“ตระกูลฮั่วไม่ได้อัตคัดขัดสนจนถึงขั้นให้เธอหย่าออกไปตัวเปล่าหรอกนะ”ขณะที่เฉียวสือเนี่ยนมีแต่ความสงสัยอยู่เต็มใบหน้า ฮั่วเยี่ยนฉือก็กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ฉันจะให้โจวเทียนเฉิงร่างข้อตกลงการจ่ายค่าชดเชยตามสมควรให้เธอใหม่หนึ่งฉบับ”“ไม่จำเป็น” เฉียวสือเนี่ยนปฏิเสธ “ฉันไม่ได้แต่งงานกับคุณเพราะเห็นแก่เงินอยู่แล้ว”เธอไม่ได้ขาดแคลนเงินอย่าว่าแต่หุ้นที่คุณตาทิ้งไว้ให้เลย เธอแค่อาศัยความสามารถของตัวเองก็หาเงินได้เองอยู่แล้วสาเหตุที่รั้นจะแต่งให้ฮั่วเยี่ยนฉือนั้น เพราะเธอเอาแต่ไล่ตามความรักอย่างคนไม่มีสมองก็แค่นั้น“เธอจะเห็นแก่อะไรก็เรื่องของเธอ” น้ำเสียงของฮั่วเยี่ยนฉือไม่ยินยอมในคำปฎิเสธใด ๆ ทั้งนั้น “เพื่อรักษาหน้าของทั้งสองฝ่าย จะให้ร่างข้อตกลงการหย่าขึ้นใหม่ตามที่ฉันว่าละกัน”อ๋อ กลัวว่าจะมีวันใดวันหนึ่งที่มีข่าวแพร่ออกไปว่าฮั่วเยี่ยนฉือหย่าขาดกับภรรยาเก่าโดยไม่ให้อะไรติดตัวไปเลย จะทำให้เขาเสียหน้าละสิท่าเฉียวสือเนี่ยนยอมไม่เถียงด้วย “อย่างนั้นก็เอาตามที่คุณว่าเลย”“พรุ่งนี้เจอกันที่สำนักทะเบียน”พูดจบ เฉียวสือเนี่ยนก็ถอยหลังปิดบานประตูห้องกลับไปเก็บของต่อฮั่วเยี่ยนฉือ
เขาเคยพูดเรื่องไว้หน้ากับเธอตอนไหน?เฉียวสือเนี่ยนรู้สึกตลกเหลือเกินแบบนี้แสดงว่าฮั่วเยี่ยนฉือยังคงไม่เชื่อเธอสินะ คิดว่าเธอจะเอาเรื่องหย่าไปทำลายชื่อเสียงของเขาเพิ่งแต่งงานได้ปีเดียวก็หย่า แถมมันก็ไม่ใช่เรื่องดีเด่อะไร เธอไม่มีทางเอาไปโพนทะนาข้างนอกหรอก“ฉันรับปากว่าจะไม่แพร่งพรายออกไปสักครึ่งคำ ถ้าคุณยังไม่เชื่อก็เพิ่มเข้าไปในข้อตกลงก็ได้”ฮั่วเยี่ยนฉือมองรอยยิ้มหยอกเย้าของเฉียวสือเนี่ยนแล้วรู้สึกขัดตาหลือเกิน “เลิกถ่วงเวลาได้แล้ว เซ็นชื่อ!”พูดอย่างกับว่าเธอจงใจถ่วงเวลาอย่างนั้นแหละเฉียวสือเนี่ยนคร้านจะเถียงกับฮั่วเยี่ยนฉือ คว้าปากกาเซ็นชื่อตัวเองลงไปโดยไม่ลังเลแม้แต่นิด“ตาคุณแล้ว!”เฉียวสือเนี่ยนโยนปากกาและหนังสือข้อตกลงไปยังด้านหน้าฮั่วเยี่ยนฉือที่อยู่อีกฟากหนึ่งของโต๊ะกาแฟในเมื่อให้คนพรินต์เอกสารออกมาแล้ว ทำไมไม่รู้จักเซ็นชื่อลงไปเสียก่อนละ เสียเวลาจริง ๆ !ฮั่วเยี่ยนฉือสัมผัสได้ถึงสายตาค้อนปะหลับปะเหลือกของเฉียวสือเนี่ยน ทว่าเขายังคงอดทนไว้ไม่ระเบิดออกไป อย่างไรเสียอีกเดี๋ยวก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้ว อดทนกับเธออีกหน่อยแล้วกัน!เมื่อคว้าปากกาแล้ว ฮั่วเยี่ยนฉือก
