“คุณนายฮั่ว ฉันลืมถามเธอไปหนึ่งคำถาม” โม่ซิวหย่วนเอ่ยอย่างชั่วร้าย ถามเธอเหรอ? โม่ซิวหย่วนยกโทรศัพท์ตนเองขึ้นอย่างตั้งใจ “คุณนายฮั่วคิดว่าระหว่างฉันกับคุณฮั่ว ใครจะชนะพนันกันนะ?” จากท่าทางการยกโทรศัพท์ขึ้นของเขา เฉียวสือเนี่ยนก็เข้าใจทันทีว่าโม่ซิวหยวนหมายถึงอะไร ก่อนหน้าที่เธอริเริ่มเก็บหมายเลขโทรศัพท์ของโม่ซิวหย่วนเอาไว้ และบอกว่าเธอต้องการขอคำแนะนำเพื่อหาเงิน ก็เพราะเธอคิดว่าโม่ซิวหยวนเก่งกว่าฮั่วเยี่ยนฉือ คำถามนั้นของโม่ซิวหยวนไม่เพียงแต่ทำให้เธออับอายเท่านั้น แต่ที่สำคัญกว่าคือต้องการยั่วยุฮั่วเยี่ยนฉือเฉียวสือเนี่ยนหัวเราะออกมาอย่างแผ่วเบา พร้อมเอ่ยพูดหยั่งเชิง “การเดิมพันครั้งนี้ไม่ได้ใช้เพียงความแข็งแกร่งเท่านั้นแต่ยังต้องมีโชคด้วย” “งั้นคุณนายฮั่วคิดว่าโชคชะตาของฉันเป็นอย่างไรล่ะ?” “ฉันบอกไม่ได้หรอกค่ะ แต่ฉันหวังว่าโม่ฉาวฉีจะได้รับชัยชนะอย่างยิ่งใหญ่” โม่ซิวหย่วนยังคงต้องการพูด แต่ฮั่วเยี่ยนฉือกดเลื่อนกระจกรถขึ้นเพื่อตัดจบบทสนทนาระหว่างพวกเขาทั้งคู่ “เธอไปสนิทกับเขาขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่” หลังจากเฉียวสือเนี่ยนหันหน้ากลับมา ฮั่วเยี่ยนฉือก็ไม่รีรอที่จะเอ่
รถของโม่ซิวหย่วนชนเข้ากับตัวกองโคลนปูนขนาดใหญ่บนไหล่ทาง ท้ายรถและตัวรถเองถูกชนจนไม่เหลือรูปทรงเดิมดูเหมือนรถของเขาจะพังยับกว่าฮั่วเยี่ยนฉือ เสียอีก ขณะนี้ เสียงรถพยาบาลก็ดังขึ้น ในไม่ช้าแพทย์ก็นำตัวโม่ซิวหย่วนออกจากรถโดยทันที “ไม่มีอาการบาดเจ็บหรือมีอาการกระดูกแตกหักอย่างชัดเจน เบื้องต้นวินิจฉัยได้ว่าเจ้าตัวปะทะกับถุงลมนิรภัยเข้าอย่างจังจึงทำให้หมดสติ…” หลังจากได้ยินคำพูดของหมอ เฉียวสือเนี่ยนพ่นลมหายใจด้วยความโล่งอกอย่างบอกไม่ถูกในขณะเดียวกันก็น่าแปลกใจ โม่ซิวหยวนและฮั่วเยี่ยนฉือต้องแค้นใจกันมากแค่ไหน เพียงเพราะความขัดแย้งทางธุรกิจ ดันเอาชีวิตมาเสี่ยงกันแบบนี้น่ะเหรอ? ……เฉียวสือเนี่ยนและฮั่วเยี่ยนฉือออกมาจากสถานีตำรวจ ด้านนอกเริ่มมืดแล้ว ได้ยินข่าวมาว่าโม่ซิวหย่วนฟื้นแล้ว ร่างกายไม่ได้รับผลกระทบหนักเท่าไร แต่เขามีอาการกระทบกระเทือนเล็กน้อยหลังจากที่ศีรษะกระแทกพวงมาลัย จึงต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาลอีกสองสามวัน โม่ซิวหย่วนและฮั่วเยี่ยนฉือไม่ได้ติดใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ พวกเขาต่างคนต่างรับผิดชอบในส่วนของตัวเอง เนื่องจากถนนที่เกิดอุบัติเหตุนั้นกว้างและมีรถยนต์
