ้นของไตรมาสนี้ดิ่งร่วงระนาวล่ะก็ โบนัสปีนี้คงไม่มีให้ทุกคน แต่ถ้าพวกคุณปั่นแท็ก #MagDemi ได้สำเร็จ ผมจะเพิ่มโบนัสปลายปีนี้ให้ทุกคน ถ้าพวกคุณพร้อมช่วยผม ก็ใช้เทคโนโลยีที่คุณมีดันแท็กนี้ให้ขึ้นอันดับหนึ่งให้ได้ ปฏิบัติ!"
"แล้วคุณแม็กอยากให้พวกเราเขียนยังไงคะ พวกเราไม่มีข้อมูลอะไรเกี่ยวกับคุณเดมี่เลย"
"แล้วแต่พวกคุณ ผมบอกได้เพียงว่า ฟีโอน่าไม่ใช่แฟนผม และเดมี่ไม่ใช่มือที่สาม ส่วนข้อมูลของเดมี่ทั้งหมดผมจะให้ฮัลค์เอาขึ้นหน้าจอโปรเจคเตอร์ จากนั้นพวกคุณก็พิจารณากันเอาเองตามใจชอบ หรือจะโพสต์ตามความรู้สึกพวกคุณก็แล้วแต่"
"ขอถามอีกเรื่องค่ะ ทำไมคุณแม็กนัสต้องปกป้องคุณเดมี่ด้วยล่ะคะ" พนักงานสาวยกมือขึ้นถาม
"ในอดีตผมเคยทำร้ายจิตใจเธอ ตอนนี้ผมแค่อยากทำสิ่งที่ถูกต้อง นอกจากนี้ก็ไม่มีอะไรทั้งนั้น"
การตอบข้อซักถามสิ้นสุดลง ปฏิบัติปั่นแฮชแท็กก็เริ่มขึ้น ยิ่งได้การช่วยเหลือจากซีอีโอผู้ก่อตั้งแพลตฟอร์มปั่นเทรนด์ ทุกอย่างจึงง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก
แม็กนัสเสนอให้อีแวนจัดการแท็ก #DemiAtThirdperson ให้ปลิวหายวับไปกับตา
ไม่นานแท็กที่รวมความจริงจากใจของเขาก็ทะยานโผล่ขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งของโลกอย่างง่ายดาย
กรี๊ด!!!!!!
เสียงของกุ๊กไก่กรีดร้องขณะที่กำลังยัดซับเวย์ชิ้นโตเข้าปาก ใบหน้ายื่นจ่อแทบจะปะติดกับหน้าจอคอม ทำให้เจ้านายสาวที่กำลังเดินไปบรีฟงานกับลูกน้องคนอื่นอยู่นั้นถึงกับต้องรีบเดินมาดูด้วยความเป็นห่วง
"เกิดอะไรขึ้นกุ๊กไก่"
"แอร๊ย! พี่เดมี่ พี่มาดูนี่เร็วๆ"
"ดูอะไร"
กุ๊กไก่กระชากแขนเสื้อของเจ้านายสาวเข้ามา แล้วชี้ไปที่แฮชแท็กอันดับหนึ่งในทวิตเตอร์ #MagDemi นัยน์ตากลมโตของเดมี่ก็ลุกวาวขึ้นมาอย่างคนอยากรู้อยากเห็นทันที ขณะที่กุ๊กไก่เองก็รีบร้อนกดเข้าไปดูเนื้อหาแท็กด้านในจำนวนหลายหมื่นทวิตและทยอยไล่อ่านให้เจ้านายสาวฟัง
"บอสของฉันเรียกพนักงานทุกคนมาในห้องประชุมใหญ่ด่วนจี๋ ไอ้เราก็นึกว่าจะโดนลดเงินเดือนหรือเปล่า ที่แท้เขาเรียกให้ฉันมาทวิตช่วยแฟนของเขา แกร๊! แม็กกับเดมี่ต้องมาแล้วล่ะ #MagDemi"
"คือโคตรช็อคโลกเลยว่ะ บอสกูบอกว่าวันนี้กูไม่ต้องทำงานเอกสาร แต่งานวันนี้คือปั่นแท็กช่วยแฟน สมแล้วที่กูมีบอสเป็นอัจฉริยะ #MagDemi"
"บอกตรงๆฉันเพิ่งรู้จักดารินธิรา รู้คร่าวๆว่าเธอเป็นศิลปินนักวาดนักเต้นและเจ้าของสถาบัน BeTheLight แถมยังเป็นผู้หญิงหนึ่งเดียวที่บอสทำให้ขนาดนี้ โอ๊ยฟิน #MagDemi"
กุ๊กไก่ทยอยไล่อ่านให้เธอฟัง จนคนฟังหัวใจแทบจะวายตาย ณ ตรงนั้น
เกิดอะไรขึ้นกับอิตาหงอกแม็กนัส หมอนี่เคยทำอะไรแบบคนธรรมดาบ้างมั้ยเนี่ย