เฉียวสือเนี่ยนลอบหัวเราะอยู่ในใจชาติก่อนเธอต้องทุกข์ทนรอตั้งแปดปี สุดท้ายก็แลกมาได้แค่ใบหย่ากับข่าวการแต่งงานใหม่ของเขากับป๋ายอีอีฮั่วเยี่ยนฉือจะมาตกหลุมรักเธอภายในช่วงเวลาสั้น ๆ สิบกว่าวันได้อย่างไร“ย่าพูดแค่ว่าถ้าหากเยี่ยนฉือได้รับรู้ถึงความดีแล้วหันมารักหนู หนูยังจะหย่ากับเขาอยู่ไหม?” คุณนายใหญ่ฮั่วถามย้ำอีกครั้งเฉียวสือเนี่ยนพยักหน้าอย่างเด็ดเดี่ยวท่ามกลางสายตาคาดหวังของคุณย่า “หย่าค่ะ”ไม่ว่าชาตินี้จะเป็นอย่างไร เธอก็ไม่คิดที่จะเกี่ยวข้องกับฮั่วเยี่ยนฉือในแง่ไหน ๆ อีกความเจ็บปวดจากความรักนั่นน่ะ เธอได้รับมามากพอแล้วเธออยากหนีไปให้ไกลห่างจากฮั่วเยี่ยนฉือ แล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่!……เมื่อออกมาจากห้องโถงของบ้านใหญ่ เฉียวสือเนี่ยนก็พบเข้ากับใบหน้าเย็นชาแลเคร่งขรึมของฮั่วเยี่ยนฉือวุ่นวายกับเรื่องหย่าอยู่ครึ่งค่อนวัน สุดท้ายก็ไม่สำเร็จในสายตาของฮั่วเยี่ยนฉือ คงคิดว่าเธอกับคุณย่าต้องรวมหัวสมรู้ร่วมคิดทำเรื่องนี้ออกมาสินะพอขึ้นรถแล้วต้องหนีไม่พ้นถูกเขาซักไซ้ถามเอาความให้ขายหน้าแน่เฉียวสือเนี่ยนเลยไม่สนใจอะไรเขา และคิดจะเรียกแท็กซี่ไปเอง“ขึ้นรถ!”ฮั่วเยี่ยนฉือมองความ
เมื่อเห็นว่าใครโทรมา สีหน้าของฮั่วเยี่ยนฉือก็พลันอ่อนโยนลงหลายส่วน เขาปัดหน้าจอรับสาย“เยี่ยนฉือ ใกล้ถึงเวลาประชุมที่ป๋อโจวแล้วนะคะ อีกนานไหมกว่าคุณจะถึงที่นี่?”ในรถเงียบกริบ น้ำเสียงอ่อนหวานของป๋ายอีอีดังออกมาจากโทรศัพท์ของฮั่วเยี่ยนฉือ และคำพูดเหล่านั้นก็ทะลุเข้าหูเฉียวสือเนี่ยนครบทุกคำไม่มีขาดตกบกพร่องไม่นานมานี้เขาซื้อธนาคารเพื่อการลุงทุนป๋อโจวมา โดยมีป๋ายอีอีดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการชาติก่อน ป๋ายอีอีทำรายได้ให้ป๋อโจวเป็นกอบเป็นกำ จนได้รับสมญานามว่าราชินีแห่งบริษัทตอนนั้นเธอยอมรับไม่ได้ เพราะอยากเข้าบริษัทตระกูลฮั่ว เพื่อพิสูจน์ความสามารถของตัวเองเหมือนกันทว่ากลับถูกฮั่วเยี่ยนฉือเย้ยหยัน‘เธอจะไปทำงานเนี่ยนะ? เธอรู้จักวิธีเอาตัวรอดในบริษัทหรือไง? ป๋ายอีอีต้องใช้เวลา ทุมแรงกายแรงใจไปตั้งมากมายกว่าจะได้รับการยอมรับจากคณะกรรมการบริษัท แต่เธอคิดจะใช้คำพูดทะเยอทะยานไม่กี่คำมาพิสูจน์ตัวเองเนี่ยนะ?’‘เฉียวสือเนี่ยน ฐานะทางบ้านของป๋ายอีอีไม่ได้มีเท่าเธอ แต่ป๋ายอีอีขยันสร้างความก้าวหน้าให้ตัวเอง ทั้งยังรู้หนังสือรู้มารยาท! ใครจะไปเหมือนเธอ ที่วัน ๆ นอกจากใช้อำนาจรังแกคนอื่นแล้วก็ท
