“ลืมไปเลยว่าได้แต้ม B ก็เท่ากับว่ามีพลังที่เพิ่มมากขึ้น แล้วไม่ได้แต้ม B แค่จากการฆ่าพี่ชายสักหน่อย แบบนี้ฉันก็ได้เพิ่มอีกสิเนี่ย”
การลงมือปลิดชีพคนซึ่งเกิดขึ้นติดต่อกัน 2 ครั้ง แน่นอนว่าอาคุมุนั้นมีแต้ม B ที่มากขึ้น แต่เหตุการณ์นั้นมันมีมาติด ๆ กันจึงทำให้เขาลืมเรื่องผลที่ได้รับ ซึ่งก็คือพลังที่เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว
“อยากรู้ชะมัดว่าจริง ๆ แล้วได้มาเท่าไหร่”
ว่าแล้วอาคุมุก็ดึงแขนเสื้อขึ้น เผยให้เห็นตัวเลขบนหัวไหล่ของเขา ซึ่งตัวเลขที่ปรากฏนั้นไม่ใช่ตัวเลขทุกตัว แต่ปรากฏเป็นค่า k(kilo) [1]
“หืม... 3k(3,000) งั้นเหรอ? มันเป็นเพราะหัวไหล่ฉันเล็กไปหรือเปล่านะเลขถึงเป็นแบบนี้”
ในตอนนี้อาคุมุนั้นมีแต้ม B อยู่ที่ 3,000 แต้ม ซึ่งมันเป็นตัวเลขที่สูงมากสำหรับเด็กอายุ 6 ปี แน่นอนว่าสำหรับผู้ใหญ่บางคนมันก็ยังคงเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างสูงมากเช่นเดิม เนื่องจากในกลุ่มของชาวบ้านธรรมดา การทำอะไรก็ตามเพื่อที่จะได้รับแต้ม B นั้นไม่ค่อยจะเกิดขึ้นกับกลุ่มคนเหล่านี้สักเท่าไร
“ทั้ง 2 ศพเลยเหรอลูก? มีดของพ่อด้วย รู้ได้ไงว่าห้องพ่อมีมีดล่ะเนี่ย”
“พ.. พ่อ?!”
แต่อาคุมุยังไม่ทันได้ทำอะไรไปมากกว่านั้น ก็พบว่าอิซามุนั้นเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างที่เขาเป็นคนลงมือตั้งแต่ต้นจนจบ
...ลูกชายฆ่ากันเองโดยที่ผู้เป็นน้องลงมือกับผู้เป็นพี่ชายซึ่งมีสายเลือดเดียวกัน...
“คือว่า...” อาคุมุก็ยังไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรไปมากกว่านั้น อิซามุก็พูดแทรกขึ้นมาในทันที
“มันเกิดขึ้นและผ่านไปแล้วก็ไม่ต้องไปคิดมาก ในเมื่อพ่อไม่สามารถปลูกฝังให้ลูกทำตามตั้งแต่ตอนแรกคือเป็นคนดีได้ พ่อคงต้องกลายเป็นคนที่ไม่มีตัวตนและต้องอยู่ห่างจากลูกซะก่อน”
คำพูดแปลก ๆ ของอิซามุนั้นทำให้อาคุมุงุนงงในทันที ซึ่งสีหน้าท่าทางรวมถึงคำพูดของเขานั้นไม่ได้แสดงถึงความโกรธหรือผิดหวังแต่อย่างใด มากไปกว่านั้นคือเขาทำเหมือนกับว่ามันเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย
“พ่อหมายถึง.. อะไรเหรอครับ? ผมไม่เข้าใจ” อาคุมุถามกลับไปด้วยความสงสัย
“พ่อยังไม่สามารถบอกอะไรได้ ตอนนี้สิ่งที่พ่ออยากให้ลูกทำ... คือใช้มีดนั่นฆ่าพ่อแล้วไปจากที่นี่ หยิบเสื้อคลุมสีดำตรงนั้นแล้วก็ชุดไปเปลี่ยนด้วย” นั่นคือสิ่งที่อิซามุตอบกลับมา ซึ่งนั่นก็ยิ่งทำให้อาคุมุนั้นไม่เข้าใจกับสถานการณ์ในตอนนี้มากกว่าเดิม
“นี่มันคืออะไรกันแน่ครับพ่อ?”