ไม่ได้แล้วเธอคงต้องบุกไปหาเขาถึงบริษัทแล้วถามให้รู้แล้วรู้รอดกันไปเลย ไหนจะต้องคอยตอบคำถามเรื่องมือที่สามที่ชาวเน็ตมโนเป็นตุเป็นตะ นี่ยังจะมีประเด็นใหม่ฮอตปรอทแตกเกิดขึ้นมาอีก
แถมยังเป็นประเด็นว่าเธอกับเขาเป็นแฟนกันอีกต่างหาก.... สรุปแล้วในใจอัจฉริยะหน้าตายอย่างเขา กำลังตกผลึกอะไรทางความคิดอยู่กันแน่
เรียวขาเล็กกระชับแน่นถูกฝ่ามือร้อนคลั่งรักคลั่งคะนึงหาของสามีปลดออกอย่างเร่งรัด ไม่ทันที่เธอจะเอ่ยถามเหตุการณ์ต่าง ๆ กับเขา ใบหน้าคมขาวก็ก้มลงมาปิดปากของเธอแนบสนิท และยังไม่ได้เตรียมตักตวงออกซิเจนเลยด้วยซ้ำจูบที่สูบแก่นวิญญาณและพลังงานในร่างกายที่อ่อนเพลียมาทั้งวันไปจนเกือบหมด ไหนจะปลายลิ้นที่ควานหาลิ้นของเธอแล้วเกี่ยวรัดไว้จนเธอแทบสำลักรสจุมพิตที่หนักหน่วงนี้ สุดท้ายเธอก็หัวหมุนตาลายแต่ก็ยังอยากตักตวงความสุขนี้กับเขาต่อไป ติ๊ดดดดดด ติ๊ดดดดดดเสียงร้องจากสมาร์ทวอชที่เดมี่ฝังดวลออร่าชิฟเอาไว้ที่หลังคอทำให้มันส่งสัญญาณมาที่เครื่องของเขาและเธอพร้อมกัน ใบหน้าตื่นตระหนกผละจูบออกด้วยความตกใจและรีบยกข้อมือดูสัญญาณเตือนประหลาดที่ขึ้นเป็นรูปเด็กทารก เขาจ้องนิ่งดวงตาไม่กระพริบ "นี่มัน...." แม็กนัสก้มลงหอมแก้มของเดมี่เพื่อปลอบประโลมเธอทันที แล้วยิ้มให้กับใบหน้าที่ซีดเป็นไก่ต้มของภรรยาด้วยความดีใจ "มีอะไรคะคุณแม็ก" "สงสัยว่าคุณกำลังจะมีทาสคนใหม่ให้ไอ้เจ้าปาตาโกไททันมาโยรัมซะแล้ว" "คะ.....หมายความว่าฉะ... ฉันท้อง" "อืม คุณท้อง ถึงว่าคุณต้านแรงจูบของผมไม่ได้เลย ทั้งที่ปกติคุณจะรุกกลับจนผมเสี
เดมี่ได้ยินพวกคิสท์ โอซัลลิแวนคุยกันเรื่องแผนที่ และแผนฆ่าสามีของเธอ ซึ่งความจริงเรื่องแผนที่นั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกต่อไปพราะทุกๆ เส้นทางแทบจะปรากฏเด่นชัดอยู่ในรอยหยักสมองเรียบร้อยแล้ว เรื่องสำคัญกว่าที่เธอต้องกังวลคือจะปกป้องสามียังไงดีในสถานการณ์ที่คับขันเช่นนี้ผู้หญิงอย่างเธออาจจะไม่ได้ดีพร้อมและเก่งไปหมดทุกเรื่อง แต่บางเรื่องก็จำเป็นแม้จะไม่เก่งและพร้อมก็ตาม ก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะขอเป็นเบี้ยตัวหนึ่งที่จะดึงความสนใจของศัตรูสามีมาเป็นเธอแทน เธอไม่ลังเลเลย แต่เลือกด้วยความเด็ดขาด ในชีวิตนี้เธอเคยสูญเสียพ่อไป และก็เคยเสียศูนย์จากการไร้พ่อมานานหลายปี รวมทั้งเสียเวลากับการไม่เข้าใจความเจ็บปวดของคนที่เธอรัก และกว่าจะเข้าใจความรู้สึกของกันและกัน ก็ต้องผ่านร้อนผ่านหนาวมานับไม่ถ้วน วินาทีที่เธอก้าวมายังจุดที่อันตรายสุดขีดแล้ว จะถอยหลังกลับไปยังจุดเริ่มต้นก็คงจะป่วยการเสียแล้ว ถ้าแม็กนัสจะโกรธเธอเพราะความบุ่มบ่ามใจร้อนและเข้ามายุ่งกับงานของเขา เธอก็จะยอมรับ เพียงแต่ว่าขอให้เธอมีโอกาสช่วยเขาบ้างก็พอ ในห้องพักหรูวีไอพีชั้นสุดของโรงแรมซึ่งห้องของเดมี่อยู่ห่างกับห้องที่แม็กนัสอยู่เพียงสองห้อ