ผู้ชายคนนี้มีหน้าตาหล่อเหลาอย่างร้ายกาจ บนกายสวมใส่ชุดสูททรงสบายๆ สีขาว หากคนทั่วไปใส่ชุดแบบนี้ละก็ ต้องกลายเป็นหายนะทางแฟชั่นแน่ ทว่าเขากลับใส่แล้วกลับให้ความรู้สึกสูงส่ง แลดูภูมิฐานระคนเกียจคร้านมากกว่าเหมือนกับปีศาจร้ายเฉียวสือเนี่ยนรู้สึกคลับคล้ายคลับคลาเหมือนกับเคยเจอคนคนนี้ที่ไหนมาก่อน เพียงแต่ตอนนี้ยังนึกไม่ออก“คุณชายโม่” คนขับรับรีบเรียกผู้ชายคนนั้นทันทีชายผู้ถูกเรียกว่าคุณชายโม่มองตรงไปที่เฉียวสือเนี่ยน“ขอโทษที่ทำให้คุณเสียเวลานะคะ ฉันจะรับผิดชอบทั้งหมดเอง” เฉียวสือเนี่ยนกล่าวขอโทษด้วยความจริงใจได้ยินดังนั้น ชายหนุ่มก็แค่นเสียงหัวเราะชั่วร้ายออกมา“นอกจากค่าซ่อมรถแล้ว ยังมีค่าทำขวัญของผม แล้วก็ค่าเสียเวลาทำงาน—— ซึ่งมีสัญญาธุรกิจราคาหมื่นล้านรอให้ผมไปเซ็นสัญญาอยู่ แต่ตอนนี้ถูกคุณทำให้ล่าช้าไปแล้ว อย่างนั้นก็ให้คุณรับผิดชอบไปด้วยเลยนะ”ได้ฟังคำพูดละโมบราวกับราชสีห์อ้าปากงับเหยื่อของอีกฝ่ายแล้ว เฉียวสือเนี่ยนจึงคลี่ยิ้มบางๆ“คุณชายท่านนี้ ดูสง่าผ่าเผย ร่ำรวยเงินทองและบารมี ที่แท้ก็หากินด้วยการรีดไถเงินชาวบ้านแบบนี้เองสินะคะ”มิน่าเล่าคนขับรถถึงได้ถ่ายรูปเก็บไว้เป
“คุณนายฮั่ว ฉันลืมถามเธอไปหนึ่งคำถาม” โม่ซิวหย่วนเอ่ยอย่างชั่วร้าย ถามเธอเหรอ? โม่ซิวหย่วนยกโทรศัพท์ตนเองขึ้นอย่างตั้งใจ “คุณนายฮั่วคิดว่าระหว่างฉันกับคุณฮั่ว ใครจะชนะพนันกันนะ?” จากท่าทางการยกโทรศัพท์ขึ้นของเขา เฉียวสือเนี่ยนก็เข้าใจทันทีว่าโม่ซิวหยวนหมายถึงอะไร ก่อนหน้าที่เธอริเริ่มเก็บหมายเลขโทรศัพท์ของโม่ซิวหย่วนเอาไว้ และบอกว่าเธอต้องการขอคำแนะนำเพื่อหาเงิน ก็เพราะเธอคิดว่าโม่ซิวหยวนเก่งกว่าฮั่วเยี่ยนฉือ คำถามนั้นของโม่ซิวหยวนไม่เพียงแต่ทำให้เธออับอายเท่านั้น แต่ที่สำคัญกว่าคือต้องการยั่วยุฮั่วเยี่ยนฉือเฉียวสือเนี่ยนหัวเราะออกมาอย่างแผ่วเบา พร้อมเอ่ยพูดหยั่งเชิง “การเดิมพันครั้งนี้ไม่ได้ใช้เพียงความแข็งแกร่งเท่านั้นแต่ยังต้องมีโชคด้วย” “งั้นคุณนายฮั่วคิดว่าโชคชะตาของฉันเป็นอย่างไรล่ะ?” “ฉันบอกไม่ได้หรอกค่ะ แต่ฉันหวังว่าโม่ฉาวฉีจะได้รับชัยชนะอย่างยิ่งใหญ่” โม่ซิวหย่วนยังคงต้องการพูด แต่ฮั่วเยี่ยนฉือกดเลื่อนกระจกรถขึ้นเพื่อตัดจบบทสนทนาระหว่างพวกเขาทั้งคู่ “เธอไปสนิทกับเขาขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่” หลังจากเฉียวสือเนี่ยนหันหน้ากลับมา ฮั่วเยี่ยนฉือก็ไม่รีรอที่จะเอ่
