Share

บทที่ 9 คนมั่งมีผู้พิถีพิถัน

เมื่อเห็นว่าใครโทรมา สีหน้าของฮั่วเยี่ยนฉือก็พลันอ่อนโยนลงหลายส่วน เขาปัดหน้าจอรับสาย

“เยี่ยนฉือ ใกล้ถึงเวลาประชุมที่ป๋อโจวแล้วนะคะ อีกนานไหมกว่าคุณจะถึงที่นี่?”

ในรถเงียบกริบ น้ำเสียงอ่อนหวานของป๋ายอีอีดังออกมาจากโทรศัพท์ของฮั่วเยี่ยนฉือ และคำพูดเหล่านั้นก็ทะลุเข้าหูเฉียวสือเนี่ยนครบทุกคำไม่มีขาดตกบกพร่อง

ไม่นานมานี้เขาซื้อธนาคารเพื่อการลุงทุนป๋อโจวมา โดยมีป๋ายอีอีดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ

ชาติก่อน ป๋ายอีอีทำรายได้ให้ป๋อโจวเป็นกอบเป็นกำ จนได้รับสมญานามว่าราชินีแห่งบริษัท

ตอนนั้นเธอยอมรับไม่ได้ เพราะอยากเข้าบริษัทตระกูลฮั่ว เพื่อพิสูจน์ความสามารถของตัวเองเหมือนกัน

ทว่ากลับถูกฮั่วเยี่ยนฉือเย้ยหยัน

‘เธอจะไปทำงานเนี่ยนะ? เธอรู้จักวิธีเอาตัวรอดในบริษัทหรือไง? ป๋ายอีอีต้องใช้เวลา ทุมแรงกายแรงใจไปตั้งมากมายกว่าจะได้รับการยอมรับจากคณะกรรมการบริษัท แต่เธอคิดจะใช้คำพูดทะเยอทะยานไม่กี่คำมาพิสูจน์ตัวเองเนี่ยนะ?’

‘เฉียวสือเนี่ยน ฐานะทางบ้านของป๋ายอีอีไม่ได้มีเท่าเธอ แต่ป๋ายอีอีขยันสร้างความก้าวหน้าให้ตัวเอง ทั้งยังรู้หนังสือรู้มารยาท! ใครจะไปเหมือนเธอ ที่วัน ๆ นอกจากใช้อำนาจรังแกคนอื่นแล้วก็ทำอะไรไม่เป็นเลยสักอย่าง!’

‘……’

“ได้ เอาแบบนั้นแหละ”

ฮั่วเยี่ยนฉือวางสาย

เฉียวสือเนี่ยนเองก็หลุดออกมาจากความทรงจำเช่นกัน

ใบหน้าของฮั่วเยี่ยนฉือในชาติก่อนและปัจจุบันซ้อนทับกัน อยู่ ๆ เฉียวสือเนี่ยนพลันสัมผัสได้ว่าอากาศในรถเบาบางลง

“ผู้ช่วยโจว รบกวนจอดรถข้างทางหน่อยได้ไหมคะ ฉันอยากลงจากรถ”

“คุณผู้หญิงครับ แถวนี้เรียกรถยาก นั่งไปบริษัทกับท่านประธานฮั่วก่อน แล้วผมค่อยไปส่งคุณผู้หญิงอีกทีดีไหมครับ?”

“ไม่ต้องหรอกค่ะ ให้ฉันลงตรงนี้ก็พอ”

เฉียวสือเนี่ยนไม่อยากอยู่กับฮั่วเยี่ยนสือนานไปกว่านี้ จะนานกว่าสักหนึ่งนาทีก็ไม่เอา

โจวเทียนเฉิงไม่ได้รีบจอดรถแต่อย่างใด ทว่ากลับมองฮั่วเยี่ยนฉือผ่านกระจกหลัง รอคอยคำสั่งของเขา

ฮั่วเยี่ยนฉือเห็นท่าทางทนไม่ได้ของเฉียวสือเนี่ยนแล้ว โทสะพลันปะทุขึ้นมาในใจอีกครั้ง “จอดรถ ให้เธอลงไปเสีย!”