“ฟังพ่อนะ จำเอาไว้ว่าพ่อนั้นตายแล้ว ลูกจะต้องหนีไปจากที่นี่ เมืองที่เราอยู่ตอนนี้มันเล็กเกินไปแต่แน่นอนว่าจักรวรรดินี้มันใหญ่มาก ลูกต้องเข้าเมืองใหญ่และหาที่อยู่ให้ได้ สักวันหนึ่งลูกจะรู้คำตอบเอง แต่ตอนนี้รีบ ๆ ลงมือได้แล้ว” สิ้นเสียงของอิซามุ อาคุมุจึงคว้ามีดขึ้นมาในทันที
“ถึงแม้ผมจะยังมีคำถามมากมายเต็มไปหมด แล้วก็ยังไม่เข้าใจสถานการณ์ตอนนี้ด้วย แต่ผมจะเชื่อที่พ่อบอกแล้วกันนะครับ ลาก่อนครับพ่อ” ว่าแล้วเขาก็ใช้มีดสั้นที่อยู่ในมือนั้นแทงเข้าไปที่หน้าท้องของอิซามุทันที แต่ก็ได้มีสิ่งที่แปลกประหลาดเกิดขึ้นอีกครั้ง
“เอ๊ะ?! นี่มันคืออะไร? ทำไมเปลวไฟถึงได้...”
หลังจากที่อาคุมุนั้นแทงมีดเข้าไปที่หน้าท้องของอิซามุ ร่างของอิซามุที่ค่อย ๆ ล้มลงก็ได้เกิดเปลวไฟปะทุขึ้นมาราวกับว่ามันกำลังจะแผดเผาร่างนั้น แต่ที่มากไปกว่านั้นคือร่างของเก็นและร่างของชายวัยกลางคนที่อาคุมุลงมือปลิดชีพก็ได้เกิดเปลวไฟแบบเดียวกัน แผดเผาทั้งสามร่างไปพร้อม ๆ กัน
“ทั้งคำพูดแปลก ๆ แล้วก็ยังมีอะไรแปลก ๆ แบบนี้อีก เขาเป็นใครกันแน่นะ” สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ทำให้อาคุมุนั้นสงสัยในตัวตนของอิซามุมากขึ้นแบบทวีคูณ ซึ่งเดิมทีเขาก็มีความสงสัยในตัวของอิซามุอยู่แล้ว แต่ยังมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก เขาจึงอดใจคิดสงสัยไม่ได้เป็นแน่แท้
“ลงมือฆ่าครั้งที่ 3 เหมือนไม่ใช่การฆ่าเลยแฮะ เลือดสักหยดก็ยังไม่มี แต่กลับมีเปลวไฟปรากฏขึ้นมาเผาร่างไปแบบนี้... ปล่อยไปก่อนแล้วกันเพราะถึงยังไงก็หายไปทั้ง 3 ร่างเลย ฉันควรจะต้องรีบไปจากที่นี่ตามที่เขาบอกไว้”
อาคุมุบ่นพึมพำอยู่คนเดียว หลังจากนั้นเขาจึงเลิกคิดเรื่องเหล่านั้นไปก่อน เขาหยิบชุดและเสื้อคลุมสีดำมาไว้ตามที่อิซามุได้บอก ขณะเดียวกันก็เหลือบไปเห็นกระเป๋าสะพายสีเทา เขาจึงหยิบมันมาด้วย
“กระเป๋าก็มี จะถือไปทำไมกันนะฉันเนี่ย”
ชุดที่จะเอาไว้เปลี่ยนเขาเก็บมันใส่ในกระเป๋า รวมถึงมีดสั้นด้วย เสื้อคลุมสีดำสนิทเขากางมันออกมา ซึ่งมันมีหมวกและมีความยาวพอสมควร ด้วยขนาดของร่างกายเขาในตอนนี้นั้นสวมแล้วแทบจะกลืนไปกับมัน พรางตัวในเวลากลางคืนคงจะใช้งานได้ดีเป็นแน่แท้
“ทำไมกันนะ... ทำไมเหมือนมันเป็นแผนของเขาตั้งแต่แรก? รู้สึกแปลกใจชะมัด”