“จะไปไหนของเธอ มาทายาให้ฉันเดี๋ยวนี้!” “ขอโทษนะ พอดีฉันไม่ใช่หมอ และฉันเองก็ไม่ได้มีหน้าที่ที่ต้องทำ” เฉียวสือเนี่ยนปฏิเสธอย่างเย็นชา ฮั่วเยี่ยนฉือยิ่งไม่พอใจมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อครู่เห็นได้ชัดว่าเขาร้อนใจและเป็นกังวลมาก สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปในชั่วพริบตา เปลี่ยนเร็วยิ่งกว่าพลิกหน้าหนังสือ! “นี่ไม่ใช่หน้าที่ของเธองั้นเหรอ ลองคิดให้ดีซิว่าฉันบาดเจ็บเพราะใคร!” เฉียวสือเนี่ยนอยากจะพูดออกมาว่า ถ้าคุณไม่ขับรถชนด้วยความโมโห คงไม่บาดเจ็บแบบนี้หรอก แต่เห็นได้ชัดว่าฮั่วเยียนฉือต้องการจะคิดบัญชีกับเธอ และเฉียวสือเนี่ยนก็ไม่มีอารมณ์จะโต้เถียงกับเขาอีกแล้ว แค่ทายาเอง ใช้เวลาครู่เดียว ป้าหวังนำกล่องยามาให้ เฉียวสือเนี่ยนขมวดคิ้วก่อนจะหยิบสำลีและแอลกฮอล์ขึ้นมา “คุณผู้ชาย คุณผู้หญิง ป้าไปทำธุระก่อน มีอะไรเรียกป้านะคะ” ป้าหวังไปแล้ว เฉียวสือเนี่ยนจึงเริ่มรักษาบาดแผลของฮั่วเยี่ยนฉือ แม้ว่ารอยขีดข่วนของเขาจะไม่ได้ร้ายแรง แต่เนื้อหนังของเขาก็ถูกเปิดเผยหลายที่ แถมเลือดก็ไหลออกมาไม่น้อย แอลกอฮอล์สัมผัสลงบาดแผล ฮั่วเยี่ยนฉือรู้สึกแสบ แต่เขาทำเพียงขมวดคิ้ว ไม่ส่งเสียงใด ๆ เฉียวสือเนี
“ฉันได้ยินว่าฮั่วเยี่ยนฉือบาดเจ็บ เลยมาดูสักหน่อย สือเนี่ยน เธออย่าเข้าใจผิดไปนะ!” ป๋ายอีอีเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างได้ รีบอธิบายอย่างทันที “คือฉันมีเอกสารที่ต้องเอามาให้เยี่ยนฉือเซ็น ฉันไปห้องทำงานของเข าจึงได้ยินผู้ช่วยพิเศษโจวบอกว่าเขาบาดเจ็บ เยี่ยนฉือไม่ได้เป็นคนบอกฉันเองนะคะ!” เธอพูดอะไรแล้วหรือยัง ถึงบอกให้เธออย่าเข้าใจผิด เฉียวสือเนี่ยนกระตุกยิ้มขึ้นเอ่ย “คุณป๋าย ฉันขอแนะนำอะไรคุณสักอย่าง “ถ้าคุณไม่อยากให้คนอื่นเข้าใจผิด ก็อย่าทำเรื่องที่ชวนให้เข้าใจผิดสิคะ” “เช่น ถ้าคุณรู้ว่าผู้ชายคนนี้มีภรรยา และถ้าภรรยาของเขาไม่ได้เชิญคุณมา ก็อย่ามาบ้านของเขาตามลำพัง” “ในเมื่อมาบ้านของอื่น ก็ต้องมีความตระหนักรู้ในตนเองด้วย เมื่อมานั่งกับสามีของคนอื่น ก็ควรรักษาระยะห่างทางสังคมสักนิด” เมื่อป๋ายอีอีได้ยินอย่างนั้น ใบหน้าของเธอก็แดงขึ้นเล็กน้อย และรีบขยับไปนั่งริมโซฟาแทน “สือเนี่ยน ฉัน……” “อย่าเรียกชื่อฉันอย่างสนิทสนมแบบนั้น” เฉียวสือเนี่ยนตัดบทสนทนาของเธอ “ฉันกับคุณป๋ายไม่ได้สนิทกันมากถึงขั้นเรียกชื่อแต่ไม่มีแซ่” “ถ้าคุณไม่อยากเรียกฉันว่าคุณนายฮั่ว ก็เรียกฉันว่าคุณเฉียวเถอะค่ะ”