ฮัลค์ผู้ที่กุมความลับทุกอย่างไว้รีบวิ่งตามภรรยาของเจ้านายไปด้วยความเป็นกังวล เพราะเขากลัวว่ามันจะกลายเป็นเรื่องราวบานปลายใหญ่โต ทางที่ดีเปิดเผยความจริงกับเธอก่อนดีกว่า แล้วอย่างอื่นค่อยว่ากันอีกที“พาฉันไปร้านอาหารของแม่หน่อยได้ไหมคะ?”“คือว่า....ก่อนที่คุณเดมี่จะไป ผมขอให้คุณเดมี่ไปที่ๆ หนึ่งด้วยกันก่อนได้ไหมครับ”หญิงสาวรีบเช็ดน้ำหูน้ำตาที่เลอะเปื้อนเต็มดวงหน้า แล้วพยักหน้ารับเกือบสี่สิบนาทีบอดี้การ์ดหนุ่มจึงได้พาดารินธิรามาส่งที่บ้านทรงเอเฟรมของเธอ ดารินธิราหันไปมองหน้าเขาอย่างสับสนงุนงง“รีบเข้าบ้านก่อนเถอะครับ เพราะผมไม่รู้ว่ามีหูตาสัปปะรดที่ไหนคอยมองดูพวกเราอยู่หรือเปล่า”“ทำไมล่ะคะ?”เอ่ยถามพลางรีบร้อนลงจากรถก่อนจะยืนมองบ้านของตัวเองที่ไม่ได้กลับมาพักใหญ่ หญิงสาวหากุญแจบ้านที่ซ่อนไว้ใต้กระถางต้นไม้แล้วไขกุญแจ ทว่าไขเท่าไหร่ก็ไขไม่เข้า“เอ้…..หรือมันจะเสียแล้ว”“มันไม่ได้เสียหรอกครับ”ชายหนุ่มตัวโตยิ้มแล้วหยิบเอากุญแจอีกดอกที่อยู่ใต้กระถางต้นดอกคาเมเลียหน้าบ้านของดารินธิราออกมา แล้วหันซ้ายหันขวาดูท่าทีก่อนจะรีบไขเข้าไปในตัวบ้าน เขาก็ปลดปล่อยทุกสิ่งทุกอย่างออกมาหลังจากที่สับคัทเอ
มือที่จับปากกาสไตลัสอยู่นั้นค้างนิ่งกลางอากาศ ใบหน้าเงยขึ้นมองมายังต้นเสียงที่ขัดจังหวะศิลป์ของเธอ ดวงตากลมโตเหล่มองใบหน้าของฮัลค์อย่างคนมีคำถาม"คุณ?""พ่อสิ คุณอะไรเล่า?""อ่อ..ค่ะคุณพ่อ แล้วลมอะไรหอบคุณพ่อมาถึงที่นี่""ก็เธอเป็นลูกสะใภ้ตระกูลอาเวนชี่แล้วไม่ใช่รึไง""ค่ะ....แล้วมีธุระอะไรกับฉัน หรือว่ามาหาคุณแม็กคะ""ไอ้ลูกบ้านั่นฉันไปหามันเรียบร้อยแล้วล่ะ เพราะแบบนี้ไงถึงได้มาหาเธอ""เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าคะ?"เบลค อาเวนชี่ ย่อตัวนั่งลงบนโซฟาตัวยาวอย่างเหนื่อยหน่ายใจต่างกับคนเดิมที่เคยเกรี้ยวกราดใส่เธอ"แม็กนัสได้รู้ความจริงเรื่องแม่ของเขา ความจริงที่ฉันปิดบังมาตลอดหลายสิบกว่าปีมานี้ ที่ว่า.....แม่ของเขาเป็นอาชญากรที่ถูกทางการจีนหมายหัว และฉันเองเป็นคนที่ถูกส่งมาให้จัดการเธอ แต่แล้วฉันก็ไม่อาจทำเรื่องแบบนั้นได้ เพราะ.....""คุณรักเธอ" ดารินธิราต่อประโยคที่ขาดช่วงไปอย่างนุ่มนวล "ใช่....ฉันรักแม่ของเขามาก จนยอมเป็นคนเลว แต่ฉันไม่อยากให้เจ้าแม็กคิดว่าฉันกับแม่ของเขาให้กำเนิดเขาเพราะเหตุผลอื่น ที่ฉันแต่งงานกับแม่ของเขาเพราะความรักจากใจจริง ไม่ใช่เพราะภารกิจลับจากองค์กรไหนทั้งนั้น ฉันแ