“สร้างวงแหวนเวท” เขาคว่ำฝ่ามือลงพร้อมกับพูดออกไป แต่ขณะนั้นเขายังไม่ได้ใช้การเคลื่อนที่ด้วยวงแหวนเวทในทันที
เขายืนนิ่ง ๆ ราวกับว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่แล้วจึงกลับเข้าไปในห้องของอิซามุ พร้อมกับค้นหาของบางอย่างตามโต๊ะหรือตู้ต่าง ๆ นา ๆ
“มันต้องมีสิ ในห้องเขาต้องมีสักแผ่นสิ แผนที่น่ะ” สิ่งที่อาคุมุกำลังต้องการหาในตอนนี้คือแผนที่ ซึ่งถ้าเป็นตามที่เขาคิดไว้ ในห้องของอิซามุต้องมีอย่างแน่นอน
แต่ไม่ว่าจะหาบริเวณไหนของห้องนั้นก็ไม่พบแม้แต่เงา เมื่อห้องของพ่อนั้นไม่มีสิ่งที่ต้องการ เขาจึงไปค้นหาต่อในห้องของพี่...
“โว้ว! หาเจอง่ายกว่าที่คิดนะเนี่ย แถมยังมีหลายแผ่นอีกด้วย”
เขาเดินเข้าไปและเพียงแค่เปิดลิ้นชักโต๊ะทำงานของเก็น ก็ได้พบกับแผนที่ 5 แผ่น ซึ่งแต่ละแผ่นนั้นมีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
“รายละเอียดค่อยดูอีกทีแล้วกัน” ว่าแล้วเขาก็เดินออกมาจากห้องของเก็น เลือกแผนที่ในมือมา 1 แผ่น ซึ่งนั่นก็คือ "แผนที่จักรวรรดิไดจิ" แผ่นอื่น ๆ จึงเก็บไว้ในกระเป๋าสะพาย
เขาหาตำแหน่งของบ้านในแผนที่ ซึ่งขณะเดียวกันก็ได้มีเสียงของบางอย่างดังขึ้นมาจากทางหลังบ้าน
“บ้านหลังนั้น!! ยิงได้!!”
ตู้มม!!!
ได้มีกลุ่มคนจำนวนหนึ่งบุกมาและทำการโจมตีในทันทีหลังจากได้ยินคำสั่ง อาคุมุจึงตัดสินใจใช้การเคลื่อนที่ด้วยวงแหวนเวทและหนีไปหลังจากนั้น ซึ่งเขาก็ยังคงหาตำแหน่งของบ้านในแผนที่ไม่พบ
“นี่มันบ้าอะไรเนี่ย?!”
-------------------------------------------------------
[1] ค่า k ย่อมาจาก kilo มีค่าเท่ากับ 1,000
เช่น 3k = 3×1,000 = 3,000
หรือ 30k = 30×1,000 = 30,000
300k = 300×1,000 = 300,000
บทที่ 60 : มอบรางวัลด้วยเลือด [จบเล่ม 2]การต่อสู้จบลง สนามประลองแบบจำลองก็ได้หายไป อาคุมุลืมตาขึ้นมาก็พบว่าเขาอยู่ที่สนามประลองของจักรวรรดิไดจิเสียแล้ว เขามองไปรอบ ๆ ขณะเดียวกันกับเสียงตอบรับที่ดังมาจากผู้ชมทั่วทั้งสนามประลองอย่างครึกครื้น“อาคุมุชนะจริง ๆ ด้วย?!!”“เขาสู้แบบนั้นได้ยังไงกันนะ? โดนรุมนั่นน่ะ”“เจ้าเด็กคนนี้ต้องแข็งแกร่งขนาดไหนกันเนี่ย?! แน่ใจนะว่าไม่ใช่นักเวทของจักรวรรดิ?”“ตามดูเจ้าหนูนี่มาตั้งแต่วันแรก ไม่ทำให้ผิดหวังเลย!”