ฮั่วเยี่ยนฉือสวมเสื้อสูทสีดำ รูปร่างหน้าตาของเขาหล่อเหลาและสง่า กำลังเดินย่างกายเข้ามา เขามาได้อย่างไร? เมื่อเจอเธอ ดวงตาของฮั่วเยี่ยนฉือดูเย็นชาลงเล็กน้อย ราวกับเขาพยายามข่มอารมณ์ของตัวเองไว้ ทำไมถึงทำหน้าแบบนั้น หรือว่ายังโกรธเรื่องเมื่อเช้าอยู่? “คุณตาครับ” ขณะที่เฉียวสือเนี่ยนกำลังสงสัย ฮั่วเยี่ยนฉือก็ทักทายคุณตาของเธออย่างนอบน้อม “เยี่ยนฉือมาแล้วเหรอ หิวไหม รีบนั่งเถอะ มากินข้าวด้วยกัน พวกเรากำลังรอหลานอยู่เลย!” คุณตาเอ่ยทักทายเขาน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความรัก “หลานนั่งข้างเนี่ยนเนี่ยนเถอะ ปลาเก๋านึ่งที่หลานชอบวางอยู่ตรงนั้นพอดี” ได้ยินอย่างนั้น เฉียวสือเนี่ยนจึงดันจานปลาเก๋านึ่งให้มาอยู่ตรงกลางแทน “ไปนั่งตรงข้ามนู่น” “เนี่ยนเนี่ยน ทำอะไรของหลานน่ะ ทำไมทำตัวเสียมารยาทขนาดนี้”หลังจากเฉียวตงไฮ่เอ่ยตำหนิเธอ เขาก็หันมาพูดกับฮั่วเยี่ยนฉืออย่างไม่มีทางเลือก “เยี่ยนฉือ เนี่ยนเนี่ยนเด็กคนนี้โดนฉันโอ๋จนเสียนิสัย เลยเอาแต่ใจไปหน่อย”“หลานให้อภัยเธอหน่อยนะ อย่าคิดเล็กคิดน้อยเลย ที่จริงเธอเป็นคนที่จิตใจดีมากเลยนะ” ฮั่วเยี่ยนฉือไม่ได้โต้แย้งเฉียวตงไฮ่ เพียงนั่งลงตรงข้า
“เธอดูเอาเอง!”ฮั่วเยี่ยนฉือโยนโทรศัพท์ให้เธอเฉียวสือเนี่ยนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา บนหน้าจอฉายวิดิโอจากกล้องวงจรปิดสถานที่ดูเหมือนจะเป็นโรงรถ มีผู้ชายสองคนสวมหมวกและหน้ากากอนามัย ด้อม ๆ มอง ๆ อย่างน่าสงสัยอยู่ที่มุมตึกไม่นาน ป๋ายอีอีที่สวมชุดสูทก็มาถึงลานจอดรถหลังกดล็อครถ ผู้ชายสองคนนั้นก็พุ่งเข้าหาเธออย่างรวดเร็วคนหนึ่งปิดปาก อีกคนหนึ่งเปิดประตู ลากป๋ายอีอีเข้าไปในรถ และขับออกไปอย่างรวดเร็ว!“คุณป๋ายถูกพาไปที่ไหน ตอนนี้หาเจอหรือยังคะ?”เฉียวสือเนี่ยนใบหน้าดูจริงจัง ฮั่วเยี่ยนฉือจึงอดกลั้นไว้ และเอ่ย “หลังจากพวกเขาจับป๋ายอีอีขึ้นรถ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่อยู่ในห้องกล้องวงจรปิด ก็พบว่ามีความผิดปกติ จึงสกัดกั้นเอาไว้ได้ทัน”เฉียวสือเนี่ยนหัวเราะเยาะ “น่าสนใจจริง ๆ ชายสองคนไปจับตัวเธออย่างนั้น แต่กลับเลือกสถานที่ที่มีกล้องวงจรปิด เพื่อรอให้คนพบเห็น”“เฉียวสือเนี่ยน ท่าทางแบบนี้หมายความว่าอย่างไร?”ฮั่วเยี่ยนฉือโมโหจัด “ช่วงที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยช่วยป๋ายอีอีออกมาจากรถ มีเทปปิดที่ปากของเธอ แขนทั้งสองข้างก็ถูกมัดไว้ หากไม่พบทันเวลา อาจเกิดเรื่องไม่คาดฝันตามมาก็ได้!”