เสียงของเธอถูกคงส่งไปไม่ถึงเขา เพราะโทรศัพท์ถูกตัดสายทิ้งซะก่อน และเขาก็ยังคงไม่รู้ว่าเธอโทรมา แล้วผู้หญิงที่อยู่ปลายสายนี้ล่ะ เธอเป็นใครกันแน่ ทำไมสามีของเธอถึงยอมให้หล่อนมาอยู่ด้วยจนมืดค่ำขนาดนี้ ใช่ว่าเธอจะเป็นคนขี้หึงหรอกนะ แต่นี่มันมากเกินไป อยู่ดีๆ นึกจะไปก็ไปไม่บอกไม่กล่าวเมียอย่างเธอเลยสักนิด ต้องให้คนอื่นมาบอก แถมโทรมาหาสักหน่อยก็ไม่มี เอาสิ! นังจิ้งจอกคนนั้นเป็นใครเธอไม่สนหรอก แต่หากคิดจะใช้โอกาสนี้รวบหัวรวบหางสามีของเธอ คงไม่ง่ายนักหรอก ดารินธิราเดินทางมาถึงสถาบันบีเดอะไลท์ตั้งแต่ยามเพิ่งจะเดินทามาถึง แม้สถาบันของเธอจะกลับมาอยู่ในสภาพใหม่ที่ดีและสวยงามกว่าเดิมหลายเท่าเพราะฝีมือของแม็กนัส แต่นั่นกลับไม่ไช่เหตุผลที่ทำให้เธอรีบร้อนมาทำงานเพื่อมาชื่นชมตึกใหม่ แต่เป็นเพราะบทสนทนาเมื่อคืนต่างหากที่ทำให้เธอใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว"อโลฮ่า! พี่เดมี่ วันนี้เราได้งานนออกาไนซ์จัดศิลปะการแสดงประจำปี, จัดนิทรรศการ ได้เป็นเจ้าภาพจัดงาน อ้อแถมมีงานเทียบเชิญขอให้พี่เดมี่ไปโชว์เต้นเปิดตัวให้กับองค์กรการกุศลด้วยนะคะ กุ๊กไก่ดีใจมากค่ะ ไม่น่าเชื่อเลยว่าคุณโมนาจะมีอิทธิพลขนาดนี้""ที่ไหน เมื
Count your age by friends, not years. Count your life by smiles, not tears.นับอายุของคุณด้วยจำนวนเพื่อน และนับชีวิตของคุณด้วยรอยยิ้มไม่ใช่หยดน้ำตา-John Lennon-ดวงตากลมโตฉายแววซุกซนไล่มองใบหน้าขาวเนียนดุจผิวทารกเพศชาย แม้ตอนนี้นาฬิกาบนผนังห้องจะบอกเวลาแค่ตีสามครึ่งเท่านั้น แต่แสงกระทบของพระจันทร์ที่ส่องสว่างเข้ามาในห้องนี้ กลับทำให้รู้สึกว่าเช้าวันใหม่ได้เดินทางมาถึงแล้วและเป็นวันแห่งการเริ่มต้นใหม่ของเธอกับเขา หลินเย่ซี สามีดีกรีมหาเศรษฐีที่จับผลัดจับพลูไปเป็นสายลับ ทำให้เธอต้องมาพัวพันกับเรื่องล่าอารยธรรมสุดขอบโลกกับเขาไปด้วยโดยไม่คาดคิด "เดมี่..........."เขาปรือตาขึ้นแล้วพลิกตัวตะแคงข้างสบตามาที่เจ้าของรอยยิ้มละมุนที่นั่งพับเพียบเรียบร้อยมองดูเขาอยู่อย่างเงียบๆ "ฉันปลุกคุณตื่นหรือเปล่าคะ?""เปล่าครับ แต่ตอนนี้.....ก็คล้ายว่าจะตาสว่างมากกกกก" เขาพูดจบก็เอาสองมือปิดตาตัวเอง หญิงสาวหลุบต่ำมองดูสภาพตัวเองที่อยู่ในชุดเสื้อยืดสีขาวตัวบางของเขาในสภาพไร้บรา คงไม่ต้องเดาแล้วล่ะว่า เขาปิดตาทำไม โมนายัยเบ๊อะเอ้ย! เดี๋ยวเขาก็หาว่าเธอจงใจอ่อยตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางความอายแทบพลิกแผ่นดินทำให