…“ในรอบนี้เราสามารถหาผู้ชนะเลิศได้เลยล่ะครับทุกท่าน! ผู้ชนะการประลองของจักรวรรดิไดจิในครั้งนี้คือ… คาอิคะ อาคุมุ!!!” ผู้คุมสนามประกาศออกไปอย่างเป็นทางการด้วยผลการต่อสู้ที่เป็นเอกฉันท์กลางสนามประลองที่มีผู้ชมเป็นจำนวนมาก คู่ต่อสู้ทั้งหกคนของอาคุมุนั้นนอนบาดเจ็บอยู่ที่พื้น โดยมีอาคุมุยืนอยู่ท่ามกลางคนเหล่านั้น แม้การบาดเจ็บจะไม่ได้สาหัสมากนัก แต่ร่องรอยบาดแผลตามที่เห็นคงต้องใช้เวลาพอสมควร‘ไม่มีใครตายเพราะเมื่อพลังชีวิตแบบจำลองหมดไปก็จะถูกส่งออกมาทันทีสินะ’ อาคุมุที่ไม่ได้เข้าใจเกี่ยวกับทักษะสร้างภาพลวงตาของราชันจอมเวทอาวุโสนี้มากนัก ทำได้เพียงวิเ
บทที่ 59 : หนึ่งรุมหกการโจมตีที่รุนแรงและรวดเร็วของรินนั้นทำให้ฮิบาริไม่สามารถหลบหลีกหรือป้องกันได้ทั้งหมด ทำให้เขาต้องรับการโจมตีไปอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งพลังชีวิตแบบจำลองเป็นศูนย์ในตอนนี้ฮิบาริได้ถูกคัดออกจากการประลองแบบกลุ่มแล้ว ซึ่งทำให้กลุ่มของอาคุมุนั้นเหลือเพียงสามคน และภายในทักษะหมอกเพลิงสีชาดของรินนี้… เหลือเพียงอาคุมุและรินเท่านั้น“นายจะทำยังไงดีล่ะเจ้าหนูอาคุมุ? สู้กับฉันตัวต่อตัวไหวไหมนะ? อืม… ฉันมีสมาชิกอยู่ข้างล่างทั้งหมด 5 คนเนี่ยสิ คงจะเอาชนะฉันได้ไม่ง่ายหรอกมั้ง” รินพูดขึ้นมา ซึ่งนั่นทำให้อาคุมุแปลกใจในทันที“ว่าไงนะ? ทั้งหมดห้าคนนี่หมายความว่าอะไร?” อาคุมุถามกลับไป“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! นายนี่น่าขำจริง ๆ เลย คิดว่าเจ้าพวกที่เหลืออยู่จะมั่นใจในตัวนายแล้วไม่สนผลประโยชน์หรือไงกัน?” รินตอบกลับมา“หรือว่านั่นคือ…”“ใช่แล้วล่ะ! ฉันแค่เสนอให้พวกมันมาร่วมมือกับฉัน ข้อแลกเปลี่ยนคือการเข้าร่วมกลุ่มจันทราแดง ถึงจะถูกคัดออกและไม่ชนะเลิศในการประลอง แต่มีเงินใช้ง่าย ๆ ต่อจากนี้… ใครจะไม่ชอบกันล่ะ ลองดูนั่นสิ” รินพูดจนจบและชี้ลงไปยังข้างล่าง ซึ่งสิ่งที่เห็นนั้นคือสมาชิกกลุ่มของอาคุมุที
บทที่ 58 : ผู้ที่ถูกคัดออกคนแรกในตอนนี้ สถานการณ์ของอาคุมุและฮิบารินั้นไม่สู้ดีนัก พวกเขาถูกปิดล้อมไปด้วยทักษะหมอกเพลิงสีชาดของริน อีกทั้งยังถูกล้อมไปด้วยสมาชิกคนอื่น ๆ ในกลุ่มของรินจากภายนอก ซึ่งสามารถโจมตีเข้ามาได้โดยตรง เรียกได้ว่าถูกบีบให้จนมุมทั้งอย่างนั้น‘ซวยจริง ๆ แล้วไง’“ออกไปเฉย ๆ ไม่ได้เลย!” ฮิบาริกำลังพยายามจะดันตัวเองออกไปจากทักษะของริน‘ไอ้บ้านี่มันแกล้งทำเป็นไม่รู้เหรอ?’