หัวเราะอยู่ดี ๆ น้ำตาของเฉียวสือเนี่ยนก็ไหลออกมาฉากที่ถูกทุบตี ดุด่า และถูกทรมานในตอนที่ป่วยทางจิตเมื่อชาติก่อน วาบผ่านอยู่ตรงหน้าอย่างไม่ขาดสายพยาบาลรับจ้างที่ดูแลเธอดูเหมือนจะแข็งแกร่ง จนสามารถดึงผมและลากเธออกไปได้แล้วก็ยังสามารถคว่ำโจ๊กเพียงชามเดียวของเธอด้วยฝ่ามือเดียวแถมตอนที่เธอปฏิเสธจะกินยา ก็บีบปากของเธออย่างรุนแรง บังคับยัดยาเข้าไปในลำคอของเธอ...เฉียวสือเนี่ยนคิดมาตลอดว่าโรงพยาบาลจิตเวชตั้งใจให้พยาบาลรับจ้างทรมานเธอ เพื่อเอาใจฮั่วเยี่ยนฉือแต่เธอคิดไม่ถึงเลยว่า ผู้หญิงที่ราวกับปีศาจในชาติก่อนคนนั้น กลับกลายเป็นญาติของป๋ายอีอี!ดังนั้น เมื่อชาติก่อนตอนที่เธออยู่โรงพยาบาลจิตเวชอย่างน่าเวทนาเช่นนั้น จึงล้วนแล้วแต่เป็นฝีมือของป๋ายอีอีเมื่อนึกถึงตัวเองได้รับการกระทำที่โหดร้าย และทุกข์ทรมานจากมะเร็งกระเพาะอาหารเหล่านั้น เฉียวสือเนี่ยน แทบอยากจะบีบคอป๋ายอีอีให้ตายในทันทีทำไมเธอถึงได้โหดเหี้ยมแบบนี้!เห็นได้ชัดว่าฮั่วเยี่ยนฉือรักเธอขนาดนั้นแล้วเห็นได้ชัดว่าเพื่อเธอแล้ว ฮั่วเยี่ยนฉือถึงกับส่งเธอเข้าโรงพยาบาลจิตเวชทำไมป๋ายอีอีถึงยังไม่ยอมปล่อยเธอไป และต้องใช้วิธีการ
เมื่อฮั่วเยี่ยนฉือเดินมาถึงชั้นล่าง ก็ไม่เห็นเฉียวสือเนี่ยนแล้ว“ท่านประธาน คุณผู้หญิงนั่งรถกลับไปแล้วครับ” คนขับรถแจ้งให้ทราบอย่างระมัดระวังฮั่วเยี่ยนฉือเม้มริมฝีปากล่าง จากนั้นก็ให้คนขับรถกลับไปที่วิลลาหลงเถิงเมื่อเห็นรองเท้าของเฉียวสือเนี่ยนอยู่ที่ประตู เขาก็เดินขึ้นชั้นสองไปห้องของเฉียวสือเนี่ยนปิดสนิท และภายในก็ไม่ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวใด ๆฮั่วเยี่ยนฉือหยุดลง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เคาะประตูวันถัดไป เมื่อฮั่วเยี่ยนฉือออกกำลังกายเสร็จ ก็เดินลงมาชั้นล่าง และป้าหวังก็ได้เตรียมมื้อเช้าไว้พร้อมแล้วเมื่อเขานั่งลงที่โต๊ะอาหาร ก็เหลือบมองไปที่ชั้นสอง “ไปเรียกเธอตื่นมารับประทานอาหารเช้าสิ”ป้าหวังตอบกลับตามระเบียบ “คุณผู้ชาย คุณผู้หญิงออกไปแล้วค่ะ”ออกไปแล้วเหรอ?เมื่อวานเขาตั้งใจจะให้เวลาเฉียวสือเนี่ยนใจเย็นลง และคิดจะรอจนถึงเช้าค่อยถามเธอว่าเป็นอย่างไรบ้างสุดท้ายตอนเช้าตรู่แบบนี้ นึกไม่ถึงเลยว่าเธอจะออกไปแล้ว?“เธอไปไหน?”ป้าหวังส่ายหน้า “ดิฉันก็ไม่ทราบค่ะ คุณผู้หญิงไม่ได้บอกไว้”“แม้แต่อาหารเช้าคุณผู้หญิงก็ไม่ได้รับประทาน ดูเหมือนจะมีเรื่องสำคัญต้องไปทำนะคะ” ป้าหวังเอ