โจวเทียนเฉิงจอดรถเทียบข้างทางตามคำบัญชา

เฉียวสือเนี่ยนลงจากรถโดยไม่ลังเล แล้วเหวี่ยงปิดประตูรถ

“เฉียวสือเนี่ยน ถ้าเธอกล้าเอาเรื่องย่าฉันมาล้อเล่นอีกละก็ ฉันไม่เอาเธอไว้แน่!”

เฉียวสือเนี่ยนทำเป็นไม่ได้ยินคำเตือนของฮั่วเยี่ยนฉือ มุ่งเดินหน้าต่อไปโดยไม่หันหลังกลับไปมอง

ฮั่วเยี่ยนฉือโกรธขึ้งจนพูดไม่ออก สะบัดหน้ากลับไปทางโจวเทียนเฉิงพร้อมกล่าวด้วยความโมโห “ยังไม่ออกรถอีก ต้องรอให้ฟ้ามืดก่อนหรือไง?”

โจวเทียนเฉิง “……”

เฉียวสือเนี่ยนเรียกรถจากโทรศัพท์ ถึงแม้จะต้องจ่ายเงินเพิ่มเพราะระยะทางที่ไกล แต่เธอก็สบายใจเหลือเกิน

เธอนั่งรถไปที่โรงพยาบาลก่อน ทำการตรวจสุขภาพที่นั่น โดยเน้นไปที่กระเพาะเป็นพิเศษ

ความเจ็บปวดจากโรคมะเร็งกระเพาะนั้นทรมานเกินไป ชาตินี้เธอจะต้องดูแลรักษาสุขภาพร่างกายให้ดี เพื่อขัดขวางโอกาสที่จะเกิดมะเร็งให้ได้ทุกทาง

ต้องรออีกสองสามวันผลตรวจถึงจะออก เฉียวสือเนี่ยนจึงกลับไปยังวิลลาหลงเถิง

กระเป๋าที่เธอเก็บของไว้เมื่อคืน ถูกป้าหวังนำของด้านในกลับไปวางไว้ที่เดิมเรียบร้อย

“คุณผู้หญิง วันนี้คุณผู้ชายจะกลับมาไหมคะ? จะให้เก็บของบางส่วนกลับเข้าไปหรือเปล่าคะ?” ป้าหวังเอ่ยถามอย่างระแวดระวัง

เฉียวสือเนี่ยน “……”

ฉะนั้นแล้วในสายตาป้าหวัง คงคิดว่าที่เมื่อวานเธอเก็บของใส่กระเป๋าแล้วไปหย่านั้น เป็นเพราะรู้ว่าฮั่วเยี่ยนฉือต้องกลับมาแน่นอน ก็เลยจงใจแสดงละครให้เขาดูสินะ?

หมดสิ้นคำจะเอื้อนเอ่ย เฉียวสือเนี่ยนตัดป้าหวังออกจากรายชื่อผู้ต้องสงสัยที่นำความลับไปบอกคุณย่าอยู่ในใจ

ใครกันนะที่ปากมาก?

อยากจะลากตัวออกมาตีเสียให้เข็ด

อีกเพียงนิดเดียวเธอก็จะตัดขาดกับฮั่วเยี่ยนฉือได้อยู่แล้วเชียว!

เธอตกปากรับคำคุณย่าไว้แล้ว เธอจะย้ายออกไปจากวิลล่าหลงเถิงไม่ได้ก่อนหย่าขาด ทำได้เพียงต้องอยู่ที่นี่ต่อเป็นการชั่วคราวเท่านั้น

……

หลังจากตื่นนอนในวันรุ่งขึ้น เฉียวสือเนี่ยนตัดสินใจไปเรียนขับรถ

ใบขับขี่ของเธอได้มาก็ตั้งแต่จบมัธยมปลายแล้ว ตอนนี้ก็ไม่ได้แตะรถมาตั้งหลายปี จึงลืมวิธีขับไปหมดแล้ว

เพื่อที่ต่อไปจะได้เข้าออกได้สะดวก เธอจะต้องรื้อฟื้นทักษะนี้กลับคืนมาให้ได้เสียก่อน

ในมุมหนึ่งของโรงจอดรถมีรถมาเซราติที่คุณตามอบให้ตอนเธอแต่งงาน ทว่าเธอทำใจเอามาขับไม่ได้