“ถ้าออกไปได้ง่าย ๆ เขาจะสร้างขึ้นมาทำไมล่ะครับคุณฮิบาริ?” อาคุมุถามกลับไป“พวกนายฟังฉันนะ! ทักษะหมอกเพลิงสีชาดนี้จะสามารถใช้ได้ 30 นาที หลังจากนั้นจะสามารถใช้ทักษะนี้ได้อีกครั้งเมื่อเวลาผ่านไปอีก 30 นาที” รินพูดขึ้นมา“แล้ว... บอกทำไมเหรอครับ?” อาคุมุที่ได้ยินอย่างนั้นจึงถามกลับไป“เพราะว่า... ฉันสามารถเอาชนะพวกนายได้ใน 30 นาทีนี้ไงล่ะ!! กระสุนเพลิงสีชาด!!!” รินตอบกลับมาพร้อมกับยิงกระสุนเพลิงเข้าใส่อาคุมุและฮิบาริด้วยความเร็ว“ตาข่ายอัสนี!”ตู้มมมม!!!“อึ่ก! บ้าจริง”ถึงแม้อาคุมุจะใช้ทักษะป้องกันไว้ได้ทัน แต่ความเสียเปรียบนั้นปรากฏขึ้นมาให้เห็นอย่างชัดเจน เพราะตาข่ายอัสนีของอาคุมุนั้นถูกทำลายได้โดยการ
บทที่ 57 : ความได้เปรียบเป็นศูนย์รินและสมาชิกอีกสามคนได้มาถึงที่ตำแหน่งของอาคุมุ ซึ่งรินนั้นปรากฏตัวขึ้นมาพร้อมกับอาวุธคู่กายอย่างปืนพกเช่นเดิม ส่วนอีกสามคนนั้นก็คือนักเวทชุดขาวเป็นผู้ชายสองคนและผู้หญิงอีกหนึ่งคน โดยทุกคนนั้นมีกระเป๋าสะพายอยู่ข้างหลัง“อย่างที่คิดไว้ไม่มีผิดเลยล่ะครับ... ทุกอย่างเลย” สิ่งที่อาคุมุคิดไว้นั้นเป็นจริงทุกอย่าง ซึ่งก็คือการที่นักเวทชุดขาวทั้งสามนั้นเปลี่ยนชุดก่อนจะเข้ามายังสนามประลองแบบจำลองนี้“แต่ว่า... จะทำไปเพื่ออะไรเหรอครับ? เตรียมชุดมาเปลี่ยนตอนเข้ามาในนี้แล้วเนี่ย?” อาคุมุถามออกไป“ก็ถ้าพวกฉันอยู่ในบทบาทของนักเวทชุดขาวตั้งแต่ตอนที่อยู่ข้างนอกล่ะก็... คงจะโดนประท้วงพอดีน่ะสิ” หนึ่งในนักเวทชุดขาวตอบกลับมา“ฉันควรจะแนะนำตัวอีกครั้งไหมนะ? ฉันคือ อากาเนะ ริน เป็นเพียงคนที่กำลังจะได้เป็นจอมเวทระดับ 3 แล้วล่ะนะ!!” รินพูดขึ้นมาพร้อมกับจับปืนพกทั้งสองกระบอกไว้แน่น ลมจากแรงของพลังเวทปะทะเข้ากับร่างของอาคุมุโดยตรง‘กำลังจะได้เป็นจอมเวทระดับ 3 งั้นเหรอ? สีของออร่าพลังเวทกำลังจะเป็นสีแดงแล้วสินะ แข็งแกร่งขึ้นมากจริง ๆ ด้วย’“สุดยอดไปเลยนะครับ สมแล้วกับตำแหน่งรอ