รถของโม่ซิวหย่วนชนเข้ากับตัวกองโคลนปูนขนาดใหญ่บนไหล่ทาง ท้ายรถและตัวรถเองถูกชนจนไม่เหลือรูปทรงเดิมดูเหมือนรถของเขาจะพังยับกว่าฮั่วเยี่ยนฉือ เสียอีก ขณะนี้ เสียงรถพยาบาลก็ดังขึ้น ในไม่ช้าแพทย์ก็นำตัวโม่ซิวหย่วนออกจากรถโดยทันที “ไม่มีอาการบาดเจ็บหรือมีอาการกระดูกแตกหักอย่างชัดเจน เบื้องต้นวินิจฉัยได้ว่าเจ้าตัวปะทะกับถุงลมนิรภัยเข้าอย่างจังจึงทำให้หมดสติ…” หลังจากได้ยินคำพูดของหมอ เฉียวสือเนี่ยนพ่นลมหายใจด้วยความโล่งอกอย่างบอกไม่ถูกในขณะเดียวกันก็น่าแปลกใจ โม่ซิวหยวนและฮั่วเยี่ยนฉือต้องแค้นใจกันมากแค่ไหน เพียงเพราะความขัดแย้งทางธุรกิจ ดันเอาชีวิตมาเสี่ยงกันแบบนี้น่ะเหรอ? ……เฉียวสือเนี่ยนและฮั่วเยี่ยนฉือออกมาจากสถานีตำรวจ ด้านนอกเริ่มมืดแล้ว ได้ยินข่าวมาว่าโม่ซิวหย่วนฟื้นแล้ว ร่างกายไม่ได้รับผลกระทบหนักเท่าไร แต่เขามีอาการกระทบกระเทือนเล็กน้อยหลังจากที่ศีรษะกระแทกพวงมาลัย จึงต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาลอีกสองสามวัน โม่ซิวหย่วนและฮั่วเยี่ยนฉือไม่ได้ติดใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ พวกเขาต่างคนต่างรับผิดชอบในส่วนของตัวเอง เนื่องจากถนนที่เกิดอุบัติเหตุนั้นกว้างและมีรถยนต์
“จะไปไหนของเธอ มาทายาให้ฉันเดี๋ยวนี้!” “ขอโทษนะ พอดีฉันไม่ใช่หมอ และฉันเองก็ไม่ได้มีหน้าที่ที่ต้องทำ” เฉียวสือเนี่ยนปฏิเสธอย่างเย็นชา ฮั่วเยี่ยนฉือยิ่งไม่พอใจมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อครู่เห็นได้ชัดว่าเขาร้อนใจและเป็นกังวลมาก สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปในชั่วพริบตา เปลี่ยนเร็วยิ่งกว่าพลิกหน้าหนังสือ! “นี่ไม่ใช่หน้าที่ของเธองั้นเหรอ ลองคิดให้ดีซิว่าฉันบาดเจ็บเพราะใคร!” เฉียวสือเนี่ยนอยากจะพูดออกมาว่า ถ้าคุณไม่ขับรถชนด้วยความโมโห คงไม่บาดเจ็บแบบนี้หรอก แต่เห็นได้ชัดว่าฮั่วเยียนฉือต้องการจะคิดบัญชีกับเธอ และเฉียวสือเนี่ยนก็ไม่มีอารมณ์จะโต้เถียงกับเขาอีกแล้ว แค่ทายาเอง ใช้เวลาครู่เดียว ป้าหวังนำกล่องยามาให้ เฉียวสือเนี่ยนขมวดคิ้วก่อนจะหยิบสำลีและแอลกฮอล์ขึ้นมา “คุณผู้ชาย คุณผู้หญิง ป้าไปทำธุระก่อน มีอะไรเรียกป้านะคะ” ป้าหวังไปแล้ว เฉียวสือเนี่ยนจึงเริ่มรักษาบาดแผลของฮั่วเยี่ยนฉือ แม้ว่ารอยขีดข่วนของเขาจะไม่ได้ร้ายแรง แต่เนื้อหนังของเขาก็ถูกเปิดเผยหลายที่ แถมเลือดก็ไหลออกมาไม่น้อย แอลกอฮอล์สัมผัสลงบาดแผล ฮั่วเยี่ยนฉือรู้สึกแสบ แต่เขาทำเพียงขมวดคิ้ว ไม่ส่งเสียงใด ๆ เฉียวสือเนี