ยิ่งดูจากฝีมือของเธอในตอนนี้แล้ว ถ้าเกิดไปขูดหรือไปชน ต้องใจสลายแน่

ดังนั้นเธอเลยเลือกรถของฮั่วเยี่ยนฉือมาส่งเดชสักคัน ขับออกไปด้วยทักษะที่ยังหลงเหลืออยู่

ไม่ง่ายเลยกว่าจะขับขึ้นถนนมาได้ เฉียวสือเนี่ยนไม่กล้าขับไปทางเขตเมืองที่ผู้คนหนาแน่น เลยเลือกขับช้า ๆ ไปทางที่ค่อนข้างสงบแทน

เธอรู้สึกเริ่มชินมือมากขึ้นในช่วงบ่ายที่เธอออกไปขับอีกครั้ง จึงเร่งความเร็วกว่าตอนขับช่วงเช้า

มีทางเลี้ยวโค้วอยู่ข้างหน้า ขณะที่เฉียวสือเนี่ยนกำลังคิดอยากจะเลี้ยวไปนั้น ลูกหมาตัวหนึ่งก็วิ่งพรวดออกมา ทำให้เธอตกใจจนหักพวงมาลัยไปอีกทาง

เสียง “โครม” ดังสนั่น เธอชนเข้ากับรถคันหนึ่งที่ขับอยู่บนถนนสายหลัก

เห็นสีแลคเกอร์เป็นมันวาว พร้อมกับตรารถแวววาวเป็นประกายของอีกฝ่ายแล้ว คิ้วทั้งสองข้างของเฉียวสือเนี่ยนพลันเลิกขึ้นด้วยความตื่นตระหนก ——

แพ้ตั้งแต่ยกแรกเลย ดันมาชนเข้ากับรถหรูเสียได้

โชคดีที่สังหรณ์ใจไม่ได้ขับรถของตัวเองออกมา ไม่อย่างนั้นได้เละแน่

คนขับรถคันข้างหน้าลงจากรถมาแล้ว เธอเองก็รีบลงไปเช่นกัน

“ขอโทษนะคะ เมื่อกี้ฉันไม่ทันสังเกต……”

อีกฝ่ายไม่ได้สนใจคำขอโทษของเธอเลยแม้แต่น้อย เอาแต่ตั้งอกตั้งใจถ่ายรูปเก็บไว้เป็นหลักฐาน พร้อมกับโทรแจ้งความ ราวกับว่าเกิดเรื่องแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว

“ทำไมถึงได้ช้านักนะ?” น้ำเสียงหงุดหงิดดังออกมาจากด้านในรถ

“ขอโทษครับคุณชายโม่ ประเดี๋ยวก็เรียบร้อยแล้วครับ”

หลังคนขับรถตอบกลับด้วยความเคารพยำเกรงเสร็จ ก็หันมากล่าวกับเฉียวสือเนี่ยน “รบกวนเอาใบขับขี่ออกมาให้ผมถ่ายรูปไว้ด้วยครับ แล้วก็กรุณาทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ด้วยนะครับ อีกเดี๋ยวจะมีทนายความติดต่อไปครับ”

คนมีเงินเดี๋ยวนี้เขาจัดการอุบัติเหตุจราจรกันพิถีพิถันกันขนาดนี้แล้วเหรอ?

เฉียวสือเนี่ยนคว้าใบขับขี่ออกมาจากในรถแล้วยื่นให้

“เจ้าของรถชื่อฮั่วเยี่ยนฉือ รถคันนี้ไม่ใช่ของคุณนี่ครับ?”

“ของสามีฉันค่ะ ส่วนนี่เบอร์โทรศัพท์ของฉัน”

เฉียวสือเนี่ยนยื่นกระดาษที่เขียนเบอร์โทรศัพท์ของเธอไปให้

“นี่นามบัตรของทนายครับ เขา……”

“เดี๋ยวก่อน”

เฉียวสือเนี่ยนกำลังคิดจะเอื้อมมือไปรับนามบัตร ประตูรถด้านหลังก็เปิดออก ขาเรียวยาวของผู้ชายคนหนึ่งก้าวลงมาจากรถ

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status