บทที่ 56 : เริ่มการประลองแบบกลุ่มในตอนนี้ ผู้คุมสนามได้ทำการสร้างสนามประลองแบบจำลองเสร็จสิ้นแล้ว เป็นทักษะที่มีความเหมือนจริงเป็นอย่างมาก ถึงได้ชื่อว่าเป็นภาพลวงตา และด้วยความแข็งแกร่งระดับราชันจอมเวทอาวุโส การที่สิ่งนี้เกิดขึ้นได้ก็คงจะไม่เกินจริงนัก...ที่สนามประลอง ภายนอกทักษะภาพลวงตา“สิ่งที่ทุกคนเห็นอยู่ตรงหน้านี้... คือสิ่งที่เกิดขึ้นภายในนั้นครับ” เสียงของผู้คุมสนามได้ดังกึกก้องไปทั่วทั้งสนามประลองด้วยทักษะพลังเวทของพิธีกร เสียงตอบรับจากคนดูก็เกิดขึ้นในทันที“น... นี่เหมือนฉันดูการประลองผ่านจอเลยนะ”“ข้างในนั้นจะไม่เป็นอะไรแน่เหรอ?”“ดูนั่นสิ! อาคุมุอยู่นั่นล่ะ!!”“ที่นั่นมันคือจำลองเมืองไหนหรือเปล่า? ที่ไหนในจักรวรรดิหรือเปล่านะ?”...สิ่งที่ทุกคนเห็นอยู่ตรงหน้านั้น คือลูกบาศก์ขนาดใหญ่ที่ปกคลุมไปด้วยออร่าของพลังเวทสีม่วง ลอยอยู่ในอากาศตรงกลางสนามประลอง ทั้งสี่ด้านนั้นเผยให้เห็นภาพจากมุมมองของแต่ละคนและมุมมองภาพรวมภายในนั้น ราวกับว่ากำลังดูผ่านจอขนาดยักษ์“สถานที่ภายในนั้นคือเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในจักรวรรดิ มีชื่อว่าเมืองชิโตเสะครับ... ขอให้ทุกคนเพลิดเพลินไปกับการประลองในครั้ง
บทที่ 55 : ราชันจอมเวทอาวุโส?กฎและกติกาการแข่งขันในรอบ 8 คนสุดท้ายนั้น ได้ถูกเปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหันโดยไม่ได้มีการประกาศล่วงหน้า ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่เข้ารอบหรือผู้ชมทั่วทั้งสนามประลอง ไม่เคยมีใครคิดไว้ว่าจะถูกเปลี่ยนเป็นการประลองแบบกลุ่ม“เริ่มจากการจัดกลุ่ม กลุ่มที่ 1 จะมีผู้ชนะจากสายการต่อสู้เดิมก็คือสาย A, B, C และ D ส่วนกลุ่มที่ 2 ก็จะมีผู้ชนะจากสายการต่อสู้เดิมคือสาย E, F, G และ H ครับ”พิธีกรได้ประกาศวิธีการแบ่งกลุ่มให้กับทั้ง 8 คน‘ฉันพอเข้าใจแล้วว่าทำไมถึงแบ่งกลุ่มง่าย ๆ แบบนี้...’‘...เพราะรินอยู่ในกลุ่มที่ 2 สินะ? การคาดเดาของฉันถูกต้องอย่างแน่นอน!’สิ่งที่อาคุมุคิดไว้นั้นมีเพียงความได้เปรียบของฝั่งตรงข้าม ซึ่งนั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นมาโดยตลอด และในสถานการณ์ตรงหน้านี้ ความได้เปรียบที่ว่าก็คงจะหนีไม่พ้นการที่กลุ่มนั้นมีคนอย่างรินอยู่ด้วยนั่นเอง“ก่อนที่จะเข้าสู่ลำดับถัดไป...” พิธีกรพูดยังไม่ทันจบประโยค เสียงจากแท่นด้านบนก็ดังขึ้นมาในทันทีตึ้ง!!ซึ่งเป็นเสียงขององค์จักรพรรดิที่ใส่พลังเวทเข้าไปในแท่นข้าง ๆ ตัว สิ่งที่เกิดขึ้นต่อจากนี้ทำให้ทุกคนต่างก็ตกใจกันไปตาม ๆ กัน“องค์จักร